ตอนที่แล้วเรื่องราวของไรก็ได้ ตอนที่ 12
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปเรื่องราวของไรก็ได้ ตอนที่ 14

เรื่องราวของไรก็ได้ ตอนที่ 13


กำลังโหลดไฟล์

[แปลโดยแฟนเพจ ยักษาแปร มาติดตามในแฟนเพจเพื่อติดตามข่าวสารได้นะ]

[Thai-novel ลงไวกว่าที่อื่นทุกที่ 5 ตอน แต่จะราคาแพงที่สุด]

[หลังแปลจบจะมีการแก้ไขคำอ่านใหม่ตั้งแต่ต้นอีกครั้ง ถ้าอ่านแบบเถื่อนหรือแชร์กันเป็นคณะ100คน ก็อ่านไปครับ เพราะผมจะแก้แบบแปลใหม่อีกรอบแค่ในThai-novel กับเว็บอื่น ๆ และแหล่งที่ผมแปลครับ ส่วนคนที่อ่านที่อื่นก็จะได้อ่านแบบไม่มีการแก้คำผิด และยิบย่อยมากมาย ไปนั่นแหละ]

<เรื่องราวของไรก็ได้ ตอนที่ 13>

***********

รถถังและรถหุ้มเกราะเคลื่อนผ่านไปตามท้องถนน เฮลิคอปเตอร์บินขึ้นไปในอากาศราวกับฝูงผึ้ง แม้จะเป็นเวลาเช้าที่ควรจะสว่างไสว แต่เมืองทั้งเมืองกลับมืดมิดเพราะหมอกสีม่วงที่ปกคลุมท้องฟ้า

'ตอนนี้พวกมันก็ออกมาเดินเพ่นพ่านกันแล้วสินะ'

เมื่อวานพวกมันยังทำท่าเลียนแบบตำรวจอยู่บ้าง แต่ตอนนี้พวกมันใช้กำลังทหารเข้ายึดกรุงโซลอย่างเปิดเผย

มีสิ่งหนึ่งที่น่ายินดีคือ ไม่เห็นพลเรือนอยู่ที่ไหนเลย

ถ้าเป็นอย่างนั้น เธอก็สามารถมีสมาธิกับการขับรถได้อย่างเต็มที่

ไรก็ได้เหยียบคันเร่งของแบล็กธันเดอร์

บูมมม!

แบล็กธันเดอร์ที่ได้รับการปรับแต่งด้วยพลังแห่งกรรมของอารอนนั้น ก็มีสเปคที่แตกต่างจากรถทั่วไป

แบล็กธันเดอร์คำรามเสียงเครื่องยนต์อันทรงพลังและพุ่งทะยานไปตามถนน

"เตรียมตัวให้พร้อมนะ"

เสียงเตือนจากเซริสที่ขับรถตามมาข้างๆ

ไรก็ได้ตั้งสติ

เสียงใบพัดเฮลิคอปเตอร์ดังมาจากหลายทิศทาง

"พวกมันมาแล้วค่ะ! มาเยอะแยะเลย!"

แกร๊ก

นิฮาคุเปิดเบาะหลังแล้วหยิบธนูคอมพาวด์ที่ทันสมัยออกมา ไรก็ได้ไม่เข้าใจว่าทำไมถึงมีของแบบนี้อยู่ในรถ

"เอาล่ะ คราวนี้ก็พร้อมแล้ว!"

นิฮาคุขึ้นลูกธนูและง้างสายธนูทันที

ที่ปลายลูกธนูไม่ได้ติดหัวลูกศรเหล็ก แต่เป็นหัวรบระเบิด

"ไปเลยจ้าาาา!"

นิฮาคุเล็งไปที่ช่องว่างระหว่างตึกแล้วปล่อยสายธนู

ลูกธนูพุ่งทะลุอากาศไปยังเฮลิคอปเตอร์ที่กำลังจะเลี้ยวเข้าสู่ถนน และเข้าปะทะกับห้องนักบิน

ตูม!

เฮลิคอปเตอร์ระเบิดและตก

ไรก็ได้ตัดสินใจที่จะไม่ใส่ใจกับการระเบิดแต่ละครั้งอีกต่อไป

เพราะมีเฮลิคอปเตอร์อีกนับไม่ถ้วนตามมาข้างหลัง

"มาแล้ว!"

ข้างหน้า บนสะพานลอยที่อยู่ห่างออกไปเล็กน้อย รถหุ้มเกราะสามหรือสี่คันหยุดลง

คนร้ายในชุดสูทเต็มตัวลงจากรถและเล็งเครื่องยิงจรวดไปที่แบล็กธันเดอร์

"...?!"

ฟู่วว!

ในขณะนั้นเอง ก็มีเปลวไฟลุกขึ้นที่ด้านหลังมอเตอร์ไซค์ของเซริส

มอเตอร์ไซค์เร่งความเร็วอย่างบ้าคลั่ง พุ่งขึ้นไปบนฟ้าและตีลังกาหนึ่งรอบ เป็นการเคลื่อนไหวที่เหนือกว่ากฎฟิสิกส์ ในระหว่างนั้น แส้ที่ลุกเป็นไฟก็ยื่นออกมาจากแขนขวาที่ว่างเปล่าของเซริส

'อย่าตกใจ อย่าตกใจ'

เมื่อเซริสสะบัดแขนขวาที่แส้เชื่อมต่ออยู่ รถหุ้มเกราะและทหารที่จอดอยู่บนสะพานลอยก็ถูกกวาดหายไปในพริบตา

พร้อมทั้งเครื่องยิงจรวดทั้งหมดที่กำลังจะยิงออกมา

โครม!!

มอเตอร์ไซค์ที่หมุน 360 องศาในอากาศลงจอดอย่างนุ่มนวล

แบล็กธันเดอร์และมอเตอร์ไซค์สีแดงยังคงวิ่งต่อไปโดยไม่สนใจสะพานลอยที่กำลังลุกไหม้ ราวกับว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น

<ไม่เป็นไรใช่ไหมคะ?>

"ค่ะ ฉันไม่เป็นไร"

เสียงของยูเน็ตดังออกมาจากระบบนำทาง

<ที่พวกมันสามารถเคลื่อนไหวได้อย่างเปิดเผยเช่นนี้ เป็นเพราะระดับการกัดเซาะของโลกนี้สูงขึ้นแล้ว ซึ่งหมายความว่ากรุงโซลที่นายท่านไรก็ได้รู้จักนั้นแตกต่างจากกรุงโซลในตอนนี้อย่างสิ้นเชิง>

ใครๆ ก็รู้

ไรก็ได้พยักหน้า

<แต่สถานการณ์เช่นนี้ก็ไม่ได้เลวร้ายเสมอไป ยิ่งระดับการกัดเซาะสูงขึ้นเท่าไหร่ เราก็ยิ่งสามารถแสดงพลังที่แท้จริงของเราได้มากขึ้นเท่านั้น แน่นอนว่า... เทียบกับตอนที่อยู่ที่วัลฮัลลายังห่างไกล แต่ก็ยังพอช่วยได้บ้าง>

"ช่วยได้บ้าง...ไม่น่าจะใช่นะคะ..."

ไรก็ได้เหลือบมองไปด้านหลัง

ปังๆๆๆๆ!

ธนูคอมพาวด์ของนิฮาคุยิงลูกธนูระเบิดออกมาไม่หยุด เฮลิคอปเตอร์ที่บินเข้ามาเป็นฝูงถูกทำลายจนแหลกละเอียดด้วยการยิงซุ่มยิงความเร็วสูงของเธอ

"ฮ่า!"

บนรถที่วิ่งด้วยความเร็ว 200 กิโลเมตรต่อชั่วโมง

แถมยังโยกไปมาไม่หยุด

นิฮาคุยืนในท่าที่ไม่มั่นคงและเซไปมายิงธนูออกไปโดยไม่เล็งให้ดี

ไม่สิ การที่เธอยิงโดยไม่เล็งนั้นเป็นความเข้าใจผิดของไรก็ได้

ลูกธนูระเบิดหลายสิบลูกพุ่งเข้าสู่จุดสำคัญของเฮลิคอปเตอร์แต่ละลำอย่างแม่นยำ ราวกับว่าถูกกำหนดไว้แล้วตั้งแต่แรก

แม้แต่เฮลิคอปเตอร์ที่อยู่ไกลออกไปหลายกิโลเมตรบนท้องฟ้า ซึ่งมองเห็นเพียงจุดเล็กๆ ก็ยังระเบิด

'มีอะไรแบบนั้นด้วยเหรอ?'

เช่น ทิศทางลมหรือความเร็วลมตอนยิงธนู

มันไม่ซับซ้อนมากเหรอ?

แค่ยิงไปมั่วๆ ก็โดนหมดเลยเหรอ?

'แล้วนั่นอะไรอีกล่ะ...'

เปรี้ยง!

เมื่อเซริสสะบัดแส้เพลิง หน้าต่างกระจกของตึกสูงก็แตกละเอียดและมีเสาเพลิงพวยพุ่งออกมา คนร้ายที่กำลังเตรียมซุ่มยิงอยู่ในตึกถูกเผาเป็นเถ้าถ่านจนไม่เหลือแม้แต่กระดูก

ยิ่งไปกว่านั้น มอเตอร์ไซค์ที่เซริสขี่ก็วิ่งไปตามผนังกระจกด้านข้างของตึก

มันท้าทายแรงโน้มถ่วง

วูมม!

แบล็กธันเดอร์วิ่งไปตามถนนสี่เลน

พวกมันปรากฏตัวออกมาจากทุกที่ราวกับว่ามีเยอะมากมายเหลือเกิน

เฮลิคอปเตอร์ รถถัง รถหุ้มเกราะ รถตำรวจ และรถตู้ขนาดใหญ่และเล็ก

และกลุ่มคนที่ซ่อนตัวอยู่ในอาคารและตึกต่างๆ พร้อมเล็งปืนและจรวด

แต่แบล็กธันเดอร์ก็ยังปลอดภัย

นิฮาคุจัดการพวกที่อยู่บนฟ้า ส่วนเซริสจัดการพวกที่อยู่บนตึกและถนน

นานๆ ครั้งจะมีกระสุนหรือจรวดพุ่งเข้ามาหาแบล็กธันเดอร์

วี๊ง!

แต่ในทันทีที่มันจะกระทบกับตัวรถ ก็มีระลอกคลื่นประหลาดปรากฏขึ้นและทำให้มันหายไปราวกับว่าไม่เคยมีอยู่ตั้งแต่แรก

“รักษาสมาธิในการขับรถไว้นะครับ”

ไรก็ได้พยักหน้าอย่า เมื่อได้ยินคำพูดของอารอน

ด้วยเหตุนี้

แบล็กธันเดอร์จึงมุ่งหน้าไปทั่วกรุงโซลพร้อมกับเสียงระเบิดและเปลวเพลิง ทำลายทุกสิ่งที่อยู่ใกล้เคียงให้กลายเป็นซากปรักหักพัง

ในขณะเดียวกัน

ที่โต๊ะข่าวของรายการข่าวฉุกเฉิน

<ถ่ายทอดสดครับ!>

<การไล่ล่าคนร้าย! เราจะนำเสนอทุกความเคลื่อนไหวให้คุณได้รับชม>

<ดูเหมือนว่าตอนนี้ผู้ก่อการร้ายกำลังมุ่งหน้าไปยังล็อตเต้เวิลด์ทาวเวอร์ พวกเขามีจุดประสงค์อะไรกันแน่?>

ผู้เชี่ยวชาญตอบคำถามของผู้ประกาศข่าว

<จากรายงานระบุว่าระเบิดเคมีที่ผู้ก่อการร้ายครอบครองอยู่นั้นมีคุณสมบัติในการแพร่กระจายในวงกว้างในพื้นที่ต่ำ ผมคิดว่าพวกเขาอาจวางแผนที่จะจุดชนวนระเบิดในที่สูงเพื่อเพิ่มรัศมีการสังหารให้มากที่สุด>

<ยังไงก็ตามนะครับ…>

<อะไร?>

<อะไรบางอย่างตงนั้น…มันไม่แปลกเหรอ? >

<คุณหมายถึงอะไร?>

<ถ้าดูจากภาพก็จะเห็นว่า...>

ผู้ประกาศข่าวเหลือบมองไปที่มุมขวาบนของหน้าจอ

ซึ่งกำลังถ่ายทอดสดการไล่ล่า

"ไปเลย ไปเลย ไปเลย!"

นิฮาคุกำลังยิงเครื่องบินที่ลอยอยู่บนฟ้าทั้งหมดด้วยธนูเพียงคันเดียว

แม้จะระดมเฮลิคอปเตอร์ทั้งหมดที่สามารถนำขึ้นบินได้ในกรุงโซล แต่ก็ไม่สามารถเข้าใกล้ได้และถูกทำลายจนแหลกละเอียด

มันเป็นสถานการณ์ที่ไม่น่าเป็นไปได้

<มันแปลกๆ ไม่ใช่เหรอครับ?>

<อะไรแปลก?>

<ผู้ก่อการร้ายดูเหมือนจะใช้ธนูธรรมดา แต่เป็นไปได้เหรอครับที่จะยิงเฮลิคอปเตอร์ทั้งฝูงร่วงด้วยธนูแบบนั้น?>

<เป็นไปได้ครับ พวกเขาไม่ได้ใช้ลูกธนูธรรมดา แต่ใช้หัวรบระเบิด>

<ไม่ ไม่ว่าจะเป็นหัวรบระเบิดหรืออะไรก็ตาม ในสถานการณ์แบบนั้นมันเป็นไปได้ด้วยเหรอครับที่จะยิงโดนทั้งหมดแบบนั้น?>

<มันเป็นธนูพิเศษที่พัฒนาขึ้นใหม่ครับ! มีฟังก์ชั่นนำวิถีติดตั้งอยู่ด้วย!>

<อะไรนะครับ?>

ผู้ประกาศข่าวหันไปมองผู้เชี่ยวชาญด้วยความงุนงง

<ผมไม่ได้บอกคุณเหรอครับ? ผู้ก่อการร้ายกลุ่มนี้ได้รับการสนับสนุนจากประเทศศัตรูเรา พวกเขามีอาวุธพิเศษแบบนั้นสักสองสามชิ้นก็ไม่แปลก>

<แต่ว่า...>

<นั่นไม่ใช่แค่บางอย่าง! ในสถานการณ์เช่นนี้ ซึ่งเป็นสถานการณ์ที่ชะตากรรมของกรุงโซล ไม่สิ ชะตากรรมของเกาหลีใต้แขวนอยู่บนเส้นด้าย การตั้งข้อสงสัยเกี่ยวกับสถานการณ์ฉุกเฉินเป็นสิ่งที่ไม่ถูกต้อง!>

<คะ ครับ ขอโทษครับ>

ผู้ประกาศข่าวรีบขอโทษผู้เชี่ยวชาญ

แต่คำถามนั้นยังคงค้างคาใจ

ผู้ประกาศข่าวพูดขึ้นอีกครั้ง

<แต่ว่า ยังมีอีกอย่างนะครับ...>

<อะไรอีกล่ะ?>

ภาพถูกขยายขึ้น

และเริ่มเล่นแบบสโลว์โมชั่น

กระสุนปืนใหญ่ต่อต้านรถถังกำลังจะพุ่งเข้าชนยางของแบล็กธันเดอร์

แต่ในขณะที่กระสุนกำลังจะกระทบและระเบิด มันก็หายไป

<นั่นมัน...อะไรกัน?>

<รถคันนั้นดูเหมือนธรรมดา แต่มีการใช้เทคโนโลยีพิเศษ คงต้องบอกว่าเป็นอาวุธพิเศษของศัตรู>

<อะไรนะครับ? ไม่ใช่มั้ง?>

ผู้ประกาศข่าวเริ่มมองไปรอบๆ

ราวกับว่าเขากำลังสงสัยในการถ่ายทอดสดครั้งนี้

<ดูนั่นสิครับ! ข้างๆ นั่น... !>

ตูม!

