บทที่ 61 ผู้จับอสูรงู
###
“เมล็ดสนเมฆแดงระดับหนึ่งสามเม็ดที่สุกแล้ว เปิดออกมาเป็นกระบี่เพลิงลี้ลับระดับสอง, คัมภีร์ยันต์พื้นฐาน และเข็มแดงเชื่อมโชคระดับสอง”
“หญ้ากระบี่และเห็ดกระดูกเป็นระดับสอง อีกทั้งยังไม่ใช่พืชวิญญาณธรรมดาที่พบได้ทั่วไปเหมือนต้นสนเมฆแดง รางวัลที่ได้รับจากกลุ่มแสงเมื่อพวกมันสุกคงจะไม่ทำให้ข้าผิดหวังแน่”
ลู่เซวียนคิดเงียบๆ ในใจ
สองถึงสามวันที่ผ่านมา เขาเปิดค่ายกลพรางหมอกทุกวันและสังเกตสภาพของพืชวิญญาณในสวนอย่างละเอียด เพื่อให้แน่ใจว่าไม่มีหนอนกัดกินวิญญาณกลายพันธุ์เข้ามาแอบซ่อน
หญ้าวิญญาณที่เหลืออีกยี่สิบหกต้นสุกครบในช่วงไม่กี่วันนี้
ในบรรดาหญ้าวิญญาณยี่สิบหกต้นนั้น เก้าต้นเป็นคุณภาพดี สิบสามต้นเป็นคุณภาพยอดเยี่ยม และสี่ต้นสุดท้ายเป็นคุณภาพสมบูรณ์แบบ
หลังจากเก็บเกี่ยวหญ้าวิญญาณได้แล้ว ก็ปรากฏกลุ่มแสงสีขาวยี่สิบหกกลุ่ม
ในจำนวนนั้นมีหกกลุ่มที่ให้รางวัลพลังฝึกปราณ สามกลุ่มให้พลังหกเดือน สองกลุ่มให้พลังเก้าเดือน และอีกกลุ่มหนึ่งให้พลังหนึ่งปี ซึ่งรวมแล้วทำให้ลู่เซวียนได้รับพลังถึงสี่ปี
กระแสพลังวิญญาณในเส้นลมปราณและจุดตันเถียนในร่างของเขาไหลอย่างรุนแรงและเชี่ยวกราก ก่อนจะค่อยๆ สงบลงหลังจากเวลาผ่านไปนาน
การเพิ่มพลังถึงสี่ปีในคราวเดียวทำให้ลู่เซวียนก้าวหน้าไปอีกขั้น และเขาใกล้จะบรรลุฝึกปราณขั้นเจ็ดแล้ว
นอกจากนี้ กลุ่มแสงสีขาวอีกสิบสองกลุ่มยังมอบยันต์ระดับหนึ่งจำนวนสิบสองแผ่น ส่วนใหญ่เป็นยันต์กระบี่พลังและยันต์ขับไล่ปีศาจ พร้อมทั้งยันต์ระเบิดเพลิงอีกสองถึงสามแผ่น
ยันต์ระดับหนึ่งในถุงเก็บของของเขาเริ่มสะสมมากขึ้นเรื่อยๆ หากเขานำออกมาใช้พร้อมกัน คงไม่ด้อยไปกว่าการโจมตีเต็มกำลังของผู้ฝึกปราณขั้นสูง
นอกจากนี้ ยังมีเม็ดยาเป่ยหยวนตานระดับหนึ่งสี่เม็ด และประสบการณ์ในวิชาเวทสองชุด ได้แก่ วิชาเรียกดินและวิชามู่เซิงซู่
ลู่เซวียนดูดซับพลังวิชาเหล่านี้ ทำให้ความเข้าใจในสองวิชานี้ลึกซึ้งยิ่งขึ้น
ส่วนกลุ่มแสงสีขาวที่เหลืออีกสองกลุ่ม หนึ่งกลุ่มเปิดออกมาเป็นสูตรโอสถเป่ยหยวน และอีกกลุ่มหนึ่งเปิดออกมาเป็นหยดน้ำทิพย์ต้นหญ้า
ลู่เซวียนหยดน้ำทิพย์นั้นลงในก้อนหญ้าบนหัวของหุ่นเชิดหญ้า
“ยินดีด้วยที่เจ้ากลับมาสมบูรณ์อีกครั้ง จากนี้ก็ต้องตั้งใจดูแลสวนพืชวิญญาณต่อไปนะ~”
ไม่กี่อึดใจต่อมา ก้อนหญ้าสีเทาบนหัวหุ่นฟางก็กลายเป็นสีเขียว และมันเริ่มการลาดตระเวนในสวนพืชวิญญาณรอบใหม่
ด้วยพลังจากน้ำทิพย์ต้นหญ้า ลู่เซวียนรู้สึกได้ว่าการเคลื่อนไหวของหุ่นฟางดูทรงพลังมากขึ้นเล็กน้อย
ไม่นานหลังจากนั้น เลือดอสูรงูที่ลู่เซวียนสั่งไว้จากหอว่านเป่าก็มาถึงตามสัญญา
เขาใช้หินวิญญาณอีกสี่เม็ด รวมกับสามเม็ดที่จ่ายเป็นมัดจำ แล้วรับขวดเลือดงูจากหอว่านเป่า
ตามที่หญิงสาวร่างบางบอก เลือดงูในขวดนี้พึ่งจะสกัดออกมาได้ไม่นาน ยังคงสดอยู่ เลือดนี้มาจากอสูรงูสองปีกเกล็ดทอง ซึ่งเป็นอสูรระดับหนึ่ง
เลือดนั้นบรรจุในขวดหยกใส มองเห็นเลือดสีแดงสดที่แทรกด้วยประกายทองราวกับแสงอาทิตย์ยามเย็นสาดส่องลงบนทะเลเลือด
ลู่เซวียนหยิบขวดหยกใสแล้วเดินไปที่ต้นเถามังกร
เขาเปิดจุกขวดแล้วเทเลือดที่มีประกายทองเล็กๆ ลงบนเถามังกร
ทันทีที่เลือดถูกเทลงไป เถามังกรก็เหมือนกับมีชีวิต มันบิดตัวเบาๆ ราวกับงู และเลือดที่แทรกด้วยแสงทองก็ค่อยๆ ซึมเข้าสู่เถาอย่างช้าๆ
เมื่อเลือดทั้งหมดถูกดูดซึม ลู่เซวียนสังเกตเห็นว่าบนผิวเถาปรากฏเป็นลวดลายสีทอง แผ่กระจายเป็นลวดลายแปลกประหลาดบนเถามังกรสีดำสนิท
ลู่เซวียนมุ่งสมาธิไปที่เถามังกร
“รอวันนี้มานานแล้ว! ในที่สุดข้าก็ได้ลิ้มรสเลือดงูที่อร่อยยิ่งขึ้นและทรงพลังยิ่งกว่าเดิม!”
เถามังกรที่ปรากฏลวดลายสีทองยังคงขยับตัวเบาๆ ราวกับกำลังดื่มด่ำกับการดูดซึมเลือดอสูรงูสองปีกเกล็ดทองอย่างมีความสุข
ผ่านไปประมาณครึ่งชั่วโมง ลวดลายสีทองบนผิวเถาก็ค่อยๆ จางหายไป กลับกลายเป็นเถาที่เหี่ยวแห้งและบิดตัวไปมาเช่นเดิม
“ครั้งก่อนที่เถามังกรดูดซึมเลือดงูดำไร้ระดับ ไม่เห็นจะมีการเปลี่ยนแปลงอะไร แต่ครั้งนี้เมื่อมันดูดซึมเลือดของอสูรงูสองปีกเกล็ดทอง มันกลับปรากฏลวดลายสีทองขึ้นมา นี่แสดงว่าเลือดงูที่มีคุณภาพสูงขึ้นอาจจะส่งผลต่อการเจริญเติบโตของเถามังกรด้วย?”
ลู่เซวียนคิดอย่างสงสัย เขาตั้งใจว่าจะลองหาดูว่าในหอว่านเป่ามีเลือดงูชนิดนี้ในปริมาณมากหรือไม่ หากหาได้ เขาอาจจะใช้น้ำเลือดอสูรงูรดเถามังกรอย่างสม่ำเสมอ เพื่อเร่งการเจริญเติบโต
จากนั้นลู่เซวียนก็ตรวจสอบพืชวิญญาณในสวนทั้งหมด โดยใช้วิชาเวทเพื่อตอบสนองความต้องการของพืชแต่ละชนิด ก่อนจะบอกให้แมวป่าทะยานเมฆและหุ่นฟางดูแลบ้านให้ดี เปิดใช้งานค่ายกลพรางหมอก แล้วนำหญ้าวิญญาณที่สุกแล้วทั้งสามสิบเก้าต้นออกจากบ้าน
เมื่อหญ้าวิญญาณหนึ่งร้อยต้นสุกครบ เขาก็ตัดสินใจว่าจะไปยังไป่เฉ่าถังเพื่อขอเมล็ดพันธุ์หญ้าวิญญาณเพิ่มเติม เพื่อเริ่มการเพาะปลูกรอบใหม่
แม้ว่าหญ้าวิญญาณจะมีมูลค่าและรางวัลจากกลุ่มแสงน้อยกว่าพืชวิญญาณระดับหนึ่งและสองชนิดอื่นๆ แต่จนถึงตอนนี้ เขาพบเพียงหญ้าวิญญาณที่ให้รางวัลพลังฝึกปราณ ดังนั้นเขาจำเป็นต้องปลูกมันในปริมาณที่เพียงพอเพื่อให้พลังฝึกปราณของเขาเติบโตต่อไปได้
หญ้าวิญญาณคือพืชที่เน้นปริมาณ ส่วนโสมเลือดหยกและชาชิงเมี่ยวหลิงนั้นต้องสมดุลทั้งคุณภาพและปริมาณ ในขณะที่พืชวิญญาณที่ได้จากกลุ่มแสง เช่น หญ้ากระบี่ เห็ดกระดูกดำ และต้นควันมายา นั้นเน้นเรื่องคุณภาพ กลยุทธ์สามด้านนี้จะทำให้เขาได้ทั้งคุณภาพและปริมาณไปพร้อมกัน
ทันทีที่ออกจากบ้าน ลู่เซวียนก็เห็นผู้ฝึกตนแซ่อู๋ที่อยู่บ้านใกล้ๆ กัน
เมื่ออีกฝ่ายเห็นลู่เซวียน เขาก็เรียกทักทายในทันที
“ท่านลู่ ท่านจะไปไหนหรือ? มาลองชิมเหล้าพลังวิญญาณสูตรใหม่ของข้าหน่อยสิ”
ลู่เซวียนไม่อาจปฏิเสธน้ำใจของอีกฝ่ายได้ จึงเข้าไปในบ้านของผู้ฝึกตนแซ่อู๋
“ท่านลู่ มาลองชิมเหล้าพลังวิญญาณของข้าดูสิ”
ทันทีที่นั่งลง ผู้ฝึกตนอู๋ก็นำเหล้าพลังวิญญาณสีเหลืองเข้มมารินให้ตัวเองและลู่เซวียนคนละแก้ว
“ข้าเห็นว่าท่านลู่ติดตั้งค่ายกลป้องกันระดับสองที่นอกบ้านในช่วงไม่กี่วันนี้ ท่านคงยอมทุ่มทุนไม่น้อยเลยใช่ไหม…”
ลู่เซวียนรับแก้วเหล้าจากมือของผู้ฝึกตนอู่แล้วลองจิบดู รสชาติหอมหวานและกลมกล่อม
“เหล้าดี!”
ลู่เซวียนชมเชยและวางแก้วลง
“ท่านอู๋ก็คงทราบดีว่า ตอนนี้ตลาดเริ่มอันตรายขึ้นเรื่อยๆ มีข่าวผู้ฝึกตนกลายพันธุ์ออกมาบ่อยๆ แถมยังมีข่าวลือว่าหวังซาน หัวหน้าหน่วยลาดตระเวนของตลาด ถูกพวกนั้นแทรกซึมเข้ามาด้วย”
“อีกทั้งข้าเคยเจอผู้ฝึกตนที่บุกรุกสวนของข้ามาก่อน พืชวิญญาณในสวนก็เป็นทรัพย์สินทั้งหมดของข้า ข้าจึงต้องทุ่มทุนลงไปเพื่อป้องกันทรัพย์สินเหล่านี้”
ลู่เซวียนกล่าวตอบอย่างลวกๆ
ผู้ฝึกตนอู๋พยักหน้าเห็นด้วย
“ก็จริง ท่านระวังไว้ก็ไม่เสียหายอะไร”
“เอาล่ะ เรามาดื่มกันต่อ เหล้าพลังวิญญาณนี้ทำมาจากดีงูและกระดูกงูของอสูรงู ซึ่งหาได้ยากมากในชีวิตประจำวัน”
“หือ?”
ลู่เซวียนยกแก้วขึ้น แต่แล้วก็ชะงักไปครู่หนึ่ง
“เหล้าทำจากดีงูและกระดูกงู นั่นคงต้องใช้จำนวนอสูรงูมากมาย ดีงูและกระดูกงูเหล่านั้นมาจากที่ใดหรือ?”
เมื่อนึกถึงเรื่องนี้ ลู่เซวียนจึงถามตรงๆ กับผู้ฝึกตนอู๋
“ท่านอู๋ ข้ามีบางอย่างอยากจะถามท่าน งูที่ใช้ทำเหล้านี้มาจากไหนหรือ? มาจากหอว่านเป่าหรือร้านอื่นๆ ในตลาด หรือจากตลาดผู้ฝึกตนอิสระ?”
“ไม่ใช่ทั้งนั้น”
ผู้ฝึกตนอู๋ส่ายหัว
“การจะรวบรวมอสูรงูชนิดเดียวกันในตลาดผู้ฝึกตนอิสระนั้นเป็นเรื่องยาก ส่วนที่หอว่านเป่าเองก็แพงเกินไป ข้าไม่ค่อยอยากซื้อจากที่นั่น”
“เหล่านี้ข้าได้มาจากสหายของข้า”
“สหายหรือ?” ลู่เซวียนตาเป็นประกาย
“ใช่ เป็นสหายที่ข้ารู้จักมานาน ครอบครัวของเขามีวิชาลับสืบทอดกันมา ซึ่งมีความสามารถพิเศษในการจับอสูรงู”
“ตอนนี้เขาอยู่ในระดับฝึกปราณขั้นหก และด้วยวิชาลับนี้ เขาสามารถล่าอสูรงูระดับสองได้ด้วยซ้ำ”
“ท่านจะพอแนะนำให้ข้ารู้จักได้ไหม? ข้าต้องการวัสดุบางอย่างจากอสูรงูอย่างเร่งด่วน”
“ได้สิ”
ผู้ฝึกตนอู๋ตอบตกลงทันที