ตอนที่ 198 หวังเย่ผู้แสนกดขี่ (ฟรี)
ตอนที่ 198 หวังเย่ผู้แสนกดขี่
ผู้มาเยือนไม่ใช่ใครอื่นนอกจากหวังเย่ หลังจากมาถึงเมืองท่าแห่งนี้เมื่อไม่กี่วันก่อน เขาได้ถามเกี่ยวกับคนในตระกูลลู่
เขาได้พบคนสองสามคนซึ่งเคยพบกับลู่ซุน จากนั้นขอให้พวกเขาวาดใบหน้าของลู่ซุน และคนอื่น จากนั้นก็ออกเสาะหามาตลอดทาง
ที่จริง หวังเย่ไม่ได้ตั้งใจมุ่งหน้ามาที่เมืองเจียงหนาน แต่เมื่อวานนี้เขาบังเอิญได้เห็นแสงสีทองพุ่งทะยานขึ้นฟ้าออกมาจากเมืองแห่งนี้ นั้นทำให้เขารีบมุ่งหน้ามาดูว่ามีสมบัติอะไรถือกำเนิดหรือไม่
“เจ้าอ้วนคนนี้มาจากไหนกัน? หน้าตาของเขาช่างน่าเกลียดจริงๆ” ผู้อาวุโสไป๋เหลือบมองหวังเย่เล็กน้อยแล้วพูดด้วยความขยะแขยง
หลังจากที่หวังเย่ได้ยินคำพูดของอีกฝ่าย เขาก็หรี่ตาลง และมีแสงเย็นเฉียบแวบเข้ามาในดวงตาของเขา จากนั้นเขาก็ชูค้อนทองในมือของเขาขึ้นมาโดยไม่ลังเล และทุบใส่หัวของผู้อาวุโสไป๋อย่างแรง
พลังที่น่าสะพรึงกลัวอย่างยิ่งระเบิดออกมาในพริบตา ราวกับว่ามันจะทำลายความว่างเปล่าได้
ผู้อาวุโสไป๋คิดไม่ถึงเลยว่าหวังเย่จะโจมตีโดยไม่ให้สุ้มให้เสียง กว่าเขาจะรู้สึกตัว เขาไม่มีเวลาโต้ตอบด้วยอาวุธวิเศษ เขาจึงทำได้เพียงรีบยกแขนขึ้นเพื่อต้านทานการโจมตีของอีกฝ่าย
แคร็ก!
แขนของผู้อาวุโสไป๋หักทันทีที่สัมผัสกับค้อนทอง
“อ๊าก!” ผู้อาวุโสไป๋กรีดร้อง และเขาก็ต้องเฝ้าดูค้อนทองที่ฟาดลงบนหัวของตัวเอง
ปัง!
เสียงอู้อี้ดังมาถึงหูของทุกคน
หวังเย่เยาะเย้ยเบาๆ เขายกค้อนขึ้น ดวงตาของเขาก็เต็มไปด้วยความดูถูก
สำหรับผู้อาวุโสไป๋ ตอนนี้เขาแหลกเป็นชิ้นๆ แล้ว แม้แต่วิญญาณของเขาก็ยังถูกทำลายเป็นเสี่ยงๆ และเขาก็ไม่มีได้เกิดใหม่อีกครั้ง
"โหดเหี้ยมมาก!" ทุกคนต่างตกใจกับการปรากฏตัวอย่างกะทันหันของชายผู้ดุร้ายคนนี้
อีกฝ่ายทุบคนๆ หนึ่งเป็นชิ้นๆ เมื่อถูกพูดไม่เข้าหู ผู้ชายคนนี้ที่อยู่ตรงหน้าพวกเขาอารมณ์ร้อนเกินไปแล้ว
ยิ่งไปกว่านั้น ผู้อาวุโสไป๋ยังถือเป็นผู้ฝึกยุทธ์ขอบเขตเทียมฟ้า และถือได้ว่าเป็นหนึ่งในคนที่ทรงพลังที่สุดในเมืองเจียงหนาน อย่างไรก็ตาม เขาถูกสังหารในพริบตาโดยไม่มีโอกาสต่อต้านเลยแม้แต่น้อย
ชายอ้วนคนนี้มาจากไหนกัน? เขาบ้าบิ่นเกินไปหรือเปล่า!
"คารวะแม่ทัพหวัง!" ใบหน้าของเจ้าเมืองเจียงหนานซีดลง เขาจดจำตัวตนของชายอ้วนที่อยู่ตรงหน้าได้ แล้วจึงรีบพูดขึ้น สีหน้าของเขาหวาดกลัวอย่างยิ่ง
“เจ้าเป็นใคร” หวังเย่พาดค้อนทองบนไหล่ของตน แล้วถามเจ้าเมืองเจียงหนานอย่างไม่ใส่ใจ
“ท่านแม่ทัพ ข้าคือเจ้าเมืองเจียนหนาน ครั้งหนึ่งข้าได้รับเกียรติได้เห็นความอาจหาญของท่านในสนามรบ ดังนั้น ข้าจึงจดจำท่านได้ไม่มีวันลืม!” เจ้าเมืองเจียนหนานกลืนน้ำลายอึกใหญ่แล้วรีบพูดกับหวังเย่ด้วยความนอบน้อม
ชายที่อยู่ตรงหน้าเขามีชื่อเสียงในเรื่องความโหดเหี้ยม เขาได้ฆ่าคนไปมากมาย กองกระดูกของผู้ที่ตายในมือของเขาแทบจะกองรวมกันเป็นภูเขาขนาดใหญ่!
หากแค่นั้น มันคงไม่ทำให้เขาหวาดกลัวขนาดนี้ แต่เพราะหวังเย่เป็นเหมือนคนวิกลจริต และอารมณ์ร้อยราวกับภูเขาไฟที่กำลังปะทุ
หวังเย่จะฆ่าเขาโดยไม่ลังเลถ้าไม่ชอบหน้าเพียงเล็กน้อย แม้แต่สหายร่วมรบหลายคนที่ต่อสู้ร่วมกับเขาในสนามรบก็ถูกเขาสังหารเพราะบอกว่าเขาอ้วน
"โอ้" หวังเย่พยักหน้าอย่างไม่ใส่ใจ เขาไม่คิดจะไว้หน้าเจ้าเมืองเจียงหนาน อีกฝ่ายเป็นเพียงเศษขยะขอบเขตเทียมฟ้า ไม่สมควรได้รับความสนใจอย่างจริงจัง
“ท่านแม่ทัพ ข้าเพิ่งค้นพบสมบัติในหอเทียนเซียง! ข้าคิดว่าสมบัติชิ้นนั้นมีโชคชะตากับท่าน ไม่งั้นท่านก็คงไม่มาอยู่ที่นี่!” หลังจากที่เจ้าเมืองเจียงหนานลังเลอยู่พักหนึ่ง เขาก็พูดกับหวังเย่ด้วยความเคารพ การแสดงออกของเขาถ่อมตัวอย่างยิ่ง
“สมบัติ? อยู่ที่ไหน?” หลังจากที่หวังเย่ได้ยินคำพูดของเจ้าเมืองเจียงหนาน ดวงตาของเขาก็สว่างขึ้นเล็กน้อย จากนั้นเขาก็รีบถาม
“ฮวงหลี่ เจ้าไม่ได้ยินงั้นรึ? รีบส่งมอบสมบัติออกมาเดี๋ยวนี้ และมอบมันให้กับแม่ทัพหวัง!” เจ้าเมืองเจียงหนานจ้องไปที่ฮวงหลี่ตาเขม็งแล้วพูดเร่งเร้า ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยรอยยิ้ม เขาเป็นเหมือนสุนัขจิ้งจอกที่แอบอ้างบารมีเสือ
“ท่านเจ้าเมือง แม่ทัพหวัง ที่นี่ไม่มีสมบัติจริงๆ!” ฮวงหลี่ปวดหัวแทบระเบิด เธอหวาดกลัวต่อหวังเย่เป็นอย่างยิ่ง แต่เธอก็ยังยืนยันคำเดิม
ชายที่อยู่ตรงหน้าเธอนี่น่ากลัวจริงๆ เขาจะทุบคนเป็นชิ้นๆ จากความไม่ลงรอยเพียงเล็กน้อย นั่นบ้าไปแล้ว
“มอบมันมาหรือตาย!” หวังเย่พูดอย่างเย็นชา โดยมีจิตสังหารอันแรงกล้าฉายชัดอยู่ในดวงตาของเขา
เขาเชื่อในวิถีสังหาร และเดินบนเส้นทางของฆาตกร
เมื่อก่อนเขาอยู่ในนครหลวงของจักรพรรดิ เขาจึงไม่กล้าฆ่าผู้คนอย่างบ้าบิ่น ตอนนี้เมื่อเขาออกมา ความอยาก และความโหดเหี้ยมในใจก็ยากจะควบคุมอีกต่อไป
“แม่ทัพหวัง ท่านจะพูดสิ่งใดก็ต้องมีหลักฐาน! หอเทียนเซียงไม่ใช่ตัวตนที่ใครจะสามารถรังแกได้ เจ้าแน่ใจหรือว่าต้องการสู้จนตายกับหอเทียนเซียงของข้า” ฮวงหลี่รู้ดีว่าตนไม่มีนัยสำคัญ เพื่อปกป้องตัวเองเธอจึงต้องอ้างถึงภูมิหลัง และหวังว่าสิ่งนี้จะห้ามปรามอีกฝ่ายได้บ้าง
“เจ้าเป็นเพียงมดขอบเขตศักดิ์สิทธิ์ เจ้าคิดว่าหอเทียนเซียงจะแตกหักกับข้าเพระาคนอย่างเจ้างั้นรึ” หวังเย่หัวเราะเบาๆ แล้วพูดด้วยความดูถูก
ตัวเขา หวังเย่เป็นขุนนางขั้นสามของจักรวรรดิต้าเฉียน และความแข็งแกร่งของเขานั้นน่ากลัวอย่างยิ่ง เขาเคยเชิญหน้ากับศัตรูนับหมื่นในสนามรบด้วยตัวคนเดียว
ยิ่งไปกว่านั้น สถานะของเขาในจักรวรรดิต้าเฉียนนั้นสูงกว่าสถานะของฮวงหลี่ในหอเทียนเซียง มาก ดังนั้นเขาจึงไม่กังวลเกินไปว่าหอเทียนเซียงจะกล้าทำให้เขาขุ่นเคืองเพื่อแก้แค้นให้เธอ!
“แม่ทัพหวัง เจ้าคงไม่รู้สินะว่าใครยืนอยู่เบื้องหลังหอเทียนเซียง! บอกตามตรงหอเทียนเซียงเป็นของหนึ่งในสิบดินแดนศักดิ์สิทธิ์!” ฮวงหลี่พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาหลังจากลังเลอยู่พักหนึ่ง เขาก็กล่าวออกไปด้วยความมั่นใจ
หลายคนรู้ว่าหอเทียนเซียงมีภูมิหลังที่แข็งแกร่งมาก แต่คนอื่นๆ ก็รู้น้อยมากเกี่ยวกับกองกำลังที่อยู่เบื้องหลังพวกเขา แม้แต่คนของหอเทียนเซียงส่วนใหญ่ก็ยังไม่รู้เกี่ยวกับเรื่องนี้ มีเพียงผู้มีอำนาจเพียงไม่กี่คนที่รู้เรื่องนี้เพียงเล็กน้อย
“ดินแดนศักดิ์สิทธิ์?” หลังจากที่หวังเย่ได้ยินคำพูดของฮวงหลี่ เขาก็ตกตะลึงเล็กน้อย และแววตาของเขาก็เกิดความลังเล
แม้ว่าเขาจะเป็นคนหุนหันพลันแล่น แต่เขาไม่ใช่คนโง่ เขาไม่เต็มใจที่จะรุกรานดินแดนศักดิ์สิทธิ์!
แม้ว่าจักรวรรดิต้าเฉียนจะไม่กลัวดินแดนศักดิ์สิทธิ์เหล่านั้น แต่ถ้าเขากลายเป็นศัตรูของดินแดนศักดิ์สิทธิ์เพราะเรื่องเล็กน้อย ฝ่าบาทอาจจะถลกหนังเขาทั้งเป็น!
“ท่านแม่ทัพ สมบัติที่ถือกำเนิดเมื่อวานนี้น่าจะเป็นอาวุธเซียนสวรรค์!” เมื่อเจ้าเมืองเจียงหนานเห็นสิ่งนี้ เขาก็เติมเชื้อไฟให้กับหวังเย่
“อาวุธเซียนสวรรค์ เจ้าแน่ใจรึ?” หลังจากที่หวังเย่ได้ยินคำพูดของเจ้าเมืองเจียงหนาน ดวงตาของเขาก็เบิกกว้างขึ้น จากนั้นเขาก็รีบถามด้วยความรู้สึกกังวลเป็นอย่างมาก
“ข้าแน่ใจแปดส่วนว่าแม้ว่าสิ่งนั้นต้องเป็นอาวุธเซียนสวรรค์อย่างแน่นอน และอาจเป็นถึงอาวุธเซียนสวรรค์ระดับสูงสุด อาวุธวิเศษที่อยู่บนจุดสูงสุดของโลก!” เจ้าเมืองเจียงหนานพูดโดยไม่ลังเลเลย สีหน้าของเขาตั้งใจ และแน่วแน่