เซริสสะบัดแส้เพลิง เส้นทางของแส้กลายเป็นเสาเพลิงขนาดใหญ่ พวยพุ่งขึ้นมาและเผาไหม้ทุกสิ่งรอบข้าง รถหุ้มเกราะสองสามคันถูกไฟไหม้และระเบิดต่อเนื่องกัน

<แล้วนั่นอีก...>

<มันเป็นสิ่งที่อาจเกิดขึ้นได้>

<เป็นไปได้เหรอครับ?>

<คุณเห็นมันอยู่ตรงหน้าไม่ใช่เหรอ?>

<เห็นอยู่หรอกครับ แต่ว่า...>

ผู้เชี่ยวชาญชายพูดด้วยสีหน้าเคร่งขรึม

<ตราบใดที่มันปรากฏต่อสายตา มันก็คือ 'ความจริง' เราอยู่ในอาชีพที่ต้องรายงานความจริง เพื่อที่จะถ่ายทอดข้อมูลที่ถูกต้องไปยังผู้ชม เราต้องไม่ละสายตาจากความจริง>

ผู้เชี่ยวชาญชายพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง

ราวกับว่าเขาพร้อมที่จะเผชิญกับสิ่งที่จะเกิดขึ้น

ผู้ประกาศข่าวข้างๆ ก็ดูเหมือนจะประทับใจอย่างมาก

ใช่แล้ว

ผู้ประกาศข่าวเปลี่ยนความคิด

หน้าที่ของเขาคือการถ่ายทอดความจริงอันสูงส่งให้กับผู้ชม

เขาไม่สามารถมองข้ามสถานการณ์ที่ไร้สาระเช่นนี้ไปได้

ผู้ประกาศข่าวตั้งใจแน่วแน่และกำลังจะพูดอะไรบางอย่าง

<คุณพูดจริงใช่มั้ยครับ?>

การถ่ายทอดสดดำเนินต่อไป

จู่ๆ ก็มีเงาปรากฏขึ้นด้านหลังพวกเขาทั้งสอง

<นั้นอะไรนะ?>

พวกเขาตกใจและหันกลับไปมอง

ผู้หญิงผมสีเงินที่ดูน่าสงสัยกำลังยิ้มและมองลงมาที่พวกเขา

<ขอโทษนะคะ ฉันมีข่าวพิเศษที่ต้องรายงานจริงๆ ค่ะ ขอยืมสถานที่สักครู่ได้ไหมคะ?>

ผู้หญิงผมสีเงินแทรกตัวเข้าไประหว่างคนทั้งสองและนั่งลงตรงกลางโต๊ะ

<อะ อะไร ใครกัน เธอเป็นใคร?! รปภ! รปภ!>

ผู้ชายมองไปที่ประตูข้างๆ

ประตูปิดสนิท

เขาไม่รู้ว่าผู้หญิงคนนี้โผล่มาจากไหน

<เอาผู้หญิงคนนี้ออกไปเดี๋ยวนี้นะ! มั่วทำอะไรกันอยู่!>

กล้องเคลื่อนไปทางขวาของโต๊ะข่าวและจับภาพประตูปิด

มันคือทางออกของสตูดิโอ

ครู่ต่อมา

โครม!

ประตูสั่นอย่างแรง และมีรอยมือเปื้อนเลือดปรากฏขึ้นบนกระจกฝ้า

<......>

ผู้เชี่ยวชาญและผู้ประกาศข่าวทั้งสองตัวแข็งทื่อ

<เราไม่สามารถหยุดการถ่ายทอดสดได้หรอกนะ อนาคตของเกาหลี ไม่สิ อนาคตของโลกขึ้นอยู่กับการถ่ายทอดสดครั้งนี้ ใช่ไหมคะทั้งสองคน?>

ผู้หญิงผมสีเงินยิ้ม

<อย่างที่คุณผู้ชายข้างๆ บอก สิ่งใดก็เกิดขึ้นได้>

<นี่มัน... อะไรกัน? บอกมาเดี๋ยวนี้ว่าพวกเธอเป็นใคร!>

โครม!

คราวนี้ประตูทางด้านขวาถูกเปิดออกจนหลุดออกมาทั้งบาน

ชายคนหนึ่งถือดาบยาวเดินออกมาจากช่องประตู

เลือดหยดลงมาจากปลายดาบ

<ห๊ะ!>

<ถ่ายทอดสดต่อไป>

สีหน้าของผู้ชายซีดเผือดเมื่อได้ยินคำพูดของชายถือดาบ

<การบอกความจริงให้โลกฟัง นั่นคือภารกิจของการถ่ายทอดสดครั้งนี้และหน้าที่ของพวกนายไม่ใช่เหรอ?>

<ตะ ตะ แต่ในสถานการณ์แบบนี้จะให้บอกความจริงได้ยังไง!>

<ตลกจริงๆ อะไรก็ตามที่ออกอากาศจากที่นี่จะกลายเป็น 'ความจริง' นั่นคือกฎไม่ใช่เหรอ?>

<อย่ามาพูดอะไรแปลกๆ!นะ>

<ยังไงก็ตาม การถ่ายทอดสดต้องดำเนินต่อไป สถานการณ์กำลังคับขัน ใช่ไหมคะ ทั้งสองคน?>

ผู้ประกาศข่าวและผู้เชี่ยวชาญพูดไม่ออก

แต่ไม่นานทั้งสองก็ทำสีหน้ามุ่งมั่น

หน้าที่ของพวกเขาคือการถ่ายทอดความจริงอันสูงส่งให้กับชาวโลก

พวกเขาจะไม่ยอมแพ้ต่อการข่มขู่เพียงแค่นี้

<ถ ถูกต้องครับ หน้าที่ของเราคือการถ่ายทอด! และสถานการณ์ยังไม่จบ!>

ผู้ประกาศข่าวพูด

ผู้เชี่ยวชาญชายเหงื่อออกท่วมตัว

<เอาล่ะ แล้วเรื่องนี้…>

ผู้หญิงผมสีเงินที่นั่งอยู่ตรงกลางเริ่มเคาะเอกสารบนโต๊ะ

<จะเชื่อไหมคะถ้าฉันบอกว่ามีเหตุการณ์ที่ร้ายแรงและเร่งด่วนกว่าการก่อการร้ายที่เกิดขึ้นใจกลางกรุงโซล?>

ผู้ชายที่ดูเหมือนผู้เชี่ยวชาญหันไปมองผู้หญิงผมสีเงิน

<จากรายงานข่าวด่วน เมื่อ 10 นาทีที่แล้ว ระบุว่าชนเผ่ากัปปาติจากดาว K-313409 ในกาแล็กซีแอนโดรเมดาได้ปรากฏตัวขึ้นพร้อมกับยานอวกาศขนาดยักษ์และได้ส่งข้อความมา>

<......?>

<ในข้อความของพวกเขา พวกเขาบอกว่าจะใช้รังสีทำลายดาวเคราะห์เพื่อทำลายแกนโลก หากไม่นำขนมปัง 5 หมื่นล้านชิ้นและลูกอม 1 แสน 4 หมื่น 7 พันล้านถุงมาถวายภายใน 1 ชั่วโมง>

ชายที่ฟังเรื่องราวอยู่มีสีหน้างุนงง

<อะ... อะไรนะครับ?>

<ก็ชนเผ่ากัปปาติบอกว่าจะระเบิดโลกทิ้งภายใน 1 ชั่วโมง ถ้าไม่ให้ขนมปังกับลูกอมไงคะ>

<ไม่ นั่นมันอะไร…>

ผู้เชี่ยวชาญพูดอย่างไม่เชื่อ

<พูดเรื่องเหลวไหลให้มันพอประมาณหน่อย!>

<อะไรกันคะ ผู้ก่อการร้ายก่อการร้ายที่ปรากฏตัวกะทันหันพร้อมอาวุธลับเป็นเรื่องจริง แต่ยานอวกาศขนาดยักษ์ของชนเผ่ากัปปาติที่ปรากฏบนท้องฟ้าเป็นเรื่องโกหกเหรอคะ?>

ยูเน็ตหรี่ตาลงมอง

<ถ้าอย่างนั้น เราจะสงสัยในความถูกต้องของการถ่ายทอดสดนี้ได้ไหมคะ?>

<......?>

<จริงๆ แล้ว ถ้ามันเป็นการถ่ายทอดสดปลอมๆ ล่ะ? ถ้าไม่มีผู้ก่อการร้ายตั้งแต่แรก? ถ้าทุกอย่างเป็นเรื่องโกหก?>

ในขณะนั้นเอง

แกร๊ก

เสียงเหมือนกระจกกำลังร้าวเริ่มดังขึ้น

<......!>

สีหน้าของชายวัยกลางคนเปลี่ยนไปในทันที

<เอาล่ะ ตอบฉันมาสิคะ ว่า 'มันเป็นเรื่องที่อาจเกิดขึ้นได้' ว่า 'ไม่มีอะไรที่เป็นไปไม่ได้ในโลกนี้'>

<นะ นั่นมัน......>

เม็ดเหงื่อเริ่มผุดขึ้นบนหน้าผากของผู้ชาย

เขารู้

เขารู้สึกได้โดยสัญชาตญาณ

ถ้าการถ่ายทอดสดนี้พังทลายลง การดำรงอยู่ของเขาจะแตกสลายและร่วงลงสู่นรก

เพราะเจ้านายของเขาสั่งไว้เช่นนั้น

<อึก!>

ในที่สุดผู้ชายก็ตัดสินใจ

<ถ ถูกต้องครับ! ยานอวกาศขนาดยักษ์ที่วาร์ปมาอยู่กลางกรุงโซลกะทันหัน! มันเป็นเรื่องที่อาจเกิดขึ้นได้ครับ!>

<อะ อะไรนะครับ!>

ผู้ประกาศข่าวทางซ้ายตกใจแทบจะเป็นลม

<ไม่มีอะไรที่เป็นไปไม่ได้ในโลกนี้หรอกครับ!>

ผู้เชี่ยวชาญประกาศ

และในเวลาเดียวกัน ที่อีกสถานที่หนึ่ง

"...?"

ไรก็ได้ที่กำลังถูกไล่ล่าอย่างดุเดือดรู้สึกว่าท้องฟ้ามืดลง

เธอเงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้าโดยไม่รู้ตัว

และตกใจจนแทบตาถลน

วัตถุทรงกลมสีเทาขนาดใหญ่หลายสิบกิโลเมตรลอยอยู่บนท้องฟ้า

เงาของจานบินขนาดยักษ์บดบังจนถนนทั้งสายมืดลง

"ว้าว! เห็นแล้วๆๆๆๆ! มันเหมือนกับ UFO ในหนังเรื่อสงครามวันดับโลกเลยค่ะ!"

นิฮาคุร้องตะโกนอย่างร่าเริง

ติดตามผู้แปลได้ที่แฟนเพจ:ยักษาแปร , ลงแบบราคาถูกแค่ในMy-NovelและThai-novelเท่านั้น หากอ่านที่อื่นรบกวนมาสนับสนุนทีนะครับ หรือจะมากดไลก์แฟนเพจก็ได้ กระซิก กระซิก ;-;

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด