ตอนที่แล้วChapter 37: เลื่อนระดับ 2
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปChapter 39: คดีแรก

Chapter 38: กล้องยาเส้นและหมวกนักสืบ


[ข้อมูลพื้นฐาน: ลูกสาวของนักธุรกิจผู้มีชื่อเสียง ฮันเตอร์ หายตัวไป คุณ ในฐานะนักสืบที่เก่งกาจที่สุดของเมือง ได้รับการว่าจ้างให้ตามหาลูกสาวแสนสำคัญของเขา ตอนนี้คุณกำลังเดินทางไปที่คฤหาสน์ของฮันเตอร์เพื่อตรวจสอบ...]

[ภารกิจหลัก: ตามหาอัลทิลลี่ ฮันเตอร์ ให้เจอ ไม่ว่าเป็นหรือตาย ภายในหนึ่งเดือน]

[แพ็คเกจภาษาชั่วคราว, ยกเลิกใช้เมื่อออกจากดันเจี้ยน]

[เสื้อผ้า กระเป๋าสะพายหลัง อาวุธ ไอเทม มีค่าสถานะคงเดิม ปรับเปลี่ยนรูปลักษณ์ภายนอกของผู้เล่นชั่วคราว ยกเลิกใช้เมื่อออกจากดันเจี้ยน]

[ตรวจสอบอาวุธปืนและระเบิด... อาวุธไม่เหมาะสมกับยุคสมัย ลดความเสียหายลง 50% การโหลดกระสุนของปืนพกช้าลง 1 วินาที การโหลดกระสุนปืนสไนเปอร์ช้าลง 30 วินาที]

[คำใบ้ที่ 1: นี่เป็นดันเจี้ยนอย่างเป็นทางการดันเจี้ยนแรกของคุณ คุณสามารถทำภารกิจหลักล้มเหลวได้ แต่คุณต้องจ่ายค่าปรับ 100 คะแนน และค่าสถานะที่สูงที่สุดของคุณลดลง 1 ระดับ ถ้าคุณมีคะแนนไม่เพียงพอ ระบบจะหักจากอุปกรณ์ของคุณ ถ้าอุปกรณ์ของคุณไม่เพียงพอ คุณจะไม่ผ่านดันเจี้ยน]

[คำใบ้ที่ 2: ดันเจี้ยนที่แท้จริงนี้เรียกได้ว่าเป็นจุดเริ่มต้นของภารกิจสร้างชื่อเสียง ภารกิจสร้างชื่อเสียงและภารกิจรองถูกซ่อนเอาไว้ คุณต้องค้นหาด้วยตัวเอง]

...

เมื่อแสงสว่างแสบตาจางหายไป ฉินหรานก็ได้ยินเสียงกีบเท้าม้ากระทบพื้นและเสียงกระจายของน้ำเมื่อล้อรถบดผ่านแอ่งน้ำเล็ก ๆ บนพื้น ร่างกายของเขาโยกไปมาตามจังหวะของรถม้า

เมื่อวันก่อนมีฝนตก ถนนเลยเต็มไปด้วยแอ่งน้ำเล็ก ๆ มีคนคอยทำความสะอาดถนนแต่มีเพียงแอ่งน้ำใหญ่ ๆ เท่านั้นที่ถูกไล่น้ำออกไป เหลือแอ่งน้ำเล็ก ๆ ที่ล้อรถบดผ่านที่มากเกินกว่าคนทำความสะอาดจะจัดการไหว

"รถม้า?" ฉินหรานมองไปรอบ ๆ ด้วยสีหน้าตกใจ

มันเป็นห้องโดยสารทั่วไปที่จุผู้โดยสารได้สามถึงสี่คน มีที่นั่งสองแถว ด้านหน้าและด้านหลัง หันหน้าเข้าหากัน ฉินหรานนั่งอยู่บนเบาะด้านหลังหันหน้าไปข้างหน้า เขาสามารถมองเห็นสภาพแวดล้อมที่รถม้าวิ่งผ่านได้ผ่านทางหน้าต่างของห้องโดยสาร

เขาอยู่บนถนนสายหนึ่งในยุควิคทอเรีย รูปลักษณ์อันโบราณของรถที่ผ่านไปมาเป็นระยะทำให้ฉินหรานสามารถประมาณยุคสมัยได้ ผู้คนบนถนนทักทายกันด้วยการถอดหมวดออก ผู้ชายใส่ชุดสูท ส่วนผู้หญิงใส่กระโปรงสุ่มตัวยาว ตัวฉินหรานเองก็สวมเสื้อโค้ทยาวสีดำ ในตอนที่เขาสำรวจเสื้อผ้าตัวเองนั้นก็พบว่าตัวเองถือกล้องยาสูบอยู่ในมือและสวมหมวกแบบนักสืบ* หลังจากตรวจสอบข้อความข้อมูลพื้นฐานของดันเจี้ยนที่บอกว่า "คุณเป็นนักสืบที่เก่งกาจที่สุดในเมือง" เขาก็เลิกคิ้วขึ้นและสงสัย...

"ถ้าอยากจะให้ฉันคอสเพลย์เป็นเชอร์ล็อก โฮมส์ ก็ควรจะมีคุณวัตสันมาให้ด้วยสิ! เอาเวอร์ชั่นผู้หญิงด้วยนะ!"

"หาเงื่อนงำการหายตัวไป? ปืนมีประสิทธิภาพลดลง?"

หลังจากที่เขาสำรวจชุด เขาก็สังเกตเห็นคำแนะนำเกี่ยวกับดันเจี้ยนที่ระบุว่าปืนของเขามีประสิทธิภาพลดลง เขาขมวดคิ้วให้มัน

ความรุนแรงลดลง เพิ่มระยะเวลาโหลดกระสุน ไม่ต้องสงสัยเลยว่านี่เป็นข้อเสียเปรียบใหญ่หลวงของฉินหราน ความสามารถในการต่อสู้ของเขาลดลงถึง 30% หรือราว ๆ นั้น

"นี่คือข้อจำกัดที่ลอว์เลสหมายถึงสินะ ฮึ?" ฉินหรานอดจะพึมพำขึ้นมาไม่ได้

ก่อนจะเข้าดันเจี้ยน ฉินหรานรอคุยกับลอว์เลสอยู่สามชั่วโมง ลอว์เลสใจกว้างมากพอที่จะแบ่งปันข้อมูลบางอย่างให้กับฉินหราน น่าจะเป็นเพราะว่าลอว์เลสทำบางอย่างที่ต้องทำสำเร็จจากการแลกเปลี่ยนกับฉินหราน ฉินหรานรู้สึกได้ถึงความตื่นเต้นของลอว์เลสจากบนสนทนาผ่านทางข้อความของพวกเขา

โดยรวมแล้ว ข้อมูลที่เขาได้มาแบ่งออกได้เป็นสี่ส่วน

ส่วนแรก ผู้เล่นที่มีประสบการณ์ได้ตั้งตลาดขายของลับ ๆ อยู่ในเกม ซึ่งประตูเข้าตลาดเปิดทุกเดือนตามวันเวลาที่กำหนดไว้ ผู้เล่นทุกคนสามารถเข้าได้โดยจ่ายค่าเข้า 10 คะแนน ด้านใน มีอุปกรณ์ระดับสูงที่มีคุณภาพมากกว่าที่มีขายในฟอรั่มอยู่เพียบ

ส่วนที่สอง โลกดันเจี้ยนเปลี่ยนไปตามสิ่งแวดล้อมและยุคสมัย และจะใส่ข้อจำกัดต่าง ๆ แก่ผู้เล่น บางอย่างก็ดี แต่บางอย่างก็แย่ ส่วนมากแล้วจะแย่

ส่วนที่สาม ดันเจี้ยนที่ผู้เล่นต้องผ่านจะไม่เปลี่ยนค่าความยากเพราะผู้เล่นแข็งแกร่งขึ้น แต่เปลี่ยนตามจำนวนครั้งที่ผู้เล่นเข้าสู่ดันเจี้ยน เมื่อจำนวนครั้งเพิ่มมากขึ้น ความยากของดันเจี้ยนก็จะเพิ่มขึ้นด้วย ส่วนความยากของ [ดันเจี้ยนแบบกลุ่ม] จะเปลี่ยนไปตามค่าเฉลี่ยจำนวนครั้งที่เข้าสู่ดันเจี้ยนของผู้เล่นในทีม

สุดท้ายแต่ไม่ท้ายสุด ผู้เล่นสามารถทำภารกิจของดันเจี้ยนล้มเหลวได้ แต่ต้องรับบทลงโทษ บทลงโทษจะรุนแรงมากขึ้นตามจำนวนครั้งที่ผู้เล่นล้มเหลว

[นี่เป็นดันเจี้ยนอย่างเป็นทางการดันเจี้ยนแรกของคุณ คุณสามารถทำภารกิจหลักล้มเหลวได้ แต่คุณต้องจ่ายค่าปรับ 100 คะแนน และค่าสถานะที่สูงที่สุดของคุณลดลง 1 ระดับ] ฉินหรานอ่านคำใบ้ และคิดถึงคำเตือนอย่างมีน้ำใจของลอว์เลส

"ถ้านายไม่อยากตายศพไม่สวย นายต้องทำภารกิจหลักให้สำเร็จ หรือถ้าไม่สำเร็จ นายก็ต้องชดเชยความล้มเหลวนั่นได้!"

ฉินหรานไม่สามารถเห็นด้วยกับคำพูดนั่นได้มากไปกว่านี้แล้ว

หนึ่งร้อยคะแนนไม่ได้มากมายสำหรับฉินหราน แต่ค่าสถานะสูงสุดลดลง 1 ระดับนั้นเป็นการสูญเสียครั้งใหญ่ ฉินหรานไม่สามารถรับบทลงโทษรุนแรงขนาดนี้ได้ ถ้าค่าสถานะของเขาลดลง สิ่งที่สูญเสียไปมันจะเท่ากับคะแนนและคะแนนสกิลที่ใช้ในการเลื่อนระดับ [ตามรอย] ไปที่ระดับผู้มีฝีมือเลย

ก็ประมาณ 3000 คะแนน กับคะแนนสกิลอีก 2 คะแนน

แม้ว่าจะเป็นการคำนวณโดยประมาณแต่มันก็ไม่ต่างไปจากความเป็นจริงมากนัก

ฉินหรานสามารถจินตนาการได้เลยว่าเขาเป็นยังไงถ้าเขาทำภารกิจหลักของดันเจี้ยนล้มเหลว

เขาก็จะตายอย่างน่าสมเพชซ้ำซากไม่รู้จบ

ถ้าเขาทำภารกิจหลักไม่สำเร็จ นอกจากเสียคะแนนและค่าสถานะลดลง มันก็จะส่งผลเสียถึงภารกิจหลักของดันเจี้ยนถัดไป ในเมื่อค่าสถานะต่ำลง สุดท้ายฉินหรานก็อาจจะทำภารกิจของดันเจี้ยนที่สองล้มเหลวอีก และต้องเสียค่าปรับมากขึ้น มันก็จะเป็นแบบนี้ไปเรื่อย ๆ เป็นวัฏจักรไม่รู้จบและผลลัพธ์ก็ชัดเจนในตัวเอง ผู้เล่นที่อ่อนแอก็จะต้องเผชิญหน้ากับความโหดร้ายและจบลงด้วยการตาย

"ไม่เพียงแค่ฉันจะต้องทำภารกิจหลักให้สำเร็จ ถ้าเป็นไปได้ ฉันก็ต้องทำภารกิจย่อยอื่น ๆ ให้สำเร็จ รวมทั้งภารกิจสร้างชื่อเสียงด้วย ต้องทำแบบนี้เท่านั้นฉันถึงจะสามารถมีชีวิตรอดและมีเดิมพันสูงขึ้นเมื่อเข้าดันเจี้ยนถัด ๆ ไป!"

ฉินหรานรู้แล้วว่าความยากของดันเจี้ยนขึ้นกับจำนวนครั้งที่ลงดัน ดังนั้นเขาจึงรู้ว่าควรจะทำอย่างไรต่อไป

ตอนนี้เขานำผู้เล่นอื่นอยู่ก้าวหนึ่งแล้ว

ด้วยรางวัลที่เขาได้จากดันเจี้ยนมือใหม่ เขาก้าวหน้ากว่าคนอื่น

เมื่อมีอุปกรณ์ที่ดีก็สร้างผลงานที่ดีได้ ฉันใดฉันนั้น

ฉินหรานรีบเตรียมตัวรับภารกิจที่กำลังจะมาถึง เขามองไปที่กระเป๋าสะพายหลังของตัวเองแล้วพบว่าหน้าตาของมันเปลี่ยนไปแล้ว

กล่องไม้ยาวประมาณหนึ่งเมตรครึ่งกว้างประมาณสี่สิบห้าเซนติเมตรวางอยู่ข้างมือฉินหราน ด้านนอกกล่องทาสีดำและล็อกไว้ด้วยแม่กุญแจนิรภัยสีเงินมุก มีเข็มขัดหนังรัดไว้เป็นสายสะพาย ที่ด้านบนสายสะพายนั้น มีลูกกุญแจสองดอกแขวนไว้ เล็กหนึ่งดอกและใหญ่อีกหนึ่งดอก

เมื่อฉินหรานแตะที่ลูกกุญแจดอกใหญ่ ในใจของเขาก็ปรากฏความทรงจำพื้นฐาน ซึ่งรวมถึงแต่ไม่จำกัดแค่เฉพาะปีที่ผ่านมา เรื่องส่วนตัวของตัวละครของเขา การติดต่อและที่อยู่

เมื่อเขาซึมซับความทรงจำเหล่านั้นแล้ว ฉินหรานก็หยิบลูกกุญแจดอกเล็กมาเปิดกล่องไม้ออก

มันเปิดง่ายมาก

ในกล่องมีปืนไรเฟิลลอบสังหาร [Viper-M1] ปืนพก [M1905] กริช ระเบิดมือ [U-II] ห้าลูก อาหารกระป๋องสามกระป๋อง และน้ำอีกสามขวด ทุกอย่างเรียงไว้เป็นระเบียบ ไม่มีอะไรหายไป แม้แต่ลูกกระสุนก็ถูกวางเอาไว้ด้วยกันแล้ว ถึงหน้าตาของอุปกรณ์จะเปลี่ยนไปนิดหน่อยให้เข้ากับยุคสมัยที่ฉินหรานอยู่ตอนนี้ แต่วิธีการใช้งานยังเหมือนเดิม

ฉินหรานผ่อนลมหายใจออกอย่างโล่งอก

ถ้าวิธีการใช้อุปกรณ์เปลี่ยนไปตามยุคสมัยมันจะเป็นฝันร้ายของเขาเลยทีเดียวแหละ

แม้ว่า [การใช้ปืน (ปืนกลเบา)] ของเขาจะอยู่ในระดับผู้มีฝีมือ แต่มันก็ไม่ได้สอนวิธีการใช้ปืนและอาวุธทุกชนิดจริง ๆ ให้ฉินหราน ส่วนนั้นอยู่ในสกิล [อาวุธปืน (อาวุธชนิดพิเศษ)]

ฉินหรานหยิบกริชและ [M1905] ออกมาแขวนไว้ที่ข้างเอว แล้วดึงเสื้อโค้ทตัวยาวที่สวมอยู่มาปิดไว้ หลังจากคิดอีกเล็กน้อย เขาก็หยิบเอา [U-II] ออกมาซ่อนไว้ที่กระเป๋าด้านนอกของเสื้อโค้ทด้วย

แม้ว่าภารกิจหลักจะเป็นการค้นหาคนหาย ฉินหรานก็ไม่ได้ใสซื่อจนเชื่อว่าทั้งหมดที่ต้องทำคือการค้นหาคน

การต่อสู้ที่ไม่คาดคิดเอาไว้เกิดขึ้นได้เสมอ

หรือพูดอีกอย่างหนึ่ง "การสำรวจและต่อสู้" คือธีมหลักของดันเจี้ยนเกมใต้ดินนี้นั่นเอง

ถ้า [Viper-M1] ไม่ได้ดูเตะตาขนาดนี้ เขาก็คงซ่อนมันเอาไว้ใต้เสื้อโค้ทแล้ว เขาไม่แคร์ที่จะต้องพกมันไปมา แต่ตอนนี้คงต้องทิ้งมันเอาไว้ในกล่อง อย่างไรเสีย ฉินหรานก็เป็นนักสืบที่เก่งที่สุดในเมือง ไม่ใช่นักฆ่าเสียหน่อย

เขาเพิ่งเข้ามาในดันเจี้ยนนี้ และเขายังไม่อยากทำอะไรที่ไม่เข้ากับเซตติ้งและดึงดูดความสนใจที่ไม่ได้อยากได้

ต่อให้จริง ๆ แล้วเขาจะเป็นนักฆ่า เขาก็ไม่แบกปืนไรเฟิลลอบสังหารไปมาอย่างเปิดเผย

นี่ไม่ใช่เซตติ้งสงครามกลางเมืองเหมือนในดันเจี้ยนมือใหม่แล้ว

ที่นี่เป็นเมืองที่ปลอดภัย สงบ และค่อนข้างมั่งคั่ง

หรืออย่างน้อยมันก็ดูเหมือนแบบนั้น

....

"นายท่าน เราเกือบจะถึงแล้วขอรับ!" เสียงคนขับรถม้าพูดกับฉินหรานผ่านหน้าต่างเล็ก ๆ ของห้องโดยสาร หลังจากนั้นประมาณสองนาที รถม้าก็หยุดนิ่ง คนขับรถม้าเปิดประตูห้องโดยสาร ฉินหรานหิ้วกล่องของเขากระโดดลงจากรถม้า

เขาเริ่มสังเกตสิ่งแวดล้อมรอบตัว อย่างที่บอกไว้ในคำแนะนำ นี่เป็นคฤหาสน์แบบที่มีสนามหญ้าสีเขียวขจีและน้ำพุ มีกระทั่งกำแพงล้อมรอบตัวคฤหาสน์ไว้ ตรงหน้าเขา ที่ตรงกลางของอาณาเขตเป็นบ้านหลังใหญ่ขนาด 5 ชั้น

ฉินหรานยืนอยู่ด้านหน้าน้ำพุนางเงือกและมองตรงไปที่ตึกสีน้ำเงินขาว มันทำให้เขานึกถึงคลื่นในทะเล โดยเฉพาะอย่างยิ่ง รูปปั้นนางเงือกที่ดูมีชีวิตชีวาตรงหน้าเขาที่ทำให้คนมองรู้สึกเหมือนอยู่กลางทะเลจริง ๆ

"ตระกูลฮันเตอร์เคยมีพลเรือเอกอยู่คนหนึ่งเมื่อราว ๆ ร้อยปีก่อน ยินดีต้อนรับคุณฉินหราน กระผมเป็นพ่อบ้านของครอบครัวฮันเตอร์ขอรับ" หลังจากคำแนะนำตัวสั้น ๆ สุภาพบุรุษวัยกลางคนหน้าตาใจดีก็เข้ามาหาและโค้งตัวทักทายฉินหราน

ในขณะเดียวกัน คนขับรถม้ากับเด็กหนุ่มสองคนก็ดึงรถม้าไปทางคอกเพื่อจอด ฉินหรานกวาดตามองเด็กหนุ่มสองคนแวบหนึ่ง พวกเขาดูแข็งแรงและมีสุขภาพดี และบางที อาจจะเคยฝึกการต่อสู้มาบ้างด้วย

"ท่านเจ้าบ้านจำเป็นต้องมีผู้คุ้มกัน เพียงแค่ตำรวจไม่พอหรอกขอรับ" พ่อบ้านผู้ใจดีอธิบาย "เชิญขอรับ นายท่านรอท่านอยู่" พ่อบ้านผายมือเชื้อเชิญฉินหรานเข้าไปด้านใน ฉินหรานพยักหน้ารับก่อนจะ ินขึ้นบันไดแล้วเข้าไปในตัวคฤหาสน์

ทางเดินกว้าง ปูด้วยพรมกำมะหยี่สีแดงสด ทั้งสองข้างทางเดินตกแต่งด้วยเชิงเทียน เมื่อเขามาถึงสุดทางเดิน ดวงตาของฉินหรานก็เกือบจะบอดจากแสงสว่าง

ห้องโถงใหญ่โตหรูหราปรากฏตรงหน้าเขา อัจกลับแขวนจากบนเพดาน แสงกระทบพริบพรายส่องสว่างทั่วทั้งห้องโถง แต่ว่าเจ้าของที่นี่เหมือนจะอยู่ในสภาวะมืดมน

เขาเป็นผู้ชายวัยกลางคนร่างท้วม สูงปานกลาง ที่ดูซีดเซียว ด้านหลังเขาเป็นผู้หญิงกลางคนที่มีสีหน้าคล้ายกัน

จากภาพวาดกลางห้องโถง ฉินหรานสามารถบอกได้ว่าทั้งคู่คือเจ้าของบ้านนี้ ฮันเตอร์และภรรยา แม้ว่ารูปวาดจะดูเก่าราวสิบปีแล้วแต่พวกเขาก็ไม่ได้ดูแก่ขึ้นมากนัก ยังสามารถจดจำได้ เมื่อเจ้าของบ้านมองเห็นฉินหรานเดินเข้ามา เขาก็รีบยืนขึ้นและร้องขอ "ท่านนักสืบ กรุณาช่วยพวกเราด้วย!"

TL note:  หมวกแบบหมวกล่าสัตว์ เป็นที่นิยมใส่ของ เชอร์ล็อก โฮมส์ ในซีรีส์เรื่อง เชอร์ล็อก โฮมส์ จึงมักปรากฏเป็นหนึ่งในเครื่องแต่งกายที่บ่งบอกความเป็นนักสืบ ลักษณะหมวกมีปีกด้านหน้าและหลัง ด้านข้างมีแผ่นปิดหูที่สามารถพับเก็บขึ้นด้านบนได้

5 1 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด