(ฟรี) บทที่ 250 แม่และลูกสาวมาถึงหน้าประตู
เมื่อเซียวโหยวหรานส่งข้อความมา สวี่ชิวเหวินต้องการบอกเธอจริงๆว่าเขามีแฟนแล้วและขอให้เธอตัดใจจากเขาในอนาคต แต่หลังจากลังเลอยู่นานเขาก็ตัดสินใจว่าจะยังไม่บอกเธอตอนนี้
หากเขาบอกเธอตอนนี้เซียวโหยวหรานคงไม่ได้มีความสุขกับช่วงปีใหม่ เพียงแค่รอหลังจากนี้แล้วค่อยหาโอกาสที่เหมาะสม
หลังจากวางสาย สวี่ชิวเหวินก็ส่งข้อความราตรีสวัสดิ์ถึงถังเว่ยเว่ย จากนั้นเขาก็ส่งข้อความถึงอันซือซือเพื่อเตือนให้เธอใส่ใจเรื่องความปลอดภัยและอย่าหลับจนเลยสถานี
ถังเว่ยเว่ยตอบกลับอย่างรวดเร็วด้วยคำว่า “ราตรีสวัสดิ์” จากนั้นก็ไม่มีข้อความใดอีก ส่วนอันซือซือยังไม่ตอบกลับข้อความ สวี่ชิวเหวินจึงวางโทรศัพท์ลงแล้วเข้านอน
—
เช้าวันรุ่งขึ้น
หลังจากตื่นนอน สวี่ชิวเหวินก็หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดู
อันซือซือส่งข้อความหาเขาตอนกลางดึกโดยบอกว่าเธอถึงสถานีฉางซาแล้ว และหลังจากนั้นไม่นานเธอก็บอกเขาว่าอยู่บนรถบัสที่กำลังเดินทางไปกุ้ยหลิน
(TL: กุ้ยหลิน หนึ่งในเมืองของมณฑลกว่างซี)
สวี่ชิวเหวินคำนวณเวลาและพบว่าอันซือซือควรจะยังอยู่บนรถตอนนี้ ไม่แน่ใจว่าเธอหลับหรือตื่นอยู่ เขาจึงส่งข้อความไปว่า “ถึงกุ้ยหลินแล้วโทรหาฉันด้วย”
อันซือซือยังไม่ตอบกลับเช่นเคย เมื่อคืนเธออาจจะตื่นมากลางดึกและตอนนี้คงกำลังนอนหลับอยู่
หลังจากกลับมาถึงบ้านสวี่ชิวเหวินก็พบว่าเขาไม่มีอะไรทำ และเมื่อพิจารณาดูอย่างรอบคอบ สวี่ชิวเหวินก็ตัดสินใจเริ่มนิยายเรื่องที่สี่
นิยายเรื่องที่สามจบไปสักพักแล้ว ตอนนี้เขามีเวลาว่างมากมาย ส่วนว่าเรื่องใหม่นี้จะเขียนอะไร สวี่ชิวเหวินต้องคิดอย่างจริงจัง
“Boys Over Flowers” ถูกสร้างเป็นละครโทรทัศน์แล้ว สำหรับเรื่องที่สามอย่าง “สามชาติสามภพ” เขาก็คิดจะทำมันให้เป็นละครโทรทัศน์เช่นกัน แม้ว่าจะไม่ใช่ตอนนี้ แต่ในอนาคตย่อมเกิดขึ้นอย่างแน่นอน ดังนั้นเขาจึงต้องการให้นิยายเรื่องที่สี่ง่ายต่อการดัดแปลงด้วย
สวี่ชิวเหวินคิดถึงนิยายเรื่องหนึ่งอย่างรวดเร็ว
“มหาบุรุษพลิกแผ่นดิน”
นิยายเรื่องนี้ไม่ว่าจะเป็นฉบับหนังสือหรือละครโทรทัศน์ก็ล้วนได้รับความนิยมมาก่อน และเมื่อสวี่ชิวเหวินตัดสินใจได้แล้วเขาก็เริ่มเทันที
เขาพิมพ์อย่างต่อเนื่องเป็นเวลาหลายชั่วโมงและสามารถจัดการได้ถึง 20,000 คำ
เขาหยุดชั่วคราวและกำลังจะพักผ่อนสักครู่ เมื่อเหลือบดูเวลาก็พบว่ามันเกือบเที่ยงแล้ว
“ติ๊งต่อง”
กริ่งประตูดังขึ้นอย่างกะทันหัน
สวี่ชิวเหวินยืนขึ้นและออกจากห้องไปเปิดประตูบ้าน
หลังจากประตูถูกเปิดออก สวี่ชิวเหวินก็พบเซียวโหยวหรานและจางรั่วซูที่กำลังยืนอยู่ข้างนอก
“ป้าจาง โหยวหราน”
สวี่ชิวเหวินเห็นกระบอกน้ำร้อนในมือเซียวโหยวหรานและรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย เมื่อวานเขาเพียงแก้ตัวออกไปส่งๆ... ไม่คาดคิดว่าเซียวโหยวหรานจะทำซุปมาให้จริงๆ
เซียวโหยวหรานยกกระบอกน้ำร้อนในมือของเธอขึ้นแล้วพูดกับสวี่ชิวเหวินด้วยรอยยิ้ม “เสี่ยวสวี่ ฉันทำซุปมาให้ มันน่าจะดีต่อร่างกายของนาย”
“ขอบคุณนะ” สวี่ชิวเหวินกล่าวขอบคุณ ก่อนจะหันไปพูดกับจางรั่วซู “ป้าจาง โหยวหราน เข้ามานั่งก่อนสิครับ แม่ออกไปซื้อของแล้วยังไม่กลับมาเลย”
จางรั่วซูพยักหน้าแล้วเดินตามลูกสาวของเธอเข้าไปในบ้านก่อนจะนั่งลงบนโซฟา
“ป้าจางนั่งรอก่อนนะครับ ผมจะไปชงชามาให้”
เซียวโหยวหรานรีบพูดขึ้นทันที “ไม่เป็นไรเสี่ยวสวี่ เราไม่ดื่มชา ไม่ต้องยุ่งยากหรอก”
จางรั่วซูมองดูเซียวโหยวหรานอย่างหมดหนทาง ลูกสาวของเธอทำราวกับว่าสวี่ชิวเหวินจะเหนื่อยเกินไปหากเคลื่อนไหวเพียงเล็กน้อย แต่ในฐานะแม่ เธอไม่สามารถพูดตำหนิตอนนี้ได้และทำได้เพียงกล่าวสำทับ “ใช่แล้วเสี่ยวสวี่ อย่ามากพิธีเลย”
“ถ้าอย่างนั้นผมจะไปเอาน้ำมาให้ หากผมไม่เตรียมอะไรไว้เลยคงจะโดนแม่ดุเมื่อเธอกลับมา” สวี่ชิวเหวินพูดขณะเดินไปที่ห้องครัว
เซียวโหยวหรานถามอย่างสงสัยจากด้านหลัง “ตอนนี้ป้าหนิงยังดุนายอยู่อีกหรอ?”
สวี่ชิวเหวินหยิบแก้วสะอาดสองใบออกมาอย่างรวดเร็ว เทน้ำร้อนลงไป แล้วหันกลับมาตอบ “ล่าสุดเมื่อคืนฉันยังโดนดุอยู่เลย”
เซียวโหยวหรานได้ยินดังนั้นก็หัวเราะคิกคัก “ป้าหนิงชอบฉันมากที่สุด ถ้าฉันอยู่ที่นี่เธอจะไม่ดุนาย”
“ป้าจาง โหยวหราน ดื่มน้ำก่อนครับ” สวี่ชิวเหวินกล่าวพร้อมวางแก้วลงบนโต๊ะกาแฟตรงหน้าทั้งสอง
จางรั่วซูหยิบแก้วขึ้นมาจิบแล้วถามว่า “เมื่อวานนี้ว่านชิวดุเธอเพราะเรื่องซื้อรถหรือเปล่า?”
สวี่ชิวเหวินผงะและสงสัยว่าป้าจางรู้ได้อย่างไร แต่แล้วเขาก็ตระหนักว่าคงเป็นแม่ของเขาที่บอกเธอ เขาจึงพยักหน้ารับ “ใช่ครับ แม่ตำหนิที่ผมใช้เงินอย่างประมาทและไม่ปรึกษาเธอก่อน”
“ว่านชิวแค่เป็นห่วงเธอ สำหรับเรื่องใหญ่เช่นการซื้อรถเธอควรบอกให้ว่านชิวทราบก่อนจริงๆ...” จางรั่วซูหยุดชั่วคราวและกำลังจะพูดต่อ แต่เซียวโหยวหรานกลับพูดขึ้นก่อน
“เสี่ยวสวี่ ทำไมจู่ๆนายถึงซื้อรถล่ะ?” เซียวโหยวหรานถามอย่างสงสัย
นี่คือสิ่งที่จางรั่วซูไม่สามารถเข้าใจได้เช่นกัน เป็นเพราะเขามีเงินและอยากใช้จ่ายอย่างฟุ่มเฟือยหรือเปล่า?
สวี่ชิวเหวินตอบกลับพร้อมรอยยิ้ม “แม้ว่าฉันจะยังเป็นนักศึกษา แต่ฉันอาจต้องเริ่มต้นอาชีพในอนาคตเร็วๆนี้ ดังนั้นการมีรถยนต์จึงเป็นสิ่งที่จำเป็น แถมยังสะดวกในการขับกลับบ้านโดยตรงอีกด้วย”
หลังจากได้ยินคำอธิบายของเขาจางรั่วซูก็รู้สึกว่ามันสมเหตุสมผล สวี่ชิวเหวินทำเงินได้มากกว่าสิบล้านหยวนในปีแรกของมหาวิทยาลัย เขาถูกกำหนดให้ไม่อาจใช้ชีวิตเหมือนนักศึกษาธรรมดาทั่วไป
แม้เธอจะไม่แน่ใจว่าเขาตั้งใจจะเดินตามเส้นทางอาชีพใด แต่เขาควรมีข้อพิจารณาเป็นของตัวเองแล้ว... เมื่อคิดแบบนี้การซื้อรถก็ดูสมเหตุสมผลมาก แม้ว่าราคาจะดูแพงเล็กน้อยสำหรับเธอแต่มันก็ไม่มากนักเมื่อเทียบกับเงินที่เขาได้รับ
แต่เมื่อนึกถึงการเริ่มต้นอาชีพที่เขาพูดถึง จางรั่วซูก็อดไม่ได้ที่จะเตือนเล็กน้อย “เสี่ยวสวี่ เธอโดดเด่นกว่าเด็กผู้ชายทั่วไปมาก แต่อย่าหลงระเริงเกินไป ไม่ว่าจะทำอะไรเธอต้องคิดให้รอบคอบก่อนและควรรับฟังความคิดเห็นของผู้อื่นด้วย”
สวี่ชิวเหวินพยักหน้ารับ “ผมเข้าใจครับป้าจาง คุณวางใจได้ ผมจะไม่หุนหันพลันแล่น”
หลังจากนั้นเซียวโหยวหรานก็กล่าวอีกสองสามคำ
จางรั่วซูไม่ได้ถามอะไรอีก เธอเพียงดื่มน้ำอุ่นและถือโอกาสสังเกตสวี่ชิวเหวิน... ก่อนหน้านี้พวกเขาไม่ได้เจอกันมาหลายเดือน วันนี้เธอได้เห็นสวี่ชิวเหวินอีกครั้งและประหลาดใจมาก
บุคลิกและท่าทางของสวี่ชิวเหวินแตกต่างไปจากเมื่อก่อนอย่างสิ้นเชิง ในอดีตเขามักจะประหม่าเล็กน้อยเมื่อเผชิญหน้ากับเธอ แต่ตอนนี้เขากลับพูดอย่างมั่นใจและเป็นกันเอง แต่ก็ไม่ได้ให้ความรู้สึกไม่เคารพ... การพูดคุยกับเขาทำให้ผู้คนรู้สึกสบายใจ
ในเวลานี้เอง เกิดเสียงเคลื่อนไหวขึ้นที่นอกประตู
ทุกคนล้วนเดาว่าเป็นหนิงว่านชิวที่กลับมา... และมันเป็นอย่างที่คาดไว้ ไม่กี่วินาทีต่อมาหนิงว่านชิวก็เปิดประตูและเดินเข้ามา
สวี่ชิวเหวินลุกขึ้นยืนทันทีและพูดกับแม่ของเขา “แม่ ป้าจางกับโหยวหรานมาที่นี่ และพวกเขายังทำซุปมาให้ด้วย”
หนิงว่านชิวได้รับสายจากจางรั่วซูระหว่างเดินทางกลับจากซื้อของชำ ดังนั้นเธอจึงรู้เรื่องนี้แล้ว
“พี่สาวจาง คุณมาแล้ว” หนิงว่านชิวกล่าวอย่างกระตือรือร้น จากนั้นเธอก็มองไปที่เซียวโหยวหรานและพูดด้วยรอยยิ้ม “โหยวหราน เธอสวยขึ้นอีกแล้ว”
/////