ตอนที่แล้วบทที่ 226 พืชกลายพันธุ์ พันธุ์ใหม่
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 228 โลกภายนอกเปลี่ยนไปแล้ว!

บทที่ 227 ทุกคนต้องไปแล้ว


“สหายเฉิน ที่นี่เป็นดินแดนศักดิ์สิทธิ์สำหรับพวกเราเลยนะ!”

อี้ถิงเซิงพูดพลางกินใบชิงเย่หลานที่ปลูกใหม่ ริมฝีปากของเขาแดงเรื่อด้วยความเผ็ดร้อน แต่ยิ่งกินก็ยิ่งหยุดไม่ได้

ซ่งหยุนซีดื่มซุปคำใหญ่เพื่อบรรเทาความเผ็ด แล้วพูดขึ้นว่า

“ก็แค่สำหรับน้องเฉินนั่นแหละ! พวกเราแค่พวกมากินมากินเที่ยวไปวัน ๆ”

“ฮ่า ๆ แค่เราได้มา ที่นี่ก็เป็นสมบัติล้ำค่าแล้วล่ะ”

เกือบสองปีที่พวกเขาสามคนอยู่ร่วมกัน ทุกคนต่างชินกับการหยอกล้อกัน พวกเขายังชอบพูดจาเสียดสีแซวกันไม่หยุด

แน่นอนว่าคนที่โดนแซวก็ไม่โกรธกลับ แถมยังยิ้มรับและหาโอกาสแซวกลับไปอีก

อาจจะเป็นเพราะนี่คือความสนุกเพียงอย่างเดียวในชีวิตที่น่าเบื่อแบบนี้

เฉินโม่กินอาหารไปพลางรู้สึกถึงการเปลี่ยนแปลงในร่างกาย ใบพืชน้ำแข็งที่เคยกินทำให้เขาได้ค่าประสบการณ์ 313 แต้มแล้ว หลังจากผ่านไปครึ่งปี ตอนนี้เขามี 569 แต้มแล้ว ถ้ายังเป็นแบบนี้ อีกไม่เกินหนึ่งปีก็จะสามารถบรรลุระดับฝึกปราณขั้นเก้าได้!

สำหรับเฉินโม่ เขาไม่คิดจะออกไปจากที่นี่

จะฝึกที่ไหนก็ไม่ต่างกัน ที่นี่ไม่มีอันตราย ไม่มีความขัดแย้ง เขามีไร่วิญญาณสิบสี่ไร่ อยากกินอะไรก็แค่ปลูก

เขายังได้เคล็ดวิชาต่อเนื่องของวิชาบำรุงพลังหวายซานที่สามารถฝึกจนถึงระดับสร้างรากฐานขั้นเก้าก่อนจะออกไป!

ซ่งหยุนซีวางตะเกียบลงหลังจากกินชิงเย่หลานไปคำใหญ่ ใบหน้าของเขาดูเหมือนกำลังลังเล แล้วสุดท้ายเขาก็พูดขึ้นว่า

“น้องเฉิน เจ้าว่าข้าควรลองไปดูที่หอคอยนั้นไหม?”

วิชาสลายร่างเทพมารของเขาเข้าสู่ขั้นชำนาญ ร่างของเขาสามารถกลายเป็นหมอกและลอดผ่านช่องเล็ก ๆ ได้แล้ว

เฉินโม่คิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะส่ายหน้าเบา ๆแม้เขาจะไม่ได้พูดอะไร แต่ท่าทางก็สื่อความหมายได้มากมาย

ดินแดนลึกลับเช่นนี้ไม่ใช่สถานที่ท่องเที่ยว ทุกโอกาสย่อมมาพร้อมกับความเสี่ยง

หากที่นี่คือดินแดนที่ทิ้งไว้ตั้งแต่ยุคโบราณ แม้แต่สายลมอ่อน ๆ หรือกลไกที่ไม่เด่นชัดก็สามารถปลิดชีพพวกเขาได้ง่าย ๆ

“เจ้าไม่แนะนำสินะ?” ซ่งหยุนซีกล่าว

“ข้าเองก็อยากไป” เฉินโม่ตอบพลางมองเขาด้วยสายตาจริงจัง

“แต่เราควรต้องถามตัวเองก่อนว่าการเสี่ยงชีวิตครั้งนี้มันคุ้มค่าหรือไม่?”

“ถามตัวเอง” ซ่งหยุนซีเงยหน้าขึ้นพลางครุ่นคิด

เขาเติบโตในสำนักชิงหยางมาตั้งแต่เกิด ทั้งอาของเขาจู้ฉี และลุงซุนอี้หมิงต่างดูแลเขาอย่างดี

หญิงสาวที่เขาสนิทกันตั้งแต่เด็กก็เคยเรียกเขาว่าพี่หยุนซีอยู่บ่อย ๆ

แต่แล้ววันหนึ่ง สำนักชิงหยางก็พินาศลงภายในคืนเดียว

ซ่งหยุนซีจะยอมรับได้อย่างไร?

“ข้ามีความสามารถพอที่จะล้างแค้นให้พวกเขาได้ไหมสินะ?” เขาพึมพำอย่างเหม่อลอย

เฉินโม่ได้ยินคำพูดนี้ก็รู้สึกใจหาย

ผ่านมาแล้วสองปี เขาเห็นซ่งหยุนซีใช้ชีวิตกินดื่มอย่างมีความสุข จนคิดว่าเขาเลิกใส่ใจเรื่องนี้ไปแล้ว

แต่ตอนนี้ถึงได้รู้ว่าเขามองข้ามความผูกพันที่ซ่งหยุนซีมีต่อสำนักชิงหยางและยอดเขาจื่อหยุน

หากเป็นเช่นนี้ เฉินโม่ก็ไม่อยากแสดงความเห็นอะไรอีก

“น้องเฉิน ขอเหล้าหน่อยสิ” ซ่งหยุนซีกล่าว

เฉินโม่ยิ้มและยื่นขวดเหล้าให้เขา

อี้ถิงเซิงที่นั่งอยู่ใกล้ ๆ พยายามมองเฉินโม่ด้วยสายตาอ้อนวอนเช่นเดียวกับเจ้าไก่หัวแข็ง

แต่เขาได้แค่การเหล่ตามองจากเฉินโม่กลับมาซ่งหยุนซีดื่มเหล้าไปหนึ่งจอกแล้วถอนหายใจออกมา

“ด้วยพรสวรรค์ของข้า ขั้นสร้างรากฐานก็คงเป็นที่สุดแล้ว แม้จะอยู่ที่นี่อีกสิบหรือยี่สิบปี ก็ได้แค่ขั้นสร้างรากฐานชั้นเก้าเท่านั้น แต่   การบรรลุขั้นทองคงเป็นไปไม่ได้เลยในชาตินี้...”

“แต่ว่าขั้นทองจะเปลี่ยนแปลงอะไรได้งั้นหรือ?” เฉินโม่ถาม

“ใช่ ขั้นทองจะเปลี่ยนแปลงอะไรได้ล่ะ?” ซ่งหยุนซีเงยหน้าขึ้นพูด

"น้องเฉิน เจ้าเคยบอกว่าข้าใช้ชีวิตได้อย่างอิสระ ไม่สนสายตาคนอื่น ใช่ไหม?"

เฉินโม่พยักหน้า

"ข้าใช้ชีวิตตามใจไม่ใช่เพราะข้าปล่อยวางได้หรอก แต่เป็นเพราะตลอดเวลามีคนคอยปกป้องข้าอยู่เสมอ

ถ้าไม่มีพวกเขา ข้าคงตายตั้งแต่ในเหมืองนรกแล้ว"

“พี่ใหญ่จึงคิดจะแก้แค้นให้พวกเขา?”

“ข้าเองก็ไม่อยากทำ แต่ช่วงนี้ข้าฝันเห็นเสี่ยวฟางอยู่บ่อย ๆ ข้าบอกนางไปว่าข้าเป็นแค่คนบรรลุขั้นสร้างรากฐาน จะไปสู้กับสำนัก   เซียนอย่างเสินหนงจงได้อย่างไร แต่เธอก็ไม่ฟัง ข้าจึงทำใจปฏิเสธเธอไม่ได้”

ซ่งหยุนซีพูดทั้งน้ำตา

เฉินโม่ลุกขึ้นและเดินไปเดินมาในหุบเขา เขาไม่อยากพูดอะไรอีก

แม้ทุกคนจะรู้ดีว่าการไปที่เขตแดนลับหมายถึงเสี่ยงตาย เขาไม่สามารถห้ามได้ ไม่ใช่ทุกคนที่จะใช้ชีวิตโดยไม่ยึดติดอะไรได้เหมือนเขา แม้เขาจะยังรู้สึกผิดกับหงเยี่ยนแต่ก็ไม่มีทางที่เขาจะยอมเสี่ยงชีวิตเพื่อแก้แค้น

“น้องเฉิน!” ซ่งหยุนซีเรียกเขาไว้

“ท่านจะตาย!” เฉินโม่พูดอย่างจริงจัง

“ข้ารู้!”

“พี่ใหญ่ ข้าเคารพทุกการตัดสินใจของท่าน” เฉินโม่ตอบพร้อมมองไปยังซ่งหยุนซี

“ฮ่าฮ่า อย่าทำหน้าตายแบบนั้นสิ ข้าอาจจะได้เจอสมบัติเซียนแล้วบรรลุขั้นได้ทันทีเลยก็ได้ ใครจะรู้?”

“จริงเหรอ? งั้นข้าไปด้วย!” อี้ถิงเซิงกระโดดเข้ามาร่วมวง

“เจ้าบรรลุขั้นสร้างรากฐานได้ไหมล่ะ? ถ้าได้เราก็ไปด้วยกัน”

อี้ถิงเซิงเงียบไปทันที

“ขั้นสร้างรากฐานนี่มันยากจริง ๆ ผ่านไปปีนึงแล้ว ข้ายังไม่บรรลุเลย!”

ซ่งหยุนซีตบไหล่เขาแล้วพูดว่า

“ถ้าไม่มีเม็ดยาสร้างรากฐาน จะบรรลุขั้นก็เป็นไปไม่ได้เลย”

“ทำไมถึงเป็นเช่นนั้น?” เฉินโม่สงสัย

“การสร้างรากฐานเป็นก้าวสำคัญที่สุดของการฝึกตน แต่ก้าวไปทางไหน? ผู้ฝึกปราณเก้าชั้นก็เหมือนคนตาบอด ไม่มีทางรู้ได้เลย  ส่วนเม็ดยาสร้างรากฐานจะทำให้ร่างกายเกิดการเปลี่ยนแปลงที่บ่งบอกทิศทางได้ ดังนั้นในสำนักชิงหยาง ใครก็ตามที่ต้องการ บรรลุสร้างรากฐานต้องกินเม็ดยานี้!”

“ข้าต้องการเม็ดยาสร้างรากฐาน!” อี้ถิงเซิงพูดอย่างไร้ยางอาย

“ข้าไม่ใช่นักปรุงยา ข้าเองยังต้องพึ่งยาเม็ดจากป่านเสี่ยวเว่ย!”

“งั้นหาจากที่ไหน?”

“สำนักเซียนที่ไหนก็น่าจะมี”

“งั้นข้าต้องออกไปหาสำนักเซียนแล้วสิ”

“เจ้าจะออกไป?” เฉินโม่ถามด้วยความสงสัย

“ข้าอยู่ที่นี่ไปก็ไม่มีประโยชน์อะไร การฝึกปราณขั้นเก้าขึ้นไปต้องเข้าสร้างรากฐาน

ไม่ใช่การฝึกปราณขั้นสิบ สิบเอ็ด สิบสอง…”

“เจ้าก็จะไปแล้วงั้นหรือ?”

(จบบท)

5 2 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด