ตอนที่แล้วตอนที่ 199 การถ่ายทอดสด!
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 201 สำนักเทียนหมิงช่างอกตัญญูจริง ๆ!

ตอนที่ 200 ข้ารู้ว่าเจ้าร้อนใจ แต่เจ้าต้องใจเย็นก่อน!


ภายในเมืองเจิ้งเซียน เมื่อกึ่งจักรพรรดิของสำนักเทียนหมิงปรากฏตัวขึ้น แม้แต่นักบุญผู้ทรงพลังจากแต่ละสำนักใหญ่ก็ต้องกลั้นหายใจ จับจ้องไปที่สนามรบ กึ่งจักรพรรดิประลอง! นี่คือการต่อสู้ที่น่าสะพรึงกลัวที่สุดในยุคเต๋าเสื่อมถอยตลอดสามหมื่นปีนับตั้งแต่การสูญสิ้นของมหาจักรพรรดิ์เสวียนหวง ในยุคทองคำของยุทธภพ การประลองระหว่างกึ่งจักรพรรรดิก็ยังหาได้ยากยิ่ง นับประสาอะไรกับการได้เห็นในยุคเต๋าเสื่อมโทรมเช่นวันนี้! วันนี้คือโชคชะตาของทุกคนที่ได้ชมการต่อสู้ระหว่างกึ่งจักรพรรดิ!

“พวกเจ้าอย่าหยิ่งผยองไปนัก คิดว่ากึ่งจักรพรรดิมีอยู่แค่ในสำนักเกาซานหรือ?” ชายกลางคนหัวโล้นที่เริ่มตื่นตระหนกกลับสงบลงเมื่อจวุนตี้ผู้เฒ่าของสำนักเทียนหมิงปรากฏตัวขึ้น เขามองไปยังฮว๋าชิงเฟิงก่อนจะพูดว่า “และนอกจากนี้ คนของสำนักเจ้าก็อยู่ในอาณาเขตของสำนักเทียนหมิง!”

“สำนักเทียนหมิงจะแสดงให้พวกเจ้ารู้ว่าความแข็งแกร่งของสำนักที่มีการสืบทอดมายาวนานนับล้านปีนั้นน่าสะพรึงแค่ไหน!”

“ข้ารู้ว่าเจ้าร้อนใจ แต่เจ้าต้องใจเย็นก่อน”ฮั่วชิงเฟิงยืนด้วยท่าทีสงบพลางมองไปยังสถานการณ์ตรงหน้า “เดี๋ยวเจ้าจะรู้เองว่าอะไรคือความโหดเหี้ยม”

“ช่างหยิ่งผยองไร้ขอบเขต!” ชายหัวโล้นแค่นเสียงเย็นชา บรรดาผู้แข็งแกร่งของสำนักเทียนหมิงที่อยู่เบื้องหลังเขาต่างก็มีสีหน้าที่ไม่สู้ดี แทบอยากจะฆ่าล้างเผ่าพันธุ์คนของสำนักเกาซานให้หมดสิ้น!

“สำนักเกาซานนั้นไม่ธรรมดาจริง ๆ แม้จะก่อตั้งมาแค่ไม่กี่หมื่นปี แต่กลับมีผู้แข็งแกร่งระดับกึ่งจักรพรรดิอยู่ได้ นี่มันยุคเต๋าเสื่อมโทรม พวกเขาทำได้อย่างไร?” จิงหยุนเซียวแห่งสำนักเซินเจี้ยนพูดอย่างทึ่ง เขาพบว่าตัวเองยิ่งเข้าใจสำนักเกาซานน้อยลงเรื่อย ๆ ตอนที่เซวียนอี้ปรากฏตัว ทุกคนก็ตกตะลึงว่าสำนักเกาซานมีนักบุญผู้ทรงพลังซ่อนตัวอยู่ แต่ไม่นานนักเซวียนอี้ก็แสดงพลังอันน่าสะพรึงระดับราชานักบุญออกมา

พอทุกคนเริ่มคิดว่าสำนักเกาซานเป็นสำนักที่มีราชานักบุญผู้ทรงพลังคอยคุ้มครองอยู่ การปรากฏตัวของฮั่วชิงเฟิงก็ทำให้ความคิดของพวกเขาเปลี่ยนไปอีกครั้ง ตอนนี้ มุมมองที่มีต่อสำนักเกาซานก็เปลี่ยนไปอีก จากที่คิดว่าเป็นสำนักที่มีระดับมหานักบุญคุ้มครอง กลายเป็นว่าสำนักนี้มีกึ่งจักรพรรดิอยู่จริง ๆ ถ้าไม่ใช่ว่านอกจากกึ่งจักรพรรดิสูงสุดคือระดับยอดสุดในตอนนี้แล้ว จิงหยุนเซียวคงคิดว่าสำนักเกาซานอาจซ่อนมหาจักรพรรดิ์ไว้ก็เป็นได้

ทางฝ่ายของเผ่าจั่ว ผู้เฒ่าผู้นำเผ่าจั่วนั่งอยู่ด้วยท่าทางครุ่นคิด ตอนที่หัวหน้าเผ่าพาเหล่าลูกหลานมายังเมืองเจิ้งเซียนและปะทะคารมกับสำนักเกาซาน รถรบของเผ่าจั่วเกิดระเบิดขึ้นอย่างกะทันหัน คนในรถตายหมด และไม่นานนักตระกูลเจียงศัตรูเก่าก็มาถึงพร้อมคำพูดหยิ่งผยอง เผ่าจั่วคิดว่าตระกูลเจียงเป็นคนทำอย่างไม่ต้องสงสัย แต่เมื่อทั้งสองฝ่ายนั่งลงเจรจากัน สุดท้ายก็พบว่าเหตุการณ์นั้นไม่ใช่ฝีมือตระกูลเจียง แต่เป็นฝีมือคนอื่น แต่เผ่าจั่วไม่อาจหาตัวคนที่ทำได้

สำนักศักดิ์สิทธิ์สองแห่งย่อมมีพลังมากพอที่จะทำได้ แต่พวกเขาไม่มีเหตุผลที่จะโจมตีเผ่าจั่นก่อนเปิดศึกชิงตำแหน่งเซียน และทั้งสองฝ่ายก็ไม่ได้มีความแค้นใหญ่โตกัน การเจรจาจึงได้ข้อสรุปว่าเป็นคดีที่ยังคลี่คลายไม่ได้ ตอนนั้นพวกเขาก็เคยสงสัยว่าสำนักเกาซานเป็นผู้ลงมือ แต่เห็นว่าสำนักเกาซานอ่อนแอเกินไปจึงเลิกสงสัย แต่เมื่อสำนักเกาซานเริ่มเผยพลังที่ซ่อนอยู่ตั้งแต่ระดับราชานักบุญจนถึงระดับกึ่งจักรพรรดิ สถานการณ์นี้จึงอาจเป็นไปได้แล้ว…

ทางฝั่งของสำนักสุริยันจันทราเองก็คล้ายกัน เจ้าสำนักตงฟางเจี้ยวจู่หันไปมองชายในชุดขาวที่อยู่ในภาพด้วยสายตาลึกซึ้ง ย้อนไปเมื่อไม่กี่ปีก่อน สำนักสุริยันจันทราเคยร่วมมือกับสำนักกุ้ยหมิงและเผ่าปีศาจโลหิตหวังจะกลืนกินสำนักเกาซาน แต่สุดท้ายก็ล้มเหลว สำนักกุ้ยหมิงถูกกวาดล้าง เผ่าปีศาจเลือดโลหิตตัวไปจากสายตาผู้คน ส่วนคนของสำนักสุริยันจันทราก็พ่ายแพ้หลบหนีไป

ไม่นานนัก สำนักวุริยันจันทรากลับถูกคนลึกลับเล่นงาน ผู้เฒ่าหลายคนของสำนักต้องสังเวยชีวิต รวมถึงบรรพบุรุษหลัวหนิงที่เป็นถึงนักบุญก็ต้องสังเวยตนไปด้วย เหตุการณ์นี้เคยกลายเป็นเงามืดในใจของเจ้าสำนัก แต่พวกเขาไม่เคยหาเจอตัวคนร้าย และเมื่อได้เห็นพลังของสำนักเกาซานในวันนี้ ทำให้เจ้าสำนักเชื่อได้ว่าเหตุการณ์ในตอนนั้นน่าจะเป็นฝีมือของสำนักเกาซาน พวกเขาเพียงแค่แก้แค้นให้สำนักตนเอง

“ช่างเถอะ จะใช่หรือไม่ก็ไม่สำคัญแล้ว คราวนี้สำนักเกาซานช่วยอาวุโสชิงหยวนไว้ เรื่องในอดีตปล่อยให้มันผ่านไปเถอะ” เจ้าสำนักสุริยันจันทราคิดเงียบ ๆ ไม่คิดบอกเรื่องนี้ให้ผู้บริหารระดับสูงในสำนักฟังอีก สำนักเกาซานตอนนี้เผยพลังออกมาอย่างน่าสะพรึงเกินจะมองข้ามได้ การเข้าปะทะกับพวกเขาอาจไม่ใช่ทางเลือกที่ดี

เจ้าสำนักจึงคิดว่า ควรใช้โอกาสที่มีอาวุโสชิงหยวนคอยเชื่อมความสัมพันธ์ ทำเหมือนกับว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้นดีกว่า ส่วนเรื่องระหว่างเผ่าจั่นและสำนักสุริยันัจนทราตอนที่จางหยุนเทียนหารือกับเซียนอี้เรื่องการเปิดเผยพลังของสำนัก พวกเขาก็คิดถึงความเป็นไปได้แล้ว ถ้าเจ้าอ่อนแอ แล้วมีอะไรที่เกินความสามารถเกิดขึ้น ใครก็คงไม่สงสัยเจ้า

แต่หากเจ้าเปิดเผยพลังที่ซ่อนอยู่ เรื่องราวในอดีตก็จะถูกขุดคุ้ยขึ้นมา ผู้คนจะเริ่มสงสัยในตัวสำนักเกาซาน แต่เรื่องนี้สำคัญหรือไม่? ตอนที่ฮั่วหยุนเฟยเข้าร่วมการประชุม เขาก็บอกว่ามันไม่สำคัญหรอก ในเมื่อมีเขาอยู่ทุกอย่างย่อมไม่พลาด แม้เขาไม่พอ ก็ยังมีเหล่าผู้เฒ่าภายในดินแดนบรรพชนหากไม่พอยังมีสุสานบรรพชนและถึงที่สุดแล้วก็ยังมีวัดบรรพชนคอยหนุนหลังอยู่!

และเมื่อยุคเต๋าเสือ่มโทรมหายไป ยุทธภพฟื้นคืน พลังของสำนักที่เปิดเผยออกมานั้นก็เพียงพอที่จะทำให้คู่ต่อสู้ถอยกลับไป สำนักเกาซานจึงไม่ต้องเปิดเผยพลังทั้งหมด แค่นี้เพียงพอแล้ว

“ดูนั่น การประลองระหว่างกึ่งจักรพรรดิเริ่มแล้ว กึ่งจักรพรรดิผู้เฒ่าแห่งสำนักเทียนหมิงกำลังฟื้นคืนพลังตัวเองให้กลับไปยังช่วงเวลาที่รุ่งโรจน์ที่สุด!”

“เขาชราภาพไปแล้ว ความแข็งแกร่งไม่เหมือนเดิม จึงต้องปลุกพลังในร่างให้กลับไปสู่ยุคที่แข็งแกร่งที่สุด เพื่อให้สู้ได้!”

ในเมืองเจิ้งเซียน ผู้คนต่างตื่นเต้นจับจ้องไปยังจอภาพ ไม่กล้ากะพริบตา จนแทบจะหยุดหายใจเพื่อรอดูการต่อสู้ครั้งนี้...

ในจอภาพ ร่างของกึ่งจักรพรรดิผู้เฒ่าแห่งสำนักเทียนหมิงที่ดูเหมือนจะตายได้ทุกเมื่อกำลังเปล่งแสงขึ้น เขาเดินขึ้นสู่ฟากฟ้า มุ่งหน้าตรงไปหาชายชุดขาวของสำนักเกาซาน ทุกย่างก้าวที่เดินไป ร่างกายของเขาเริ่มเปลี่ยนแปลง ส่องแสงสว่างขึ้น หลังค่อมที่เคยโค้งงอเริ่มตั้งตรง ร่างที่ซูบผอมกระดูกผิวหนังเริ่มมีเลือดเนื้อกลับมาเต็มบริบูรณ์ ใบหน้าที่เต็มไปด้วยริ้วรอยยับย่นหายไป ผิวหนังกลับมาเนียนละเอียดจากชายชราที่มีจุดด่างดำทั่วใบหน้า กลับกลายเป็นชายหนุ่มผู้หล่อเหลา

เมื่อเขากลับมาเป็นหนุ่ม ความแข็งแกร่งในระดับกึ่งจักรพรรดิก็ยิ่งลึกซึ้งและน่าสะพรึงกลัว ท้องฟ้าสะเทือนจากพลังของเขา พลังแห่งหมื่นวิถีดังก้องราวกับยกย่องความยิ่งใหญ่ของเขา

“ภายในร้อยกระบวนท่า ข้าจะพิชิตเจ้า!” กึ่งจักรพรรดิผู้เฒ่าแห่งสำนักเทียนหมิงเอ่ยขึ้น เขาที่กลับมาหนุ่มอีกครั้งเต็มไปด้วยความมั่นใจ ดวงตาเปล่งประกายความเชื่อมั่นอันแรงกล้า ความแข็งแกร่งและความมั่นใจของเขากระตุ้นให้เหล่าศิษย์ของสำนักเทียนหมิงต่างพากันโห่ร้องเชียร์

“ข้ารีบ!” ชายชุดขาวกล่าวด้วยน้ำเสียงเรียบง่าย ไม่สนคำข่มขู่ของอีกฝ่ายดวงอาทิตย์สีแดงน่าสะพรึงกลัวลอยขึ้นเบื้องหลังเขา กำปั้นของเขาเปล่งแสงเจิดจ้าดั่งพระอาทิตย์ ก่อนจะทุ่มกำปั้นลงมาอย่างรุนแรง

เพียงแค่หมัดเดียว ร่างของกึ่งจักรพรรดิผู้เฒ่าที่เมื่อครู่ยังเปี่ยมไปด้วยความมั่นใจถูกทลายด้วยพลังอันยิ่งใหญ่ ทุกวิชาที่เขาใช้ทั้งหมดในชีวิตไม่อาจต้านทานพลังของหมัดนี้ได้ ร่างของเขาระเบิดเป็นละอองเลือดในทันที วิญญาณของเขาพยายามหนีออกจากร่างด้วยความหวาดกลัว แต่ก็ไม่ทันได้หนีไกลเท่าใดนักก็ระเบิดหายไปในอากาศราวกับฟองสบู่แตก

“โอ้โห ฆ่าทิ้งในพริบตา!” เสียงผู้คนในเมืองเจิ้งเซียนถึงกับตกตะลึงไปตามๆ กัน