CD บทที่ 544 การสัมภาษณ์
กองสืบสวนกลางจริง ๆ แล้วเรียกกันเฉพาะภายในหมู่เจ้าหน้าที่ตำรวจ ส่วนคนนอกเรียกว่ากรมสอบสวนคดีอาญา มันเป็นตัวแทนของหน่วยงานที่อำนาจสูงสุดจากแผนกสืบสวนทั้งหมด
โดยทั่วไปแล้ว แผนกสืบสวนของสถานีตำรวจท้องที่แต่ละแห่งจะรับผิดชอบทุก ๆ คดีที่เกิดขึ้น แต่เมื่อเกิดคดีร้ายแรงขึ้น พวกเขาก็ต้องเข้ามามีส่วนร่วมและดำเนินการแก้ไขคดี
เนื่องจากกองสืบสวนกลางไม่มีเจ้าหน้าที่แนวหน้า พวกเขาจะจัดตั้งทีมสืบสวนพิเศษขึ้นทุกปี ซึ่งพวกเขาจะได้รับมอบหมายให้สืบสวนคดีสำคัญ ๆ ที่กล่าวมาข้างต้น
โดยปกติแล้ว กลุ่มนี้จะเกิดขึ้นจากคำแนะนำของเจ้าหน้าที่ระดับสูง ซึ่งจะเลือกจากเจ้าหน้าที่สืบสวนที่มีความโดดเด่น เมื่อกลุ่มนักสืบนี้ถูกก่อตั้งขึ้น พวกเขาจะปฏิบัติตามคำแนะนำจากเจ้าหน้าที่ระดับสูงเพื่อทำคดียุ่งยากต่อการแก้ไขให้เสร็จ
เมื่อถึงตอนนี้ ผู้ที่ไขคดีสำเร็จทันเวลาจะสามารถอยู่ร่วมกับทีมชั้นยอด และแก้ไขคดีอื่น ๆ ต่อไปได้
สำหรับผู้ที่ไม่สามารถบรรลุการไขคดีได้ หรือผู้ที่ไม่ได้รับผลลัพธ์ที่ยอดเยี่ยมหรือได้รับคะแนนน้อยจากผู้บังคับบัญชา พวกเขาจะถูกไล่ออก
ถึงแม้จะมีความเสี่ยง แต่ก็ต้องยอมรับว่าการคว้าตำแหน่งในทีมสืบสวนเป็นความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่มาก ไม่เพียงแต่จะได้รับตำแหน่งที่สูงขึ้นจากเดิมเท่านั้น แต่สิทธิพิเศษต่าง ๆ รวทั้งเงินเดือนยังสูงกว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจทั่วไปอีกด้วย
ยิ่งไปกว่านั้น หากพวกเขาได้รับผลลัพธ์ที่ยอดเยี่ยม นักสืบบางคนก็ได้รับเลือกจากกองสืบสวนกลางให้เข้ามาประจำที่นี่ด้วยซ้ำ
ด้วยเหตุนี้ ผู้โชคดีเพียงไม่กี่รายเหล่านี้ที่จะได้เติบโตอย่างรวดเร็วในหน้าที่การงาน
ด้วยผลประโยชน์มากมายที่จะได้รับ มันจึงทำให้การแข่งขันระหว่างนักสืบจึงดุเดือดมากยิ่งขึ้น นักสืบทุกคนจะพยายามทุกอย่างเท่าที่ทำได้ เพื่อคว้าตำแหน่งนี้มาครอง
ส่วนการแบ่งคดีของแต่ละทีม มันก็มีความหลากหลายแตกต่างกันไป บางคนรับผิดชอบคดีฉุกเฉิน บางคนรับผิดชอบคดีแช่แข็งที่รอให้เหยื่อได้รับความยุติธรรม และคดีอื่น ๆ
โครงสร้างของแต่ละกลุ่มก็ถูกจัดวางอย่างระมัดระวัง โดยทุก ๆ ทีมจะประกอบด้วยสมาชิกห้าประเภท คนหนึ่งคือหัวหน้าทีม บทบาทที่เต็มไปด้วยผู้มีประสบการณ์มากมาย และมีคุณสมบัติในการเป็นผู้นำ
อีกคนเป็นเจ้าหน้าที่คอมพิวเตอร์ ซึ่งเก่งเรื่องคอมพิวเตอร์และการรวบรวมข้อมูล
อีกคนเป็นนักนิติวิทยาศาสตร์ ซึ่งสามารถรวบรวมหลักฐานและเชี่ยวชาญการตรวจสอบศพ
อีกหนึ่งเป็นเจ้าหน้าที่ภาคสนาม ซึ่งมีความเชี่ยวชาญในการต่อสู้ และตามล่าอาชญากร
และสุดท้าย นักนิติจิตวิทยา ผู้เชี่ยวชาญในการรวบรวมประวัติอาชญากรรม แยกผู้ต้องสงสัยออกจากกลุ่มคน
ด้วยความพิเศษของแต่ละทีมสืบสวน กองสืบสวนกลางจะคัดเลือกสมาชิกที่มีทักษะพิเศษมาเสริมทีมเพื่อให้พวกเขาทำงานได้อย่างสมบูรณ์แบบ
เมื่อจ้าวหยู่เข้ามาในนามของการไขคดีลักพาตัวเมียนหลิง เขาก็มาสัมภาษณ์กลุ่มที่รับผิดชอบคดีแช่แข็ง และเขากำลังจะถูกสัมภาษณ์ในตำแหน่งหัวหน้าทีม
ปัจจัยที่ใหญ่ที่สุดที่ทำให้จ้าวหยู่กังวลเรื่องการสัมภาษณ์ก็คือ แนวทางการคัดเลือกแบบดั้งเดิมของกองสืบสวนกลาง หัวหน้าทีมมักจะมีอายุมากกว่าและมีตำแหน่งที่สูงกว่า รวมถึงมีประสบการณ์มากกว่า ซึ่งสิ่งเหล่านั้นจ้าวหยู่ยังไม่มีในตอนนี้
สำหรับจ้าวหยู่นั้น ประสบการณ์ของเขายังไม่ถึงปีเลยนับตั้งแต่ที่เขาเริ่มต้นจากเจ้าหน้าที่ฝึกหัด แม้ว่าเขาจะมีประสบการณ์ในการเป็นหัวหน้าทีม แต่เรซูเม่ของเขาก็ยังดูไม่ค่อยดีนัก
แต่เมื่อจ้าวหยู่กำลังกรอกแบบฟอร์ม เขาก็พบว่าบทบาทของหัวหน้าทีมนั้นสูงกว่าตำแหน่งอื่น ๆ เพียงระดับเดียวเท่านั้น นั่นหมายความว่าทุก ๆ ตำแหน่งมีความสำคัญแทบจะใกล้เคียงกัน ดังนั้นเขาจึงเริ่มคิดใหม่เกี่ยวกับตำแหน่งที่เขาจะสมัครอีกที
ถ้าเขาแค่สัมภาษณ์ตำแหน่งเจ้าหน้าที่ภาคสนาม เขาก็มีหน้าที่ตามล่าผู้ต้องสงสัย ซึ่งบทบาทดังกล่าวน่าจะเหมาะกับเขามาก
อย่างไรก็ตาม จ้าวหยู่คิดกับตัวเองว่า แม้ว่าตัวเขาจะยังหนุ่ม แต่เขาก็เชื่อว่าตัวเขามีศักยภาพในการทำงานในตำแหน่งหัวหน้าทีมได้ดี และอีกอย่าง เขาไม่ได้มาเป็นนักสืบพิเศษเพียงเพื่อวิ่งไปจับกุมผู้ต้องสงสัย
ไม่! นั่นไม่ใช่ความตั้งใจของเขา!
เนื่องจากทรัพยากรมีจำกัด กองสืบสวนกลางจึงวางแผนรับสมัครเพียงห้าทีมเท่านั้น ดังนั้นในครั้งนี้จึงมีตำแหน่งว่างเพียงยี่สิบตำแหน่งเท่านั้น
แต่จำนวนตำรวจที่เข้ามาสัมภาษณ์มีมากกว่าร้อยคน
ด้วยอัตราการถูกปฏิเสธที่สูงจนเห็นได้ชัด นั่นทำให้จ้าวหยู่เริ่มรู้สึกถึงความกดดันจริง ๆ
กองสืบสวนกลางตั้งอยู่ติดกับโรงเรียนตำรวจ หลังจากรายงานตัวเรียบร้อยแล้ว จ้าวหยู่ก็ได้รับกุญแจห้องและบัตรอาหารจากโรงเรียนตำรวจ เนื่องจากโรงเรียนตำรวจจะรับผิดชอบเรื่องอาหารและที่พักของผู้สมัครทั้งหมด
มีเขียนไว้อย่างชัดเจนในประกาศว่า เขาจะต้องไปสัมภาษณ์ตอนเก้าโมงเช้า ซึ่งผลการสัมภาษณ์ครั้งนั้นจะเป็นตัวกำหนดอนาคตของเขา
เนื่องจากจ้าวหยู่กังวลจนจิตใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว เขาจึงโทรหาเหลียวจิงซานในคืนนั้นเพื่ออธิบายสถานการณ์ปัจจุบันให้เขาฟัง จ้าวหยู่ยังขอให้พี่เขยของเขาช่วยในเรื่องนี้
เหลียวจิงซานบอกกับจ้าวหยู่ว่า ถ้าพี่เขยของเขาไม่ได้ช่วยจ้าวหยู่อย่างลับ ๆ จ้าวหยู่อาจไม่มีโอกาสได้เข้ามานั่งสัมภาษณ์ด้วยซ้ำ
แต่เนื่องจากพี่เขยของเขาเป็นเพียงหัวหน้าแผนกในกองสืบสวนกลาง เขาจึงไม่สามารถช่วยเหลือเขาได้อีกต่อไป จ้าวหยู่จึงทำได้เพียงพึ่งพาตนเองเท่านั้น
จ้าวหยู่ยังคงขอร้องเหลียวจิงซานต่อไป อย่างน้อย ๆ ก็ช่วยหาคำถามสัมภาษณ์ให้เขาล่วงหน้าก็ยังดี
เมื่อได้ยินคำขอนี้เหลียวจิงซานก็โกรธจัดโดยบอกว่าพี่เขยของเขาเองก็ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าใครเป็นผู้คุมสอบ ดังนั้นลืมเรื่องคำถามตอนสัมภาษณ์ไปได้เลย
หลังจากวางสายโทรศัพท์ จ้าวหยู่ก็มองไปที่อินเทอร์เฟซระบบของเขา เขาคิดกับตัวเองว่า
‘ระบบ การที่ฉันจะได้เป็นนักสืบพิเศษได้หรือไม่? ทุกอย่างมันก็ขึ้นกับคุณแล้ว’
เมื่อไม่มีอะไรตอบกลับมาเลย จ้าวหยู่ก็ไม่ต้องการเสียพลังงานไปกับการพูดคุยกับระบบในหัวอีกต่อไป เขาจึงนอนลงไปบนเตียงและเข้านอน
เช้าวันรุ่งขึ้น เขาได้รับคำทำนาย ‘Zhen-Li’ มันไม่มีอะไรที่ทำให้จ้าวหยู่ มีความสุขมากไปกว่าการได้รับตัวอักษรคำทำนาย ‘Zhen’
การที่เขาได้รับ ‘Zhen’ มา นั่นหมายความว่าตัวเขาจะได้รับการเปลี่ยนสถานะของเขา เขาก็หวังว่าเขาจะได้เป็นหัวหน้าทีมของทีมสืบสวนพิเศษ
ดังนั้น เมื่อถึงเวลาสัมภาษณ์ จ้าวหยู่ก็มาถึงด้านนอกห้องประชุมด้วยความมั่นใจ พร้อมที่จะรับการสัมภาษณ์ที่กำลังจะมาถึง
เมื่อเขาไปถึงบริเวณรอด้านนอกห้องประชุม เขาต้องตกใจเมื่อเห็นว่ามีผู้สมัครเต็มไปหมด และพร้อมที่จะสัมภาษณ์ด้วยเช่นกัน
จ้าวหยู่รู้ว่าผู้สมัครทุกคนที่สัมภาษณ์ตำแหน่งหัวหน้าทีมจะถูกสัมภาษณ์ที่เดียวกัน กล่าวอีกนัยหนึ่ง ทุกคนที่นั่นล้วนเป็นคู่แข่งของเขา
เขามองไปรอบ ๆ อย่างระมัดระวัง ทั้งหมดมีราว ๆ ยี่สิบแปดคน ไม่เพียงแต่มีแค่ผู้ชายเท่านั้น พวกเขายังอายุมากกว่าเขาอีกด้วย ซึ่งในบรรดาผู้สมัคร มีนักสืบชราผมขาวตั้งสองคน
จ้าวหยู่คิดกับตัวเองว่า
‘คงจะดีมากถ้าระบบมีอุปกรณ์ล่องหน อย่างเช่นยาถ่ายล่องหน ฉันคงจะสามารถส่งคนเหล่านี้ไปห้องน้ำทั้งหมด ทีนี้คู่แข่งของฉันจะได้หมดไป ฮ่า ๆ!’
เมื่อผู้สมัครทุกคนเห็นจ้าวหยู่ พวกเขาก็ดูตกใจ พวกเขาไม่คาดคิดว่าจะได้เห็นผู้สมัครอายุน้อยมาสมัครตำแหน่งนี้
อย่างไรก็ตาม หลังจากนั้นไม่กี่นาที สีหน้าตกใจของพวกเขาก็ถูกแทนที่ด้วยสีหน้ายินดีอย่างลับ ๆ จากมุมมองของนักสืบที่มีประสบการณ์เหล่านี้ การมาถึงของจ้าวหยู่เป็นเพียงการตัดคู่แข่งรายหนึ่งออกไป ด้วยประสบการณ์ของจ้าวหยู่ มันไม่มีทางที่จะทำให้เขาสามารถกลายเป็นคู่แข่งของพวกเขาเลย
เมื่อจ้าวหยู่พบที่นั่งแล้ว ผู้คุมสอบก็เดินออกมาจากห้องประชุมก็ตะโกนชื่อของเขาว่า
“จ้าวหยู่ เจ้าหน้าที่จ้าวมาถึงแล้วหรือยัง? กรุณาเข้ามาสัมภาษณ์ด้วย ในห้องด้วย!”
จ้าวหยู่ไม่เคยคาดหวังว่าเขาจะเป็นคนแรกที่ถูกเรียก
เมื่อมองไปที่จ้าวหยู่ที่กำลังลุกขึ้น และเดินไปที่ห้องประชุม นักสืบเฒ่าก็รู้สึกพึงพอใจมากยิ่งขึ้น
จากการสัมภาษณ์ทั้งหมดในประวัติศาสตร์ คนแรกมักจะเป็นคนที่ด้อยโอกาสที่สุดเสมอ ในสายตาของพวกเขา ชายหนุ่มคนนี้จะต้องกลับบ้านมือเปล่าในเร็ว ๆ นี้!