บทที่ 26 : ถ้าข้าบอกว่าไม่ล่ะ
บทที่ 26 : ถ้าข้าบอกว่าไม่ล่ะ
คฤหาสน์ราชาลู่
ด้านนอกเกาะสวรรค์รุ่งโรจน์ ผู้อาวุโสสามคนจากนิกายหลางหยาเทียนจงกำลังยืนอยู่ในความว่างเปล่า
ผู้นำคือ ฉงหมิง ผู้อาวุโสสองที่มาถึงขั้นที่เจ็ดของอาณาจักรวังวิญญาณ
ตามมาด้วย ถังชิว ผู้อาวุโสสี่ และ เยียนเหว่ยซาน ผู้อาวุโสห้า
เสียงที่ดังขึ้นเมื่อครู่ก็เป็นเสียงของฉงหมิงเช่นกัน
หลังจากไล่ตามมาตลอดทาง พวกเขาก็ล้มเหลวในการหยุดลู่เทียนหมิง
หลังจากเจรจาหารือกันแล้ว พวกเขาจึงจำต้องมาเยี่ยมคฤหาสน์ราชาลู่ด้วยตนเอง
ชั่วขณะนั้นเองลู่ชิงซวนและลู่เทียนหมิงก็ปรากฏตัวขึ้นด้านนอกเกาะสวรรค์รุ่งโรจน์
วูบ!
วูบ!
แทบจะในเวลาเดียวกัน ผู้อาวุโสใหญ่ และสมาชิกตระกูลอีกหลายคนก็รีบพุ่งออกมายืนอยู่ด้านหลังลู่ชิงซวน
ฉงหมิงกวาดสายตามองคนจากคฤหาสน์ราชาลู่ และเมื่อเขาเห็นร่างของลู่เทียนหมิง ดวงตาของเขาก็ฉายแววเจตนาฆ่าอย่างไม่ปิดบัง
จากนั้นเขาก็กวาดสายตาไปหยุดที่ลู่ชิงซวน ก่อนที่จะเลิกคิ้วเล็กน้อย
"ผู้นำตระกูลลู่ ลู่เทียนหมิงเป็นคนทรยศของนิกายเรา เขาไม่เพียงแต่พูดโกหกมดเท็จ แต่ยังสังหารผู้อาวุโสของเราอีกด้วย”
“ข้าหวังว่าท่านจะมอบเขาให้นิกายหลางหยาเทียนจงของเราแต่โดยดี...หวังว่าท่านจะรู้จักแยกแยะถูกผิด!”
เมื่อพูดถึงประโยคสุดท้าย ฉงหมิงไม่ลืมที่จะเน้นเสียงเล็กน้อย
ความหมายก็คือสิ่งที่ลู่เทียนหมิงพูด…ท่านอย่าไปเชื่อเลยจะดีกว่า
แม้ว่านิกายหลางหยาเทียนจงจะไม่กลัวคฤหาสน์ราชาลู่ แต่พวกเขาก็ยังคงเกรงกลัวราชวงศ์เทียนหยุนมากอยู่ดี
คฤหาสน์ราชาลู่ ในฐานะคฤหาสน์ของอ๋องต่างแซ่ของราชวงศ์เทียนหยุน…แม้แต่นิกายหลางหยาเทียนจง ก็ต้องสุภาพกับอีกฝ่าย
อย่างไรก็ตาม, ลู่ชิงซวนเอามือไพล่หลังและพูดอย่างใจเย็น
"แล้วถ้าข้าบอกว่าไม่ล่ะ"
เมื่อได้ยินเช่นนี้ ดวงตาของฉงหมิงก็ฉายแววเย็นชา ก่อนที่จะเยาะเย้ยว่า
"ผู้นำตระกูลลู่ ข้าไว้หน้าท่านสามส่วนเพราะเห็นแก่ราชวงศ์เทียนหยุน ข้าหวังว่าท่านจะรู้จักประมาณตน!"
ฉงหมิงไม่พอใจคำตอบของลู่ชิงซวนมาก
เด็กน้อยคนนี้กล้าทำวางมาดต่อหน้าเขา, เขาจึงขอพูดตรงๆให้อีกฝ่ายได้สติสักที
เเละเมื่อได้ยินเช่นนี้ สมาชิกตระกูลลู่ทุกคนก็แสดงความโกรธออกมาบนใบหน้า
ชายชราคนนี้กล้ามาเห่าหอนอยู่ถึงปากทางเข้าประตูบ้านพวกเขา…นี่มันกำลังหาที่ตายหรือไง!
อย่างไรก็ตาม ก่อนที่ลู่ชิงซวนจะได้พูดอะไร ผู้อาวุโสใหญ่ลู่ฉางเฟิงก็ยืนขึ้นและตอบกลับอย่างเย็นชา
"ฮึ่ม นิกายหลางหยาเทียนจงของเจ้าช่างยิ่งใหญ่นัก ถึงกับส่งผู้อาวุโสสามคนมาไล่ล่าคนในตระกูลของเราอย่างหน้าด้านๆ"
"คฤหาสน์ราชาลู่ของข้ายังไม่ได้กล่าวโทษนิกายหลางหยาเทียนจงของเจ้า แต่เจ้ายังกล้ามาที่คฤหาสน์ราชาลู่ของข้าเพื่อทวงคน งั้นวันนี้ข้าขอประลองกับพวกเจ้าสักหน่อยแล้วกัน!"
แน่นอนว่า ผู้อาวุโสใหญ่ก็โกรธกับถ้อยคำของฉงหมิงมากเช่นกัน
ดังนั้นโดยไม่จำเป็นต้องลังเล เขาจึงเป็นคนแรกที่ลุกขึ้นเผชิญหน้า
ตั้งแต่ที่กายาสมบัติทองคำโบราณตื่นขึ้น เขาก็ยังไม่ได้ทำอะไรมากนัก
ในยามนี้ เขาจึงอยากจะทดสอบความแข็งแกร่งของตนกับคนพวกนี้
เเละเมื่อเห็นเช่นนั้น ลู่ชิงซวนก็ไม่ได้พูดอะไรมากให้มากความ
ความแข็งแกร่งของผู้อาวุโสใหญ่พัฒนาขึ้นอย่างรวดเร็ว หากผู้อาวุโสใหญ่ต้องการหาคนทดสอบ, เขาก็ไม่คิดขัดจังหวะ
ตราบใดที่เขาอยู่ที่นี่ ผู้อาวุโสทั้งสามของนิกายหลางหยาเทียนจงก็ไม่สามารถก่อปัญหาอะไรได้
…..
"ฮ่าฮ่า... ถ้าเจ้ากล้าเช่นนี้ งั้นข้าจะแสดงให้เจ้าเห็นว่าความแข็งแกร่งที่เจ้าภูมิใจนักหนา มันอ่อนเเอแค่ไหนยามเมื่อเผชิญหน้ากับพวกเรา"
เมื่อพูดจบ ฉงหมิงก็หันไปมองเยียนเหว่ยซานที่อยู่ข้างๆ
“ผู้อาวุโสห้า ลงมือเถิด ให้พวกมันรู้ว่าไม่ใช่ทุกคนที่กล้าต่อกรกับนิกายหลางหยาเทียนจงของเรา”
เยียนเหว่ยซานไม่ได้ตอบ แต่ก้าวไปข้างหน้าหนึ่งก้าว และลงมือโจมตีลู่ฉางเฟิงทันที
ลู่ฉางเฟิงเองก็ไม่ได้เกรงกลัว
ร่างกายของเขาเต็มไปด้วยแสงอันล้ำค่าขณะเผชิญหน้ากับการโจมตีของอีกฝ่าย
ตูม!
ตูม!
ในชั่วพริบตา คนทั้งสองก็แลกเปลี่ยนกระบวนท่ากันมากกว่าสิบครั้งในความว่างเปล่า
แม้ว่าระดับการฝึกฝนของเยียนเหว่ยซานจะสูงกว่าลู่ฉางเฟิงสองขั้นเล็กๆ แต่ลู่ฉางเฟิงก็ไม่ได้เพลี่ยงพล้ำแต่อย่างใด
เมื่อเวลาผ่านไป ลู่ฉางเฟิงก็ค่อยๆได้เปรียบ เเละสามารถบีบให้เยียนเหว่ยซานจนมีใบหน้าซีดเซียว
จากระยะไกล
ฉงหมิงที่สงบนิ่ง ก็ค่อยๆแปลี่ยนเป็นเย็นเยือก
เขาไม่คาดเลยว่าผลลัพธ์ของการต่อสู้จะอยู่เหนือความคาดหมายของเขาโดยสิ้นเชิง
ผู้อาวุโสห้า, ผู้อยู่ในอาณาจักรวังวิญญาณขั้นที่สาม กลับพ่ายแพ้ให้กับคนจากอาณาจักรวังวิญญาณขั้นที่หนึ่ง
แคร้ง!
แคร้ง!
ในตอนท้ายของการต่อสู้ แม้ว่าทั้งสองคนจะใช้อาวุธ แต่ลู่ฉางเฟิงก็ยังคงได้เปรียบ
ร่างกายของเขาถูกล้อมรอบด้วยแสงแห่งสมบัติที่เบ่งบาน ยิ่งสู้เขาก็ยิ่งแข็งแกร่งมากขึ้น
ในด้านตรงข้าม เยียนเหว่ยซานกลับมีสีหน้าหม่นหมอง และเขาก็กำลังตกอยู่ในอันตรายจากการถูกกดขี่ซ้ำแล้วซ้ำเล่า
ตูม!
เเละในขณะนี้ ลู่ฉางเฟิงได้ฉวยโอกาสฟาดดาบออกไป
หอกของเยียนเหว่ยซานถูกสะบัดจนหลุดลอยไป จากนั้นดาบก็ฟาดผ่านเอวของเยียนเหว่ยซานโดยตรง
ตูมมมมม!
ร่างของเยียนเหว่ยซานทั้งร่างลอยละลิ่วก่อนที่จะล้มลงกับพื้น หากเขาไม่ได้รับการปกป้องจากชุดเกราะ เอวคงถูกตัดขาดที่ไปแล้ว
วูบ!
ร่างของลู่ฉางเฟิงลอยตามไปบนท้องฟ้า
เขาไม่จำเป็นต้องเมตตา, ฉวยโอกาสที่อีกฝ่ายไม่ทันตั้งตัวเพื่อสังหาร
ไม่นานมานี้ เขารู้จากผู้อาวุโสสองว่าในตอนที่คฤหาสน์ราชาลู่ไปต่างเเดนเพื่อแข่งขันหาโอกาส…สมาชิกตระกูลกลุ่มหนึ่งถูกสังหารโดยนิกายหลางหยาเทียนจง
นิกายหลางหยาเทียนจงกล้าสังหารสมาชิกตระกูลลู่ของพวกเขาลับหลัง , ตอนนี้ลู่ฉางเฟิงจึงไม่จำเป็นต้องแสดงความเมตตา และกำลังจะสังหารอีกฝ่าย
คนที่กล้าฆ่าคนจากตระกูลลู่, จะต้องถูกตอบโต้ด้วยวิธีเดียวกัน
อย่างไรก็ตาม, เมื่อเห็นลู่ฉางเฟิงที่กำลังจะสังหารเยียนเหว่ยซาน
ดวงตาของฉงหมิงก็ฉายแววเจตนาฆ่าทันที
"ฮึ่ม!"
ตามมาด้วยเสียงเย้ยหยันอันเย็นชา…ฉงหมิงก็ลงมืออย่างรวดเร็ว
เขายื่นมือออกไป และมือปีศาจขนาดใหญ่ปรากฏขึ้นในความว่างเปล่า พุ่งเข้าหาลู่ฉางเฟิงอย่างรุนแรง
เมื่อสัมผัสได้ว่ามือของฉงหมิงพุ่งเข้ามาหาเขาอย่างรวดเร็วราวกับสายฟ้า
ลู่ฉางเฟิงกลับไม่กลัวเลย เเต่ขณะที่เขากำลังจะฟาดฟันออกไปสุดกำลัง
ฝ่ามือที่เร็วกว่าก็ได้มาช่วยเค้าไว้เสียก่อน
เเละบุคคลที่ลงมือก็คือลู่ชิงซวน
เมื่อลู่ชิงซวนเห็นฉงหมิงลงมือ เขาจะเพิกเฉยเเละไม่ช่วยลู่ฉางเฟิงได้อย่างไร
ตูม!
ฝ่ามืออันน่าสะพรึงกลัวของฉงหมิงถูกบดขยี้เป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยภายใต้ฝ่ามือของลู่ชิงซวน
มือปีศาจของฉงหมิงถูกบดขยี้ และพลังของฝ่ามือของลู่ชิงซวนก็ยังไม่หายไป…มันกดลงไปทางฉงหมิงอย่างน่าสะพรึงกลัว
เมื่อเห็นเช่นนี้ สีหน้าของฉงหมิงก็เปลี่ยนไปเล็กน้อย
โดยไม่ลังเล เขาหยิบง้าวออกมาและฟาดฟันอย่างแรง
แสงง้าวราวกับดาวตก เคลื่อนผ่านท้องฟ้า และตัดกับฝ่ามือของลู่ชิงซวน
ตูม!
การโจมตีของคนทั้งสองระเบิดขึ้นในความว่างเปล่า
ทันใดนั้น แสงศักดิ์สิทธิ์ก็ระเบิดออกมา และพลังปราณก็พัดผ่านไปทุกทิศทาง
ฉงหมิงถูกเเรงสั่นสะเทือนจากพลังฝ่ามืออันน่าสะพรึงกลัวนี้ และถอยหลังไปหลายจั้ง
สีหน้าของเขาเปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิง ราวกับว่าเขาไม่อยากจะเชื่อ
เขาใช้อาวุธ แต่เขายังคงเสียเปรียบ
เเล้วเเบบนี้ เขาจะไม่ตกใจได้อย่างไร?
ขณะที่ร่างของเขากำลังจะทรงตัว เสียงดัง ฉับ!! ก็ดังขึ้น
ทุกคนหันไปมอง และเห็นว่าหัวของเยียนเหว่ยซานถูกดาบของลู่ฉางเฟิงตัดขาด และโลหิตสีแดงสดหนึ่งกำมือก็สาดกระเซ็นสู่ความว่างเปล่า
ฉงหมิงและถังชิวไม่อยากจะเชื่อเลยว่าลู่ฉางเฟิงกล้าฆ่าผู้อาวุโสแห่งนิกายหลางหยาเทียนจงต่อหน้าพวกเขาจริงๆ
เมื่อเห็นฉากนี้ ดวงตาของฉงหมิงก็เต็มไปด้วยเจตนาฆ่าที่แท้จริง และพลังวิญญาณในร่างกายของเขาก็ระเบิดออกมา เหมือนเสือที่โกรธจัด
"รนหาที่ตาย!"
เสียงดังกล่าวราวกับคลื่นเย็นยะเยือก ทำให้ผู้คนสั่นสะท้าน
ในชั่วขณะ ฉงหมิงก็บินขึ้นไปบนท้องฟ้า และพุ่งเข้าหาลู่ฉางเฟิง ตั้งใจที่จะฆ่าลู่ฉางเฟิงในทันที
อีกฝ่ายกล้าฆ่าผู้อาวุโสห้าต่อหน้าเขา
ตอนนี้ฉงหมิงโกรธเเค้นอย่างถึงที่สุด
………………..