ตอนที่ 1290 ใครคัดค้านอะไรก็เชิญพูดออกมาได้เลย (ฟรี)
ตอนที่ 1290 ใครคัดค้านอะไรก็เชิญพูดออกมาได้เลย
ฉินเหรินเยว่ตกใจเล็กน้อย “ในเมื่อพี่ลู่ก็อยู่ที่นี่ด้วย ทำไมพี่ลู่ถึงไม่เป็นคนจัดการเรื่องนี้ล่ะ?”
ถัวป๋าหง “???”
มันคงจะไม่แย่นัก หากฉินเหรินเยว่แค่เมินเฉยถัวป๋าหง แต่การที่ฉินเหรินเยว่เรียกชายชราคนนั้นว่าพี่ลู่และขอให้เขาเป็นคนจัดการเรื่องนี้ มันทำให้คนของตระกูลถัวป๋าไม่พอใจ
ลู่โจวส่ายหัวเล็กน้อย “ข้าไม่ใช่คนไร้เหตุผล พวกเขาเชิญเจ้ามาที่นี่เพื่อช่วยเหลือพวกเขา ไม่ใช่ข้า”
“เรื่องนี้...” ฉินเหรินเยว่รู้สึกอึดอัด
ถัวป๋าหงเซถอยหลัง
“ผู้อาวุโสคนแรก!”
คนของตระกูลถัวป๋ารีบเข้าไปประคองถัวป๋าหง
“ข้า...ข้าไม่เป็นไร...” ถัวป๋าหงกล่าว เขาพยายามรวบรวมสติ เขาต้องเข้มแข็ง
ลู่โจวมองดูถัวป๋าหงที่ตอนนี้กำลังแสดงสีหน้าที่น่าเกลียดออกมา “ไม่ต้องสนใจข้าหรอก ในเมื่ออยากทวงความยุติธรรมก็จงทำทุกอย่างให้มันเต็มที่เถอะ อย่าทำให้ตัวเองต้องอับอาย”
ถัวป๋าหงเช็ดเหงื่อออกจากใบหน้า “ครับ ท่านผู้อาวุโส”
“เอาล่ะ มาเริ่มกันเถอะ” ฉินเหรินเยว่กล่าว
ฉินเหรินเยว่มองดูคนของตระกูลถัวป๋าก่อนจะมองไปยังศิษย์ของหยานหนาน
หมิงซี่หยินกล่าว “จ้าวหยู ในเมื่อท่านปรมาจารย์ฉินมาถึงแล้ว เจ้าในฐานะสมาชิกของราชวงศ์ ก็น่าจะเป็นคนที่เป็นกลางมากที่สุด เจ้าจงเล่าสิ่งที่ท่านได้ยินและได้เห็นให้ท่านปรมาจารย์ฉินฟังเถอะ เพื่อที่ท่านปรมาจารย์ฉินจะได้สามารถตัดสินได้อย่างยุติธรรม”
ฉินเหรินเยว่มองไปยังจ้าวหยู “ที่แท้คุณชายจ้าวก็อยู่ที่นี่ด้วย”
จ้าวหยูกล่าว “ข้าเล่าเรื่องทั้งหมดให้พวกเขาฟังแล้ว แต่พวกเขาไม่เชื่อข้า แบบนี้ข้าจะทำอะไรได้อีกล่ะ?”
ฉินเหรินเยว่ขมวดคิ้ว “มีใครไม่เชื่อคำพูดของสมาชิกราชวงศ์ด้วยงั้นเหรอ?”
คนจากตระกูลถัวป๋าก้มหน้าลง
ถัวป๋าหงรีบพูด “ไม่ใช่แบบนั้นหรอก พวกเราแค่เข้าใจผิดกันเท่านั้น พวกเราแค่รับไม่ได้ที่ท่านปรมาจารย์ผู้ทรงเกียรติถัวป๋าตาย มันไม่ได้หมายความว่าพวกเราไม่เชื่อคำพูดของคุณชายจ้าว”
ฉินเหรินเยว่พยักหน้า “ขอบคุณมาก คุณชายจ้าว ได้โปรดเล่าให้ข้าฟังด้วย”
“ตกลง” จ้าวหยูกล่าว
จ้าวหยูเป็นลูกคนที่ยี่สิบสามของจักรพรรดิแห่งต้าฉิน ตั้งแต่เกิดเขาได้รับพระราชทานยศเป็นอัครเสนาบดี คนส่วนใหญ่มักจะเรียกเขาว่า ‘คุณชายจ้าว’ เขาเป็นที่รักของคนในราชวงศ์ ในช่วงแรกๆ ความวุ่นวายภายในไม่ได้ส่งผลกระทบอะไรกับเขา ยิ่งไปกว่านั้น เขายังเป็นอัครเสนาบดีที่ไม่มีความทะเยอทะยานใดๆ ด้วยนิสัยที่เป็นมิตร ทำให้เขาเป็นที่รักของทุกคน
จ้าวหยูเล่าเรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้นในหยูจงให้กับฉินเหรินเยว่ฟัง เมื่อเขาอธิบายถึงตอนที่ถัวป๋าซื่อเฉิงได้รับบาดเจ็บสาหัสจากการโจมตีของไข่มุกวิญญาณของเทียนหวู่ คนของตระกูลถัวป๋าก็แสดงสีหน้าที่น่าเกลียดออกมา
จ้าวหยูนั้นซื่อสัตย์ เขาไม่ปิดบังอะไร เขาอธิบายถึงเหตุการณ์ที่ถัวป๋าซื่อเฉิงและเย่เจิงร่วมมือกันเพื่อฆ่าลู่โจวอย่างละเอียด
ต้องบอกเลยว่าจ้าวหยูเป็นนักเล่าเรื่องชั้นยอด
“ท่านปรมาจารย์ถัวป๋าคิดว่าตัวเองไร้เทียมทาน เพราะเขามีพลังผังก่อเกิดถึงยี่สิบผัง แต่เขากลับประเมินพลังของเทียนหวู่ต่ำไป ยิ่งไปกว่านั้นเขาไม่คิดเลยว่าท่านเจิ้นหนานจะเป็นสามีของเทียนหวู่ ท่านเจิ้นหนานปรากฏตัวออกมา มันยอมเสี่ยงชีวิตเพื่อทำลายพลังผังก่อเกิดของท่านปรมาจารย์ถัวป๋า พลังของมันดูราวกับว่าสามารถผ่าสวรรค์ออกเป็นสองส่วนได้ น่าเสียดาย ท่านเจิ้นหนานใช้พลังไปจนหมด มันเป็นภาพที่น่าจดจำจริงๆ ...”
จ้าวหยูกล่าวต่ออย่างกระตือรือร้น “โชคดีที่ท่านปรมาจารย์ลู่ยืนหยัดต่อสู้กับเทียนหวู่ ตามหลักแล้วหากท่านปรมาจารย์ถัวป๋าได้รับเวลาในการพักฟื้น เขาคงจะไม่ตาย ในขณะที่ท่านปรมาจารย์ลู่กำลังใช้เคล็ดวิชาอันทรงพลังจัดการกับเทียนหวู่ ท่านปรมาจารย์ถัวป๋ากับปรมาจารย์เย่เจิงก็ลอบโจมตีท่านปรมาจารย์ลู่!”
“…”
อากาศดูเหมือนจะหยุดนิ่ง ทุกอย่างสงบนิ่งราวกับภาพวาด
ฉินเหรินเยว่ตั้งใจฟังด้วยสีหน้าที่คาดหวัง
จ้าวหยูกล่าวต่อ “พวกท่านเดาสิว่าเกิดอะไรขึ้น? ท่านปรมาจารย์ลู่หมุนตัวก่อนจะตวัดฝ่ามือออกไป ฝ่ามือนั้นกว้างใหญ่ราวกับท้องฟ้า นิ้วทั้งห้าเป็นเหมือนกับยอดเขา ฝ่ามือนั้นทับลงบนท่านปรมาจารย์ถัวป๋า จากนั้น...จากนั้น...พลังผังก่อเกิดทั้งหมดของท่านปรมาจารย์ถัวป๋าก็ถูกทำลาย! เขาไม่มีพลังผังก่อเกิดอีกต่อไป!”
“…”
หมิงซี่หยินที่กำลังฟังอยู่รู้สึกเขินอายเล็กน้อย ถึงแม้จ้าวหยูจะพูดความจริง แต่ทำไมมันถึงได้ดูเกินจริงขนาดนี้?
“แล้วปรมาจารย์เย่เจิงล่ะ?” ฉินเหรินเยว่ถาม
“ในเวลานั้นปรมาจารย์เย่เจิงก็ลอบโจมตีจากบนฟ้า เขาระดมพลังแห่งเต๋า ปะทะเข้ากับท่านปรมาจารย์ลู่...” จ้าวหยูหยุดไปชั่วขณะก่อนจะพูดต่อ “แต่ปรมาจารย์เย่เจิงไม่ใช่คู่ต่อสู้ของท่านปรมาจารย์ลู่ พลังของพวกเขาต่างกันมาก เพียงแค่โจมตีเพียงครั้งเดียว ปรมาจารย์เย่เจิงก็กระเด็นถอยหลัง พลังผังก่อเกิดของเขาถูกทำลายไปหนึ่งผัง!”
จ้าวหยูไม่พอใจเล็กน้อยเมื่อนึกถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
“หากเป็นข้า ข้าก็คงหนีไปแล้ว ใครจะไปรู้ล่ะ บางทีความคิดของปรมาจารย์ผู้ทรงเกียรติอาจจะแตกต่างจากคนทั่วไป แทนที่จะถอยทัพ แต่ปรมาจารย์เย่เจิงกลับพาศิษย์ทั้งหมดเข้าโจมตี พวกเขาลืมไปว่าท่านปรมาจารย์ลู่มีสัตว์ขี่ที่ชื่อว่า ลู่หวู่อยู่!”
“ลู่หวู่มีขนาดใหญ่หลายพันฟุต! มันกระโดดขึ้นไปกลางอากาศก่อนอจะกางหางทั้งเก้าของมัน จากนั้น มันก็ใช้พลังน้ำแข็งฆ่าศิษย์ทุกคนที่อ่อนแอกว่าปรมาจารย์ผู้ทรงเกียรติ!” จ้าวหยูเล่าอย่างตื่นเต้น “มันดูน่าตื่นตาตื่นใจ สมกับเป็นจักรพรรดิสัตว์ร้าย! ในเมื่อจักรพรรดิสัตว์ร้ายมาถึงแล้ว ใครจะกล้าขัดขืน?”
“…”
บรรยากาศตึงเครียด
คนที่กำลังฟังลืมหายใจไปเลย พวกเขาจดจ่ออยู่กับเรื่องราวของจ้าวหยู
ในขณะที่จ้าวหยูเล่าเรื่องราวอย่างตื่นเต้น ศิษย์ของหยานหนานและคนของตระกูลถัวป๋ากลับรู้สึกราวกับว่าพวกเขาถูกราดด้วยน้ำเย็น
จ้าวหยูที่สังเกตเห็นสีหน้าของพวกเขาจึงรู้ตัวว่าตัวเขาตื่นเต้นเกินไป ตอนนี้เขาเล่ามาถึงตอนที่ปรมาจารย์ผู้ทรงเกียรติทั้งสองเสียชีวิตแล้ว เขาคิดว่าเขาควรทำตัวเศร้าขึ้นมาหน่อย ดังนั้นเขาจึงถอนหายใจ “บางที...ปรมาจารย์ผู้ทรงเกียรติทั้งสองอาจจะตัดสินใจผิดพลาดไปชั่วขณะ ข้าเคารพพวกเขามากจริงๆ ข้าไม่คิดเลย...ข้าไม่คิดเลยว่า...”
จ้าวหยุดพูดก่อนจะถอนหายใจอีกครั้ง
“…”
“…”
จ้าวหยูโค้งคำนับฉินเหรินเยว่ “ข้าพูดจบแล้ว” จากนั้นเขาก็หันไปมองคนอื่นๆ “ข้าขอรับผิดชอบคำพูดทุกคำที่ข้าพูด หากพวกท่านไม่เชื่อคำพูดของข้า พวกท่านก็สามารถตรวจสอบเรื่องนี้ก็ยังได้ ยิ่งไปกว่านั้นท่านปรมาจารย์ฟ่านก็อยู่ที่นั่น ดังนั้นพวกท่านจะถามเขาก็ยังได้”
“ท่านปรมาจารย์ฟ่านก็อยู่ที่นั่นด้วยเหรอ?” ฉินเหรินเยว่ขมวดคิ้ว
“ท่านปรมาจารย์ถัวป๋าเคยครอบครองไข่มุกวิญญาณอยู่ชั่วครู่ เขาคิดว่าตัวเองไร้เทียมทาน เขาจึงได้ลงมือกับท่านปรมาจารย์ฟ่าน แต่ท่านปรมาจารย์ฟ่านใช้หยกเครื่องรางเคลื่อนย้ายหมู่...หนีไป” จ้าวหยูกล่าว เขาถอยกลับไปยังตำแหน่งเดิม ภารกิจของเขาสำเร็จแล้ว
ศิษย์ของหยานหนานและคนของตระกูลถัวป๋าแสดงสีหน้าที่กังวลออกมา
“ตอนนี้ข้าคิดว่าข้าพอจะเข้าใจเรื่องราวทั้งหมดแล้ว” ฉินเหรินเยว่กล่าว
ฉินเหรินเยว่เดินไปยังใจกลางลานเมฆา เขามองดูถัวป๋าหงและคนอื่นๆ “ในโลกแห่งการฝึกยุทธ ผู้แข็งแกร่งมักจะเอาเปรียบผู้ที่อ่อนแอ ท่านปรมาจารย์ถัวป๋าทำผิดพลาด พวกเจ้าคิดว่าคำตัดสินนี้ยุติธรรมรึเปล่า?”
ถัวป๋าหงเซถอยหลัง เขาทรุดลงกับพื้น
ทุกคนเงียบ
หลังจากนั้นไม่นาน ถัวป๋าหงก็กล่าว “ข้า...ข้ายอมรับคำตัดสินของท่านปรมาจารย์ฉิน”
ฉินเหรินเยว่หันไปมองเย่เหว่ย “ท่านปรมาจารย์เย่ก็เช่นกัน ผู้อาวุโสเย่ ท่านมีความคิดเห็นอะไรไหม?”
เย่เหว่ยผ่านช่วงเวลาแห่งความเจ็บปวดมามากแล้ว เขาจึงยังคงสงบนิ่ง “เย่เจิงทำร้ายศิษย์ของหยานหนานมากมายเพราะความเห็นแก่ตัวของตัวเอง ข้าได้ลงโทษเขาไปแล้ว ทั้งหมดนี้ก็เพื่อเห็นแก่บรรพบุรุษ”
ฉินเหรินเยว่พยักหน้า “ดี ในเมื่อข้าอยู่ที่นี่แล้ว หากพวกเจ้ามีข้อสงสัยหรือคัดค้านอะไร ก็พูดออกมาได้เลย...”