เรื่องราวของไรก็ได้ ตอนที่ 4
[แปลโดยแฟนเพจ ยักษาแปร มาติดตามในแฟนเพจเพื่อติดตามข่าวสารได้นะ]
[Thai-novel ลงไวกว่าที่อื่นทุกที่ 5 ตอน แต่จะราคาแพงที่สุด]
[หลังแปลจบจะมีการแก้ไขคำอ่านใหม่ตั้งแต่ต้นอีกครั้ง ถ้าอ่านแบบเถื่อนหรือแชร์กันเป็นคณะ100คน ก็อ่านไปครับ เพราะผมจะแก้แบบแปลใหม่อีกรอบแค่ในThai-novel กับเว็บอื่น ๆ และแหล่งที่ผมแปลครับ ส่วนคนที่อ่านที่อื่นก็จะได้อ่านแบบไม่มีการแก้คำผิด และยิบย่อยมากมาย ไปนั่นแหละ]
<เรื่องราวของไรก็ได้ ตอนที่ 4>
***********
ตึง!
ห้องสั่นสะเทือน
สนามฝึกกำลังของวัลฮัลล่านั้นมีการติดตั้งวงเวทย์ป้องกันหลายชั้นและอุปกรณ์ดูดซับแรงกระแทก แต่มันก็ไร้ประโยชน์
โครม!
ทุกครั้งที่ลูกบอลถูกตี เสียงดังสนั่นหวั่นไหวไปทั่วป้อมปราการ
เหล่าฮีโร่แห่งวัลฮัลลาที่กำลังพักผ่อนอยู่ด้านล่างต่างตกอยู่ในความสับสนวุ่นวายจากเหตุการณ์แผ่นดินไหวที่ไม่คาดคิด
"เป็นครั้งแรกในรอบนานที่เลือดของผมเดือดพล่านแบบนี้ นายท่าน!"
เมื่อเวลาผ่านไป ความร้อนแรงก็ทวีความรุนแรงมากขึ้น
รีเจียนรับลูกบอลเหล็กที่พุ่งเข้ามาด้วยการตีโต้กลับ
ตึง!
คลื่นกระแทกความเข้มสูงสะท้อนไปทั่วทั้งพื้นที่
เปรี๊ยะ!
พื้นไม่สามารถต้านทานแรงกดดันได้และแตกเป็นรอยร้าวเหมือนใยแมงมุม
"ลองรับนี่ดู!"
เดิมที กลยุทธ์พื้นฐานของเทนนิสคือการตีลูกบอลไปยังที่ที่คู่ต่อสู้ไม่อยู่ แต่กฎดังกล่าวไม่มีค่าอะไรที่นี่
พวกเขาตีลูกบอลไปยังตำแหน่งที่แต่ละคนยืนอยู่
ด้วยพลังทั้งหมด
ด้วยกำลังทั้งหมดที่มี
ราวกับจะฆ่ากัน
ในทำนองเดียวกัน พวกเขาไม่หลบมัน
การหลบลูกบอลหมายถึงความพ่ายแพ้
ทั้งสองเข้าใจสิ่งนั้นโดยสัญชาตญาณ
การแข่งขันที่พวกเขาเล่นอยู่นั้นเหนือกว่าเทนนิส มันคือโลกแห่งการแข่งขันที่ร้อนแรง
ฮานยิ้มเยาะ
เปรี๊ยะ!
สายฟ้าสีแดงเข้มกรีดร้องด้วยความเจ็บปวดจากการไม่สามารถต้านทานแรงกระแทกได้
หลังจากได้รับพลังศักดิ์สิทธิ์ เขาก็ไม่ได้รู้สึกถึงความเจ็บปวดมานานแล้ว
แต่ความรู้สึกนี้
ความรู้สึกเสียวซ่าที่แล่นขึ้นมาถึงหัวใจ... มันคือความเจ็บปวดอย่างไม่ต้องสงสัย
ร่างกายของฮานได้รับบาดเจ็บเป็นครั้งแรกในรอบหลายร้อยปี
"ลองรับนี่ดู!"
ดาบที่ทำจากเกล็ดมังกรดำโค้งงอเหมือนแส้และตีลูกบอลเหล็กไปอีกด้านหนึ่ง
ทุกการเคลื่อนไหวคือการโจมตีที่รุนแรง
ในที่สุดรีเจียนก็สร้างดาบเล่มที่สองขึ้นมา
ใบมีดไขว้กันเพื่อป้องกันลูกบอลเหล็ก
ตึง!
เศษซากของพื้นที่แตกกระจายไปทุกทิศทาง
แรงกระแทกเพียงอย่างเดียวทำให้อุปกรณ์ต่าง ๆ ในสนามฝึกหายไป
"นี่คือ... เทนนิส"
แค่ก
เลือดไหลออกมาจากปากของรีเจียน
แต่เขายังคงยืนตัวตรง
เขารับลูกบอลได้อย่างสมบูรณ์
"โลก... ก็มีกีฬาที่ใช้ได้อยู่เหมือนกันนี่!"
รีเจียนตะโกนพร้อมกับตีลูกบอลเหล็กกลับ
โครม!
ร่างกายของฮานที่รับลูกบอลได้กระเด็นไปกระแทกกับผนัง
ฝุ่นควันจำนวนมากฟุ้งกระจาย
"ไม่เลว"
ฮานปรากฏตัวขึ้นท่ามกลางฝุ่นควัน
เครื่องแบบที่เคยเรียบและแข็งทื่อตอนนี้ขาดวิ่นอย่างน่าอนาถ
เลือดไหลออกมาจากหลายแห่งบนร่างกายของเขา
"ยังไม่จบ"
วิ้ง!
ดาบมังกรสีนิลที่เป็นรูปโซ่พันรอบลูกบอลที่กำลังหมุน
ดาบมังกรสีนิลที่ดึงออกมาจากมังกรภายในร่างกายของเขานั้นสามารถเปลี่ยนความยาวและรูปร่างของดาบได้อย่างอิสระ
"หึ!"
ฮานสูดหายใจเข้าลึก ๆ แล้วเหวี่ยงดาบมังกรสีนิลออกไป
ดาบโซ่คลายออกและยิงลูกบอลที่อยู่ภายในออกไปทันที
"มาเลย นายท่าน!"
รีเจียนตั้งท่า
จากนั้นดาบเล่มที่สามก็ปรากฏขึ้นด้านหลังของเขา
นี่คือพลังทั้งหมดของเขา
เพลงดาบไร้คู่
ดาบสามเล่มที่เขาถืออยู่เริ่มรวมเป็นหนึ่งเดียว
รีเจียนร่ายเวทย์
อักขระเวทมนตร์ค่อย ๆ ปรากฏขึ้นบนใบมีด
ในไม่ช้า อักขระที่สลักไว้ก็เข้มขึ้นและเปล่งประกาย
ตอนนี้ไม่สามารถย้อนกลับได้แล้ว
รีเจียนลังเลอยู่ครู่หนึ่ง แต่แล้วก็ตัดสินใจ
นี่คือการต่อสู้ของเขา
ถ้าเขาไม่ใส่เต็มที่ นายท่านคงจะผิดหวัง
วู่ม!
ในที่สุดท่าไม้ตายก็เสร็จสมบูรณ์
รีเจียนจับดาบให้แน่นและเตรียมพร้อมที่จะรับลูกบอลที่พุ่งเข้ามา
ผลลัพธ์นั้นไม่อาจทราบได้
แต่แน่นอนว่าตอนจบจะเป็นไปตามที่นายท่านต้องการ
รีเจียนยิ้มกว้างและกำลังจะเหวี่ยงดาบออกไป...
"..."
ฮานผ่อนคลายท่าทาง
ไม่ไกลกันนัก
รีเจียนนอนคว่ำหน้าอยู่โดยที่หันหลังให้
"ฮุ ๆ ๆ"
ข้างหลังเขามียูเน็ตที่ยิ้มและมองลงมาที่รีเจียน
ในมือขวาของเธอถืออาวุธบางอย่าง
มันคือค้อนขนาดใหญ่ที่มักเรียกกันว่าค้อนปอนด์
"สนุกมากเลยค่ะ เราจะหยุดออกกำลังกายแค่นี้ไหมคะ?"
ยูเน็ตยิ้มให้ฮาน
ฮานรู้สึกหนาวสั่น
"...ก็ได้"
ฟู่ว
ลูกบอลที่ฮานตีไปอยู่ในมือซ้ายของยูเน็ต
ควันลอยขึ้นมาจากลูกบอลเหล็ก
ยูเน็ตปัดมือราวกับว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้นและมองลงไปที่รีเจียน
"ลากเขาออกไป"
เมื่อยูเน็ตออกคำสั่ง เงาสองเงาก็ปรากฏขึ้นจากเพดานและพารีเจียนออกไป
"นายท่านดูเหนื่อยมากเลยค่ะ นายท่านไปอาบน้ำใหม่ดีไหมคะ ฉันจะเตรียมเสื้อผ้าใหม่ให้นายท่าน"
ฮานเดินตามยูเน็ตไปอย่างว่าง่าย
ภาพของยูเน็ตที่ถือค้อนปอนด์แล้วยิ้มนั้นเล่นซ้ำไปมาอยู่ในหัวของเขา
ฮานสามารถเรียกสติกลับคืนมาได้หลังจากอาบน้ำและเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จแล้ว
“นั่นมันพังมากเกินไปหน่อย ขอโทษทีนะ”
"ไม่เป็นไรค่ะ นายท่าน การซ่อมแซมสิ่งอำนวยความสะดวกอาจต้องใช้เวลา แต่ไม่มีใครได้รับบาดเจ็บ ถือว่าโชคดีแล้วค่ะ"
"แต่... นั่นมันคือเทนนิสจริง ๆ เหรอ? มันดูแตกต่างจากที่ฉันจำได้นะ"
"มันจะเป็นเทนนิสได้ยังไงกันคะ รีเจียนแค่จินตนาการไปเองค่ะ"
งั้นเหรอ
ตอนนั้นเขาไม่สนใจเพราะความตื่นเต้นของการแข่งขัน แต่เขาก็รู้สึกว่ามันแปลก ๆ
"ว่าแต่นายท่านสนุกไหมคะ?"
"ก็ไม่เลว"
"ดีแล้วค่ะ"
มันยังไม่จบ
ฮานไปยังสถานที่ต่อไปพร้อมกับการนำทางของยูเน็ต
ที่นั่น เซริสกำลังรอเขาอยู่
"นายท่านอยากลองเล่นเกมไหมคะ?"
สิ่งที่เซริสนำมานั้นเป็นอุปกรณ์ที่ฮานคุ้นเคย
วัตถุรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้า
สมาร์ตโฟน
“เกมเหรอ?”
แต่จะว่าไปแล้ว เขาก็ไม่ได้เล่นเกมมานานแล้ว
ในอดีต ฮานเคยติดเกมจนแทบจะเป็นโรคจิต
ความสัมพันธ์ของเขากับคนพวกนี้ก็เริ่มต้นจากตรงนั้น
'เวลาบนโลกคงผ่านไปนานพอสมควรแล้วสินะ'
อย่างน้อยน่าจะ 3 ปีขึ้นไป
ถ้าเป็นแบบนั้น เกมที่เหนือกว่าพิกมีอัพสักเกมสองเกมก็น่าจะออกมาแล้ว
ฮานเปิดสมาร์ตโฟนทันที
เกมที่มียอดขายสูงสุดทั้งหมดได้รับการติดตั้งไว้แล้ว
เขากดที่ไอคอนบนสุด
ครู่หนึ่งต่อมา
<วู้~! ว้าว!>
"นี่มันอะไรกัน?"
"เอ่อ... นี่เป็นเกมยอดนิยมในปัจจุบันที่นำม้ามาสร้างเป็นตัวละคร พวกเขาเลียนแบบการพนันแข่งม้า..."
