ตอนที่ 31 : ดับแล้ว (1)
เฉินหลิงกำลังคิดบางอย่างพลางเดินไปเปิดประตู เกล็ดหิมะสีขาวสองสามชิ้นส่องประกายกระทบดวงตา
.
เขาสะดุ้งเล็กน้อย แล้วเงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้า
“...หิมะตก?”
ภายใต้แสงออโรร่าสีฟ้า หิมะสีขาวราวสำลีลอยตามสายลมโปรยทั่วท้องฟ้า เฉินหลิงยื่นมือออกไปรับมัน คริสตัลแปดเหลี่ยมก็ค่อยๆ ละลายอย่างช้าๆ ท่ามกลางความอบอุ่น
"อาณาจักรออโรร่าแตกต่างจากอาณาจักรอื่น ไม่มีสี่ฤดู มีเพียงฤดูหนาวที่หนาวเหน็บ“ฉู่มู่อวิ๋นเดินออกจากบ้านอย่างเชื่องช้า เอื้อมมือออกไปจับเกล็ดหิมะ และพูดด้วยความสับสน”แต่ว่า ทำไมจู่ๆ ก็ตกกะทันหันแบบนี้?"
“กะทันหันเหรอ?” เฉินหลิงถาม
“ไม่กี่วันก่อน มีฝนตกหนัก ซึ่งไม่เคยเกิดขึ้นในรอบสิบปี ต่อมาจู่ๆ ก็มีหิมะตกอีก...ผมมักจะรู้สึกว่าท้องฟ้าในอาณาจักรออโรร่าช่วงนี้ ยิ่งมายิ่งแปรปรวนมากขึ้นเรื่อยๆ”
ฉู่มู่อวิ๋นใคร่ครวญเกี่ยวกับเรื่องนี้ ก็ขมวดคิ้วแน่น
“พี่ หิมะตกเร็วมาก”
เฉินเยี่ยนสวมเสื้อคลุมงิ้วแล้วรีบวิ่งไปที่ถนนด้วยความรวดเร็ว เขายืนอยู่ท่ามกลางเกล็ดหิมะที่หนาขึ้นเรื่อยๆ ดวงตาสีน้ำตาลแดงของเขาเต็มไปด้วยความประหลาดใจและความคาดหวัง “ถ้ายังเป็นแบบนี้เรื่อยๆ พรุ่งนี้ก็น่าจะสร้างตุ๊กตาหิมะได้!”
เมื่อมองไปที่เด็กหนุ่มชุดแดงที่กำลังยื่นมือออกไปจับเกล็ดหิมะ ดวงตาของเฉินหลิงก็แสดงความอบอุ่นออกมา เขายิ้มแล้วพูดว่า
"ทุกปีล้วนมีเป็นกองพะเนิน ยังไม่พอเหรอ?"
"คราวนี้ ไม่เหมือนกัน" เฉินเยี่ยนพูดอย่างจริงจังว่า "คราวนี้หิมะตกหนักมาก บางทีผมอาจจะสร้างได้หลายสิบตัวในคราวเดียว...เรามาสร้างเวทีกันเถอะ ผมจะฝึกบนนั้นแล้วให้มนุษย์หิมะเป็นผู้ชม"
"มีฉันเป็นผู้ชมคนเดียวไม่เพียงพอเหรอ?"
"พี่ ใครเขาแสดงละครแล้วทุกครั้งมีผู้ชมแค่คนเดียวกันล่ะ..." เฉินเยี่ยนเม้มริมฝีปาก "ถ้าไม่มีผู้ชม แล้วผมจะทำยังถ้าเกิดผมตื่นเต้นตอนที่ขึ้นเวทีแสดงที่โรงเรียน"
"...ก็จริง" เฉินหลิงยิ้มเงยมองขึ้นไปบนฟ้าอย่างช้าๆ
"ลานหิมะนี่ ถ้ามีหิมะตกลงมาเรื่อยๆ น่าจะดี”
"ตกต่อไป นั่นก็เป็นภัยพิบัติหิมะแล้ว" ฉู่มู่อวิ๋นปรับแว่นตา ลังเลอยู่ครู่หนึ่ง หยิบเสื้อคลุมขนสัตว์ออกมาสวม “ผมต้องไปข้างนอก”
เฉินหลิงกับเฉินเยี่ยนมองหน้ากัน
“แล้วคุณจะกลับมากินข้าวมั้ย?”
“กลับ”
ขณะที่ร่างของฉู่มู่อวิ๋นค่อยๆ หายไปที่ปลายถนน เฉินหลิงมองดูเวลาแล้วพูดว่า “ฉันเองก็ต้องไปแล้วเหมือนกัน ในวันที่หิมะตกแบบนี้ถนนบนภูเขายิ่งเดินยากด้วย...”
"เดี๋ยวก่อน!" ดูเหมือนเฉินเยี่ยนจะนึกอะไรบางอย่างได้ จึงรีบวิ่งกลับเข้าไปในบ้าน หยิบเสื้อคลุมผ้าฝ้ายที่เขาเย็บไว้เมื่อคืน จากนั้นยื่นให้เฉินหลิง
"พี่ ผมซ่อมให้พี่แล้ว...วันนี้พี่ขึ้นไปบนภูเขาต้องระวังด้วย อย่าต่อสู้กับคนอื่น”
น้ำเสียงของเฉินเยี่ยนนั้นฟังดูจริงจังอย่างหาได้ยาก
เฉินหลิงมองดูเสื้อคลุมอย่างระมัดระวัง และพบว่าแทบไม่มีร่องรอยของความเสียหายเลย เขาอดไม่ได้ที่จะชื่นชม
"ยังคงเป็นอาเยี่ยนของบ้านเราที่มีฝีมือยอดเยี่ยม..."
เฉินเยี่ยนยิ้ม “ไปเถอะ”
เฉินหลิงโบกมือแล้วเดินตรงไปยังเขตสอง
.
เป็นตามที่เฉินเยี่ยนคาดไว้ หิมะหนักขึ้นเรื่อยๆ เมื่อเฉินหลิงเดินไปได้ครึ่งทาง พื้นรองเท้าของเขาก็จมลงไปในหิมะแล้ว เมื่อหิมะละลายน้ำเย็นยะเยือกซึมเข้าไปยังฝ่าเท้าทำให้ผู้คนรู้สึกเย็นจากข้างในสู่ภายนอก
เขาถูมือแล้วเดินไปทางข้างหน้าซึ่งเต็มไปด้วยหิมะ บ่นพึมพำอยู่ในใจ
มันจะกลายเป็นภัยพิบัติหิมะจริงเหรอ?
หลังจากที่เขาเดินเป็นเวลานาน คนเดินบนถนนเริ่มน้อยลงเรื่อยๆ จนกระทั่งมีแต่ผู้คุมกฎที่เดินไปมา และจำนวนมากขึ้นเรื่อยๆ
พวกเขาสวมชุดเครื่องแบบสีดำแดง ขี่ม้าไปที่ไหนสักที่หนึ่ง โดยไม่แม้แต่จะมองเฉินหลิงที่เดินผ่านมาด้วยซ้ำ
เกล็ดหิมะถูกลมพัดมากระทบใบหน้าของเฉินหลิง เขาเช็ดมันออก
หันหน้ามองไปยังทิศทางที่พวกเขาจากไปด้วยความสับสน...
"เกิดอะไรขึ้น?"
เฉินหลิงไม่รู้และไม่สนใจที่จะตามพวกเขาไปเพื่อตรวจสอบ ตราบใดที่เส้นทางที่คนเหล่านี้ไปไม่ใช่ถนนหานซวง เขาก็ไม่สนใจว่าพวกเขาจะไปที่ไหน
หลังจากเดินได้ประมาณสามชั่วโมง เฉินหลิงก็กลับมาที่ถนนปิงฉวนอันคุ้นเคย ซากปรักหักพังเกือบเก็บกวาดจะเสร็จแล้ว ภายใต้หิมะปกคลุมครึ่งหนึ่งของถนนรกร้างยิ่งดูว่างเปล่ายิ่งกว่าเดิม
เขากำลังคิดจะไปหาเฉียนฝานกับคนอื่นๆ เพื่อขอภารกิจวันนี้
ขณะนี้มีคนหลายคนเดินมาทั้งโบกมือให้เขาอย่างกระตือรือร้น
“น้องเฉินหลิง!”
ไม่ใช่ใครอื่นนอกจากเฉียนฝานกับคนอื่นๆ
“ท่านเฉียน”
เฉินหลิงยังคงเพิ่มคำว่า 'ท่าน' อย่างสุภาพ อย่างไรก็ตาม เขากับเฉียนฝานและคนอื่นๆ ไม่ได้ขัดแย้งกันโดยตรง ดังนั้นเขาจึงต้องแสร้งทำเป็นสุภาพ
“ภารกิจของวันนี้คืออะไรครับ?”
“ภารกิจ? ไม่มีภารกิจต่อไปแล้ว” เฉียนฝานโบกมือ “เมื่อพิจารณาถึง... อืม ประสิทธิภาพการทำงานของนายเมื่อวานนี้ เบื้องบนตัดสินใจให้ตำแหน่งผู้คุมกฎกับนาย วันนี้นายกลับบ้านได้เลย แล้วพรุ่งนี้ไปรายงานตัวที่สำนักงานใหญ่ของเขตสาม”
เฉินหลิงตกตะลึง
ขณะที่กำลังเดินอยู่บนถนน เขาเคยคิดถึงความเป็นไปได้นับหมื่น ตัวอย่างเช่น หลังจากมาถึงพวกแก๊งอันธพาลถนนปิงฉวนจะดักซุ่มโจมตีเขาอย่างไม่ให้ทันตั้งตัว หรือไม่ก็เขาจะแตกหักกับเฉียนฝานกับคนอื่นๆ พวกนั้นจะสร้างปัญหาให้เขา เช่น การแจ้งจำนวนคนที่สอบผู้คุมกฎผ่านครบแล้วและเขาถูกคัดออก แล้วโดนไล่กลับบ้าน...
แต่เขาไม่เคยคาดหวังว่าเขาจะผ่านการคัดเลือก?
เป็นไปไม่ได้...เป็นไปได้มั้ยว่า หม่าจงคำนึงถึงความแข็งแกร่งของตนเองและต้องการรับเขาเข้ากลุ่ม?
เฉินหลิงเคยพบกับหม่าจงเพียงครั้งเดียวจึงไม่รู้จักชายคนนี้ดีนัก ชั่วขณะไม่รู้ว่าเขาว่าคิดอะไรอยู่...
"จากนี้ไป เราจะเป็นเพื่อนร่วมงานกัน" เฉียนฝานยิ้มตบไหล่เฉินหลิงราวกับว่าทั้งสองคนเป็นเพื่อนสนิทกันมาหลายปีแล้ว "อาจมีความเข้าใจผิดบางอย่างระหว่างเรามาก่อน แต่ไม่เป็นไรนะน้องเฉินหลิง ในอนาคตมาเขตสองบ่อยๆ สิ เรามาเล่นไพ่ด้วยกัน พวกเรายินดีต้อนรับนายเสมอ"
"ฉันเกือบลืมไป นี่...การสอบครั้งนี้แตกต่างจากปีก่อนๆ แม้ว่านายจะอยู่ในรายชื่อที่นั่งสำรอง แต่สามวันมานี้นายก็ช่วยทำงานให้เราในฐานะผู้คุมกฎ ดังนั้นเบื้องบนจึงตัดสินใจให้รางวัลกับนาย...แม้จะไม่มาก แต่หนทางยังอีกยาวไกลสำหรับเงินเดือนผู้คุมกฎ...นี่ถือว่าใจกว้างมาก”
เฉียนฝานยัดกระดาษน้ำมันหลอดเล็กๆ ไว้ในมือของเฉินหลิง และฝ่ายหลังก็ประหลาดใจ เขาเปิดมุมหนึ่งแล้วมองเข้าไปข้างใน
เหรียญเงินสิบเหรียญ
เฉินหลิงตกใจมาก
ในโลกนี้ มูลค่าของเหรียญเงินเทียบเท่ากับ 250 เหรียญทองแดง และมูลค่าของเหรียญทองแดงเทียบเท่ากับเงินหยวนในชาติก่อน กระดาษน้ำมันหลอดเล็กๆ นี้แปลงค่าได้เป็น 2,500 หยวน...
แม้ว่า มันไม่ใช่เงินจำนวนมาก แต่ก็คุ้มค่า รู้มั้ยว่าเฉินหลิงทำงานได้แค่สองวันเท่านั้น?
ด้านจ้าวอี่ที่ช่วยสำนักงานจัดการถนนละลายน้ำแข็ง หลังจากทำงานหนักมาทั้งวัน ทั้งสองคนได้รับเพียง 20 เหรียญทองแดง... เงินสำหรับที่นั่งสำรองสองวันเพียงอย่างเดียวนั้นถือว่าสูงมาก ดังนั้นแล้วเงินเดือนผู้คุมกฎอย่างเป็นทางการจะสูงแค่ไหน?
เฉินหลิงมองพวกเขาด้วยสายตาลึกซึ้ง และอดไม่ได้ที่จะถอนหายใจ บางครั้งความเคารพและความสุภาพก็สงวนไว้สำหรับผู้แข็งแกร่งจริงๆ...
เมื่อวานนี้ พวกเขาบังคับอู๋โหยวตงให้ถอนตัวออกไป ถ้าเขาไม่ได้มี [ระบำสังหาร] คาดว่าคงจะมีชะตากรรมเดียวกันกับอู๋โหยวตงอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้....และตอนนี้ คนพวกนี้ก็ทำได้แค่ยิ้มให้เขาเท่านั้น
.
.
.