ตอนที่แล้วบทที่ 10 อยากได้เงินเยอะๆ เพื่อรักษาหัวใจ
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 12 คุณย่าใจกว้างขึ้น

บทที่ 11 หลีกเลี่ยงการโป๊ะแตก การจำคนคือสิ่งสำคัญ


บทที่ 11 หลีกเลี่ยงการโป๊ะแตก การจำคนคือสิ่งสำคัญ

หลังจากที่ซ่งซือทำตัวอิดออดอยู่สักพัก ท่ามกลางคำปลอบโยนที่อ่อนหวานจากทุกคน เธอก็ยอมแต่งตัวเสร็จและถูกพยุงไปที่ห้องโถงใหญ่

เมื่อมองไปรอบๆ ห้องโถงอันกว้างใหญ่ มีคนเพียงไม่กี่คนนั่งอยู่ เมื่อเห็นซ่งซือออกมา ทุกคนก็ลุกขึ้นพร้อมกัน ก้มลงทำความเคารพ

“ขอให้แม่มีสุขภาพแข็งแรงและมีความสุขยืนยาว”

“ขอให้คุณย่ามีสุขภาพดีและอายุยืนยาว”

ซ่งซือมองดูทุกคนทำความเคารพอย่างเรียบร้อย ใจเธออดรู้สึกชื่นชมไม่ได้

นี่แหละบ้านตระกูลใหญ่ มารยาทและพิธีการช่างไร้ที่ติ กระโปรงของทุกคนไม่กระดิกเลยแม้แต่นิดเดียว เอวก็ไม่ขยับ นี่แหละมารยาทแบบคลาสสิกแท้ๆ ที่ฝังอยู่ในสายเลือด ดูสง่างามทุกการเคลื่อนไหว ไม่ใช่การแสดงที่เงอะงะเหมือนในละครโบราณที่เธอเคยเห็น

ซ่งซือนั่งอยู่ที่ที่นั่งหลักและเพลิดเพลินกับการชม แต่เธอก็สงสัยว่าทำไมคนที่โค้งตัวทำความเคารพถึงไม่มีใครลุกขึ้นสักที

กงมามาไอเบาๆ และก้มลงกระซิบข้างหูซ่งซือว่า “ท่านผู้เฒ่า วันนี้ท่านจะให้คุณนายใหญ่และคุณนายรองทานอาหารเช้าที่ ชุนฮุ่ยถังหรือไม่เจ้าคะ?”

ซ่งซือกลับมามีสติ รีบพูดว่า “ยังไม่ได้ทานอาหารเช้ากันอีกหรือ? ทานด้วยกันเถอะ”

คุณนายรองเจียงเป็นคนที่ร่าเริง เธอพูดขึ้นด้วยรอยยิ้มว่า “อาหารเช้าของห้องครัวเล็กของแม่หอมมาก ข้าหิวจนทนไม่ไหวแล้ว วันนี้ได้ลิ้มลองสักที ข้าคงไม่ปฏิเสธแล้วล่ะ”

ซ่งซือหันไปมองเด็กๆ ที่หน้าตาน่ารักเหมือนแกะสลัก เธอพยายามจำชื่อพวกเขาจากความทรงจำ การจำคนถือเป็นเรื่องสำคัญ ถ้าจำผิดก็อาจจะโป๊ะแตกได้

เด็กสาวที่สวมเสื้อสีเหลืองอ่อน ผมมัดเป็นมวยต่ำและมีผมเส้นเล็กปล่อยลงมาข้างแก้ม ดวงตากลมโตสวยงาม อายุประมาณสิบสี่หรือสิบห้า นี่คงเป็นซ่งหรูฉีคุณหนูรองของห้องใหญ่

ส่วนเด็กหนุ่มคู่แฝดอายุราวๆ สิบสองปีที่ยืนข้างคุณนายรองนั้น น่าจะเป็นลูกชายฝาแฝดของเธอ ซ่งหลิงเจาและซ่งหลิงเจี๋ย

นอกจากนั้นก็ไม่มีใครแล้ว

ซ่งซือมองผ่านพวกเขาไปข้างหลังด้วยความสงสัย

มันไม่น่าจะเป็นแบบนี้สิ ครอบครัวซ่งถือว่ามีคนเยอะพอสมควร อย่างน้อยรุ่นของซ่งจื้อหยวนก็มีลูกชายสี่คน เมื่อพวกเขาแต่งงานแล้ว ก็มีลูกชายสี่คนและลูกสาวอีกสามคน ซึ่งทั้งหมดเป็นลูกในสมรส

แต่ตอนนี้กลับมีเพียงเด็กสามคนอยู่ตรงหน้า

“แม่เจ้าคะ ท่านมองหาอะไรหรือ?” ซ่งต้าฟู่เหริน ถามด้วยเสียงอ่อนโยน เมื่อเห็นซ่งซือมองหาอะไรบางอย่าง

ซ่งซือเผลอพูดออกไปว่า “ทำไมคนถึงน้อยจัง?”

ซ่งต้าฟู่เหรินหยุดไปชั่วครู่ เธอคิดว่าซ่งซือหมายถึงการที่ตนป่วย แล้วไม่มีลูกหลานมาดูแลมากพอ จึงรีบอธิบายว่า

“...เสี่ยวชูกับซู่เกอเอ๋อกลับบ้านไปไหว้บรรพบุรุษ ข่าวที่ท่านป่วยเราส่งไปแล้ว พวกเขาคงรีบกลับมาเร็วๆ นี้ ส่วนฉีเจี่ยเอ๋ออยากจะกลับมา แต่เพิ่งตั้งครรภ์ยังไม่ถึงสามเดือน ทราบว่าท่านป่วยก็ร้อนรนจนมีอาการตกเลือด คุณนายผู้เฒ่าทางนั้นไม่อนุญาตให้มา ข้าได้ส่งข่าวไปแล้ว เมื่ออาการดีขึ้นก็คงจะมาพบท่าน ส่วนคุณอาท่านรองท่านอำมาตย์บอกว่าธุรกิจที่นั่นกำลังยุ่ง จึงไม่ให้กลับมา และคุณอาท่านที่สามซานสูภรรยาของเขาน่าจะพาลูกๆ อยู่ระหว่างทาง อีกไม่กี่วันคงมาถึง ท่านผู้เฒ่าอย่าเพิ่งรำคาญเอานะเจ้าคะ”

เมื่อซ่งต้าฟู่เหรินอธิบาย ซ่งซือก็เริ่มจับความเข้าใจได้ว่าทำไมคนถึงไม่ครบเดิม เพราะทุกคนอยู่ข้างนอกนั่นเอง

เจียงหันไปส่งสัญญาณให้ลูกชายทั้งสอง แฝดทั้งคู่ยิ้มพลางเดินเข้ามานั่งคุกเข่าข้างๆ ซ่งซือและเริ่มนวดขาให้เธอ

“ทั้งๆ ที่พวกเราก็อยู่ที่นี่ แต่คุณย่ากลับคิดถึงแต่พี่ชาย พวกเราไม่ดีพอหรือครับ?”

ซ่งต้าฟู่เหรินหันไปส่งสัญญาณให้ลูกสาวคนรองของเธอ แต่ซ่งหรูฉีเพียงทำปากบึนและไม่ได้แสดงความรักใดๆ ต่อตายาย เธอก้มหน้ามองผ้าเช็ดหน้าในมือแทน ทำให้ซ่งต้าฟู่เหรินโกรธจนแทบจะกลอกตา

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด