ตอนที่แล้วตอนที่ 31 : ดับแล้ว (1)
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 33 : อันธพาล

ตอนที่ 32 : ดับแล้ว (2)


ตอนนี้เฉินหลิงเองก็มีคุณสมบัติที่เท่าเทียมกับพวกเขาแล้ว

.

เฉินหลิงไม่เคยคิดว่าเขาเป็นตัวเอกชายที่เท่ เขาไม่สามารถพูดกับพวกนั้นว่า "ถ้ากล้ามายุ่งกับฉัน ฉันจะฆ่านายซะ!" อย่างเลือดร้อนและลงมือฆ่าพวกคนชั่วหน้าซื่อใจคด....การทำแบบนี้ เท่ากับการประกาศสงครามกับผู้คุมกฎของอาณาจักรออโรร่าทั้งหมด

บ้านของเขายังอยู่บนถนนหานซวง และเขาก็มีน้องชายที่กำลังจะกลับไปโรงเรียนอีกด้วย ถ้าทำแบบนั้นอาจจะถูกพวกที่มี "เส้นทางสู่เทพเจ้า" ตามไล่ล่า เขายังต้องการฐานะของผู้คุมกฎอยู่...ไม่ว่าจะคิดจากมุมไหนก็ตาม เขาควรจะตามน้ำไปก่อน ปล่อยให้เรื่องนี้จบลงอย่างเงียบๆ

“ถ้าอย่างนั้นก็ขอบคุณทุกคนมากนะครับ” เฉินหลิงพูดอย่างสงบโดยไม่เงยหน้าขึ้น

“น้องเฉินหลิง หิมะตกถนนลื่น เดินกลับระวังๆ นะ” รอยยิ้มของเฉียนฝานไม่ได้ลดลง “เที่ยงวันนี้ น่าจะประกาศรายชื่อคนที่ผ่านการคัดเลือก ระหว่างกลับบ้านก็ตั้งใจฟังดีๆ แล้วเราจะได้พบกันอีก”

เฉินหลิงตอบสองสามคำอย่างอบอุ่น แล้วหันหลังเดินกลับบ้านไป

ขณะที่เฉินหลิงจากไป รอยยิ้มอันอบอุ่นบนใบหน้าของเฉียนฝานกับคนอื่นๆ ก็ค่อยๆ จางหายไป แทนที่ด้วยความเยือกเย็นและดูถูกเหยียดหยาม

“เฉินหลิงคนนี้ไร้ยางอายจริงๆ” พวกเขาหัวเราะเยาะ

“รอให้พี่หม่าทำสำเร็จ ท้องฟ้าของเขตสามก็จะเปลี่ยนไป…ถ้าถึงตอนนั้น มาดูกันว่าเขายังจะวิ่งหนีไปไหนได้อีก?”

"ว่าแต่มีข่าวคราวจากพี่หม่าบ้างมั้ย?”

"ไม่รู้สิ..."

"คำนวณดู น่าจะเร็วๆ นี้"

ขณะที่พวกเขาพูดคุยกัน ตอนนั้นเองก็มีคนคนหนึ่งวิ่งมาจากระยะไกล ท่ามกลางหิมะตกหนาทึบเขาลื่นและเซไปเกือบจะล้มลงกับพื้น

“ตายแล้ว…!”

“ใครตาย?”

“หานเหมิงหัวหน้าผู้พิทักษ์เขตสามตายแล้ว!!” เขาลุกขึ้นยืนแล้วพูดเสียงดัง “มีข่าวจากเขตสามว่าเขาสู้กับภัยพิบัติเพียงลำพัง สุดท้ายก็ตกตายไปด้วยกัน!”

“ผู้พิทักษ์หม่าจงขึ้นรักษาการหัวหน้าแทน มีคำสั่งให้ยกเลิกการปิดเมืองในเขตสามกับเขตสองเร็วๆ นี้!”

เมื่อพวกเขาได้ยินข่าว ดวงตาของทุกคนก็สว่างขึ้นทันที!

“สำเร็จแล้ว!!”

“แน่ใจเหรอ? หานเหมิงตายแล้วจริงๆ?” เฉียนฝานถามอีกครั้ง

"ข่าวนี้มาจากเขตสาม คนสนิทของพี่หม่าเป็นคนมาแจ้งเอง"

เฉียนฝานโล่งใจและยิ้มแย้มอย่างสดใสทันที

"เมื่อภูเขาอย่างหานเหมิงล้มลง วันดีๆ ของพวกเราก็มาถึงแล้ว"

"ในที่สุดธุรกิจบนถนนปิงฉวนก็สามารถดำเนินการได้...ไป ไปเรียกกู่เตากับพรรคพวกของเขามา เรียกผู้หญิงขายบริการ แล้วก็เอาเนื้อกับเหล้าดีๆ มาด้วย พวกเราต้องฉลองกัน"

"ต้องทำให้พวกเขารู้ว่า หลังจากนี้ใครมีเนื้อให้พวกเขากิน"

"ได้เลยพี่ฝาน!"

.

.

…........

.

เฉินหลิงถือเงินสิบเหรียญค่อยๆ เดินขึ้นไปบนภูเขาด้านหลัง ผมสีดำของเขากลายเป็นขาวโพลน

.

เขาใช้เวลาเดินสองชั่วโมงจนมาถึงเขตสาม เขาอยู่ที่นั่นไม่ถึงห้านาทีก็ต้องเดินกลับทางเดิม...กว่าจะกลับไปถึงถนนหานซวงก็คงจะเที่ยงแล้ว

แต่ไม่ว่ายังไง เขาก็ได้รับข่าวดีเช่นกัน เขายังได้มาสิบเหรียญอีกด้วย เงินเพียงพอสำหรับซื้อเสื้อใหม่ให้เขากับเฉินเยี่ยน ยังสามารถหาคนมาอุดรอยรั่วในบ้านได้อีกด้วย ในวันที่หิมะตกหนักในบ้านหนาวตัวแทบแข็ง

"ค่าความคาดหวังก็มีไม่น้อย ฉันน่าจะอยู่อย่างสงบได้สักสองวัน" เฉินหลิงเหลือบมองตัวอักษรที่เปล่งประกายท่ามกลางหิมะพร้อมกับพึมพำกับตนเอง

แต่พูดถึงเรื่องนี้ ดูเหมือนเขาจะดีขึ้นกว่าตอนที่มาครั้งแรกมาก...นับตั้งแต่เขายึดร่างคืนจากมือ "ผู้ชม" ได้ พวกเขาก็ไม่ได้เข้ามาแทรกแซงโลกในความจริงนานแล้ว ทุกอย่างกำลังไปในทิศทางที่ดีขึ้น

เขาเดินย่ำบนพื้นหิมะอยู่นาน จนกระทั่งหิมะหนาเกินข้อเท้า ในที่สุดก็มาถึงถนนหานซวง

เขากำลังเตรียมตัวกลับบ้านโดยตรง แต่จากหางตาเหลือบไปเห็นร้านแห่งหนึ่งที่กำลังจะปิด เขาจึงหยุดเดิน

“เถ้าแก่ เค้กนี่คุณขายยังไง?”

เฉินหลิงถามพร้อมชี้ไปยังเค้กอันสวยงามในตู้โชว์

"200 เหรียญทองแดง" เถ้าแก่ร้านเงยหน้าขึ้นแล้วพูด เมื่อพบว่าเป็นเฉินหลิง คิ้วของเขาเลิกขึ้นเล็กน้อย

"อาหลิงเองเหรอ ทำไมจู่ๆ ถึงจะซื้อเค้กล่ะ?"

บนถนนหานซวงแห่งนี้ ทุกคนล้วนเป็นเพื่อนบ้านกัน เจ้าของร้านเค้กจำเฉินหลิงได้  ด้วยสภาพของครอบครัวเฉินหลิง พวกเขาไม่เคยซื้อของในร้านนี้มาก่อน...พูดตามจริง คนที่อาศัยที่ถนนหานซวง มีไม่กี่ครอบครัวเท่านั้นที่สามารถซื้อเค้กหนึ่งชิ้นในราคาสองร้อยเหรียญทองแดงได้ เกรงว่าแม้แต่เค้กถ้วยเล็กๆ ราคาห้าสิบเหรียญก็มีน้อยคนที่จะจ่าย

“ผมผ่านการทดสอบแล้ว” เฉินหลิงยิ้มและพูดว่า “เลยซื้อเค้กเพื่อฉลอง  น้องชายผมเองตั้งแต่เด็กเขาก็ไม่เคยกินเค้กด้วย”

"นายกลายเป็นผู้คุมกฎแล้วเหรอ?”

เถ้าแก่แปลกใจจึงเปิดปากพูดต่อ "ถ้าอย่างนั้น นายก็ควรจะฉลองจริงๆ ...งั้นฉันคิดเงินแค่หนึ่งร้อยห้าสิบแล้วกัน"

"ขอบคุณครับเถ้าแก่"

"ไม่ต้องขอบคุณหรอก หลังจากนี้ในอนาคต ฉันก็ฝากนายดูแลฉันมากๆ หน่อยนะ"

เถ้าแก่ห่อเค้กแล้วผูกด้วยริบบิ้นสีแดงตามเทศกาล เขาถือมันด้วยมือทั้งสองข้างแล้วยื่นให้เฉินหลิง

เฉินหลิงหยิบเค้ก จ่ายเงิน แล้วเดินตรงกลับบ้าน หลังจากเดินไปได้สองสามก้าว เขาก็ได้ยินเสียงผู้คุมกฎหลายคนตะโกน

"ภัยพิบัติถูกจัดการแล้ว! เขตสามยกเลิกคำสั่งปิดเมือง!"

"ภัยพิบัติถูกจัดการแล้ว! เขตสามยกเลิกคำสั่งปิดเมือง!

"..."

ขณะที่เสียงของผู้คุมกฎค่อยๆ จางหายไป ชาวบ้านบางคนบนถนนหานซวงก็เริ่มเดินออกจากบ้านด้วยความรู้สึกโล่งใจ

นับตั้งแต่ระฆังภัยพิบัติดังขึ้น ทั้งสามเขตก็ถูกปิดตายเป็นเวลาห้าวัน และผู้คนต่างตื่นตระหนก เมื่อภัยพิบัติสิ้นสุดลง ชีวิตของทุกคนก็สามารถกลับมาเป็นปกติได้... เมื่อนึกถึงสิ่งนี้ พวกเขาก็รู้สึกว่าหิมะที่ตกลงจากท้องฟ้าช่างดูสบายตา

เมื่อเฉินหลิงได้ยินข่าว เขาเองก็ตกใจมาก

ภัยพิบัติถูกจัดการแล้ว?

แต่เขายังอยู่ที่นี่...หรืออาจจะเป็นอาเยี่ยนหรือเปล่า?

เฉินหลิงเร่งฝีเท้าให้เร็วขึ้นอย่างไม่รู้ตัว รีบกลับบ้าน แต่เมื่อเขาไปถึงประตูบ้าน เขารู้ว่าความกังวลของเขานั้นไม่จำเป็น...

เขาเห็นเด็กชายที่คุ้นเคยในชุดแดงนั่งยองๆ อยู่ที่ประตูบ้าน กำลังปั้นก้อนหิมะอย่างจริงจัง เขาวางก้อนหิมะทับซ้อนกันด้วยความระมัดระวังเพื่อสร้างโครงร่างของมนุษย์หิมะ แต่เมื่อเขาปล่อยมือ ลูกบอลหิมะทั้งสองก็แตกออกเป็นเสี่ยงๆ ทันที

เฉินเยี่ยนถอนหายใจ เมื่อเห็นเฉินหลิงมาจากระยะไกล คิ้วที่ขมวดพลันผ่อนคลายลงทันที เขาพูดด้วยความประหลาดใจ

"พี่ ทำไมกลับมาเร็วจัง"

“ผ่านการประเมินล่วงหน้าน่ะ ก็เลยกลับเร็วหน่อย” เฉินหลิงถอนหายใจด้วยความโล่งอกและยิ้มด้วยความโล่งใจ

เขาไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับผู้คุมกฎ ภัยพิบัติแบบไหนที่พวกเขากำจัดไป...เนื่องจากเขากับเฉินเยี่ยนปลอดภัยทั้งคู่ ก็ไม่มีอะไรสำคัญอีก

“ผ่านแล้ว?” เฉินเยี่ยนเปิดปากพูด “พี่ ต่อจากนี้พี่จะได้เป็นผู้คุมกฎจริงๆ เหรอ”

"ใช่แล้ว”

เฉินหลิงเดินเข้าไปในห้อง วางเค้กลงบนโต๊ะแล้วโบกมือเรียกเขา “นี่เป็นโอกาสที่หายาก ฉันเลยซื้อเค้กมา เรามาฉลองด้วยกันเถอะ”

เมื่อเขาได้ยินคำว่าเค้ก ดวงตาของเฉินเยี่ยนเป็นประกายวิบวับ เขารีบวิ่งเข้าไปในบ้านอย่างรวดเร็ว จนเสื้อคลุมที่เต็มไปด้วยเกล็ดหิมะกระเด็นออก

.

..............

.

เขานั่งลงที่โต๊ะมองดูเฉินหลิงแกะกล่องด้วยความอยากรู้อยากเห็น

.

“พี่ เค้กชิ้นนี้แพงมั้ย?”

“ไม่แพง” เฉินหลิงยิ้ม หยิบเหรียญเงินจำนวนหนึ่งออกมาจากกระเป๋าเสื้อแล้ววางมันลงบนโต๊ะ “ตอนนี้พี่รวยแล้ว...ในอนาคต ครอบครัวของเราจะยิ่งรวยเข้าไปอีก”

"ทำไมเงินเยอะแบบนี้ล่ะ" เฉินเยี่ยนเบิกตากว้างด้วยความตกใจ "เราสามารถใช้มันได้นานเลย..."

"นายเองก็ต้องไปโรงเรียน ตอนนี้ปัญหาเรื่องค่าเล่าเรียนได้รับการแก้ไขแล้ว"

เฉินหลิงเปิดห่อเค้กครีมขนาดใหญ่ปรากฏอยู่บนโต๊ะ สำหรับเฉินหลิง ฝีมือและส่วนผสมของเค้กนี้ ไม่อาจเทียบกับเค้กในชาติก่อนของเขาได้ แต่สำหรับเฉินเยี่ยน นี่คือสิ่งที่เขาไม่เคยมีมาก่อน เป็นสิ่งที่ได้แต่มองผ่านตู้โชว์ตอนเดินผ่านเท่านั้น

เฉินเยี่ยนอดไม่ได้ที่จะกลืนน้ำลายลงไป

“พี่...เราต้องรอหมอฉู่หรือเปล่า?”

“เรารอเขาไม่ไหวแล้ว ยังไม่รู้ว่าเขาจะกลับมาเมื่อไหร่ แค่แบ่งบางส่วนไว้ให้เขาก็พอ” เฉินหลิงหยิบเทียนสองสามเล่มออกมา จากนั้นปักเทียนทีละเล่มลงบนเค้ก แล้วก็จุดไฟ

แสงเทียนสีส้มแกว่งไปมาภายในบ้าน สะท้อนใบหน้าอ่อนเยาว์ของทั้งสองคน มองผ่านหน้าต่างข้างนอกหิมะยังคงตกอยู่

“อาเยี่ยน มาเป่าเทียนสิ”

“ผมเป่าเทียนได้จริงเหรอ วันนี้จะไม่ใช่วันเกิดผม” เฉินเยี่ยนถาม

“ได้สิ...อย่าลืมอธิษฐานก่อนเป่าด้วยล่ะ”

“ครับ!”

เฉินเยี่ยนรีบประสานมือและก้มศีรษะลงใต้แสงเทียนอย่างเคร่งขรึม ราวกับกำลังสวดมนต์ด้วยความศรัทธา

เฉินหลิงไม่รู้ว่าเฉินเยี่ยนปรารถนาอะไร เขาเพียงเห็นเฉินเยี่ยนลืมตาและยิ้มให้เขา ดวงตาสีเกาลัดใสราวกับน้ำ

“นายอธิษฐานอะไร” เฉินหลิงถาม

“ผมพูดไม่ได้ มันจะไม่ได้ผล…”

“ก็ใช่...”

“ขอโทษนะ เฉินหลิงอยู่ที่บ้านหรือเปล่า?”

ขณะที่พวกเขาทั้งสองคุยกัน คนคนหนึ่งเดินอย่างระมัดระวังมาที่ประตูหน้าบ้าน เขายืนอยู่ใต้หิมะตกหนักมองเข้ามาข้างใน

“อู๋โหยวตง?” เฉินหลิงจำคนคนนี้ได้เพราะไม้เท้า เขาเลิกคิ้วด้วยความประหลาดใจ “ทำไมนายถึงมาที่นี่ เข้ามาคุยกันก่อนสิ”

อู๋โหยวตงยิ้มอย่างเขินอายและเดินช้าๆ เข้าไปในห้อง เขาเหลือบมองเค้กที่โต๊ะ ดวงตาเต็มไปด้วยความอิจฉา...

"เพิ่งเห็นรายชื่อประกาศตามถนน นายได้เป็นผู้คุมกฎจริงๆ เหรอ?"

"ใช่"

"...ยินดีด้วยนะ" อู๋โหยวตงยิ้มอย่างขมขื่น "ฉันคิดว่านายจะถูกบีบให้ถอนตัวเหมือนฉัน แต่ฉันไม่คิดว่า...นายจะทำสำเร็จจริงๆ”

เมื่อเขาพูดแบบนี้ เฉินหลิงสัมผัสได้ถึงความอิจฉาและความสิ้นหวังในคำพูดของเขา

“พี่ เขาเป็นใคร?” เฉินเยี่ยนมองไปที่อู๋โหยวตงอย่างสงสัย

“เขาชื่ออู๋โหยวตง เขาเป็นเพื่อนที่ไปถนนปิงฉวนกับพี่เมื่อสองก่อน”

อู๋โหยวตงตกตะลึง

"เขาเป็นเพื่อนเหรอ?“เฉินเยี่ยนครุ่นคิด”จะแบ่งเค้กให้เขามั้ย?”

“อืม เราต้องแบ่งเค้กสักชิ้นให้เขา”

"พี่จะแบ่งก่อน หรือให้ผมเป่าก่อน?"

“ไม่ต้องรีบ เทียนยังไม่ดับ”

เฉินหลิงโบกมือให้อู๋โหยวตงที่สับสนอยู่ข้างๆ เขา “โหยวตง อย่ามัวแต่ยืนสิ มานั่งกินด้วยกัน”

“เอ่อ...อ่อ ได้” อู๋โหยวตงพูดช้าๆ แล้วนั่งลง

เขามองเฉินหลิงด้วยสีหน้าแปลกๆ แล้วมองไปด้านข้างของอีกฝ่าย...

"เฉินหลิง..."

"หืม?"

"ฉันขอถามอะไรหน่อยได้มั้ย?"

"ถามอะไร?"

“นายคุยอยู่กับใครตั้งแต่เมื่อกี้แล้ว?”

เฉินหลิงตกตะลึง

จู่ๆ ลมหนาวเย็นเสียดกระดูกพลันพัดเข้ามาในห้อง และเทียนที่กำลังลุกไหม้ก็ดับลง

.

.

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด