ตอนที่แล้วบทที่ 249 แม่ยายมองดูลูกเขย
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 251 เธออยากเข้ามาในห้องฉันไหม?

(ฟรี) บทที่ 250 แม่และลูกสาวมาถึงหน้าประตู


เมื่อเซียวโหยวหรานส่งข้อความมา สวี่ชิวเหวินต้องการบอกเธอจริงๆว่าเขามีแฟนแล้วและขอให้เธอตัดใจจากเขาในอนาคต แต่หลังจากลังเลอยู่นานเขาก็ตัดสินใจว่าจะยังไม่บอกเธอตอนนี้

หากเขาบอกเธอตอนนี้เซียวโหยวหรานคงไม่ได้มีความสุขกับช่วงปีใหม่ เพียงแค่รอหลังจากนี้แล้วค่อยหาโอกาสที่เหมาะสม

หลังจากวางสาย สวี่ชิวเหวินก็ส่งข้อความราตรีสวัสดิ์ถึงถังเว่ยเว่ย จากนั้นเขาก็ส่งข้อความถึงอันซือซือเพื่อเตือนให้เธอใส่ใจเรื่องความปลอดภัยและอย่าหลับจนเลยสถานี

ถังเว่ยเว่ยตอบกลับอย่างรวดเร็วด้วยคำว่า “ราตรีสวัสดิ์” จากนั้นก็ไม่มีข้อความใดอีก ส่วนอันซือซือยังไม่ตอบกลับข้อความ สวี่ชิวเหวินจึงวางโทรศัพท์ลงแล้วเข้านอน

เช้าวันรุ่งขึ้น

หลังจากตื่นนอน สวี่ชิวเหวินก็หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดู

อันซือซือส่งข้อความหาเขาตอนกลางดึกโดยบอกว่าเธอถึงสถานีฉางซาแล้ว และหลังจากนั้นไม่นานเธอก็บอกเขาว่าอยู่บนรถบัสที่กำลังเดินทางไปกุ้ยหลิน

(TL: กุ้ยหลิน หนึ่งในเมืองของมณฑลกว่างซี)

สวี่ชิวเหวินคำนวณเวลาและพบว่าอันซือซือควรจะยังอยู่บนรถตอนนี้ ไม่แน่ใจว่าเธอหลับหรือตื่นอยู่ เขาจึงส่งข้อความไปว่า “ถึงกุ้ยหลินแล้วโทรหาฉันด้วย”

อันซือซือยังไม่ตอบกลับเช่นเคย เมื่อคืนเธออาจจะตื่นมากลางดึกและตอนนี้คงกำลังนอนหลับอยู่

หลังจากกลับมาถึงบ้านสวี่ชิวเหวินก็พบว่าเขาไม่มีอะไรทำ และเมื่อพิจารณาดูอย่างรอบคอบ สวี่ชิวเหวินก็ตัดสินใจเริ่มนิยายเรื่องที่สี่

นิยายเรื่องที่สามจบไปสักพักแล้ว ตอนนี้เขามีเวลาว่างมากมาย ส่วนว่าเรื่องใหม่นี้จะเขียนอะไร สวี่ชิวเหวินต้องคิดอย่างจริงจัง

“Boys Over Flowers” ถูกสร้างเป็นละครโทรทัศน์แล้ว สำหรับเรื่องที่สามอย่าง “สามชาติสามภพ” เขาก็คิดจะทำมันให้เป็นละครโทรทัศน์เช่นกัน แม้ว่าจะไม่ใช่ตอนนี้ แต่ในอนาคตย่อมเกิดขึ้นอย่างแน่นอน ดังนั้นเขาจึงต้องการให้นิยายเรื่องที่สี่ง่ายต่อการดัดแปลงด้วย

สวี่ชิวเหวินคิดถึงนิยายเรื่องหนึ่งอย่างรวดเร็ว

“มหาบุรุษพลิกแผ่นดิน”

นิยายเรื่องนี้ไม่ว่าจะเป็นฉบับหนังสือหรือละครโทรทัศน์ก็ล้วนได้รับความนิยมมาก่อน และเมื่อสวี่ชิวเหวินตัดสินใจได้แล้วเขาก็เริ่มเทันที

เขาพิมพ์อย่างต่อเนื่องเป็นเวลาหลายชั่วโมงและสามารถจัดการได้ถึง 20,000 คำ

เขาหยุดชั่วคราวและกำลังจะพักผ่อนสักครู่ เมื่อเหลือบดูเวลาก็พบว่ามันเกือบเที่ยงแล้ว

“ติ๊งต่อง”

กริ่งประตูดังขึ้นอย่างกะทันหัน

สวี่ชิวเหวินยืนขึ้นและออกจากห้องไปเปิดประตูบ้าน

หลังจากประตูถูกเปิดออก สวี่ชิวเหวินก็พบเซียวโหยวหรานและจางรั่วซูที่กำลังยืนอยู่ข้างนอก

“ป้าจาง โหยวหราน”

สวี่ชิวเหวินเห็นกระบอกน้ำร้อนในมือเซียวโหยวหรานและรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย เมื่อวานเขาเพียงแก้ตัวออกไปส่งๆ... ไม่คาดคิดว่าเซียวโหยวหรานจะทำซุปมาให้จริงๆ

เซียวโหยวหรานยกกระบอกน้ำร้อนในมือของเธอขึ้นแล้วพูดกับสวี่ชิวเหวินด้วยรอยยิ้ม “เสี่ยวสวี่ ฉันทำซุปมาให้ มันน่าจะดีต่อร่างกายของนาย”

“ขอบคุณนะ” สวี่ชิวเหวินกล่าวขอบคุณ ก่อนจะหันไปพูดกับจางรั่วซู “ป้าจาง โหยวหราน เข้ามานั่งก่อนสิครับ แม่ออกไปซื้อของแล้วยังไม่กลับมาเลย”

จางรั่วซูพยักหน้าแล้วเดินตามลูกสาวของเธอเข้าไปในบ้านก่อนจะนั่งลงบนโซฟา

“ป้าจางนั่งรอก่อนนะครับ ผมจะไปชงชามาให้”

เซียวโหยวหรานรีบพูดขึ้นทันที “ไม่เป็นไรเสี่ยวสวี่ เราไม่ดื่มชา ไม่ต้องยุ่งยากหรอก”

จางรั่วซูมองดูเซียวโหยวหรานอย่างหมดหนทาง ลูกสาวของเธอทำราวกับว่าสวี่ชิวเหวินจะเหนื่อยเกินไปหากเคลื่อนไหวเพียงเล็กน้อย แต่ในฐานะแม่ เธอไม่สามารถพูดตำหนิตอนนี้ได้และทำได้เพียงกล่าวสำทับ “ใช่แล้วเสี่ยวสวี่ อย่ามากพิธีเลย”

“ถ้าอย่างนั้นผมจะไปเอาน้ำมาให้ หากผมไม่เตรียมอะไรไว้เลยคงจะโดนแม่ดุเมื่อเธอกลับมา” สวี่ชิวเหวินพูดขณะเดินไปที่ห้องครัว

เซียวโหยวหรานถามอย่างสงสัยจากด้านหลัง “ตอนนี้ป้าหนิงยังดุนายอยู่อีกหรอ?”

สวี่ชิวเหวินหยิบแก้วสะอาดสองใบออกมาอย่างรวดเร็ว เทน้ำร้อนลงไป แล้วหันกลับมาตอบ “ล่าสุดเมื่อคืนฉันยังโดนดุอยู่เลย”

เซียวโหยวหรานได้ยินดังนั้นก็หัวเราะคิกคัก “ป้าหนิงชอบฉันมากที่สุด ถ้าฉันอยู่ที่นี่เธอจะไม่ดุนาย”

“ป้าจาง โหยวหราน ดื่มน้ำก่อนครับ” สวี่ชิวเหวินกล่าวพร้อมวางแก้วลงบนโต๊ะกาแฟตรงหน้าทั้งสอง

จางรั่วซูหยิบแก้วขึ้นมาจิบแล้วถามว่า “เมื่อวานนี้ว่านชิวดุเธอเพราะเรื่องซื้อรถหรือเปล่า?”

สวี่ชิวเหวินผงะและสงสัยว่าป้าจางรู้ได้อย่างไร แต่แล้วเขาก็ตระหนักว่าคงเป็นแม่ของเขาที่บอกเธอ เขาจึงพยักหน้ารับ “ใช่ครับ แม่ตำหนิที่ผมใช้เงินอย่างประมาทและไม่ปรึกษาเธอก่อน”

“ว่านชิวแค่เป็นห่วงเธอ สำหรับเรื่องใหญ่เช่นการซื้อรถเธอควรบอกให้ว่านชิวทราบก่อนจริงๆ...” จางรั่วซูหยุดชั่วคราวและกำลังจะพูดต่อ แต่เซียวโหยวหรานกลับพูดขึ้นก่อน

“เสี่ยวสวี่ ทำไมจู่ๆนายถึงซื้อรถล่ะ?” เซียวโหยวหรานถามอย่างสงสัย

นี่คือสิ่งที่จางรั่วซูไม่สามารถเข้าใจได้เช่นกัน เป็นเพราะเขามีเงินและอยากใช้จ่ายอย่างฟุ่มเฟือยหรือเปล่า?

สวี่ชิวเหวินตอบกลับพร้อมรอยยิ้ม “แม้ว่าฉันจะยังเป็นนักศึกษา แต่ฉันอาจต้องเริ่มต้นอาชีพในอนาคตเร็วๆนี้ ดังนั้นการมีรถยนต์จึงเป็นสิ่งที่จำเป็น แถมยังสะดวกในการขับกลับบ้านโดยตรงอีกด้วย”

หลังจากได้ยินคำอธิบายของเขาจางรั่วซูก็รู้สึกว่ามันสมเหตุสมผล สวี่ชิวเหวินทำเงินได้มากกว่าสิบล้านหยวนในปีแรกของมหาวิทยาลัย เขาถูกกำหนดให้ไม่อาจใช้ชีวิตเหมือนนักศึกษาธรรมดาทั่วไป

แม้เธอจะไม่แน่ใจว่าเขาตั้งใจจะเดินตามเส้นทางอาชีพใด แต่เขาควรมีข้อพิจารณาเป็นของตัวเองแล้ว... เมื่อคิดแบบนี้การซื้อรถก็ดูสมเหตุสมผลมาก แม้ว่าราคาจะดูแพงเล็กน้อยสำหรับเธอแต่มันก็ไม่มากนักเมื่อเทียบกับเงินที่เขาได้รับ

แต่เมื่อนึกถึงการเริ่มต้นอาชีพที่เขาพูดถึง จางรั่วซูก็อดไม่ได้ที่จะเตือนเล็กน้อย “เสี่ยวสวี่ เธอโดดเด่นกว่าเด็กผู้ชายทั่วไปมาก แต่อย่าหลงระเริงเกินไป ไม่ว่าจะทำอะไรเธอต้องคิดให้รอบคอบก่อนและควรรับฟังความคิดเห็นของผู้อื่นด้วย”

สวี่ชิวเหวินพยักหน้ารับ “ผมเข้าใจครับป้าจาง คุณวางใจได้ ผมจะไม่หุนหันพลันแล่น”

หลังจากนั้นเซียวโหยวหรานก็กล่าวอีกสองสามคำ

จางรั่วซูไม่ได้ถามอะไรอีก เธอเพียงดื่มน้ำอุ่นและถือโอกาสสังเกตสวี่ชิวเหวิน... ก่อนหน้านี้พวกเขาไม่ได้เจอกันมาหลายเดือน วันนี้เธอได้เห็นสวี่ชิวเหวินอีกครั้งและประหลาดใจมาก

บุคลิกและท่าทางของสวี่ชิวเหวินแตกต่างไปจากเมื่อก่อนอย่างสิ้นเชิง ในอดีตเขามักจะประหม่าเล็กน้อยเมื่อเผชิญหน้ากับเธอ แต่ตอนนี้เขากลับพูดอย่างมั่นใจและเป็นกันเอง แต่ก็ไม่ได้ให้ความรู้สึกไม่เคารพ... การพูดคุยกับเขาทำให้ผู้คนรู้สึกสบายใจ

ในเวลานี้เอง เกิดเสียงเคลื่อนไหวขึ้นที่นอกประตู

ทุกคนล้วนเดาว่าเป็นหนิงว่านชิวที่กลับมา... และมันเป็นอย่างที่คาดไว้ ไม่กี่วินาทีต่อมาหนิงว่านชิวก็เปิดประตูและเดินเข้ามา

สวี่ชิวเหวินลุกขึ้นยืนทันทีและพูดกับแม่ของเขา “แม่ ป้าจางกับโหยวหรานมาที่นี่ และพวกเขายังทำซุปมาให้ด้วย”

หนิงว่านชิวได้รับสายจากจางรั่วซูระหว่างเดินทางกลับจากซื้อของชำ ดังนั้นเธอจึงรู้เรื่องนี้แล้ว

“พี่สาวจาง คุณมาแล้ว” หนิงว่านชิวกล่าวอย่างกระตือรือร้น จากนั้นเธอก็มองไปที่เซียวโหยวหรานและพูดด้วยรอยยิ้ม “โหยวหราน เธอสวยขึ้นอีกแล้ว”

/////