ตอนที่ 33 : อันธพาล
[ค่าความคาดหวังของผู้ชม +20]
.
มนุษย์หิมะละลายไปอย่างเงียบๆ หลังจากที่เทียนดับ ใบหน้าของเฉินหลิงก็ซีดราวกับกระดาษ
“ฉัน…”
เฉินหลิงเริ่มลังเล “ฉันกำลังคุยกับน้องชายของฉัน…”
“น้องชายของนายอยู่ที่ไหน?” อู๋โหยวตงมองดูที่นั่งด้านข้างซึ่งว่างเปล่า “มีแค่เราสองคนอยู่ในห้องไม่ใช่เหรอ?”
เฉินหลิงมองไปที่ที่นั่งฝั่งตรงข้าม ไม่รู้ว่าเมื่อไรที่มันว่างเปล่าแบบนี้...ในความสับสนมึนงง ภาพรอยยิ้มของเด็กหนุ่มก็จางหายไปในความทรงจำของเขา
เหงื่อจำนวนมากไหลจากหน้าผากเฉินหลิง เสื้อผ้าของเขาเปียกชุ่มเหงื่อบนแผ่นหลัง ดวงตาที่สับสนและว่างเปล่ายังคงสั่นไหวเหมือนคนหลับที่เพิ่งตื่นจากฝันร้าย
“ไม่ มันเป็นไปไม่ได้…”
จู่ๆ เฉินหลิงลุกขึ้นยืน ขาโต๊ะพลันกระแทกพื้นเกิดเสียงเอี๊ยดดังลั่น
“ทำไมถึงมีกันแค่สองคนล่ะ?” จู่ๆ เฉินหลิงโพล่งออกมา “เมื่อกี้น้องชายฉันก็อยู่ที่นี่...ก่อนหน้านี้เขากำลังปั้นตุ๊กตาหิมะอยู่นอกประตู เมื่อเช้าเขายังเรียกฉันออกไปหาอยู่เลย เสื้อคลุมผ้าฝ้ายของฉันก็เป็นเขาซ่อมมัน!”
เขาถอดเสื้อคลุมผ้าฝ้ายของตนเองออก แล้วชี้ไปที่รอยปะที่สมบูรณ์แบบ “ดูสิ นี่คือสิ่งที่อาเยี่ยนทำ!”
“ยังมี ไม้กระดานพวกนั้นบนผนัง เขาก็เป็นคนซ่อม!”
"มีหมอจากเมืองออโรร่าอาศัยอยู่ในบ้านของเรา เขาเคยเห็นอาเยี่ยนด้วย ถ้านายไม่เชื่อฉันก็สามารถถามเขาได้!"
"ฉัน...ฉันรู้แล้ว" อู๋โหยวตงดูเหมือนจะสับสน เขามองเฉินหลิงด้วยความรู้สึกหวาดกลัวแล้วพูดขึ้น "ฉันแค่...ถาม...เพราะฉันเห็นว่านายกำลังคุยกับตัวเองในอากาศตอนนี้...มันค่อนข้างน่ากลัว"
"ฉันไม่ได้คุยกับตัวเองในอากาศ!”
เฉินหลิงชี้ไปที่ความว่างเปล่าที่อยู่ตรงข้าม และจ้องมองไปที่อู๋โหยวตงด้วยดวงตาแดงก่ำ
“น้องชายของฉันกำลังนั่งอยู่ตรงนั้น นายน่าจะเห็น ตอนที่เข้ามาใช่มั้ย?”
“ฉัน...ฉันไม่เห็นจริงๆ”
อู๋โหยวตงรู้สึกเสียใจ เขามองเฉินหลิงที่มีท่าทางแปลกประหลาดตรงหน้า แล้วลังเลอยู่นาน เขาถามอย่างไม่แน่ใจ "เฉินหลิง...เมื่อเร็ว ๆ นี้ นายเจอภัยพิบัติอะไรมาใช่มั้ย?"
เฉินหลิงตัวแข็งทื่อ
.
[ดังนั้น นายก็ได้รวมเข้ากับภัยพิบัติใช่มั้ย? ]
.
[...ผมไม่รู้ ตอนที่ผมตื่น ผมก็ยืนอยู่ตรงนั้นแล้ว ]
.
[นายก็สูญเสียความทรงจำด้วยเหรอ? ]
.
[อืม]
.
[จุดตัดของโลกสีเทาอยู่ที่ภูเขาด้านหลังไม่ใช่เหรอ? ตอนนั้นนายยังอยู่ระหว่างการผ่าตัด...ทำไมนายถึงได้รับผลกระทบด้วย? ]
.
[ผมไม่รู้...ผมจำได้แค่ว่าหมอให้ยาระงับประสาทกับผม แล้วผมตื่นขึ้นมา มันก็...]
.
บทสนทนาที่คุ้นเคยยังคงดังก้องในหูของเฉินหลิง ดูเหมือนเขาจะจับอะไรบางอย่างได้อย่างคลุมเครือ รูม่านตาหดตัวเล็กลง
"ไม่..." เฉินหลิงพึมพำกับตัวเอง "ไม่ถูก...ทุกอย่างล้วนไม่ถูก..."
"เฉินหลิง นายโอเคมั้ย?"
"...หลังภูเขาเหรอ!"
จู่ๆ เฉินหลิงก็เงยหน้าขึ้นมา มองไปในทิศทางหนึ่งอย่างบ้าคลั่ง เขารีบออกจากบ้านโดยไม่หยิบเสื้อคลุมผ้าฝ้ายที่เพิ่งถอดออกมาสวมด้วยซ้ำ สวมแค่เสื้อเชิ้ตบางๆ แล้ววิ่งอย่างทุลักทุเลออกไปในขณะที่หิมะตกหนัก
.
ทันทีที่ร่างของเขาหายไปสุดปลายถนน ฉู่มู่อวิ๋นสวมเสื้อคลุมขนสัตว์ก็เดินมาถึงประตูหน้าบ้าน
เขาเหลือบมองไปยังทิศทางที่เฉินหลิงจากไปด้วยความประหลาดใจ เขากำลังจะเข้าไปในบ้าน เมื่อเขาเห็นอู๋โหยวตงยืนอยู่คนเดียวในห้องนั่งเล่น จู่ๆ เขาก็ขมวดคิ้ว
“คุณเป็นใคร?”
“ผม ผมเป็นเพื่อนของเฉินหลิง”
ดวงตาคู่นั้นหรี่ลงทันที เผยให้เห็นแววอันตราย...
"เมื่อกี้คุณพูดอะไรกับเขา”
"ผมไม่ได้พูดอะไรเลย...ผมแค่เห็นเขาพูดกับตัวเอง และมันแปลก เลยถามเขาว่าเขาคุยกับใคร...แล้ว..."
สีหน้าของฉู่มู่อวิ๋นเปลี่ยนไปอย่างมาก!
เขาเหลือบมองไปทางที่เฉินหลิงจากไปอีกครั้ง
"คุณรู้มั้ย...คุณทำอะไรลงไป" เสียงของฉู่มู่อวิ๋นดูเหมือนดังมาจากใต้พิภพ
"ผม... "
ทันทีที่เขาสบตากับฉู่มู่อวิ๋นหัวใจของอู๋โหยวตงก็สั่นสะท้าน เขาไม่เคยเห็นสายตาใครที่เย็นชาและบ้าคลั่งเท่านี้มาก่อน
อู๋โหยวตงรู้สึกกลัวสุดขีด เขาตัวสั่นและถอยหลังไปครึ่งก้าว แล้วก็สะดุดเข้ากับเก้าอี้ จนล้มลงกับพื้นเสียงดัง
ฉู่มู่อวิ๋นสูดหายใจเข้าลึกๆ ก้าวเข้าไปในบ้าน เขาปิดประตูด้วยมือทั้งสองเบาๆ
ประตูปิดกั้นแสงสว่างและหิมะนอกบ้าน ห้องนั่งเล่นถูกปกคลุมด้วยความมืด ร่างในเสื้อคลุมขนสัตว์เดินช้าๆ ไปหาอู๋โหยวตง
เขาดันแว่นตาขึ้น ภายใต้รูปลักษณ์ที่อ่อนโยนของเขา เผยให้เห็นถึงความโหดเหี้ยมอย่างไม่ปิดบัง เหมือนกับสัตว์ร้ายที่ถูกกักขังอยู่ในร่างมนุษย์ กำลังถอดหน้ากากออกและมันแยกเขี้ยวเปื้อนเลือดอย่างดุร้าย
“คุณรู้มั้ย จากการวิจัยคนที่หลอมรวมซึ่งรักษาสมดุลอันละเอียดอ่อนระหว่างความบ้าคลั่งกับความปกติได้ มันหายากแค่ไหน”
“คุณรู้มั้ยว่า ผมทุ่มเทความพยายามมากแค่ไหนในการป้องกัน ไม่ให้เขาสังเกตเห็นความผิดปกติของผม”
"คุณรู้มั้ย...คุณกำลังจะปล่อยสัตว์ประหลาดแบบไหนออกมา?”
อู๋โหยวตงตกใจ เดิมทีขาของเขาก็หักอยู่แล้วจึงไม่สามารถหลบหนีได้ แม้จะต้องการก็ตาม เขาลากร่างของเขาถอยทีละนิด...
"ผมไม่รู้ ผมไม่รู้จริงๆ” เขาพูดด้วยน้ำเสียงเกือบอ้อนวอน
“ผมเฝ้าอยู่ที่นี่มาสามวันแล้ว และไม่มีใครเข้าใกล้เฉินหลิงหรือห้องนี้เลย…แต่คุณก็วิ่งเข้ามาด้วยตัวเอง”
“...เพราะอะไร”
ฉู่มู่อวิ๋นยกเก้าอี้ที่มุมห้องขึ้นมา จากนั้นฟาดไปที่หัวของอู๋โหยวตง!
.
ปัง--!
.
เสียงอู้อี้ดังก้องภายในห้องนั่งเล่นสักพัก ก่อนอู๋โหยวตงจะหมดสติไปตรงนั้น
รอยแผลขนาดใหญ่ถูกเปิดออกบริเวณหน้าผากของเขา เลือดสีแดงสดไหลออกมาอย่างบ้าคลั่งและในไม่ช้าก็รวมตัวกันเป็นแอ่งเลือด
ฉู่มู่อวิ๋นไม่มีความตั้งใจที่จะหยุด เขาจ้องมองไปที่อู๋โหยวตงซึ่งไม่ต่างจากศพนอนนิ่งอยู่บนพื้น เขายกเก้าอี้ขึ้นมา จากนั้นก็ฟาดอีกฝ่ายครั้งแล้วครั้งเล่า!
"ทำไม?!"
"ทำไม?!"
"ทำไม?!!!"
เลือดอุ่นๆ กระเด็นไปทั่วเสื้อคลุมขนสัตว์ รอยเลือดสีแดงฉานไหลมาบนเลนส์แว่นตาสีเงิน
ฉู่มู่อวิ๋นไม่มีบรรยากาศที่ดูอ่อนโยนอีกต่อไป แต่เป็นเหมือนเพชฌฆาตหรืออันธพาลที่กำลังระบายความโกรธอย่างบ้าคลั่ง ท่ามกลางความมืดที่ไม่มีใครสนใจ เมื่อเก้าอี้กระทบกับร่างกายที่ดูเหมือนโคลน ลมหายใจของอู๋โหยวตงก็ค่อยๆ หายไป
.
ปัง——
.
ด้วยการกระแทกครั้งสุดท้าย เก้าอี้ก็แตกหักในที่สุด
ฉู่มู่อวิ๋นเช็ดเหงื่อ หน้าอกของเขาสั่นกระเพื่อมอย่างรุนแรง เขาใช้ปลายนิ้วเปื้อนเลือดของเขาดันแว่นตาเบา ๆ ดวงตาสีน้ำเงินเข้มจ้องมองไปยังโคลนเปื้อนเลือดที่เท้าตนเอง
หลังจากผ่านไปชั่วระยะเวลาหนึ่ง ความบ้าคลั่งในดวงตาของเขาก็ค่อยๆ จางหายไป และมีดผ่าตัดอันแหลมคมก็ปรากฏบนมือของเขา...
.
............
.
ในเวลาเดียวกัน
.
ชายหนุ่มคนอีกคนวิ่งสะดุดหิมะ เขามาถึงภูเขาด้านหลังแล้ว
เสื้อผ้าบางๆ เปียกชุ่มเหงื่อ ความร้อนและความเย็นปกคลุมร่างกายของเฉินหลิง เขาปีนข้ามเส้นเตือนสีเหลือง เดินผ่านกองหิมะที่มีป้ายไม้จารึก เขากำลังมองหาอะไรบางอย่าง
นี่คือจุดเริ่มต้นของเรื่องราวทั้งหมด...และที่ซึ่งความจริงถูกฝังอยู่
หลุมศพหมู่
.
.
.