OS ตอนที่ 28 สืบสวนสุสาน
เมื่ออีควิน็อกซ์กลับมาหาอัสคาลอร์อีกครั้ง เขาเอาแต่ถามหาภารกิจที่ช่วยให้เขาพบเบาะแสเกี่ยวกับชาวแอสโมเดียนได้
ด้วยความรำคาญและอยากไล่ปีศาจน้อยไปพ้น ๆ อัสคาลอร์จึงบอกให้เขาไปถามผู้อาวุโสอีกคนของเผ่าเดมอส ซึ่งก็คือผู้อาวุโสจินน์ผู้โด่งดังจากความเชี่ยวชาญเวทย์กาลเวลา
จากนั้น อีควิน็อกซ์ก็ออกไปตามเบาะแสที่เขาได้รับ
ทางด้านอัสคาลอร์ เขาหาได้สนใจไม่ว่าเบาะแสที่เขาให้ มันจะช่วยอีควิน็อกซ์ได้หรือไม่? เพราะตอนนี้ตัวเขาเป็นอิสระจากเด็กหนุ่มผู้อยากรู้อยากเห็นคนนี้เสียที
...
โบสถ์อันสง่างามตั้งอยู่บริเวณที่มีการค้าขายคึกคัก หากมองดูจะมองเห็นกลุ่มคนห้าคนที่กำลังผ่านฝูงชนเพื่อเข้าไปข้างใน
ภายในโบสถ์ กำแพงหินอ่อนสีขาวสะอาดตาเรียงรายทั่วห้องโถง ราวกับว่าทำให้โบสถ์ดูกว้างใหญ่อย่างไม่มีที่สิ้นสุด สามารถมองเห็นทูตสวรรค์ที่มีขนาดและรูปร่างแตกต่างกัน และภาพวาดอันวิจิตรประดับประดาทั่วห้องโถง
กลุ่มคนเหล่านี้สามารถไปถึงบริเวณหลักของโบสถ์ได้ และที่นั่นมีภาพจิตรกรรมฝาผนังของเทพีแห่งแสง ซึ่งมีความสูงประมาณ 50 เมตร ซึ่งต้องใช้เงินจำนวนมากในการก่อสร้าง
เมื่อแสงกระทบกับภาพจิตรกรรมฝาผนัง แสงจะส่องประกายราวกับว่าเทพีแห่งแสงกำลังมอบแสงสว่างให้กับโลก
ในห้องโถงหลัก จะเห็นนักบวชสวมชุดสีขาวและสีทองต้อนรับกลุ่มคนเหล่านี้
“ยินดีต้อนรับกลับ ท่านนักผจญภัย ฉันมั่นใจอยู่แล้วว่าภารกิจที่เราให้ไปนั้นจะต้องประสบความสำเร็จ”
นักบวชกล่าวด้วยใบหน้าที่สวยงาม แต่มีท่าทีสูงศักดิ์ยกตนเหนือกว่าผู้ใด
“ใช่แล้ว ท่านสตรีศักดิ์สิทธิ์พริสทิน่า พวกเราได้รับวัตถุโบราณที่ท่านสั่งให้พวกเราไปตามหาได้แล้ว อย่างไรก็ดี นักบวช เขาไม่ได้พูดถึงเหตุที่เขาเอาวัตถุโบราณนั้นไป ดังนั้นพวกเราจึงตัดสินใจส่งตัวเขาให้ได้รับความยุติธรรมสำหรับสิ่งที่เลวร้ายที่เขาได้ทำลงไป”
โฮ่วยี่เว่ย ผู้เล่นอันดับหนึ่งในปัจจุบันของเกมกล่าว
จากนั้น เขาก็มอบชิ้นส่วนมงกุฎให้กับอัศวินศักดิ์สิทธิ์ที่ปรากฏตัวต่อเขา
“ทำได้ดีมากท่านนักผจญภัย นี่คือรางวัลของคุณตามที่สัญญาไว้ รับมันไปและออกก็ไปได้แล้ว” พริสทิน่าพูดด้วยน้ำเสียงเรียบ ๆ
“แค่นี้เองหรือ พวกเราไม่ได้รับแม้แต่เบาะแสว่าชิ้นส่วนนั้นทำอะไรหรือมีไว้เพื่ออะไรด้วยซ้ำ” ผู้เล่นออร์คพูดด้วยน้ำเสียงหงุดหงิดเล็กน้อย
“เงียบไปซะ เจ้าสัตว์ร้าย! ท่านสตรีศักดิ์สิทธิ์ไม่ได้พูดกับแก!” อัศวินศักดิ์สิทธิ์ตะโกนในขณะที่แสดงท่าทางต่อสู้
อย่างไรก็ดี พริสทิน่าก็ส่งสายตาปราบอีกฝ่ายทันที ส่งผลให้อัศวินศักดิ์สิทธิ์คนนั้นชะงักไป จากนั้น เธอหันมาขอโทษสำหรับความหยาบคายของคนของเธอ
“ฉันจะไม่ให้เกิดเหตุการณ์นี้เกิดขึ้นอีก นักบวชไวท์ คอยดูแลลูกน้องของคุณให้ดีด้วย อย่าให้เกียรติของเราต้องหม่นหมอง” พริสทิน่ากล่าวด้วยน้ำเสียงตำหนิ
จากนั้น กลุ่มคนทั้งห้าคนโค้งคำนับ และจากไปเนื่องจากธุระกับโบสถ์แห่งแสงได้เสร็จสิ้นลงแล้ว แม้ว่าเพื่อนร่วมทีมออร์คของพวกเขาจะไม่พอใจก็ตาม
แต่มันไม่ใช่เรื่องแปลก เพราะโบสถ์แห่งแสงเกลียดชังเผ่าพันธุ์อื่นนอกเหนือจากเผ่ามนุษย์เป็นทุนเดิมอยู่แล้ว แต่พวกเขาก็ต้องยอมหลับตาข้างหนึ่ง เนื่องจากพวกเขาเห็นว่าเผ่าพันธุ์อื่นมีความจำเป็นต่อความปลอดภัยของโลก
นอกจากนี้ ด้วยสถานะที่ด้อยกว่าโบสถ์สำคัญอื่น ๆ อย่างเช่น โบสถ์แห่งชีวิตกับโบสถ์แห่งมังกร ทำให้พวกเขาจำเป็นต้องพึ่งพาเผ่าพันธุ์อื่น ๆ นอกจากเผ่ามนุษย์ ไม่เช่นนั้น สถานะของพวกเขาคงจะตกต่ำไปมากกว่านี้
...
อีควิน็อกซ์กำลังมองหาที่อยู่อาศัยที่มีรูปปั้นนาฬิกาตั้งอยู่ ซึ่งอัสคาลอร์บอกข้อมูลนี้ด้วยความหงุดหงิด ใจจริงเขาอยากจะถามต่อ แต่เขาคิดว่าถ้าเขายังถามต่อ เขาคงจะโดนดีแน่
โชคดีที่ผู้อาวุโสของจินน์มีชื่อเสียงโด่งดังมาก พออีควิน็อกซ์ถามชาวเมืองเกี่ยวกับเขา พวกเขาก็สามารถบอกที่ตั้งบ้านของผู้อาวุโสของจินน์ให้อย่างรวดเร็ว
ในที่สุด เขาก็มาถึงที่พักของผู้อาวุโส และพวกเขาไม่ได้ล้อเล่นเกี่ยวกับรูปปั้นนาฬิกาเลย เพราะมันมีนาฬิกาลอยอยู่บนที่พักของเขา มันทำจากหิน แต่ไม่ทำให้เกิดเสียงขีดข่วนเมื่อหินขูดกัน
อีควิน็อกซ์เคาะประตูและมันก็เปิดออก เขารู้สึกขนลุกและกำลังถอยออกไปจากที่แห่งนี้ แต่ทันใดนั้นเอง เขาก็ถูกดูดเข้าไปในบ้านโดยที่ประตูปิดตัวช้า ๆ ตามหลัง ราวกับว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น
“อ๊าก!!!”
อีควิน็อกซ์กำลังร่วงหล่นสู่เบื้องล่าง เขากรีดร้องจนสุดเสียงด้วยความกลัว หลังจากที่เขาร่วงหล่นไปได้ไม่กี่นาที เมื่อเขาได้ยินเสียงหัวเราะจากด้านข้าง
จากนั้น เขาก็ตกลงไปบนแท่นพร้อมกับเสียงโครมคราม และทันใดนั้นแสงจากสภาพแวดล้อมโดยรอบก็เปลี่ยนไปอย่างฉันพลัน
ณ ตอนนี้ เขากำลังยืนอยู่บนสิ่งที่ดูเหมือนแท่นนาฬิกาโดยไม่มีเข็มนาฬิกา
รอบ ๆ ตัวเขามีแท่นที่คล้ายกัน แต่มีขนาดที่แตกต่างกัน และบางแท่นลอยและเคลื่อนที่อยู่ ทันใดนั้น เขาก็ได้ยินเสียงบางอย่างจากด้านหลังของเขา
"เอ่อ... ฉันช่วยอะไรรึเปล่า หนุ่มน้อย?" จินน์ที่ดูเหมือนชายชราสวมเสื้อคลุมสีเทาตัวยาว และมีนาฬิกาขนาดใหญ่ลอยอยู่ด้านหลัง
"ผม... ผม... ผมไม่ได้ตั้งใจจะรบกวนนะครับ แต่จู่ ๆ ผมก็ถูกดูดเข้าไปในบ้านของคุณ ถ้าคุณไม่สะดวก ผมสามารถออกไปได้ โปรดช่วยชี้ทางออกให้ผมด้วยครับ" อีควิน็อกซ์กล่าวอย่างลนลาน
"ไม่จำเป็นหรอก หนุ่มน้อย ฉันขอโทษด้วยที่แกล้งเธอแรงไปนิด ฉันแค่อยากสนุกนิดหน่อยเท่านั้น" จินน์ชรากล่าว
‘ทำไมผู้อาวุโสเหล่านี้ถึงมีนิสัยเป็นเด็กจัง?’ อีควิน็อกซ์คิด
"อย่างที่เธอทราบ ฉันคือผู้อาวุโสจินน์และโครโนแมนเซอร์ มีชื่อว่าโครโรนน์" จินน์ชรากล่าว
“เออ... ผมมีชื่อว่าอีควิน็อกซ์ครับ ผมแค่จะมาถามว่าคุณมีเบาะแสเกี่ยวกับสิ่งที่เกิดขึ้นกับพวกแอสโมเดียนหรือเปล่าครับ? อัสคาลอร์บอกผมว่าคุณน่าจะรู้รายละเอียดต่าง ๆ ของพวกเขา” อีควิน็อกซ์ถาม
“แล้วเธออยากรู้เรื่องพวกนั้นไปทำไมล่ะ หนุ่มน้อย? อัสคาลอร์แนะนำให้เธอมาทำเรื่องพวกนี้เหรอ?” โครโรนน์พูดด้วยน้ำเสียงที่เข้มขึ้นเล็กน้อย
“ผมแค่อยากรู้ล่ะครับ เพราะผมได้รับภารกิจมาจากเทพเจ้าคู่แฝด” อีควิน็อกซ์กล่าว
‘อย่างนี้นี่เอง เพราะเทพเจ้าคู่แฝดสินะ ฉันก็ว่าทำไมบ้านของฉันถึงเชิญเด็กหนุ่มเข้ามาโดยไม่ได้รับความยินยอมจากฉัน’ โครโรนน์กระซิบกับตัวเอง
“เออ... ผมมีเรื่องสงสัยน่ะครับ คุณเป็นโครโนแมนเซอร์ใช่มั้ยครับ? ทำไมคุณถึงย้อนเวลาหรือเปลี่ยนประวัติศาสตร์ไม่ได้ ในเมื่อคุณเป็นนักเวทย์แห่งกาลเวลาผู้ทรงพลัง”
อีควิน็อกซ์ถามโดยไม่รู้ถึงความคิดภายในของโครโรนน์
เมื่อกลับมาที่บทสนทนา โคโรนน์ก็ตอบกลับไปว่า
"ไม่ว่าโครโนแมนเซอร์จะเก่งกาจมากแค่ไหน พวกเขาก็ไม่สามารถใช้เวทย์มนตร์ย้อนเวลากลับไปเป็นพัน ๆ ปีได้ แม้ว่าฉันจะทำได้ แต่ร่างกายของฉันจะไม่สามารถรับมือกับการร่ายเวทย์มนตร์ขนาดนั้นได้ แม้ว่าเผ่าพันธุ์ของเราจะเป็นอมตะก็ตาม นอกจากนี้ ฉันสามารถย้อนเวลาได้ แต่การเปลี่ยนเส้นเวลาอาจทำลายความเป็นจริงได้”
“จริงสิ เธอเคยสงสัยมั้ยว่า ทำไมพวกคอร์รัปแทนท์จึงสามารถแทรกตัวเข้ามาในโลกที่เราอยู่ได้?”
ราวกับว่าได้ยินเรื่องสำคัญบางอย่างจากโครโรนน์ หูของอีควิน็อกซ์ก็ตั้งขึ้นมาทันที
"คุณเพิ่งพูดถึงพวกคอร์รัปแทนท์งั้นเหรอครับ? คุณเล่าเกี่ยวกับพวกเขาผมฟังได้ไหมครับ?" อีควิน็อกซ์ถาม
โครโรนน์ยิ้มและพูดว่า
"นั่นคงเป็นหัวข้อสำหรับวันอื่นนะ หนุ่มน้อย ฉันบอกไปว่าเราเปลี่ยนประวัติศาสตร์ไม่ได้ แต่ไม่ได้หมายความว่าเราจะย้อนเวลากลับไปไม่ได้"
"แต่ว่าเราไม่ควรเปลี่ยนเส้นเวลาไม่ใช่เหรอครับ?" อีควิน็อกซ์พูดด้วยความสงสัย
“ฉันสามารถอัญเชิญประตูวาร์ปเพื่อไปสู่อดีตให้กับเธอได้ แต่มีข้อห้ามอยู่อย่างหนึ่ง นั่นก็คือห้ามโต้ตอบกับสิ่งมีชีวิตจากอดีตเด็ดขาด จงปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัด แล้วฉันจะช่วยเธอในการทำความเข้าใจในเรื่องที่เธอสงสัยเอง”
โครโรนน์พูดด้วยรอยยิ้มบนใบหน้า
‘เอ๊ะ! ทำไมฉันรู้สึกไม่ชอบมาพากล ฉันควรจะปฏิเสธเขาดีมั้ยนะ?”
อีควิน็อกซ์คิดกับตัวเองในขณะที่มองผู้เฒ่าอย่างพินิจพิเคราะห์
โครโรนน์อธิบายตัวเองราวกับอ่านใจอีควิน็อกซ์ได้
“มีดันเจี้ยนพิเศษที่ฉันค้นพบเมื่อไม่นานมานี้ มันอาจให้เบาะแสเกี่ยวกับบรรพบุรุษของเราได้ แต่มันได้รับการปกป้องโดยบาเรียอันแทรงพลัง”
โครโรนน์พูดพร้อมถอนหายใจ
“ทำไมคุณไม่พูดตั้งแต่แรก? ถ้าอย่างนั้น ผม...”
เสียงของอีควิน็อกซ์ขาดช่วงไป เนื่องจากโครโรนน์เปิดประตูวาร์ปใต้เท้าของเขา ซึ่งคันลาออนกับซิเรียสที่อยู่กับเขา ก็ตกลงไปพร้อมกับเขาด้วย
“ตาแก่เอ๊ย! ฉันยังเตรียมตัวด้วยซ้ำ!” อีควิน็อกซ์ตะโกนด้วยความโกรธ
หลังจากผ่านไปไม่กี่วินาที ทั้งสามก็ตกลงบนพื้น เมื่อมองไปข้างหน้า มันก็ชวนให้เขารู้สึกวังเวง ราวกับว่าเป็นสุสาน...