ตอนที่ 202 กล้าก็อย่าตีหน้า!
เมื่อได้ยินคำพูดของชายชุดขาว ผู้อาวุโสระดับมหานักบุญของสำนักเทียนหมิงก็หัวเราะเย็นชาแล้วกล่าวว่า “ทำไมต้องไปนอกเขตแดน? สู้กันที่นี่ก็ได้ ที่นี่คือถิ่นของพวกเรา”
“เจ้าคิดจะทำลายสำนักเทียนหมิงงั้นหรือ? ถ้ากล้าก็มาสิ!”
“เมื่อมีบรรพบุรุษผู้ยิ่งใหญ่สองท่านอยู่ ข้าอยากเห็นนักว่าเจ้าจะยังกล้าได้อีกไหม!”
“จริง ๆ แล้วข้าชวนไปนอกเขตแดนเพราะหวังดีกับพวกเจ้า” ชายชุดขาวยิ้มพลางส่ายหน้าเมื่อได้ยินเช่นนั้น
“บรรพบุรุษไร้ขอบเขต บรรพบุรุษบัวโลหิต ได้โปรดช่วยกำจัดศัตรูเพื่อสำนักเรา ฆ่ามันซะ!” ผู้อาวุโสระดับมหานักบุญก้มตัวลงตะโกน
“แกร่ก แกร่ก แกร่ก...แม้ว่ามันจะไม่ได้เป็นความรู้สึกที่ดีนัก แต่ก็นับว่าเป็นการฟื้นคืนชีพในอีกรูปแบบหนึ่ง”
“พวกเจ้าทำได้ดีมาก หลังจากที่ล้มเหลวมามากมายหลายครั้ง ในที่สุดก็สำเร็จ” จ้าวสูงสุดไร้ขอบเขตยิ้มเหยียด เขามีความทรงจำบางส่วนของชีวิตก่อนหน้านี้และพอใจกับร่างกายนี้มาก แม้จะไม่ใช่การฟื้นคืนชีพที่แท้จริง แต่ก็นับว่ากลับมาสัมผัสโลกใบนี้ได้อีกครั้ง
“เด็กน้อย การได้พบข้าคือโชคร้ายของเจ้า!”
“เลือดของเจ้าจะทำให้ผู้คนจดจำชื่อเสียงของข้าอีกครั้ง!” สีหน้าของจ้าวสูงสุดไร้ขอบเขตแสดงถึงความบ้าคลั่ง ดวงตาสีดำสนิทเต็มไปด้วยกลิ่นอายแห่งความมุ่งร้าย เขาพุ่งไปข้างหน้า เหยียบย่ำพลังแห่งมหาเต๋า พุ่งตรงไปหาชายชุดขาว ครั้งหนึ่งยอดปรมาจารย์ไร้ขอบเขตเคยมีชื่อเสียงในด้านร่างกายที่แข็งแกร่ง ว่ากันว่าพละกำลังของเขาไม่แพ้ผู้แข็งแกร่งระดับมหาจักรพรรดิที่อยู่ในระดับเดียวกัน! นี่คือจุดที่เขาเก่งที่สุด และหลังจากกลายเป็นวิญญาณนักรบ เขาก็สูญเสียความเจ็บปวดไป ร่างกายระดับยอดปรมาจารย์ถูกเสริมแกร่งในระหว่างกระบวนการสร้างวิญญาณนักรบ ทำให้เขาแข็งแกร่งยิ่งขึ้นไปอีก! แม้แต่จักรพรรดิก็ไม่อาจล้มเขาได้ในตอนนี้!
“อย่ายุ่ง ข้าจะจัดการมันเอง!” คำพูดของจ้าวสู.สุดไร้ขอบเขตดังเข้าไปถึงจ้าวสูงสุดบัวโลหิตที่ยังยืนอยู่บนโลงศพ แม้ว่าจะไม่ใช่จักรพรรดิ แต่พวกเขาเคยสัมผัสกับจักรพรรดิและมีความเย่อหยิ่งในฐานะจ้าวสูงสุด แม้ว่าจะไม่ใช่ตัวจริงของยอดจ้าวสูงสุดไร้ขอบเขต แต่เขาก็ยังมีความหยิ่งผยองของจ้าวสูงสุดและไม่ต้องการใช้จำนวนมากกว่าข่มเหงผู้อื่น!
จ้าวสูงสุดบัวโลหิต: “...” เธอมองดูการต่อสู้ของจ้าวสูงสุดไร้ขอบเขตกับชายชุดขาว จากนั้นก็หันไปมองผู้อาวุโสระดับมหานักบุญ ดวงตาสีเลือดเย็นชาและไร้ความปราณี กล่าวด้วยเสียงทุ้มต่ำว่า “ก่อนที่ข้าจะสิ้นชีพ ข้าเคยสั่งไว้แล้วว่าอย่าใช้ร่างของข้าในการสร้างวิญญาณนักรบ แล้วเหตุใดเจ้าจึงขัดคำสั่งของข้า?”
การสร้างวิญญาณนักรบจากร่างของบรรพบุรุษเป็นธรรมเนียมปฏิบัติของสำนักเทียนหมิงตั้งแต่ยุคของปรมาจารย์ผู้ก่อตั้งสำนัก ผู้ซึ่งใช้เหตุผลที่ว่าทำเพื่อประโยชน์ของคนรุ่นหลัง แต่การสร้างวิญญาณนักรบจากศพระดับยอดปรมาจารย์นั้นเป็นสิ่งที่ยากยิ่ง คนรุ่นแล้วรุ่นเล่าของสำนักเทียนหมิงพยายามทำอยู่หลายปีจนในที่สุดก็สำเร็จในครั้งที่เก้าคือจ้าวสูงสุดไร้ขอบเขต เธอในฐานะจ้าวสูงสุดลำดับที่สิบของสำนักเทียนหมิงรู้สึกขยะแขยงต่อเรื่องนี้ เธอฝึกฝนวิถีแห่งความไร้หัวใจและไม่ต้องการเสียสละตนเองเพื่อใคร ดังนั้นก่อนจะสิ้นชีพ เธอจึงสั่งห้ามไม่ให้ใช้ศพของเธอในการสร้างวิญญาณนักรบ เพื่อป้องกันไม่ให้ใครมายุ่งกับร่างของเธอ เธอจึงซ่อนศพของตนไว้ในมิติพิเศษและปิดผนึกไว้อย่างถาวร
แต่เมื่อเธอลืมตาขึ้นอีกครั้ง เธอก็ได้กลายเป็นวิญญาณนักรบไปแล้ว! เธอโกรธมาก!
“บรรพบุรุษบัวโลหิต ทุกอย่างที่เราทำก็เพื่อสำนักเทียนหมิง!” ผู้อาวุโสระดับมหานักบุญพูดพร้อมยิ้ม
“กล้าขัดคำสั่งบรรพบุรุษ รนหาที่ตายแล้ว!” ผมสีเลือดของยอดปรมาจารย์บัวโลหิตพริ้วไหว ดวงตาสีเลือดเต็มไปด้วยจิตสังหารอันน่ากลัว ร่องรอยแห่งกฎเกณฑ์ของจ้าวสูงสุดโบยบินไปทั่ว ฟ้าดินสั่นสะเทือน พลังอันน่าสะพรึงทำให้บรรยากาศน่ากลัวอย่างยิ่ง!
“บรรพบุรุษบัวโลหิต ได้โปรดอย่าทำให้พวกเราเดือดร้อน” ผู้อาวุโสระดับมหานักบุญกล่าวพร้อมหยิบหินอาคมออกมา “ไม่เช่นนั้น...” น้ำเสียงที่พูดออกมาเต็มไปด้วยการข่มขู่ ไม่สำคัญว่าจะเป็นบรรพบุรุษของสำนักหรือไม่ หากไม่เชื่อฟังคำสั่ง สำนักเทียนหมิงก็มีวิธีทำให้เชื่อฟัง การที่พวกเขาสามารถสร้างวิญญาณนักรบของเหล่าผู้หยิ่งผยองซึ่งเคยเป็นยอดปรมาจารย์ได้ก็เพราะมีวิธีควบคุมพวกเขา และหินอาคมในมือของเขานี้สามารถใช้ควบคุมยอดปรมาจารย์ไร้ขอบเขตและยอดปรมาจารย์บัวโลหิตได้!
จ้าวสูงสุดบัวโลหิต: “...” เมื่อเห็นหินอาคมในมือของผู้อาวุโสระดับมหานักบุญ เธอไม่พูดอะไรอีก แต่จิตสังหารในร่างกลับทวีความรุนแรงขึ้นเรื่อย ๆ เป็นสัญญาณว่าเธอไม่ได้สงบใจเลยแม้แต่น้อย เธอที่เคยหยิ่งผยอง เดินตามวิถีแห่งความไร้หัวใจ สังหารญาติพี่น้องทั้งหมดเพื่อแสวงหาตำแหน่งจักรพรรดิ แต่ในที่สุดเธอกลับต้องมาตื่นขึ้นในฐานะวิญญาณนักรบ ถูกผู้อื่นควบคุม ไม่มีอิสระ เธอรู้สึกเสียใจอย่างยิ่ง นี่อาจเป็นผลของกรรมที่เธอสร้างไว้!
“เฮ้อ...ช่างมันเถอะ!” ในที่จ้าวสูงสุดบัวโลหิตก็ถอนหายใจพร้อมสะกดอารมณ์ตัวเองและไม่คิดมากอีกต่อไป
ตูม! ทันใดนั้น ร่างหนึ่งก็ตกลงมาจากฟากฟ้า กระแทกลงกลางเทือกเขาที่อยู่ห่างไกลออกไป เสียงระเบิดดังสนั่นหวั่นไหว เทือกเขายาวนับหมื่นลี้พังทลายเป็นผุยผง เกิดฝุ่น
ตลบอบอวลไปทั่วอากาศ พลังกดดันอันทรงพลังของกึ่งจักรพรรดิแผ่ซ่านออกมาอย่างรุนแรง!
“ฮืม...”
“เป็นไปได้ยังไง บรรพบุรุษไร้ขอบเขตถึงกับพ่ายแพ้ให้กับอีกฝ่าย นี่มันเป็นไปได้ยังไง? เขาเป็นถึงลจ้าวสูงสุดเชียวนะ!”
“ข้าไม่เชื่อ! หากไม่มีจักรพรรดิ จ้าวสูงสุดย่อมไร้เทียมทาน บรรพบุรุษไร้ขอบเขตจะเสียท่าได้อย่างไร?”
“กึ่งจักรพรรดิชุดขาวนั่นแข็งแกร่งขนาดนั้นเชียวหรือ?”
ผู้ที่ถูกฟาดลงมาจากท้องฟ้าอันสูงส่งคือจ้าวสูงสุดไร้ขอบเขต บรรดาศิษย์และผู้อาวุโสของสำนักเทียนหมิงต่างร้องออกมาด้วยความตื่นตะลึง ไม่เชื่อสิ่งที่เห็นต่อหน้าต่อตาเลยแม้แต่น้อย ในความคิดของพวกเขา หากไม่มีจักรพรรดิมาเอี่ยว ยอดปรมาจารย์ย่อมไร้ผู้ต้านทาน! แม้ว่าบรรพบุรุษไร้ขอบเขตจะเป็นเพียงวิญญาณนักรบ ไม่ใช่ยอดปรมาจารย์ตัวจริง แต่ด้วยร่างกายของยอดปรมาจารย์และร่างกายที่แข็งแกร่งไร้เทียมทานของเขา ไม่ว่าจวุนตี้ทั่วไปก็ไม่น่าจะรับมือไหว
“แค่ก ๆ ข้าช่างประมาทเจ้าไปจริง ๆ เจ้าช่างแข็งแกร่งนัก!”
“มิน่าถึงต้องปลุกข้าออกมา!”
“แกร่ก แกร่ก แกร่ก...มาอีกสิ อย่าหยุด! ข้ายังสู้ไหว!” จ้าวสูงสุดไร้ขอบเขตที่อยู่ลึกเข้าไปในซากเขาพุ่งทะยานขึ้นมาเหมือนสายรุ้งสีดำที่แทงทะลุขึ้นสู่ท้องฟ้า กำปั้นของเขาสาดประกายกฎเกณฑ์ของยอดปรมาจารย์ และเขาก็ซัดหมัดอันน่าสะพรึงออกไป เหมือนจะใช้หมัดนี้เพื่อกดหัวชายชุดขาวให้จมลงไป!
“กล้ามาต่อยกับข้า เจ้าคือคนแรก!”
“ช่างมีความกล้าหาญน่านับถือ!”
เมื่อเผชิญกับพลังหมัดระดับจ้าวสูงสุดอันน่าสะพรึงกลัว ชายชุดขาวยังคงนิ่งสงบ กำปั้นของเขาร้อนแรงราวกับดวงอาทิตย์ สว่างไสวและแสบตา เขาพุ่งไปหาจ้าวสูงสุดไร้ขอบเขต ต่อยหมัดหนึ่งทลายพลังหมัดอันน่าสะพรึงนั้น ก่อนจะพุ่งเข้าหาตัวของจ้าวสูงสุดไร้ขอบเขตอย่างไม่ลดละ
“หากไร้มหาจักรพรรดิจ้าวสูงสุดย่อมไร้พ่าย!” ยอดปรมาจารย์ไร้ขอบเขตตะโกนลั่น ใบหน้าดูบ้าคลั่งเหมือนเครื่องจักรสังหารไร้ซึ่งความเหน็ดเหนื่อย พลังแห่งกฎเกณฑ์โอบล้อมรอบกายเขา ระเบิดพลังรุนแรงดุจดั่งนักรบสวรรค์เข้าปะทะกับชายชุดขาว!
ทั้งสองสู้กันอยู่ในความว่างเปล่า สร้างเปลวเพลิงแห่งการต่อสู้ขึ้นมาอีกครั้ง ทุกครั้งที่ปะทะกัน พื้นที่โดยรอบสั่นสะเทือน ราวกับการต่อสู้ระหว่างทวยเทพ มิติรอบ ๆ แตกออก เผยให้เห็นความว่างเปล่าสีดำทะมึน
ขณะนี้ พื้นที่รอบสำนักเทียนหมิงกว่าล้านลี้เกิดแผ่นดินไหวครั้งใหญ่ ท้องฟ้ามืดครึ้ม มีเมฆดำปกคลุมราวกับถึงกาลอวสานของโลก สัตว์รอบพื้นที่กว่าล้านลี้ต่างพากันเงยหน้ามองฟ้า สัมผัสได้ถึงพลังอันน่ากลัวที่แผ่กระจายอยู่ในอากาศ ทำเอาขนลุกไปทั้งตัว หวาดกลัวจนเหงื่อแตกพลั่ก!
แม้แต่สิ่งมีชีวิตที่อยู่ไกลออกไปกว่าล้านลี้ก็ยังรับรู้ถึงแรงสั่นสะเทือนนั้น มีกลุ่มเผ่าพันธุ์โบราณออกมาดูด้วยความตกใจและสงสัย
“ผู้ใดกันแน่ที่กล้าหาญเช่นนี้?”
ตูม! เสียงระเบิดดังสนั่นสะท้านฟ้าดิน เสียงนั้นทำลายแม้แต่ดวงดาวและแผ่นดิน มวลก้อนหินขนาดใหญ่ถูกกระแสพลังที่รุนแรงซัดกระเด็นออกไป ในที่สุดใบหน้าของจ้าวสูงสุดไร้ขอบเขตก็โดนหมัดเข้าจนได้ ถูกอัดเข้าไปลึกถึงแกนกลางของโลก!
“อย่าตีหน้าสิ!”
“ข้าก็ต้องการรักษาหน้าไว้บ้าง!” จ้าวสูงสุดไร้ขอบเขตพุ่งออกมาจากแกนกลางโลก เกราะบนร่างของเขาแตกละเอียด เสื้อรบที่อยู่ภายในก็ฉีกขาด เผยให้เห็นแผ่นอกสีดำแข็งแกร่งของเขา ใบหน้าของเขาถึงกับบวม! หากไม่ได้เห็นด้วยตาตัวเอง จ้าวสูงสุดไร้ขอบเขตก็แทบไม่เชื่อว่าสิ่งนี้จะเกิดขึ้นได้ เขาคิดว่าร่างกายของเขาผ่านการหล่อหลอมมานับหมื่นปีจนแข็งแกร่งยิ่งกว่าชาติก่อนด้วยซ้ำ แต่ตอนนี้กลับถูกหมัดเดียวทำให้บวมได้! เขาแทบไม่อยากเชื่อว่านี่เป็นสิ่งที่กึ่งจักรพรรดิผู้หนึ่งจะทำได้ ร่างกายของเขาเป็นร่างของจ้าวสูงสุด ใกล้เคียงกับร่างกายของมหาจักรพรรดิ!