"ถ้าเป็นการแข่งม้า ก็ต้องมีม้าออกมาสิ"
"คะ?"
"นี่มันคน! ไม่ใช่ม้า!"
"ขะ ขออภัยด้วยค่ะ"
"ไม่ ไม่เป็นไร"
ฮานส่ายหัว
มันดูประหลาดมาก
การเอาหูและหางของม้ามาติดกับคนไม่ได้ทำให้พวกเขากลายเป็นม้า
มันกลับกลายเป็นสิ่งที่คลุมเครืออยู่ตรงกลางระหว่างคนกับม้า
ยิ่งไปกว่านั้น ยังเป็นม้าแข่งอีก
'มันคือสิ่งมีชีวิตสายพันธ์ุผสม'
นี่ไม่ใช่สิ่งที่เขาต้องการ
ฮานมองดูเด็กผู้หญิงเต้นรำบนเวที ก่อนจะปิดเกมไปในที่สุด
<โมลรู>
เกมถัดไป
เด็กผู้หญิงผมสีฟ้าอ่อนทำสีหน้าแปลก ๆ
<ฉันก็ไม่รู้อะว่าทำไมฉันถึงเป็นแบบนี้>
เกมสมัยนี้เป็นแบบนี้หมดเลยหรือไง
โลกมันเสื่อมลงแล้ว
ในท้ายที่สุด ฮานก็ไม่พบเกมที่ถูกใจ
เซริสพูดด้วยสีหน้าเศร้าหมอง
"นายท่านไม่พอใจเหรอคะ?"
"อื้อ..แต่ไม่ต้องห่วง ไม่ใช่ความผิดของเธอ"
เขามองลงไปที่ผู้ใต้บังคับบัญชาของเขา
เซริส อาร์เจนไฮม์
ดวงตาข้างหนึ่งของเธอมีผ้าปิดตาสีดำปิดอยู่
แขนขวาของเธอก็ถูกปกคลุมด้วยเสื้อคลุมเช่นกัน แต่แขนข้างหนึ่งของเธอหายไป
บาดแผลนี้เป็นสิ่งที่ซีริสยอมรับว่าเป็นการชดใช้สำหรับเหตุการณ์ในอดีต
เขาบอกให้เธอสร้างมันขึ้นมาใหม่เพื่อการต่อสู้ แต่เซริสก็ยังดื้อรั้นจนเขาทำอะไรไม่ได้
'เธอเป็นคนหัวแข็งจริง ๆ'
ฮานยิ้ม
ความจริงแล้ว ไม่ว่าเธอจะนำเกมอะไรมาให้ ฮานก็คงไม่รู้สึกตื่นเต้นอะไรอยู่ดี
เขาแค่รู้สึกดีที่เซริสเข้าใจรสนิยมในอดีตของเขาและนำสมาร์ตโฟนมาให้
"มันก็ไม่ได้น่าเบื่อทั้งหมดหรอก และฉันก็ได้รู้ว่าโลกหมุนไปถึงไหนแล้ว"
"ค่ะ"
"ไปพักผ่อนเถอะ"
สถานที่สุดท้ายคือห้องเล่นเกม
มีเหตุการณ์เล็กน้อยเมื่อตุ๊กตาม้าอยู่ในตู้คีบตุ๊กตา แต่ในที่สุดก็จบลงด้วยดี
หลังจากนั้นก็ถึงเวลาอาหารเย็น ทั้ง 6 คนมารวมตัวกันและทานอาหารเย็นด้วยหมูเปรี้ยวหวาน จาจังมยอน และจัมปง
และแล้ว
วันหยุดที่พวกเขาเตรียมไว้ให้ฮานก็สิ้นสุดลง
"สนุกไหมคะโลกิ?"
ภายในห้องนอนของฮาน
เป็นเวลาเช้ามืด
ผงกลิตเตอร์กระจายออกมาจากมุมมืด จากนั้นเด็กผู้หญิงตัวเล็ก ๆ ที่มีปีกก็ปรากฏตัวขึ้น
เธอดูเหมือนนางฟ้า
"อืม"
ฮานตอบสั้น ๆ เมื่อถูกถามว่าสนุกไหม
"ฟังนะ โลกิ! วันนี้ฉันเหนื่อยจนเกือบจะตาย! ผู้หญิงผมสีเงินคนนั้นโยนงานทั้งหมดมาให้ฉัน! บ้าจริง ฉันโกรธมาก จะบ้าตาย!"
นางฟ้าที่ครั้งหนึ่งเคยชื่อไอเซล แต่ตอนนี้เธอเปลี่ยนชื่อเป็นเฟรย์ เริ่มพูดเจื้อยแจ้วอยู่ข้าง ๆ ฮาน
แก้มของเธอพองออกเหมือนซาลาเปาเพราะความไม่พอใจอย่างมาก
ถึงแม้ว่าจะได้รับร่างกายมนุษย์ แต่นางฟ้าตนนี้ก็ยังคงรูปร่างแบบนี้อยู่โดยอ้างว่าสะดวกที่จะช่วยฮาน
"ไม่นะ สิ่งสนุก ๆ น่ะ ฉันโดนทิ้งให้อยู่คนเดียว... ฮึ่ม! ฮึ่ม! ฮึ่ม!"
หลังจากบ่นไปมาก นางฟ้าก็เหลือบมองฮาน
"โลกิ หรือว่า...มันไม่สนุกเหรอคะ?"
"ไม่"
"แต่ทำไมทำหน้าแบบนั้นล่ะ?"
"หน้าแบบไหน?"
ฮานยืนขึ้นและมองไปที่กระจก
ในกระจก ชายหนุ่มในชุดดำกำลังจ้องมองตัวเองด้วยสายตาเย็นชา
"มันไม่ใช่สีหน้าที่มีความสุขเลย โลกิเองไม่ยิ้มเลยด้วยซ้ำ"
"ดูเป็นแบบนั้นเหรอ?"
"ใช่ ดูเหมือนโลกิกำลังโกรธ ฉันกลัวนะคะ"
"ไม่ใช่แบบนั้นนะ"
วันนี้เป็นวันที่สนุกมาก
เขาพูดออกมาจากใจจริง
มันเหมือนกับว่าโลกที่เคยเป็นสีเทาของเขาได้กลับมามีสีสันอีกครั้ง
ยกเว้นความรู้สึกที่สูญเสียเล็กน้อย... ก็เป็นแบบนั้น
“เธอเองคิดว่าฉันก็เปลี่ยนไปเหมือนกันเหรอ?”
“ก็ถ้าเทียบกับเมื่อก่อนอ่ะนะคะ”
"เทียบกับเมื่อก่อน?"
"เมื่อก่อนโลกิจะหัวเราะแบบร้ายกาจ หึๆ ๆ! ฮ่า ๆ! แบบตัวร้ายไงค่ะ แต่เดี๋ยวนี้ไม่เป็นแบบนั้นแล้ว"
"หัวเราะแบบร้ายกาจ? ฉันเนี่ยนะ?"
"ฮึ่ม! ในฐานะแฟนพันธุ์แท้โลกิ ฉันสามารถแยกแยะทุกอย่างได้นะ"
"งั้นเหรอ"
เขาเปลี่ยนไปแล้วงั้นเหรอ
ถ้าทั้งปาร์ตี้ 1 รู้สึกได้ขนาดนี้ แสดงว่าคงไม่ผิดแน่
ฮานคิด
ถ้าเวลาผ่านไปแบบนี้เรื่อย ๆ
วันหนึ่งเขาอาจจะกลับไปเป็นเหมือนเดิมก็ได้
ปีศาจ….
เป็นสัตว์ประหลาดที่ไม่มีเหตุผลหรืออารมณ์ เพียงแค่ฆ่าศัตรูที่เข้ามา
ถ้าไม่ได้รับความช่วยเหลือจากเซริส ฮานคงติดอยู่ในสภาพนั้นตลอดไป
"โลกิ... เป็นอะไรรึเปล่าคะ?"
ฮานยิ้มอย่างขมขื่น
แน่นอนว่าวันนี้มันสนุกมาก แต่ความรู้สึกที่สูญเสียไปก็ไม่ได้ถูกเติมเต็ม
"มันเป็นปัญหาของฉันเอง"
"ฉันจะลองหาวิธีดูนะคะ ยังมีเวลาอีกเยอะ..."
"ไม่ต้องหรอก"
ฮานก้าวเดินไปข้างหน้า
เขาไปหยุดที่ชั้นหนังสือข้างเตียง
เมื่อเขากดมุมผนังเบา ๆ ชั้นหนังสือก็เลื่อนไปด้านข้าง เผยให้เห็นที่ซ่อน
กึก
เขาเดินเข้าไปในห้อง
เฟรย์ก็ตามเขาไปพร้อมกับโปรยผงกลิตเตอร์ออกมา
ภายในห้องกว้าง
มีตู้โชว์ขนาดใหญ่อยู่บนผนัง
แต่ภายในตู้โชว์นั้นว่างเปล่า
สิ่งที่ควรจะมีกลับไม่มีอยู่ในนั้น
ฮานตัดสินใจอย่างรวดเร็ว
ความรู้สึกสูญเสียที่เขามีนั้นเกี่ยวข้องกับสถานที่แห่งนี้
"..."
ฮานหลับตาลงเงียบ ๆ
จากนั้นจินตนาการของเขาก็เริ่มต้นขึ้น
ทุ่งหญ้ากว้างใหญ่ภายใต้แสงดาว
ม้ากำลังวิ่งเป็นแถว
ทุกย่างก้าวที่พวกมันก้าว แสงดาวก็พลิ้วไหว
ท่วงท่าของพวกเขานั้นสง่างามอย่างหาที่เปรียบไม่ได้
ตึก ๆ ๆ ๆ
เสียงฝีเท้าของพวกเขาดังสะท้อนในความเงียบสงัดยามค่ำคืน
มันแน่นอนว่า...
เป็นทิวทัศน์ที่สวยงามและน่าเกรงขามที่สุดในความทรงจำของฮาน
สิ่งเหล่านี้ไม่ใช่ม้าธรรมดา
พวกมันคือม้าศึก
เผ่าพันธุ์ที่เกิดมาเพื่อแบกนักรบไว้บนหลังเพื่อต่อสู้
การวิ่งของม้าศึกนั้นเพื่อการต่อสู้
มันคือการต่อต้านโชคชะตา
ทุกครั้งที่พวกมันวิ่ง
ทุกครั้งที่พวกมันพุ่งทะยานและแซงสายลม
ความรู้สึกเป็นอิสระก็โอบล้อมร่างกายของฮาน
หน้าที่ที่แบกไว้บนบ่าของเขา
ความกลัวต่อสงครามที่ไม่อาจรู้ผลแพ้ชนะ
ความว่างเปล่าที่ไม่รู้สาเหตุที่เข้ามาอย่างกะทันหัน
ม้าศึกวิ่งฝ่าอารมณ์เหล่านี้ไป
ไปยังขอบฟ้าที่แสงดาวส่องถึง
หนึ่งตัวกลายเป็นสอง สองตัวกลายเป็นสาม และในที่สุดการวิ่งของม้าศึกก็กลายเป็นพายุที่รุนแรง
'ไม่ได้'
ฮานกัดฟัน
ฝันร้ายกำลังจะเริ่มต้นขึ้นอีกครั้ง
ฮี้!
ม้าศึกตัวหน้าสุดล้มลง
เริ่มจากม้าตัวแรก ทันใดนั้นม้าก็เริ่มล้มลงทีละตัว
พวกมันตายโดยปล่อยแสงสว่างออกมาแทนเลือด
ทุ่งหญ้าซึ่งครั้งหนึ่งเคยเต็มไปด้วยแสงดาวก็ถูกจมอยู่ในความมืดอีกครั้ง
ความเศร้าโศกทำให้เขาเอื้อมมือออกไป แต่ทุกอย่างได้ถูกกำหนดไว้แล้ว
ในที่สุด ฮานก็ยืนอยู่บนทุ่งหญ้าเพียงลำพัง
เขาไม่สามารถมองดูการวิ่งอันยิ่งใหญ่ของม้าศึกได้อีกต่อไป...
ฮานลืมตาขึ้น
หัวใจที่เต้นแรงสงบลง
และแล้วโลกของฮานก็กลับกลายเป็นสีเทาอีกครั้ง
"เฮ้อ"
เขารู้สึกเสียใจ
ถึงแม้จะรู้ดีว่าการเสียใจเป็นสิ่งที่ไร้ประโยชน์ที่สุด แต่เขาก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกเช่นนั้น
'ทำไมเขาถึง...ทิ้งพวกมันไปนะ?'
แต่ทุกอย่างไม่สามารถย้อนกลับไปได้แล้ว
ในที่สุดเขาก็ไม่สามารถตามหาร่องรอยของรูปปั้นม้าศึกที่เขาทำหายได้
ตู้โชว์ที่ครั้งหนึ่งเคยเต็มไปด้วยม้าศึก ตอนนี้ว่างเปล่า ทำหน้าที่เป็นเพียงหลุมศพเท่านั้น
การวิ่งอันยิ่งใหญ่ของม้าศึกได้จบลงตลอดกาล
'ถ้ามีเหลืออยู่สักตัว...'
เขาคงไม่รู้สึกสูญเสียเช่นนี้
แต่ฮานกลับขายรูปปั้นตัวสุดท้ายที่เหลืออยู่
เขาให้มันกับนายท่านบนโลกเป็นของขวัญ
เมื่อมองย้อนกลับไปตอนนี้ มันเป็นการกระทำที่โง่เขลาอย่างที่สุด
"โลกิ...?"
เฟรย์ถามอย่างระมัดระวัง ราวกับว่าเธอสังเกตเห็นความสิ้นหวังของเขา
"มันไม่สามารถทดแทนได้ใช่ไหม"
เมื่อตอนที่เขาไปเล่นคีบตุ๊กตากับอารอนวันนี้ มีตุ๊กตาตัวหนึ่งที่ดูเหมือนกับรูปปั้นม้าศึกมาก
หลังจากพยายามหลายครั้ง เขาก็สามารถคีบมันออกมาได้
แต่ความรู้สึกสูญเสียก็ไม่ถูกเติมเต็ม
ตุ๊กตาตัวนั้นไม่มีวิญญาณ
วิญญาณแห่งป่า
ความตั้งใจที่จะต่อสู้กับโชคชะตา
สิ่งเหล่านี้ที่ลูกหลานแห่งสายลมที่วิ่งบนทุ่งหญ้าควรมีนั้นไม่สามารถสัมผัสได้จากตุ๊กตาตัวนี้
ไม่ว่าจะนำอะไรมาแทนที่ก็คงจะคล้ายกัน
แม้ว่าจะมีรูปปั้นที่เหมือนกันปรากฏขึ้นต่อหน้าเขา เขาก็ไม่สามารถรู้สึกถึงความประทับใจแบบนั้นได้อีก
เพราะพื้นฐานของมันแตกต่างกัน
"โลกิ? ไม่เป็นไรนะคะ?"
"ไม่เป็นไร แน่นอนว่าไม่เป็นไร"
ฮานพึมพำด้วยน้ำเสียงเย็นชา
"แต่ฉันต้องการมัน"
"ห่ะ?"
"ฉันตัดสินใจผิดไป ฉันต้องการมัน"
ดวงตาของฮานเปล่งประกายที่น่าขนลุก
"พรุ่งนี้เช้า ช่วยเตรียมตัวออกไปข้างนอกที ฉันมีที่ที่จะไป"
"ออกไปข้างนอก? ไปไหนเหรอคะ?"
"โลก"