เรื่องราวของไรก็ได้ ตอนที่ 5
<เรื่องราวของไรก็ได้ ตอนที่ 5>
***********
ครึกๆๆๆ
รถไฟใต้ดินสั่นสะเทือนเบา ๆ ขณะแล่นผ่านอุโมงค์
<สถานีต่อไป………… กรุณาเดินออกทางประตูด้านซ้าย>
เธอได้ยินเสียงประกาศของรถไฟใต้ดินแล้วลืมตาขึ้น
ดูเหมือนเธอจะเผลอหลับไป
อาจเป็นเพราะทำงานล่วงเวลาจนดึกหรือเปล่า?
กึก
ประตูซ้ายปิดลง รถไฟใต้ดินที่จอดอยู่ที่สถานีเริ่มเคลื่อนตัว
เธอดูหน้าจอสมาร์ทโฟน ตอนนี้เกือบตี 1 แล้ว
นี่เป็นรถไฟเที่ยวสุดท้ายของสายนี้
“เฮ้อ…”
เธอถอนหายใจ
เหนื่อยจัง
ช่วงนี้เธอต้องทำงานล่วงเวลาติดๆกันหลายวัน
เธอเลิกงานตรงเวลาครั้งสุดท้ายเมื่อไหร่กันนะ?
‘อยากลาออกจัง’
เธอส่ายหัว
ลาออกเหรอ….ไม่มีทาง
เธอและครอบครัวต้องการเงิน
จริงๆ แล้ว เธอมีเงินเก็บจำนวนมหาศาลอยู่ในบัญชีลับ
แต่เธอตัดสินใจที่จะไม่ใช้มัน
มันคือทางเลือกสุดท้าย
ถ้าเธอใช้เงินนั้นไป
ถ้าใช้ไปแล้ว…… เธอรู้สึกว่าความฝันในยามค่ำคืนของเธออาจจะหายไป
ใช่ มันคือความฝัน
ต่อให้เธอเล่าให้ใครฟังก็คงไม่มีใครเชื่อ
เพราะมันเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นในเกม 'พิกมีอัพ!' ที่ตอนนี้ถูกลืมไปแล้ว
“…….”
เธอสัมผัสรูปปั้นเล็ก ๆ ที่ห้อยอยู่กับสมาร์ทโฟนของเธอ
เหตุการณ์นั้นผ่านไปหลายปีแล้ว
จริงๆ แล้ว มันก็ไม่ได้มีเหตุการณ์อะไรพิเศษ
มีผู้ชายคนหนึ่งอ้างว่าตัวเองเป็นฮีโร่ในเกมมาหาเธอ พวกเขาคุยกันครู่หนึ่ง แล้วเขาก็บอกว่าจะกลับไปยังที่ที่จากมา
ตอนนี้ การพบกับชายคนนั้นกลายเป็นเพียงภาพลวงตาที่เลือนลาง
เธอรู้
เธอรู้ว่ามันจบลงแล้ว
ตัวละครในเกมมาหาเธอเนี่ยนะ? ใครได้ยินก็ต้องคิดว่าเธอเพี้ยนแน่ ๆ
แม้แต่ตัวเธอเองก็ยังไม่เชื่อเรื่องที่เกิดขึ้นในตอนนั้น จริง ๆ แล้ว เธอยังคงคิดอยู่บ่อย ๆ ว่ามันเป็นความฝันหรือเปล่า และถ้าเรื่องนั้นเป็นเรื่องจริงและเป็นความจริงล่ะ……
‘ก็คงทำอะไรไม่ได้อยู่ดี?’
ยังไงพวกเขาก็อยู่กันคนละที่
เขาอยู่ที่ของเขา
เธออยู่ที่ของเธอ
ตอนนั้น เขาก็บอกว่าเขามาหาเธอได้ยากมากเพราะต้องสละเวลามากมาย
เขาบอกว่าเขายุ่งอยู่กับการทำสงคราม
ชายคนนั้นใช้ชีวิตที่ยากลำบากอย่างบอกไม่ถูก เมื่อเทียบกับเธอที่ใช้ชีวิตอย่างสงบสุขทำงานออฟฟิศอยู่บนโลก
เส้นทางของพวกเขาเป็นเส้นขนาน
ดังนั้น มันจบลงแล้ว
การพบกันครั้งนั้นเป็นปาฏิหาริย์ครั้งสุดท้าย
‘แต่ไม่เป็นไรหรอก’
อย่างน้อยที่สุด
เธอสามารถเก็บความทรงจำของตัวเองไว้เพื่อนำติดตัวไปด้วยเมื่อเธอใกล้ตาย
เรื่องราวที่เธอไม่สามารถบอกใครได้
เธอยิ้มและปล่อยมือจากรูปปั้นเล็ก ๆ บนสมาร์ทโฟน
ความทรงจำก็คือความทรงจำ ความจริงก็คือความจริง
เธอต้องรีบกลับบ้านไปนอนเพื่อที่จะได้ไปทำงานพรุ่งนี้
<เมื่อเวลาประมาณ 4 โมงเย็นของวันนี้ มีวัตถุไม่ทราบชนิดระเบิดเหนือน่านฟ้ากรุงโซล มีผู้เห็นเหตุการณ์จำนวนมาก ผู้เชี่ยวชาญระบุว่าอาจเป็นดาวเทียมที่ถูกปลดประจำการแล้วตกลงมา…….>
เธอหันไปมอง
ที่นั่งฝั่งตรงข้ามกับที่เธอนั่ง
เด็กผู้ชายคนหนึ่งกำลังดูข่าวอยู่โดยเปิดเสียงสมาร์ทโฟนดังมาก
เขาดูเหมือนเด็กชายวันประถมมากกว่าเด็กชายวัยมัธยม
<แต่ผู้เห็นเหตุการณ์หลายคนแย้งว่าไม่น่าจะใช่ดาวเทียม ตามที่ผู้เชี่ยวชาญกล่าวอ้าง ต่อไปนี้เป็นวิดีโอที่คุณโมอิถ่ายไว้ได้ มาดูกันครับ….>
เสียงดังจัง
เขาน่าจะอายุประมาณประถมถึงมัธยมต้น
เด็กชายหน้าอ่อนกำลังขยับเท้าไปมาขณะดูข่าวอย่างตั้งใจ
‘เขาเป็นคนต่างชาติหรือเปล่านะ?’
ผมสีน้ำเงินเข้ม
เขาดูไม่เหมือนคนเกาหลีเลย
ถ้างั้นก็คงไม่รู้จักมารยาทในการขึ้นรถไฟใต้ดิน
โชคดีที่เป็นตอนเช้ามืดเลยไม่มีคน ถ้าเป็นตอนกลางวันเขาคงโดนด่าไปแล้ว
‘เราควรเตือนเขาไหมนะ?’
เด็กชายกำลังดูข่าวอย่างเปิดเผยและเสียงดัง
เขาไม่มีหูฟังเหรอ?
เธอหันไปมองรอบ ๆ ว่าพ่อแม่ของเขาอยู่ใกล้ ๆ หรือเปล่า แต่ในตู้โดยสารนี้มีแค่เธอกับเด็กชายเท่านั้น
‘เอาล่ะ ไปบอกเขาดี ๆ แล้วกัน’
เธอตัดสินใจแล้วและกำลังจะกระแอม
“พี่สาวครับ”
“หืม?”
“พี่สาวคิดยังไงกับข่าวนี้อ่ะ?”
เขาพูดภาษาเกาหลีได้คล่องมาก
เด็กชายยิ้มและยื่นหน้าจอสมาร์ทโฟนมาให้เธอ
“…….”
อะไรกัน
มีวิดีโอกำลังเล่นอยู่บนสมาร์ทโฟน
เป็นวิดีโอที่ผู้เห็นเหตุการณ์ถ่ายไว้
“มันแปลกเกินไปสำหรับดาวเทียมที่ถูกปลดประจำการแล้วใช่ไหมล่ะ? ดูสิ ตรงนี้มีวิดีโอซูมด้วยนะ”
แป๊ะ!
ท้องฟ้าสีครามในวิดีโอ
มีบางอย่างระเบิดพร้อมกับแสงสีฟ้า
วัตถุบินได้ที่ไม่สามารถระบุได้ถูกระเบิดออกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย
“พี่สาวคิดว่ามันคืออะไรครับ? หรือว่ามันจะเป็นยูเอฟโอจริงๆ เหรอ?”
เด็กชายยิ้มอย่างไร้เดียงสา
เธอพูดไม่ออก
‘ทำไมเขาถึงพูดแบบนี้กับฉันล่ะ?’
แล้วตอนนี้ก็ตี 1 แล้วนะ
มันแปลกที่เด็กตัวแค่นี้จะขึ้นรถไฟเที่ยวสุดท้าย
ในตู้โดยสารนี้มีแค่เธอกับเด็กชายเท่านั้น
“ขอโทษนะ ฉันไม่รู้เหมือนกัน”
เธอตอบด้วยเสียงสั่นเครือ
“จริงเหรอครับ? น่าเสียดายจัง”
เด็กชายเริ่มดูข่าวต่อ
ฟู้ว
เธอถอนหายใจด้วยความโล่งอก
ครืน
รถไฟสั่นสะเทือนอีกครั้ง
กำลังจะถึงสถานีต่อไป
ที่นั่นคือสถานีที่เธอต้องลง
มีเสียงประกาศดังขึ้น
<~♪♬♩ ~♩♬♩~ ♬♬♩♩♪~>
เสียงประกาศบอกว่ารถไฟกำลังจะถึงสถานี
เธอเก็บของและเตรียมตัวลงจากรถ
<สถานีต่อไปคือ ไม่มี….และไม่มีประตูให้ลง>
“……?”
รถไฟเคลื่อนตัวออกไปอีกครั้งโดยที่เธอยังคงยืนงงอยู่
ในที่สุดเธอก็ต้องกลับไปนั่งที่เดิม
ข่าวจากสมาร์ทโฟนของเด็กชายยังคงดังอยู่
<พยานบางคนอ้างว่าเป็นยูเอฟโอแต่ยังไม่พบอะไรในจุดที่คาดว่าจะเป็นจุดที่ยูเอฟโอตก…….>
เธอมองออกไปนอกหน้าต่างรถไฟใต้ดิน
มองไม่เห็นอะไรเลย
ไม่ใช่เพราะว่ามันมืด
เธอรู้จักวิวรถไฟใต้ดินตอนเช้ามืดดี
ต่อให้เป็นใต้ดิน ก็ต้องมีแสงไฟบ้าง
แต่ตอนนี้ข้างนอกมืด…… เพราะว่าไม่มีอะไรเลย
ตอนนี้รถไฟใต้ดินที่เธอนั่ง
เข้ามาอยู่ในอีกมิติหนึ่งแล้ว
“…….”
เธอค่อย ๆ หายใจเข้าลึก ๆ
ใจเย็น ๆ
ถึงจะโดนลากเข้าถ้ำเสือ ถ้ามีสติก็รอดได้
“พี่สาว แล้วพี่สาวคิดว่าไง? เรื่องยูเอฟโอเนี่ยมันมีจริงหรือเปล่า?”
“นาย……เป็นใครกันแน่?”
“ตอบคำถามของผมก่อนสิ”
เด็กชายยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์
อึก….
เธอกลืนน้ำลายลงคอด้วยความยากลำบาก
‘ใจเย็น ๆ ไว้สิ’
เธอพยายามควบคุมสติที่กำลังจะเลือนลาง
“คือ…… คำถามของนาย…….”
“ดูข่าวนี่สิ น่าสนใจใช่ไหมล่ะ? มีวัตถุบินได้ที่ไม่สามารถระบุตัวตนได้ตกลงมาจากท้องฟ้า เขาบอกว่าเป็นดาวเทียมที่ถูกปลดประจำการแล้ว แต่ใครจะไปเชื่อล่ะ”
“แล้ว……ทำไมถึงถามฉันล่ะ?”
“พี่สาวรู้เรื่องพวกนี้ดีนี่นา”
“ขอโทษนะ ฉันไม่รู้จริงๆ ปล่อยฉันไปเถอะนะ”
“จริงเหรอ ไม่รู้อะไรเลยจริงๆเหรอ?”
“ขอโทษจริง ๆ ฉันไม่รู้อะไรเลย”
“ทั้ง ๆ ที่มีคำใบ้อยู่ตรงนี้นะ?”
เด็กชายยื่นสมาร์ทโฟนให้เธอ
เธอไม่อยากดูก็ต้องดู
<ตรงนี้ ถ้าซูมวิดีโอเข้าไป จะเห็นว่ามีลวดลายจาง ๆ อยู่บนชิ้นส่วนที่ระเบิด ผู้เห็นเหตุการณ์บางคนบอกว่าลวดลายนี้เป็นหลักฐานของยูเอฟโอ…….>
นี่ไม่ใช่ข่าวจริง
มันเหมือนข่าวปลอมมากกว่า
เป็นช่องเคเบิลทีวีที่ออกอากาศเรื่องไร้สาระเพื่อดึงดูดความสนใจของผู้ชมโดยไม่สนใจว่าจะเป็นเรื่องจริงหรือไม่ ระดับของมันใกล้เคียงกับช่องยูทูปมากกว่ารายการโทรทัศน์
ก็เป็นเรื่องไม่น่าแปลกที่จะมีข่าวว่ามีการระเบิดเหนือน่านฟ้ากรุงโซล
แต่จู่ ๆ ก็เปลี่ยนเป็นทฤษฎีสมคบคิดเรื่องยูเอฟโอ
พวกเขากำลังใช้วิดีโอของผู้เห็นเหตุการณ์ที่ไม่รู้ว่าเป็นของจริงหรือเปล่าเพื่อกระตุ้นความสนใจของผู้ชม
เธอมองไปที่หน้าจอสมาร์ทโฟน
ยูเอฟโอเหรอ? ไม่มีทางมีจริงหรอก
ลวดลายบนชิ้นส่วนนั้นน่าจะเป็นสัญลักษณ์ของดาวเทียม
อาจจะเป็นของอเมริกาหรือจีน…….
“……!”
แทบจะแยกไม่ออกระหว่างท้องฟ้ากับชิ้นส่วน
แต่เธอก็ยังพอจะมองเห็นรูปร่างได้
ตามที่ผู้เห็นเหตุการณ์อ้าง ชิ้นส่วนของวัตถุบินได้ที่ถูกไฟไหม้มีลวดลายติดอยู่
เป็นสีดำ
รูปร่างน่าจะเป็นใบหน้าของสัตว์
แพะ ดูเหมือนแพะมาก
‘แพะสีดำ’
เธอเคยเห็นลวดลายนี้ที่ไหนมาก่อน
แต่ไม่ใช่ในโลกความเป็นจริง
เธอเคยเห็นมันในเกม 'พิกมีอัพ' ที่เธอเคยเล่นเมื่อหลายปีก่อน
แพะดำตัวนั้นเป็นสัญลักษณ์ของผู้เล่นคนหนึ่งที่โด่งดังในเกม
ผู้เล่นคนนั้นชื่อโลกิ
เขาเป็นนายท่านของเนลม์ไฮมฟ์
‘ทำไมมันถึงไปอยู่ตรงนั้นได้ล่ะ?’
เธอสับสน
เธอก็พอรู้เกี่ยวกับตัวตนของโลกิอยู่บ้าง
เมื่อหลายปีก่อนตอนที่เธอพบเขา ยูเน็ตผู้ช่วยของเขาได้อธิบายให้เธอฟังคร่าว ๆ
“พี่สาว ที่แท้ก็โกหกนี่นา บอกว่าไม่รู้อะไรเลย โธ่เอ๊ย ผู้ใหญ่สมัยนี้มันเชื่อถือไม่ได้เลยจริง ๆ”
“…….”
“แล้วนั่นมันคืออะไรล่ะ?”
หลังจากนั้น
เธอหายใจเข้าลึก ๆ
ถ้าเธอหลงไปตามเกมของเด็กคนนี้ มันจะอันตราย
“……นายเป็นคนทำสินะ”
เธอไม่ปิดบังอีกต่อไป
เด็กชายยิ้มเยาะ
“ทำไมถึงคิดแบบนั้นล่ะ?”
“ฉันไม่อยากคุยกับนาย ปล่อยฉันไป”
“ถ้าไม่ล่ะ?”
เด็กชายหัวเราะเยาะ
จากนั้นเขาก็ล้วงกระเป๋าหยิบซองบุหรี่ออกมาด้วยท่าทางงัวเงีย
“ห้ามสูบบุหรี่ในรถไฟใต้ดินนะ”
“ครับ~ ครับ~”
เด็กชายคาบบุหรี่และสูบอย่างสบาย ๆ
“ไม่คิพวกนั้นดว่าจะมา…โชคดีจริง ๆ”
เธอเริ่มปะติดปะต่อเรื่องราว
เมื่อลืมตาขึ้นก็พบว่าตัวเองอยู่ในรถไฟใต้ดินลึกลับ
มีเด็กผู้ชายยิ้มเยาะอยู่ตรงหน้า
ตัวตนของเด็กชายคนนี้คือ…… ศัตรูของฮาน
ฮาน อิสรัต
เขาเป็นฮีโร่ที่เธอเลี้ยงดูมาด้วยความรักมากที่สุดในเกมพิกมีอัพ
และวัตถุที่ระเบิดบนท้องฟ้าน่าจะเป็นเรือเหาะ
เป็นพาหนะหลักในการเดินทางในเกมพิกมีอัพ
มันสามารถบินบนท้องฟ้าและเดินทางข้ามมิติได้
เรือเหาะลำนั้นถูกโจมตีระหว่างเดินทางมายังโลก
และฮีโร่ที่เธอรู้จักก็น่าจะอยู่บนเรือเหาะลำนั้น
คนที่อยู่เบื้องหลังการโจมตีครั้งนี้น่าจะเป็นเด็กชายคนนี้
“ถ้ามันหลบอยู่เฉย ๆ ผมเองก็คงลำบาก แต่พวกมันดันออกมาเองแบบนี้ ต้องขอบใจจริงๆ”
ฟู้ว.
เด็กชายพ่นควันออกมาเป็นรูปโดนัท
“แล้วพี่สาวมีค่าแค่ไหนสำหรับโลกิกันนะ? ผมควรจะไว้ชีวิตพี่สาวดีไหม? หรือว่าฆ่าทิ้งดี? ผมไม่ชอบฆ่าคนโดยไม่จำเป็นหรอกนะ ผมอยู่ฝ่ายยุติธรรมน่ะ”
“…….”
“แต่ไอ้หมอนั่นมันเป็นวายร้ายตัวแสบ ทำลายความสงบสุขของจักรวาลตามใจตัวเอง ไม่แน่ อาจจะมีหลายมิติที่วุ่นวายเพราะไอ้หมอนั่นก็ได้ น่ากลัวจริง ๆ แล้วพี่สาวล่ะ คิดว่าไง? ผมควรจะไว้ชีวิตพี่สาวหรือฆ่าทิ้งดี?”
เธอจับรูปปั้นม้าทหารบนสมาร์ทโฟนแน่น
และจ้องมองเด็กชาย
‘ฉันไม่กลัว’
เหมือนกับที่ฮีโร่ของเธอเป็น
เธอจะไม่ถอยและจะสู้เท่านั้น
“……น่าเบื่อจริง”
เด็กชายดับบุหรี่ อาจเป็นเพราะปฏิกิริยาของเธอไม่เป็นอย่างที่เขาคาดหวัง
“เอาเถอะๆ เดี๋ยวจะบอกอะไรให้ฟังอย่างนึงเพื่อรักษาหน้าพี่สาวก็แล้วกัน ผมชื่อ……ไนอัล เอาล่ะ แค่นี้แหละสำหรับการแนะนำตัว ไม่ต้องกังวลไปหรอก เร็ว ๆ นี้เราจะได้เจอกันอีก”
เจอกันอีกเหรอ?
ก่อนที่เธอจะตอบ เด็กชายก็ดีดนิ้วพร้อมกับยิ้ม
ปิ้ง!
"....!"
ดวงตาของเธอเบิกกว้าง
รถไฟมันเริ่มสั่นสะเทือน
ครืนๆ
นี่ไม่ใช่เสียงสั่นของรถไฟใต้ดิน
เก้าอี้ที่เธอนั่งอยู่กำลังสั่น
เธอพยายามจะลุกขึ้นแต่ทำไม่ได้
แต่เก้าอี้กลับสั่นอย่างรุนแรง
“อะไรวะ น่ารำคาญจริง ทำให้เงียบหน่อยสิ!”
".....นี้!"
“เฮ้อ ทำอะไรไม่ได้เลย”
ชายสวมหน้ากากเดินเข้ามาแล้วมัดเธอให้แน่นขึ้น
ปากของเธอถูกปิดด้วยเทปกาวหลายชั้น
เธอมองไปรอบ ๆ
ตอนนี้เธออยู่ในอาคารร้าง
ลมพัดผ่านช่องว่างของกำแพงที่พังทลาย
มีกลุ่มคนที่ดูเป็นอันธพาลยืนอยู่ข้างหน้า
‘นี่ เธอโดนลักพาตัวงั้นเหรอ?’
ในที่สุดเธอก็รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นแล้ว