ตอนที่แล้วตอนที่ 362 ผมมีวิธีอยู่แล้ว
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 364 งานเลี้ยงตระกูลซูเริ่มต้นขึ้น

ตอนที่ 363 ครั้งสำคัญที่สุด


หลังจากได้รับอนุญาตจาก เย่เฉิน เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยจึงปล่อยให้แขกเดินเข้ามาได้

“สวัสดีครับ คุณเย่”

หลังจากนั้นไม่นานนัก ชายวัยกลางคนคนหนึ่งก็เดินเข้ามาภายในเพรสซิเด้นท์ วิลล่าของ เย่เฉิน

เขาไม่ใช่ใครอื่น นอกจาก เหยียน จื้อเหริน ลูกชายของ เหยียน ไท่ชิง หัวหน้าตระกูลเหยียนในเมืองซูเฉิง

“คุณเหยียน?”

เมื่อเห็น เหยียน จื้อเหริน เย่เฉิน รู้สึกแปลกใจเล็กน้อย เขาไม่คิดว่าแขกที่เข้ามาจะเป็นเขา

เหยียน จื้อเหริน ไม่ควรอยู่ที่เมืองซูเฉิงหรือ?

ทำไมเขาถึงมาเมืองหางโจวได้?

“คุณเย่ ครับ ผมมาที่นี่เพื่อมาเป็นตัวแทนของท่านพ่อ เพื่อแสดงความขอบคุณต่อคุณ…”

เหยียน จื้อเหริน เอ่ยขึ้น

หลังจากที่ได้รับคำสั่งจากพ่อของเขา เหยียน จื้อเหริน จึงรีบจัดการธุระที่มีอยู่ให้เสร็จสิ้นอย่างรวดเร็วที่สุด จากนั้นเขาก็รีบเดินทางมายังเมืองหางโจว

“คุณเย่ นี่เป็นของขวัญเล็กๆ น้อยๆ ที่ตระกูลเหยียนของเราจัดเตรียมให้ครับ”

เหยียน จื้อเหริน พูดพร้อมกับวางของขวัญที่ถืออยู่ลง

การมาเยี่ยมครั้งแรก แน่นอนว่าจะมาตัวเปล่าไม่ได้

ถัดจากนั้น ถัง เจิ้นซาน และถัง หลงเหยี่ยน สองพ่อ-ลูกแห่งตระกูลถังก็ได้มองหน้ากัน

ต้องยอมรับว่า ถัง เจิ้นซาน รู้สึกอิจฉาตระกูลเหยียน หลังจากเหตุการณ์บัตร First Royale MasterCard ของธนาคารแห่งแรกของประเทศน้ำมัน ความสัมพันธ์ระหว่างตระกูลเหยียน กับเย่เฉิน ยิ่งแน่นแฟ้นมากขึ้น

“ผู้อาวุโสเหยียน คุณเหยียน เกรงใจเกินไปแล้ว เชิญนั่งก่อนครับ”

เย่เฉิน เชิญ เหยียน จื้อเหริน นั่งลงหลังจากได้ยินคำกล่าวขอบคุณของเขา

“สวัสดีครับ บอสถัง”

ก่อนที่จะนั่ง เหยียน จื้อเหริน ยังทักทาย ถัง เจิ้นซาน ด้วยความสุภาพ

“คุณเหยียน”

ถัง เจิ้นซาน พยักหน้าเล็กน้อย

เหยียน จื้อเหริน นั่งลง แล้วเริ่มสนทนากับ เย่เฉิน และถัง เจิ้นซาน

ระหว่างการสนทนา เหยียน จื้อเหริน และถัง เจิ้นซาน ต่างก็ได้รับรู้ว่า พ่อของแฟนสาวของ เย่เฉิน คือบุตรชายคนที่สามของหัวหน้าตระกูลซู ทั้งสองจึงจดจำข้อมูลนี้ไว้ในใจทันที

หลังจากอยู่ที่เพรสซิเด้นท์ วิลล่าของ เย่เฉิน ประมาณครึ่งชั่วโมง ถัง เจิ้นซาน และเหยียน จื้อเหริน ก็กล่าวคำอำลาก่อนจะขอตัวกลับ

“พี่เฉิน ถ้ามีโอกาส ผมจะชวนพี่ออกไปเที่ยวสนุกกัน”

ถัง หลงเหยี่ยน พูดขึ้นอย่างกระตือรือร้นขณะจากลา

เมื่อพ้นออกจากโรงแรมโฟร์ซีซั่น หางโจว แอท เวสท์เลค ถัง เจิ้นซาน ก็ร้องเรียก เหยียน จื้อเหริน ไว้ทันที

“คุณเหยียน พอมีเวลาไหม? ผมมีเรื่องอยากจะพูดคุยด้วย”

ถัง เจิ้นซาน พูดเชิญทันที

“แน่นอนครับ บอสถัง เชิญชวน แม้ว่าผมจะไม่มีเวลา แต่ก็ต้องหาเวลาไปให้ได้อยู่แล้วครับ”

เหยียน จื้อเหริน ตอบกลับอย่างสุภาพ

“ไปที่บ้านของผมไหม?”

ถัง เจิ้นซาน ชวนต่อ

“ไม่มีปัญหาครับ”

ท้ายที่สุด เหยียน จื้อเหริน จึงขึ้นรถ Rolls-Royce Ghost ของ ถัง เจิ้นซาน และมุ่งหน้าไปยังคฤหาสน์ของตระกูลถัง

ในขณะเดียวกัน ซู เซิ่งเย่ กลับไปยังบ้านใหญ่ของตระกูลซู หลังจากที่ออกมาจากบ้านของพ่อแม่ ซู หนิงซวง

การที่น้องสามขัดคำสั่งพ่อ นี่ถือเป็นเรื่องใหญ่มาก

ซู เซิ่งเย่ ไม่กล้าที่จะเสียเวลาแม้แต่นิดเดียว

เมื่อมาถึงห้องหนังสือของพ่อ ซู เซิ่งเย่ ก็เล่าเรื่องคำพูดของน้องสามให้พ่อของเขาฟังทันที

ปัง!

เมื่อได้ฟังจบ จู่ๆ ซูอี้ ชายชราตระกูลซู ก็โยนถ้วยชา และป้านชาชั้นดีลงบนพื้นอย่างแรงจนแตกเป็นเสี่ยงๆ

ใบหน้าของ ซูอี้ เปลี่ยนไปเป็นเคร่งขรึมอย่างมาก

เมื่อเห็นถ้วยชา ป้านชาที่แตกละเอียดนับไม่ถ้วนบนพื้น ซู เซิ่งเย่ ก็ยิ่งรู้สึกกังวลใจอย่างมาก

ถ้วยชา และป้านชานี้เป็นหนึ่งในของสะสมที่ชายชราตระกูลซูโปรดปรานมาก เป็นผลงานจากฝีมือของปรมาจารย์ด้านการทำป้านจื่อซาคนหนึ่ง และมัน..มีมูลค่าสูงมาก

เมื่อตอนที่พ่อของเขาได้ป้านชานี้มา เขาต้องทุ่มทั้งเงิน และแรงไปไม่น้อย

แต่ตอนนี้ ท่านพ่อกลับโยนมันลงพื้นอย่างไม่ลังเล ..จนมันแตกเป็นชิ้นๆ

นี่แสดงให้เห็นว่าพ่อของเขาโกรธมากเพียงใด

แม้ว่าระหว่างทางกลับมา ซู เซิ่งเย่ จะคิดวิธีหลายอย่างที่จะจัดการกับน้องสาม

แต่เมื่อได้เห็นพ่อของเขาโกรธมากถึงขนาดนี้ เขาก็ไม่กล้าพูดอะไรออกมา

เวลาผ่านไปนานกว่าที่ชายชราตระกูลซูจะสงบอารมณ์ลงได้อีกครั้ง

“แกไปเถอะ”

ชายชราโบกมือเพื่อให้ ซู เซิ่งเย่ ออกไปได้

“ท่านพ่อ แล้วน้องสามล่ะครับ?”

ซู เซิ่งเย่ ไม่เข้าใจในคำสั่งของพ่อ ตามปกติพ่อควรจะส่งคนไป ‘เชิญ’ ครอบครัวของน้องสามมาทันทีไม่ใช่หรือไง?

“ยังไม่ต้องทำอะไรเจ้าสาม และครอบครัวก่อนในตอนนี้”

ชายชราตระกูลซู อธิบาย

หืม?

ซู เซิ่งเย่ ไม่อยากเชื่อในสิ่งที่ได้ยิน

พ่อบอกว่าไม่ต้องสนใจน้องสาม และครอบครัวในตอนนี้?

น้องสามขัดคำสั่งพ่อไปถึงสองครั้ง ปกติแล้วน้องสามน่าจะจบเห่ไปแล้ว

แต่ตอนนี้ พ่อกลับไม่มีท่าทีจะลงโทษอะไรน้องสามเลย?

“ท่านพ่อครับ ท่านกำลังคิดอะไรอยู่?”

ซู เซิ่งเย่ รู้สึกงงงวย เขาไม่เข้าใจว่าทำไมพ่อของเขาถึงเปลี่ยนไปมากขนาดนี้?

“เอาอย่างนี้แล้วกัน แกจงไปเตรียมบอดี้การ์ดเพิ่มเติมสำหรับงานเลี้ยงประจำปีที่จะจัดขึ้นในอีกสองวันข้างหน้า”

ชายชราตระกูลซู สั่งการ

งานเลี้ยงประจำปีของตระกูลซูจะมีขึ้นในอีกสองวัน

“หลังจากที่งานเลี้ยงประจำปีสิ้นสุดลง ให้เจ้าสาม และครอบครัวของมันอยู่ในบ้านตระกูลซู และห้ามพวกมันออกไปไหนจนกว่าจะถึงวันแต่งงานกับตระกูลจ้าว!”

ซูอี้ ชายชราตระกูล สั่งการต่อทันที

ลูกชายคนที่สามกล้าขัดคำสั่งของเขา แน่นอนว่าเขาโกรธมาก

เขาเคยคิดที่จะส่งคนไปจับตัวเจ้าสามกับครอบครัวมันมาในทันที

แต่เมื่อคิดทบทวนอีกครั้ง เขาก็รู้สึกว่า.. ถ้าทำเช่นนั้นจะเป็นเรื่องใหญ่เกินไป ตระกูลจ้าว อาจจะล่วงรู้ได้

หลังจากได้ไตร่ตรองแล้ว ดังนั้นเขาจึงตัดสินใจที่จะไม่ทำอะไรเจ้าสาม และครอบครัวของมันในตอนนี้ไปก่อน

ขั้นแรก หลังจากที่งานเลี้ยงประจำปีจบลง เขาจะจับเจ้าสาม และครอบครัวของมันกักบริเวณไว้ภายในบ้านตระกูลซู

แบบนี้ทุกอย่างจะเกิดขึ้นภายในบ้านตระกูลซูเท่านั้น สามารถปิดข่าวได้ และทำให้ตระกูลจ้าวไม่อาจรู้เรื่องนี้ ..โดยสิ้นเชิง

เมื่อถึงวันปีใหม่ และการแต่งงานระหว่างตระกูลจ้าวจะเสร็จสิ้น ทุกอย่างก็จะจบลง…

“ท่านพ่อยอดเยี่ยมมาก”

ซู เซิ่งเย่ ยกย่อง พ่อของเขาช่างคิดได้ลึกซึ้งอย่างละเอียดรอบคอบมาก

หากส่งคนไป ‘จับ’ ตัวน้องสามกับครอบครัวมาในตอนนี้ ตระกูลจ้าวจะต้องรู้เรื่องนี้ ..แน่นอน

แต่ในงานเลี้ยงประจำปี มีเพียงคนในครอบครัวเท่านั้น เมื่อถึงตอนนั้น การจับกุมครอบครัวน้องสามจะไม่เป็นที่เปิดเผย

“ว่าแต่ว่า แกล่ะ แกเตรียมงานเลี้ยงประจำปีไปถึงไหนแล้ว?”

จู่ๆ ชายชราถามด้วยท่าทีที่ดูแปลกไปเล็กน้อย

“มีอะไรหรือเปล่าครับ ท่านพ่อ?”

ซู เซิ่งเย่ ถามอย่างงุนงงเล็กน้อย

เนื่องจากพ่อของเขาไม่เคยถามอะไรแบบนี้มาก่อนในช่วงงานเลี้ยงประจำปีที่ผ่านๆ มา

“ฉันแก่แล้ว ใครจะรู้ว่าสักวันหนึ่งจะเกิดเรื่องอะไรขึ้น? ถึงเวลาที่ควรประกาศแล้วว่าใครจะเป็นหัวหน้าตระกูลซูคนต่อไป”

ชายชราตระกูลซู พูดขึ้นอย่างมีนัย :

“ถึงตอนนั้น คนที่มีส่วนร่วมต่อครอบครัวมากที่สุด และทำให้ตระกูลซูได้ประโยชน์สูงสุด จะกลายเป็นหัวหน้าคนต่อไปของตระกูลซู”

“..แบบนี้ถึงจะเป็นที่ยอมรับ”

ตึก...ตึก...ตึก…

ทันใดนั้น หัวใจของ ซู เซิ่งเย่ ก็เต้นแรงขึ้นอย่างรวดเร็ว

มันมาถึงแล้วใช่ไหม?

เขารอคอยวันนี้มานานมากแล้ว นานจนเกือบลืมไปแล้วด้วยซ้ำ

และในที่สุด อีกสองวันข้างหน้า มันก็กำลังจะเกิดขึ้น

ร่างกายของ ซู เซิ่งเย่ สั่นสะท้าน เขามั่นใจเกือบเต็มร้อยว่าหัวหน้าตระกูลซูคนต่อไปคือ ..เขา

งานเลี้ยงประจำปีของตระกูลซูนั้น เป็นการรวมตัวของสมาชิกตระกูลเพื่อนำเสนอสิ่งที่พวกเขาทำเพื่อครอบครัวตลอดทั้งปี รวมไปถึงรายงานว่าพวกเขาสร้างประโยชน์ และผลกำไรให้กับตระกูลได้มากน้อยแค่ไหน

ตระกูลซูมีลูกชายสี่คน และลูกสาวสองคน ซึ่งพวกเขาจะต้องแข่งขันกันว่าใครเป็นผู้มีส่วนร่วมต่อครอบครัวมากที่สุดในปีนี้

จากลูกชายสี่คน น้องรองของเขาไม่มีความสามารถ น้องสามอาศัยอยู่ที่เมืองเจียงโจว และตอนนี้ยังขัดคำสั่งของท่านพ่อ

และจากข้อมูลในงานเลี้ยงประจำปีก่อนๆ ซู เซิ่งเย่ รู้ดีว่า น้องรอง และน้องสามต่างทำประโยชน์ให้ตระกูลน้อยกว่าเขาครึ่งหนึ่ง

สองคนนี้ไม่ใช่ภัยคุกคามสำหรับเขาเลย

น้องสาวทั้งสองคนก็ยิ่งไม่ต้องพูดถึง

น้องสี่ ..คงมีเพียงแต่น้องสี่เท่านั้นที่อาจเป็นภัยคุกคาม

แต่ครอบครัวของน้องสี่ก็มีปัญหา ทั้งยังไม่ได้รับการแก้ไขอย่างดี แถมเขายังปล่อยให้ภรรยา และลูกสาวของเขาไปอยู่ที่เมืองเจียงโจวอีก

ปีนี้ธุรกิจของน้องสี่ก็ไม่ค่อยดีนัก จากการประมาณการของเขา รายได้ของน้องสี่ในปีนี้ ไม่สามารถเทียบกับเขาได้…

ในงานเลี้ยงประจำปีนี้ ผู้ชนะย่อมเป็นเขาแน่นอน

ในเวลานั้น เมื่อเขาเป็นคนที่สร้างผลประโยชน์สูงสุดให้กับตระกูลซู การได้เป็นหัวหน้าคนต่อไปก็เป็นเรื่องที่สมเหตุสมผล

คนอื่นๆ ก็จะไม่สามารถเอ่ยปากคัดค้านอะไรได้

และการที่พ่อของเขาพูดแบบนี้ ก็เหมือนกับเป็นการบอกใบ้ให้กับเขาแล้วไม่ใช่หรือ?

“ท่านพ่อ ผมเตรียมพร้อมแล้ว ปีนี้ที่หนึ่งต้องเป็นของผมแน่นอน”

ซู เซิ่งเย่ พยักหน้าอย่างหนักแน่น

“ดี แบบนี้ก็ดี”

ชายชราตระกูลซูพยักหน้า และพูดอย่างจริงจังว่า :

“แกจงจำไว้ว่า งานเลี้ยงประจำปีในปีนี้ เป็นงานที่สำคัญที่สุดในรอบยี่สิบปีของตระกูลซู ..จะต้องไม่มีข้อผิดพลาดใดๆ เกิดขึ้น”

“เข้าใจแล้วครับ ท่านพ่อ”

“ผมจะไปจัดการเดี๋ยวนี้ครับ”

หลังจากพูดจบ ซู เซิ่งเย่ ก็ออกไป

……….

เย่เฉิน เองก็เคยถาม ซู หนิงซวง มาก่อนเกี่ยวกับงานเลี้ยงประจำปีของตระกูลซู

ไม่กี่วันที่ผ่านมา เย่เฉิน ได้เริ่มเตรียมการแล้ว

งานเลี้ยงประจำปีในอีกสองวันข้างหน้า เขาจะทำการมอบ ‘เซอร์ไพรส์’ ครั้งใหญ่ให้กับชายชราตระกูลซู และคนในตระกูลซูทั้งหมด

ในขณะที่บ้านของ ซู หนิงซวง แม้ว่า เย่เฉิน จะปลอบโยนพ่อแม่ของ ซู หนิงซวง แล้ว แต่ทั้งสองยังคงรู้สึกกังวลใจอยู่ไม่น้อย

ทั้งคู่รู้สึกว่างานเลี้ยงประจำปีในปีนี้จะไม่สงบ

ติ๊งต๊อง..

ในขณะนั้น เสียงกริ่งหน้าประตูดังขึ้น

เสี่ยวเฉิน มาแล้วเหรอ?

พ่อของ ซู หนิงซวง รีบลุกขึ้น และไปเปิดประตูบ้านทันที

เมื่อเห็นคนที่ยืนอยู่หน้าประตู พ่อของ ซู หนิงซวง ก็ต้องตกใจ

คนที่อยู่หน้าประตูไม่ใช่ เสี่ยวเฉิน แต่เป็นชายวัยกลางคนสองคน คนหนึ่งอ้วน และอีกคนผอม…

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด