ตอนที่แล้วบทที่ 12 ถูกจับไต๋ได้!
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 14 ทำใจให้สบาย

บทที่ 13 โลกแห่งการฝึกตนนั้น ไร้ปราณี!


ในสำนักเต๋าอี้ ศิษย์สืบทอดจากแต่ละยอดเขามีสถานะที่เทียบเท่ากับผู้อาวุโส ศิษย์รับใช้ที่กล่าวไว้เมื่อครู่ไม่ได้พูดต่อ แต่ความหมายก็ชัดเจน

แม้แต่ศิษย์สืบทอดสองคนนี้ก็ยังต้องต่อแถวอย่างเคร่งครัด ต่อให้ท่านเป็นถึงผู้อาวุโสแห่งภูเขาดาบศักดิ์สิทธิ์ก็ไม่มีสิทธิพิเศษ

เมื่อได้ยินเช่นนั้น หงจุนก็ไม่ได้ใส่ใจอะไรนัก ดื่มเหล้าเข้าไปอึกใหญ่ จากนั้นจึงเข้ามาต่อแถวอยู่หลังศิษย์รับใช้คนอื่นอย่างเงียบๆ

“อาหารพร้อมแล้ว!”

เมื่อมีเสียงตะโกนดังขึ้นในลาน แถวก็เริ่มเคลื่อนตัวไปอย่างช้าๆ

ศิษย์ที่อยู่ข้างหน้าแต่ละคนต่างก็ตั้งใจมุ่งมั่น พวกเขาหวังว่าชามข้าวของตนจะใหญ่พอที่จะใส่ได้เต็มที่ บางคนก็เติมข้าวจนพูนเป็นภูเขาเล็กๆ จนกระทั่งมันไม่สามารถใส่เพิ่มได้อีกถึงจะพอใจ

การกระทำเช่นนี้ทำให้ผู้ที่อยู่ข้างหลังรู้สึกกระวนกระวายใจอย่างยิ่ง

“เฮ้! เฉินต้าหนิว เจ้าเติมมากไปแล้วนะ!”

“เอาแค่นี้พอเถอะ!”

“เฮ้! เหลือให้พวกข้างหลังบ้างเซ่!”

แม้จะพูดอย่างนั้น แต่พอถึงคิวของแต่ละคน ทุกคนต่างก็กัดฟันเติมข้าวจนแน่น แล้วยังอัดแน่นเข้าไปอีกเพื่อให้ได้มากที่สุด

แม้แต่หลู ยูอูและหลิวซวงก็ไม่เว้น หลิวซวงยังเติมข้าวแล้วกดให้เรียบแบนเพื่อใส่ให้ได้มากขึ้น จนเย่ ฉางชิงถึงกับอดถามไม่ได้

“ศิษย์พี่ ท่านมีความแค้นกับข้าวหรือ?”

“เปล่า ข้าแค่กินเยอะและชามมันเล็กเกินไป”

หลิวซวงตอบกลับโดยไม่หยุดมือ ทำให้เย่ ฉางชิงอดไม่ได้ที่จะรู้สึกตลก

‘ชามใบนี้คงใหญ่กว่าศีรษะท่านแล้วกระมัง แต่ท่านยังบอกว่าเล็กอีกหรือ?’

ทุกคนต่างพยายามคิดวิธีเพื่อเติมข้าวให้ได้มากที่สุด อย่างไรก็ตามเย่ ฉางชิงเตรียมอาหารไว้เพียงพอสำหรับทุกคน จึงไม่มีปัญหาว่าจะไม่พอแบ่งปัน เพราะคนที่มากินแต่ละมื้อก็มีเพียง50-60คนเท่านั้น

หลังจากผ่านไปสิบห้านาที ในที่สุดก็ถึงคิวของหงจุน เขาเห็นลูกศิษย์สองคนของเขา แต่ละคนถือชามขนาดใหญ่กว่าศีรษะของตัวเอง และกำลังกินอย่างเอร็ดอร่อย โดยไม่ได้สังเกตว่าอาจารย์ยืนอยู่ที่นั่น

เห็นลูกศิษย์ของตนไม่สนใจภาพลักษณ์เช่นนี้ หงจุนรู้สึกอยากจะรู้ว่าในโรงครัวเล็กๆ นี้มีอะไรพิเศษที่ดึงดูดลูกศิษย์ของเขาได้ขนาดนี้

ยิ่งเขาเข้าใกล้ครัว กลิ่นหอมก็ยิ่งชัดเจนมากขึ้น เมื่อถึงคิวของเขา เคราของชายชราก็เปียกชุ่มไปด้วยน้ำลาย เสื้อผ้าบริเวณหน้าอกก็เปียกเป็นวงกว้าง

“เติมข้าว เติมข้าว เร็วเข้า...”

หงจุนที่มีแววตาเป็นประกายเหมือนหมาป่าหิวโหย จ้องเขม็งไปที่หมูผัดชิ้นเล็กๆ อย่างหิวกระหาย

แม้ว่าเย่ ฉางชิงจะคุ้นเคยกับการเห็นสีหน้าของศิษย์ที่หิวโหย แต่เมื่อเห็นหงจุน เขาก็อดไม่ได้ที่จะตกตะลึง

‘ชายชราคนนี้เป็นอะไรไป? เป็นบ้าไปแล้วหรือ?’

“เอ่อ... ท่านผู้เฒ่า ท่านไม่เป็นอะไรใช่ไหม?”

“ชาม! เอาชามมาให้ข้า!”

หงจุนไม่ได้สนใจคำพูดของเย่ ฉางชิง เขามุ่งมั่นกับการกินข้าวเพียงอย่างเดียว

เมื่อเห็นเช่นนั้นเย่ ฉางชิงก็ชี้ไปที่ชามใหญ่ข้างๆ หงจุนที่ไม่รอช้าก็ทำสิ่งที่น่าตกใจยิ่งกว่าเดิม เขาใช้พลังฝึกฝนบีบอัดข้าวในชามเพื่อให้สามารถเติมได้มากขึ้น

“ไม่พอ! ไม่พอ! บีบอีก! บีบให้แน่นอีก!”

ใช้พลังวิญญาณเพื่อบีบอัดข้าวในชามเพียงเพื่อให้ได้เพิ่มอีกสองสามช้อน? เย่ ฉางชิงถึงกับอึ้งไป

ในขณะเดียวกัน หลู ยูอูและหลิวซวงก็สัมผัสได้ถึงการเคลื่อนไหวของพลังปราณ พวกเธอจึงเงยหน้าขึ้นมอง และพบว่าเป็นอาจารย์ของพวกเธอเอง

‘ท่านอาจารย์มาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร?’

แต่เรื่องนั้นไม่ใช่สิ่งที่สำคัญที่สุดในตอนนี้ ทั้งสองมองเห็นว่าอาจารย์กำลังใช้พลังปราณบีบอัดข้าวอย่างไม่หยุดหย่อนและข้าวในถังก็เหลือน้อยลงเรื่อยๆ หลู ยูอูจึงรีบลุกขึ้นแล้วพูดทันที

“อาจารย์! พอก่อนเถอะ!”

“อาจารย์ ไม่ควรใช้พลังปราณในการตักข้าว อาจแหกกฎของโรงครัวได้ค่ะ”

เมื่อหหลู ยูอูพูดจบศิษย์ที่อยู่รอบๆ ก็มองขึ้นไปอย่างตกใจ อาจารย์ของศิษย์สืบทอดที่พวกเขาเคารพ นั่นก็คือ ผู้นำภูเขาดาบศักดิ์สิทธิ์!

คนสำคัญเช่นนี้กลับมาทานอาหารที่นี่? แต่เมื่อเห็นปริมาณข้าวในชามของหงจุน สายตาของทุกคนก็แดงก่ำ

“ท่านอาจารย์ กฎของครัวมีอยู่ ต้องปฏิบัติตาม”

หลิวซวงก็ยืนขึ้นพูดเช่นกันขณะที่ศิษย์รับใช้คนอื่นๆ แม้จะไม่ได้พูดอะไรแต่แววตาที่แดงก่ำของพวกเขาก็บอกได้ชัดเจน

ข้าวในถังลดลงอย่างรวดเร็ว

ท่ามกลางการจ้องมองของผู้คนและการตำหนิจากศิษย์สองคน หงจุนก็รู้สึกหน้าชา

“อ่า, ขอโทษที ข้าอดใจไม่ไหว”

หลังจากนั้นหงจุนก็หยุดใช้พลังปราณ แต่ยังคงตักข้าวในชามใหญ่ขึ้นมาอย่างมาก

จากนั้นเขาก็ก้าวไปนั่งที่หลู ยูอูและหลิวซวงอยู่โดยไม่แยแสศิษย์รอบๆ กินอย่างไม่สนใจภาพลักษณ์

“อร่อยมาก อร่อยมาก...”

ขณะกินหงจุนก็พูดไปตามประสา แม้เขาจะอายุเยอะแต่ความเร็วในการกินของเขาก็ไม่แพ้คนอื่นๆ เลย แม้แต่บางคนที่มาใหม่ก็ยังรู้สึกช้ากว่าหงจุน

เมื่อมีศิษย์คนหนึ่งกินเสร็จและอยากไปเติมข้าว ก็รู้สึกเหมือนมีเงาดำพุ่งผ่านไปในดวงตา แล้วหงจุนก็ปรากฏตัวที่โต๊ะขนาดใหญ่

“หลายชาย ข้าเติมข้าวอีกได้ไหม?”

“ได้ขอรับ ขอแค่ไม่ทำให้ข้าวของเสียหายก็พอ”

“อ่า เข้าใจแล้ว”

หงจุนยิ้มกว้าง แล้วก็เติมข้าวในชามใหญ่ๆอีกครั้ง ขณะที่ศิษย์คนอื่นๆ ที่อยู่ด้านหลังมองอย่างหิวกระหาย

ชายชรานี่ไม่รู้จักกฎเลย! ดูเหมือนว่าเขาใช้ทักษะเคลื่อนที่ในการแซงแน่ๆ

แม้แต่หหลู ยูอูและหลิวซวงก็รู้สึกทึ่ง และเริ่มเข้าใจ

อาจารย์ของพวกเขาช่างเก่งกาจ! ทำไมพวกเขาไม่คิดถึงเรื่องนี้มาก่อน?

ในตอนแรกต้องต่อแถว แต่สำหรับการเติมข้าวนั้นไม่ต้องต่อแถว เพียงแค่กินให้หมดและวิ่งมาเติม

หหลู ยูอูและหลิวซวงได้รับแรงบันดาลใจจากอาจารย์ของพวกเธอ และเริ่มใช้ทักษะเคลื่อนที่

ศิษย์รับใช้ที่อยู่รอบๆ ไม่ทันได้สังเกต ก็เห็นว่าเหล่าหญิงสาวเคลื่อนที่อย่างรวดเร็วและไปยืนอยู่ที่โต๊ะขนาดใหญ่ทันที

ผู้คนเริ่มโวยวาย

“เฮ้! ยังกินไม่พออีกหรือ? ดูถูกพวกเราที่ทักษะด้อยกว่าหรือ?”

“ดูถูกพวกเราที่ไม่มีทักษะเคลื่อนที่ชัดๆเลย?”

“ศิษย์พี่คะ ช่วยเก็บเนื้อไว้ให้หน่อย! ให้เรามีเศษเนื้อหรือซอสให้ผสมกับข้าวก็ยังดี!”

ศิษย์รับใช้หลายคนร้องเรียกอย่างเศร้า เมื่อได้เติมข้าวเต็มชามแล้วหลู ยูอูหันไปยิ้มให้พวกเขา

“เราก็ไม่ได้ละเมิดกฎอะไร การเติมข้าวก็ต้องมาตามคิว เราเคยต่อแถวมาก่อนแล้ว”

เป็นความจริงที่ไม่ได้ละเมิดกฎ อดีตของหหลู ยูอูเคยรอคิวมาแล้ว ส่วนการเติมข้าวเป็นไปตามลำดับที่มาถึงก็เป็นเรื่องปกติ

ศิษย์หลายคนไม่รู้จะพูดอะไร แต่ที่หหลู ยูอูพูดก็ไม่มีข้อผิดพลาดก่อนหน้านี้ เธอเคยรอคิวมาแล้วและการเติมข้าวก็เป็นไปตามลำดับที่มาถึง

“พวกเจ้านี้ ถ้าไม่ตั้งใจฝึกฝนอย่างดีก็จะเป็นอย่างนี้ตลอดไป ตอนนี้รู้แล้วใช่ไหมว่าการฝึกฝนสำคัญแค่ไหน?”

อีกด้านหนึ่ง หงจุนกินข้าวอย่างเอร็ดอร่อยและยิ้มขณะดุเหล่าศิษย์รับใช้

พูดจบเขาก็โน้มตัวลงกินอย่างเอร็ดอร่อย รสชาติอร่อยราวกับของวิเศษ ชีวิตที่ยืนยาวมายาวนานของเขาไม่เคยคิดว่าจะมีอาหารที่อร่อยเช่นนี้

ขณะที่ศิษย์รับใช้ทุกคนหลังกินข้าวเสร็จ ก็ต่างพากันเริ่มยุ่งเหยิงอย่างรวดเร็ว

“เฮ้! เหลือให้ข้าเติมด้วย”

“ศิษย์พี่ ขออีกคำหนึ่ง ข้าขอร้องเถอะ”

0 0 โหวต
Article Rating
1 Comment
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด