บทที่ 113-114
[แปลโดยแฟนเพจ ยักษาแปร มาติดตามในแฟนเพจเพื่อติดตามข่าวสารได้นะ]
[Thai-novel ลงไวกว่าที่อื่นทุกที่ 5 ตอน แต่จะราคาแพงที่สุด]
[หลังแปลจบจะมีการแก้ไขคำอ่านใหม่ตั้งแต่ต้นอีกครั้ง ถ้าอ่านแบบเถื่อนหรือแชร์กันเป็นคณะ100คน ก็อ่านไปครับ เพราะผมจะแก้แบบแปลใหม่อีกรอบแค่ในThai-novel กับเว็บอื่น ๆ และแหล่งที่ผมแปลครับ ส่วนคนที่อ่านที่อื่นก็จะได้อ่านแบบไม่มีการแก้คำผิด และยิบย่อยมากมาย ไปนั่นแหละ]
บทที่ 113 เมา (IV)
"เอ๊ะ?" เสวี่ยจินเหวินเดินไปหาเหมิงฉีและบีบแก้มของนาง "เจ้าเมาหรือ?"
"พี่สาวเสวี่ยรู้ได้อย่างไร?" เหมิงฉียกคิ้วด้วยความประหลาดใจ
"ถ้าเจ้าใช้แผ่นหยกเพื่อมาเยือนแดนเหนือสรวงสวรรค์ขณะเมา เจ้าจะยิ่งเมาหนักกว่าเดิม" เสวี่ยจินเหวินยิ้มบางๆ อธิบายว่า "เจ้าของแดนเคยกล่าวไว้ว่า แดนเหนือสวรรค์ไม่ใช่สรวงสวรรค์ที่แยกจากโลก แต่เหมือนความฝันชั่วครู่ หากมีใครมาที่นี่เมื่อเมา พวกเขาจะยิ่งเมาหนักกว่าเดิม"
"ด้วยเหตุผลนี้เองหรือทำให้ข้าจึงรู้สึก…?" เหมิงฉีพึมพำ
"วันนี้เจ้ามาทำอะไร?" เสวี่ยจินเหวินจ้องมองเหมิงฉีครู่หนึ่ง แล้วถามด้วยรอยยิ้ม "เจ้าได้ยินเกี่ยวกับการประชุมผู้บ่มเพาะวิชาแพทย์หรือไม่?"
"อืม" เหมิงฉีพยักหน้า นางเป็นผู้บ่มเพาะเนจรในชีวิตก่อน และอาจารย์ของนางก็ไม่ใช่ผู้บ่มเพาะวิชาแพทย์ แม้ว่านางจะเคยได้ยินเกี่ยวกับการประชุม แต่มันก็เป็นเพียงข่าวที่ผ่านมา
"แล้ว เจ้ารู้หรือไม่?" เสวี่ยจินเหวินกล่าว "การประชุมผู้บ่มเพาะวิชาแพทย์ปีนี้จัดขึ้นที่เมืองซิงหลัว จัดโดยตำหนักซิงหลัว"
"ข้ารู้" เหมิงฉีพยักหน้า นางพยายามพยุงร่างกายของนางไว้ที่กรอบประตูอย่างโซเซ
"เข้ามา นั่งลงก่อน" เสวี่ยจินเหวินพานางไปนั่งหน้าชั้นตำราด้วยความขบขัน "ตำหนักซิงหลัวเป็นสำนักดาบอันดับหนึ่งในแดนบูรพา ข้าได้ยินผู้บ่มเพาะวิชาแพทย์หลายคนบ่นเรื่องนี้มาหลายวันแล้ว พวกเขากล่าวว่ามันเป็นการไม่ไว้หน้าของผู้บ่มเพาะวิชาแพทย์" นางหัวเราะเบาๆ "ท่านพ่อและผู้อาวุโสคนอื่นๆที่บ้านก็เถียงกันอยู่นานเกี่ยวกับเรื่องนี้ ต่อมา พี่ชายของข้าก็ก้าวออกมาและในที่สุดก็โน้มน้าวให้พวกเขายอมรับข้อเสนอนี้"
"ใช่" เหมิงฉีพยักหน้า "ข้ารู้" หลังจากหยุดไปครู่หนึ่ง นางกล่าวว่า "เจ้าสำนักตำหนักซิงหลัวสัญญาว่าจะเข้าสู่ทะเลแห่งดวงดาราเป็นเวลาสิบปี ไม่ว่าจะคำนวณอย่างไร เราก็ได้เปรียบจากข้อตกลงนี้"
เสวี่ยจินเหวินตกใจ ความประหลาดใจฉายแววในดวงตาอันมีเสน่ห์ของนาง และนางก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมา "ถ้าเกิดพี่ชายของข้าได้พบกับเจ้า... อืม เจ้าคงได้สนิทกับเขาเป็นแน่ เจ้ารู้หรือไม่? เขายังพูดคำเดียวกันกับที่เจ้าพูดเมื่อครู่กับบิดาของเราด้วย..." เสวี่ยจินเหวินใช้น้ำเสียงของเหมิงฉี "เขาคิดว่าเราได้เปรียบในข้อเสนอนี้มาก"
สมองของเหมิงฉีเสียงก้องอยู่ในหูขึ้นมาทันที นางรู้สึกเหมือนนางควรจะจำบางสิ่งได้ แต่หัวของนางวิงเวียนจริงๆ ความคิดนั้นเพียงแค่แวบเข้ามาและผ่านไปอย่างรวดเร็วโดยที่นางไม่สามารถเข้าใจได้อย่างชัดเจน
นางส่ายหัวและตระหนักว่านางเวียนหัวกว่าเดิมจริงๆ "พี่สาวเสวี่ย" เหมิงฉีกล่าว "ข้าต้องการหาบางอย่าง ข้าขอความช่วยเหลือจากท่านได้ไหม?" นางรีบเสริม "ข้าจะจ่ายค่าหินวิญญาณให้ท่านต่างหาก พี่สาวเสวี่ยช่วยข้ามาหลายครั้งแล้ว"
"เนื่องจากเจ้าเรียกข้าว่าพี่สาว ก็ไม่จำเป็นต้องสุภาพขนาดนั้นหรอก" เสวี่ยจินเหวินบีบแก้มของเหมิงฉีอีกครั้ง นางพบว่าเหมิงฉีที่เมาแล้วน่ารักและบีบได้ง่ายจริงๆ "ว่ามา เจ้าต้องการอะไร?"
"ตำราเกี่ยวกับการประชุมผู้บ่มเพาะวิชาแพทย์ และกล่องหยกน้ำแข็ง"
"ตกลง" เสวี่ยจินเหวินพยักหน้า "พรุ่งนี้เวลานี้ เจ้ามาที่นี่อีกครั้งนะ"
"ขอบคุณพี่หญิง" เหมิงฉีพยักหน้าให้นาง
"เอาล่ะ" เสวี่ยจินเหวินมองดูหญิงสาวที่เมาและมีลักษณะพร่ามัว นางยิ้มและส่ายหัว "เจ้าควรกลับไปพักผ่อนตอนนี้" นางช่วยเหมิงฉีลุกขึ้น "เจ้าดื่มสุราไปเท่าไหร่? เจ้าเมาได้ยังไงกันเนี่ย?"
"หนึ่งถ้วย" เหมิงฉีส่ายหัวอีกครั้ง
อย่างที่เสวี่ยจินเหวินพูด หลังจากมาถึงแดนเหนือสวรรค์ นางรู้สึกว่าความมึนเมาของนางหนักขึ้นเรื่อยๆ อย่างไรก็ตาม สิ่งที่เหมิงฉีไม่รู้ก็คือ นี่ไม่ใช่ความผิดของแดนเหนือสวรรค์ทั้งหมด สุราที่นางดื่มมีผลอย่างมาก กลุ่มของเสวี่ยเฉิงเสวียนสั่งสุราที่ดีที่สุดชนิดหนึ่งในโรงเตี๊ยมหลู่อี่ ครั้งหนึ่ง ผู้บ่มเพาะในขั้นสร้างรากฐานมาที่โรงเตี๊ยมหลู่อี่และดื่มสุรานี้สามถ้วย พวกเขาล้มลงกับพื้นและเมาอยู่หนึ่งวันหนึ่งคืน สำหรับเหมิงฉีที่ไม่คุ้นเคยกับสุรา หนึ่งจอกก็เพียงพอที่จะทำให้นางเมาได้
"ไปกันเถอะ ข้าจะไปส่งเจ้าที่วงอาคมเคลื่อนย้าย" เสวี่ยจินเหวินส่ายหัวและช่วยเหมิงฉีลุกขึ้น เมื่อพวกเขาเดินออกจากลานบ้าน เหล่าผู้บ่มเพาะที่จ้องมองเสวี่ยจินเหวินเห็นนางออกมาพร้อมกับคนอื่น และดวงตาของพวกเขาก็เบิกกว้างขึ้นทันที แต่ในไม่ช้าพวกเขาก็มองออกไปด้วยความผิดหวัง คนที่มากับเสวี่ยจินเหวินเป็นเพียงเด็กผู้หญิงตัวเล็กๆ ดูเหมือนจะไม่สามารถกลั่นสิ่งพิเศษอย่าง เม็ดโอสถเป่ยหมิงได้ นางน่าจะเป็นเพื่อนของเสวี่ยจินเหวินที่มาเยี่ยมนางที่แดนเหนือสรวงสวรรค์
มุมปากของเสวี่ยจินเหวินยกขึ้นเล็กน้อย พวกเขามาเฝ้าคอยอยู่ที่นี่หลายวันแล้วมีประโยชน์อะไร? แม้ว่าจะเห็นเหมิงฉี พวกเขาก็จำนางไม่ได้ว่าเป็นคนที่พวกเขากำลังตามหาด้วยซ้ำไป
...
เสวี่ยจินเหวินไปส่งเหมิงฉีที่วงอาคมเคลื่อนย้าย เหมิงฉีฝืนยืนตัวตรงและพูดกับเสวี่ยจินเหวินว่า "ท่านพี่หญิงเสวี่ย ข้าไปเองได้ ท่านควรกลับไปได้แล้ว"
"อืม" เสวี่ยจินเหวินพยักหน้าให้เหมิงฉีพร้อมกับยิ้ม นางนำโอสถเม็ดเป่ยหมิงที่ได้จากเหมิงฉีกลับเรือน ซึ่งทำให้เกิดความโกลาหล ตระกูลเสวี่ยจากแดนประจิม เป็นผู้นำในหมู่สำนักแพทย์ในสามภพ แต่ถึงกระนั้น พวกเขาก็ไม่มีใครรู้ว่าโอสถเม็ดเหล่านี้ถูกกลั่นออกมาได้อย่างไร ผู้อาวุโสในตระกูลต้องการถามเสวี่ยจินเหวินเพื่อขอข้อมูลเกี่ยวกับเหมิงฉี มีเพียงพี่ชายของนางเท่านั้นที่ยืนหยัดต่อสู้กับฝูงชนและขัดขวางไม่ให้ผู้อาวุโสถามนางซ้ำแล้วซ้ำเล่า
ตั้งแต่ยังเยาว์วัย เสวี่ยจินเหวินรู้ว่าพี่ชายของนางจะเป็นผู้นำตระกูลเสวี่ยในอนาคต และยังเป็นผู้ที่มีศักยภาพสูงในการเป็นผู้นำสหพันธเฟิง ผู้อาวุโสในตระกูลต่างฝากความหวังไว้กับเขา อีกทั้งเขาก็มีพรสวรรค์อย่างแท้จริงและไม่เคยทำให้ผิดหวัง แต่ทว่า บิดาของพวกเขาที่รักพี่ชายของนางมากที่สุด บางครั้งก็ไม่สามารถเข้าใจความคิดของพี่ชายนางได้ แต่ก็ไม่เป็นไรหรอก เพราะมีพี่ชายเช่นนี้ ชีวิตของนางในตระกูลเสวี่ยก็ไม่เลวร้ายเกินไป นางยังสามารถอยู่ที่เรือนได้อย่างมีความสุข
เสวี่ยจินเหวินมองดูเหมิงฉีก้าวเข้าไปในวงอาคำเคลื่อนย้าย เสวี่ยจินเหวินเพิ่งจะหันหลังกลับและกำลังจะจากไป ทันใดนั้นนางก็หันกลับมาอย่างรวดเร็ว "เฮ้!" เสวี่ยจินเหวินต้องการหยุดเหมิงฉี แต่วงอาคมเคลื่อนย้ายได้ทำงานไปแล้ว ร่างของเด็กสาวก็หายไป
เสวี่ยจินเหวินตะลึงงันไปครู่หนึ่ง แล้วรีบเดินเข้าไปในวงอาคมเคลื่อนย้าย
...
เหมิงฉีคิดว่านางไม่ได้ทำผิดพลาด แต่เมื่อแสงสลายไปและนางก้าวออกจากวงอาคมเคลื่อนย้าย นางก็พบว่านางมาถึงสถานที่ที่ไม่คุ้นเคย
ที่นี่คือ...
นางมองไปรอบ ๆ เห็นเพียงท้องฟ้าสีครามและเมฆลอย ซึ่งดูเหมือนจะสูงกว่าตอนที่นางอยู่บนเกาะลอยฟ้าของหอประมูลแดนเหนือสวรรค์เมื่อครู่นี้ จากนั้นนางก็เงยหน้าขึ้นมอง แต่ไม่เห็นเกาะลอยฟ้าใด ๆ บนท้องฟ้าเบื้องบน
ที่นี่คือที่ใดกัน?
ศีรษะของนางวิงเวียนมากขึ้น และนางก็เดินโซเซไปข้างหน้า หลังจากก้าวไปได้เพียงไม่กี่ก้าว เท้าของเหมิงฉีก็อ่อนยวบลงและนางเซล้มลง
"..."
ชายอาภรณ์สีขาวผู้หนึ่งรีบรุดมาจากด้านหลัง ร่องรอยของความจนใจปรากฏบนใบหน้าของเขาขณะที่เขายื่นแขนออกไปรับร่างที่กำลังล้มลงของเหมิงฉีอย่างมั่นคง
บทที่ 114 อาจารย์ ท่านไม่ต้องการข้าแล้วหรือ? (I)
เสวี่ยจินเหวินก้าวเข้าสู่วงอาคมเคลื่อนย้ายที่เหมิงฉีเพิ่งใช้ไป แสงวาบหนึ่งพุ่งขึ้น ในชั่วพริบตาต่อมา นางก็ยืนอยู่เบื้องหน้าอาคารสูงใหญ่ที่ประดับด้วยลวดลายแกะสลัก อาคารหลังนี้ดูงดงามและสง่าผ่าเผย กลิ่นหอมลึกลับเล็ดลอดออกมาจากภายใน ฟุ้งกระจายไปทั่ว นี่คือภัตตาคารแดนเหนือสวรรค์ ตั้งอยู่บนเกาะลอยฟ้าที่สูงเป็นอันดับสอง
เสวี่ยจินเหวินมองไปรอบ ๆ แต่ไม่เห็นเหมิงฉีอยู่ที่ใด
แปลก...
นางตามหลังมาเพียงก้าวเดียว พวกเขาใช้วงอาคมเคลื่อนย้ายเดียวกันต่อเนื่องกัน ยิ่งไปกว่านั้น เหมิงฉียังเมาสุรา เดินโซเซ นางไม่น่าจะไปไกลได้เร็วนัก
แต่ภายนอกอาคาร นอกจากเสี่ยวเอ้อที่กำลังปฏิบัติหน้าที่สองสามคนแล้ว ก็ไม่มีใครอื่นอีก
หรือนางมองผิดไป?
เสวี่ยจินเหวินมองไปรอบ ๆ อย่างครุ่นคิด นางเห็นเหมิงฉีก้าวเข้าสู่วงอาคมเคลื่อนย้ายที่นำไปสู่ภัตตาคารแดนเหนือสวรรค์อย่างชัดเจน วงอาคมเคลื่อนย้าย ที่ไปยังประตูเมืองอยู่ทางซ้าย
แต่นางอาจจะมองผิดก็ได้
เสวี่ยจินเหวินส่ายหน้า นางหันหลังกลับและกลับไปยังเกาะลอยฟ้าที่หอประมูลแดนเหนือสวรรค์ตั้งอยู่ เหมิงฉีขอให้นางหาหีบหยกน้ำแข็งและบันทึกเกี่ยวกับการประชุมผู้บ่มเพาะแพทย์ คำขอนี้ไม่ยาก
หลังจากครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง เสวี่ยจินเหวินก็ออกจากแดนเหนือสวรรค์และกลับไปยังตำหนักสกุลเสวี่ย
…
ตระกูลเสวี่ยนั้น เป็นหนึ่งในสี่ตระกูลใหญ่ที่มีอิทธิพลยิ่งในแดนประจิม ควบคุมสำนักแพทย์ที่ยิ่งใหญ่ทั้งสี่แห่ง บรรดาผู้บ่มเพาะวิชาแพทย์ในสามภพ ล้วนรู้จักชื่อเสียงเรียงนามของตระกูลเสวี่ยเป็นอย่างดี นิกายของพวกเขาดำรงอยู่มายาวนานนับพันปี
เสวี่ยจินเหวินเดินออกมาจากห้อง มุ่งหน้าไปยังอาคารหอตำรา
นอกจากนี้ ตระกูลเสวี่ยยังเป็นหนึ่งในสี่สำนักใหญ่แห่งสหพันธ์เฟิง ในช่วงห้าร้อยปีที่ผ่านมา ผู้นำสหพันธ์เฟิงล้วนมาจากตระกูลเสวี่ยทั้งสิ้น ยิ่งไปกว่านั้น พี่ชายคนโตของเสวี่ยจินเหวินก็เป็นผู้มีศักยภาพสูงสุดที่จะก้าวขึ้นเป็นผู้นำคนต่อไป อาจกล่าวได้ว่าตระกูลเสวี่ยกำลังก้าวขึ้นเป็นใหญ่ในสหพันธ์เฟิง
เสวี่ยจินเหวินก้าวเข้าไปในอาคารหอตำรา ความรู้ที่สั่งสมมาอย่างยาวนานของตระกูลผู้ทรงอิทธิพลเช่นนี้ ย่อมแผ่กว้างไพศาล แม้แต่เสวี่ยจินเหวินก็ไม่อาจคาดเดาได้ว่าวันหนึ่งนางจะสามารถอ่านตำราเหล่านี้ได้ทั้งหมด หอสมุดตั้งอยู่ในอาคารไม้สูงสิบสองชั้น มีบันไดเวียนวนขึ้นไปจนถึงชั้นบนสุด แต่ถูกปิดกั้นไว้ก่อนถึงสามชั้นบนสุด นอกจากนี้ ยังมีม่านอาคมป้องกันที่บรรพบุรุษตระกูลเสวี่ยได้ตั้งไว้ คอยปกป้องหอตำราแห่งนี้อย่างแน่นหนา
“คุณหนูสาม” ศิษย์ผู้ดูแลหอสมุดพยักหน้าทักทายเสวี่ยจินเหวิน แม้สีหน้าจะไม่ได้แสดงความเคารพอย่างสูงสุด แต่ก็ยังคงสุภาพอยู่บ้าง
เสวี่ยจินเหวินรับคำทักทาย จากนั้นจึงเดินตรงไปยังชั้นสี่ของหอสมุด ตำราบนชั้นนี้ว่าด้วยประวัติศาสตร์การบ่มเพาะวิชาแพทย์แห่งสามภพ บันทึกคำคมโบราณ และชีวประวัติของผู้บ่มเพาะแพทย์ผู้มีชื่อเสียง เสวี่ยจินเหวินกวาดสายตามองไปตามชั้นตำราที่สูงจรดเพดาน ในที่สุดก็หยุดลงที่ชั้นในสุด
"การประชุมผู้บ่มเพาะแพทย์"
เสวี่ยจินเหวินจ้องมองตัวอักษรที่สลักอยู่บนชั้นหนังสือ นี่คือสิ่งที่นางตามหา นางอาจพบบันทึกที่คล้ายคลึงกันในแดนเหนือสวรรค์ แต่ไม่มีที่ใดจะมีรูปแบบที่สมบูรณ์เท่าตระกูลเสวี่ยอีกแล้ว
เสวี่ยจินเหวินเอ็นดูเหมิงฉีเป็นอย่างมาก และนี่ก็ไม่ใช่ความลับของตระกูลที่ต้องปกปิด นางจึงตั้งใจจะคัดลอกบันทึกเกี่ยวกับการประชุมผู้บ่มเพาะแพทย์กลับไปให้เสี่ยวชี
"น้องสาม" เสวี่ยจินเหวินกำลังจะหยิบแผ่นไม้ไผ่ เสียงหวานเย้ายวนของหญิงสาวก็ดังขึ้นจากด้านหลัง "เจ้ากำลังหาอะไรอยู่หรือ"
"การประชุมผู้บ่มเพาะแพทย์?" หญิงสาวไม่รอคำตอบจากเสวี่ยจินเหวิน มองไปที่ตัวอักษรที่สลักอยู่บนชั้นตำรา "น้องสาม เจ้าอยากไปการประชุมผู้บ่มเพาะแพทย์ปีนี้ด้วยหรือ"
มือของเสวี่ยจินเหวินชะงัก ดวงตาหรี่ลงเล็กน้อย นางยังคงหันหลังอยู่ หญิงสาวที่เรียกนางว่า 'น้องสาม' จึงมองไม่เห็นสีหน้าของนางในตอนนี้ เสวี่ยจินเหวินหลับตาลง ครั้นลืมตาขึ้นอีกครั้ง มุมปากก็ยกขึ้นเป็นรอยยิ้มมีเสน่ห์และเกียจคร้านตามปกติ นางหันกลับมา ค้อมศีรษะให้หญิงสาวอย่างนอบน้อม "พี่ใหญ่"
ข้างชั้นตำรา หญิงงามรูปร่างสูงระหงยืนอยู่ นางสวมชุดกระโปรงสีเหลืองอ่อน ดวงหน้างามละมุน ผมดำยาวถูกรวบเป็นมวยเรียบง่ายแต่สง่างาม ประดับด้วยไข่มุกเม็ดเล็กๆ เพียงไม่กี่เม็ด เมื่อมองดูรูปโฉมแล้ว หญิงสาวที่เสวี่ยจินเหวินเรียกว่า 'พี่ใหญ่' ผู้นี้งดงามยิ่งกว่าน้องสาวเสียอีก ยิ่งไปกว่านั้น นางยังดูสง่างามและมีราศีสูงส่ง
บุคคลผู้นี้คือ เสวี่ยจื่อเฉิน พี่สาวคนโตของเสวี่ยจินเหวิน
นางเหลือบมองน้องสาวเล็กน้อย "ท่านพ่อไม่ได้บอกว่าจะพาเจ้าไปการประชุมครั้งนี้" หยุดครู่หนึ่งแล้วพูดต่อ "ท่านพ่อต้องการให้เจ้าตั้งใจฝึกฝน น้องเล็กของเจ้าอายุน้อยกว่าเจ้าห้าปี แต่ในวัยนั้น นางก็สามารถสร้างแก่นทองคำได้แล้ว วิชาแพทย์ของนางก็ใกล้จะทะลวงจากขั้นสามไปขั้นสี่ ในฐานะสมาชิกของตระกูลเสวี่ย เจ้าจะล้าหลังไม่ได้ เข้าใจหรือไม่"
"เจ้าค่ะ" เสวี่ยจินเหวินยิ้มหวาน "พี่ใหญ่พูดถูก ข้าต้องตั้งใจฝึกฝน ไม่ให้ท่านพ่อและพี่ผิดหวัง"
"เมื่อเจ้าไปถึงขั้นสี่ ข้าอาจจะขอให้ท่านพ่อพาเจ้าไปการประชุมครั้งต่อไปในอีกสิบปีข้างหน้า" เสวี่ยจื่อเฉินสะบัดแขนอาภรณ์ "กลับไปได้แล้ว"
"ขอบพระคุณพี่ใหญ่" เสวี่ยจินเหวินคารวะ หันหลัง แล้วเดินออกจากหอตำราไป
เสวี่ยจื่อเฉินไม่ได้จากไป นางยังคงยืนอยู่ที่เดิม มองไปยังชั้นตำราสูงที่อยู่ตรงหน้า เสียงฝีเท้าของเสวี่ยจินเหวินค่อยๆ เงียบหายไป อาคารหอสมุดก็กลับสู่ความเงียบสงบอีกครั้ง
"ออกมาเถิด" เสวี่ยจื่อเฉินเหลือบสายตาไปด้านข้างเล็กน้อย รอยยิ้มผุดขึ้นบนใบหน้างาม "ยังคิดจะซ่อนตัวอีกหรือ"