บทที่ 227 ทุกคนต้องไปแล้ว
“สหายเฉิน ที่นี่เป็นดินแดนศักดิ์สิทธิ์สำหรับพวกเราเลยนะ!”
อี้ถิงเซิงพูดพลางกินใบชิงเย่หลานที่ปลูกใหม่ ริมฝีปากของเขาแดงเรื่อด้วยความเผ็ดร้อน แต่ยิ่งกินก็ยิ่งหยุดไม่ได้
ซ่งหยุนซีดื่มซุปคำใหญ่เพื่อบรรเทาความเผ็ด แล้วพูดขึ้นว่า
“ก็แค่สำหรับน้องเฉินนั่นแหละ! พวกเราแค่พวกมากินมากินเที่ยวไปวัน ๆ”
“ฮ่า ๆ แค่เราได้มา ที่นี่ก็เป็นสมบัติล้ำค่าแล้วล่ะ”
เกือบสองปีที่พวกเขาสามคนอยู่ร่วมกัน ทุกคนต่างชินกับการหยอกล้อกัน พวกเขายังชอบพูดจาเสียดสีแซวกันไม่หยุด
แน่นอนว่าคนที่โดนแซวก็ไม่โกรธกลับ แถมยังยิ้มรับและหาโอกาสแซวกลับไปอีก
อาจจะเป็นเพราะนี่คือความสนุกเพียงอย่างเดียวในชีวิตที่น่าเบื่อแบบนี้
เฉินโม่กินอาหารไปพลางรู้สึกถึงการเปลี่ยนแปลงในร่างกาย ใบพืชน้ำแข็งที่เคยกินทำให้เขาได้ค่าประสบการณ์ 313 แต้มแล้ว หลังจากผ่านไปครึ่งปี ตอนนี้เขามี 569 แต้มแล้ว ถ้ายังเป็นแบบนี้ อีกไม่เกินหนึ่งปีก็จะสามารถบรรลุระดับฝึกปราณขั้นเก้าได้!
สำหรับเฉินโม่ เขาไม่คิดจะออกไปจากที่นี่
จะฝึกที่ไหนก็ไม่ต่างกัน ที่นี่ไม่มีอันตราย ไม่มีความขัดแย้ง เขามีไร่วิญญาณสิบสี่ไร่ อยากกินอะไรก็แค่ปลูก
เขายังได้เคล็ดวิชาต่อเนื่องของวิชาบำรุงพลังหวายซานที่สามารถฝึกจนถึงระดับสร้างรากฐานขั้นเก้าก่อนจะออกไป!
ซ่งหยุนซีวางตะเกียบลงหลังจากกินชิงเย่หลานไปคำใหญ่ ใบหน้าของเขาดูเหมือนกำลังลังเล แล้วสุดท้ายเขาก็พูดขึ้นว่า
“น้องเฉิน เจ้าว่าข้าควรลองไปดูที่หอคอยนั้นไหม?”
วิชาสลายร่างเทพมารของเขาเข้าสู่ขั้นชำนาญ ร่างของเขาสามารถกลายเป็นหมอกและลอดผ่านช่องเล็ก ๆ ได้แล้ว
เฉินโม่คิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะส่ายหน้าเบา ๆแม้เขาจะไม่ได้พูดอะไร แต่ท่าทางก็สื่อความหมายได้มากมาย
ดินแดนลึกลับเช่นนี้ไม่ใช่สถานที่ท่องเที่ยว ทุกโอกาสย่อมมาพร้อมกับความเสี่ยง
หากที่นี่คือดินแดนที่ทิ้งไว้ตั้งแต่ยุคโบราณ แม้แต่สายลมอ่อน ๆ หรือกลไกที่ไม่เด่นชัดก็สามารถปลิดชีพพวกเขาได้ง่าย ๆ
“เจ้าไม่แนะนำสินะ?” ซ่งหยุนซีกล่าว
“ข้าเองก็อยากไป” เฉินโม่ตอบพลางมองเขาด้วยสายตาจริงจัง
“แต่เราควรต้องถามตัวเองก่อนว่าการเสี่ยงชีวิตครั้งนี้มันคุ้มค่าหรือไม่?”
“ถามตัวเอง” ซ่งหยุนซีเงยหน้าขึ้นพลางครุ่นคิด
เขาเติบโตในสำนักชิงหยางมาตั้งแต่เกิด ทั้งอาของเขาจู้ฉี และลุงซุนอี้หมิงต่างดูแลเขาอย่างดี
หญิงสาวที่เขาสนิทกันตั้งแต่เด็กก็เคยเรียกเขาว่าพี่หยุนซีอยู่บ่อย ๆ
แต่แล้ววันหนึ่ง สำนักชิงหยางก็พินาศลงภายในคืนเดียว
ซ่งหยุนซีจะยอมรับได้อย่างไร?
“ข้ามีความสามารถพอที่จะล้างแค้นให้พวกเขาได้ไหมสินะ?” เขาพึมพำอย่างเหม่อลอย
เฉินโม่ได้ยินคำพูดนี้ก็รู้สึกใจหาย
ผ่านมาแล้วสองปี เขาเห็นซ่งหยุนซีใช้ชีวิตกินดื่มอย่างมีความสุข จนคิดว่าเขาเลิกใส่ใจเรื่องนี้ไปแล้ว
แต่ตอนนี้ถึงได้รู้ว่าเขามองข้ามความผูกพันที่ซ่งหยุนซีมีต่อสำนักชิงหยางและยอดเขาจื่อหยุน
หากเป็นเช่นนี้ เฉินโม่ก็ไม่อยากแสดงความเห็นอะไรอีก
“น้องเฉิน ขอเหล้าหน่อยสิ” ซ่งหยุนซีกล่าว
เฉินโม่ยิ้มและยื่นขวดเหล้าให้เขา
อี้ถิงเซิงที่นั่งอยู่ใกล้ ๆ พยายามมองเฉินโม่ด้วยสายตาอ้อนวอนเช่นเดียวกับเจ้าไก่หัวแข็ง
แต่เขาได้แค่การเหล่ตามองจากเฉินโม่กลับมาซ่งหยุนซีดื่มเหล้าไปหนึ่งจอกแล้วถอนหายใจออกมา
“ด้วยพรสวรรค์ของข้า ขั้นสร้างรากฐานก็คงเป็นที่สุดแล้ว แม้จะอยู่ที่นี่อีกสิบหรือยี่สิบปี ก็ได้แค่ขั้นสร้างรากฐานชั้นเก้าเท่านั้น แต่ การบรรลุขั้นทองคงเป็นไปไม่ได้เลยในชาตินี้...”
“แต่ว่าขั้นทองจะเปลี่ยนแปลงอะไรได้งั้นหรือ?” เฉินโม่ถาม
“ใช่ ขั้นทองจะเปลี่ยนแปลงอะไรได้ล่ะ?” ซ่งหยุนซีเงยหน้าขึ้นพูด
"น้องเฉิน เจ้าเคยบอกว่าข้าใช้ชีวิตได้อย่างอิสระ ไม่สนสายตาคนอื่น ใช่ไหม?"
เฉินโม่พยักหน้า
"ข้าใช้ชีวิตตามใจไม่ใช่เพราะข้าปล่อยวางได้หรอก แต่เป็นเพราะตลอดเวลามีคนคอยปกป้องข้าอยู่เสมอ
ถ้าไม่มีพวกเขา ข้าคงตายตั้งแต่ในเหมืองนรกแล้ว"
“พี่ใหญ่จึงคิดจะแก้แค้นให้พวกเขา?”
“ข้าเองก็ไม่อยากทำ แต่ช่วงนี้ข้าฝันเห็นเสี่ยวฟางอยู่บ่อย ๆ ข้าบอกนางไปว่าข้าเป็นแค่คนบรรลุขั้นสร้างรากฐาน จะไปสู้กับสำนัก เซียนอย่างเสินหนงจงได้อย่างไร แต่เธอก็ไม่ฟัง ข้าจึงทำใจปฏิเสธเธอไม่ได้”
ซ่งหยุนซีพูดทั้งน้ำตา
เฉินโม่ลุกขึ้นและเดินไปเดินมาในหุบเขา เขาไม่อยากพูดอะไรอีก
แม้ทุกคนจะรู้ดีว่าการไปที่เขตแดนลับหมายถึงเสี่ยงตาย เขาไม่สามารถห้ามได้ ไม่ใช่ทุกคนที่จะใช้ชีวิตโดยไม่ยึดติดอะไรได้เหมือนเขา แม้เขาจะยังรู้สึกผิดกับหงเยี่ยนแต่ก็ไม่มีทางที่เขาจะยอมเสี่ยงชีวิตเพื่อแก้แค้น
“น้องเฉิน!” ซ่งหยุนซีเรียกเขาไว้
“ท่านจะตาย!” เฉินโม่พูดอย่างจริงจัง
“ข้ารู้!”
“พี่ใหญ่ ข้าเคารพทุกการตัดสินใจของท่าน” เฉินโม่ตอบพร้อมมองไปยังซ่งหยุนซี
“ฮ่าฮ่า อย่าทำหน้าตายแบบนั้นสิ ข้าอาจจะได้เจอสมบัติเซียนแล้วบรรลุขั้นได้ทันทีเลยก็ได้ ใครจะรู้?”
“จริงเหรอ? งั้นข้าไปด้วย!” อี้ถิงเซิงกระโดดเข้ามาร่วมวง
“เจ้าบรรลุขั้นสร้างรากฐานได้ไหมล่ะ? ถ้าได้เราก็ไปด้วยกัน”
อี้ถิงเซิงเงียบไปทันที
“ขั้นสร้างรากฐานนี่มันยากจริง ๆ ผ่านไปปีนึงแล้ว ข้ายังไม่บรรลุเลย!”
ซ่งหยุนซีตบไหล่เขาแล้วพูดว่า
“ถ้าไม่มีเม็ดยาสร้างรากฐาน จะบรรลุขั้นก็เป็นไปไม่ได้เลย”
“ทำไมถึงเป็นเช่นนั้น?” เฉินโม่สงสัย
“การสร้างรากฐานเป็นก้าวสำคัญที่สุดของการฝึกตน แต่ก้าวไปทางไหน? ผู้ฝึกปราณเก้าชั้นก็เหมือนคนตาบอด ไม่มีทางรู้ได้เลย ส่วนเม็ดยาสร้างรากฐานจะทำให้ร่างกายเกิดการเปลี่ยนแปลงที่บ่งบอกทิศทางได้ ดังนั้นในสำนักชิงหยาง ใครก็ตามที่ต้องการ บรรลุสร้างรากฐานต้องกินเม็ดยานี้!”
“ข้าต้องการเม็ดยาสร้างรากฐาน!” อี้ถิงเซิงพูดอย่างไร้ยางอาย
“ข้าไม่ใช่นักปรุงยา ข้าเองยังต้องพึ่งยาเม็ดจากป่านเสี่ยวเว่ย!”
“งั้นหาจากที่ไหน?”
“สำนักเซียนที่ไหนก็น่าจะมี”
“งั้นข้าต้องออกไปหาสำนักเซียนแล้วสิ”
“เจ้าจะออกไป?” เฉินโม่ถามด้วยความสงสัย
“ข้าอยู่ที่นี่ไปก็ไม่มีประโยชน์อะไร การฝึกปราณขั้นเก้าขึ้นไปต้องเข้าสร้างรากฐาน
ไม่ใช่การฝึกปราณขั้นสิบ สิบเอ็ด สิบสอง…”
“เจ้าก็จะไปแล้วงั้นหรือ?”
(จบบท)