ตอนที่ 350 คนเดียวคือ ตระกูลที่ร่ำรวย และทรงอิทธิพล

ซู หลิงเอ๋อร์ คิดอะไรได้ก็ลงมือทำทันที เธอหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมามาแล้วเปิดโหมดถ่ายวิดีโอ

เนื่องจากเธอไม่แน่ใจว่าพี่เขยจะยอมเปิดหน้าให้ถ่ายไหม

ในใจของ ซู หลิงเอ๋อร์ นั้น เธออยากจะถ่ายใบหน้าของพี่เขยเธอ เพราะพี่เขยของเธอค่อนข้างหล่อมาก

ความหล่อเหลาของพี่เขยอาจจะช่วยเพิ่มยอดวิวให้เธอได้มากขึ้น

แต่เพื่อความปลอดภัย เผื่อว่าพี่เขยไม่อยากเปิดเผยใบหน้า แบบนั้นมันจะยุ่งยากทีหลัง

และ.. มันคงจะไม่ดีแน่ๆ?

ดังนั้นเธอจึงเปลี่ยนตำแหน่งไปถ่ายจากด้านหลังของ เย่เฉิน แทน

เสียงดนตรีเริ่มดังขึ้นอย่างช้าๆ

“ทุกความกล้าหาญ

(都是勇敢的)

ไม่ว่าจะเป็นรอยแผลบนหน้าผากของเธอ ความแตกต่าง หรือความผิดพลาดที่เธอก่อ

(你额头的伤口 你的 不同 你犯的错)

ไม่ต้องเก็บซ่อนมันไว้

(都 不必隐藏)

……”

เสียงร้องของ เย่เฉิน ดังขึ้นมาทันที

แม้แต่ ซู หนิงซวง, ซู หลิงเอ๋อร์ และจ้าว ซูซวน ที่ไม่เคยฟังเพลงนี้มาก่อน ..ก็ยังถูกเสียงร้องของเขาดึงดูดใจในทันที

ไม่เพียงแต่พวกเธอเท่านั้น ผู้คนที่เดินผ่านไปมารอบๆ ต่างก็หยุดฟัง เย่เฉิน ร้องเพลงด้วยความสนใจไปอย่างไม่รู้ตัว

“จะไปไหม? จะคู่ควรหรือเปล่า? เสื้อคลุมที่ขาดรุ่งริ่งนี้น่ะ

(去吗？配吗？这褴褛的披风)

จะสู้ไหม? สู้สิ! ด้วยฝันอันต่ำต้อยที่สุดนี้

(战吗？战啊！以最卑微的梦)

แด่เสียงสะอื้น และกู่ร้องแค้นเคืองในยามค่ำคืนที่มืนมน

(致那黑夜中的呜咽与怒吼)

ใครบอกว่าผู้ที่ยืนอยู่ท่ามกลางแสงสว่างเท่านั้นถึงจะเรียกว่าฮีโร่

(谁说站在光里的才算英雄)

…….”

เมื่อ เย่เฉิน ร้องถึงท่อนฮุกของเพลงนี้ อารมณ์ของผู้คนรอบข้างก็ถูกปลุกเร้าขึ้นมา

เพลงนี้ช่างเปี่ยมไปด้วยพลังจริงๆ

สุดท้าย เมื่อ เย่เฉิน ร้องเพลงนี้จบ

แปะ แปะ แปะ!

แม้รอบๆ จะมีผู้คนไม่มากนัก แต่ทุกคนที่ยืนฟังอยู่ต่างปรบมือให้ เย่เฉิน อย่างเต็มที่

ทุกคนต่างรู้สึกทึ่งในเสียงร้องของ เย่เฉิน และหลงรักเพลงนี้

ซู หนิงซวง, จ้าว ซูซวน และซู หลิงเอ๋อร์ ต่างยืนนิ่งอยู่ที่เดิม ราวกับยังตกอยู่ในภวังค์ เหมือนยังไม่อาจสงบสติอารมณ์ลงได้

ซู หลิงเอ๋อร์ ชะงักไปครู่หนึ่ง ก่อนจะรีบกดปุ่มหยุดการถ่ายวิดีโอ

“พี่เขยร้องเพลงเพราะมากเลย”

ซู หลิงเอ๋อร์ พูดด้วยความชื่นชม

เมื่อกี้ ซู หลิงเอ๋อร์ คาดการณ์ไว้ว่า ถ้าเอาวิดีโอที่พี่เขยร้องเพลงไปลงในช่อง B(Bilibili) อาจจะได้ยอดวิวสักหลักหมื่น

และมีผู้ติดตามเพิ่มขึ้นอีกสักไม่กี่ร้อยคน

แต่ตอนนี้ดูเหมือนว่าเธอจะคาดการณ์ไว้น้อยเกินไป หากเธอโพสต์วิดีโอที่พี่เขยร้องเพลง ‘ผู้กล้าหาญที่โดดเดี่ยว’ (孤勇者 (Lonely Warrior)) 

เธออาจจะมีผู้ติดตามเพิ่มขึ้นเป็นพัน และจำนวนยอดวิวอาจทะลุหลักแสนเลยทีเดียว

“ครั้งนี้ต้องขอบคุณพี่เขยจริงๆ ต่อไปฉันเองก็สามารถอวดกับคนอื่นได้อย่างเต็มภาคภูมิแล้วว่า ฉันเองก็เป็น Uploader คนดังแล้ว!” (UP主, นักรีวิว ฯลฯ)

ซู หลิงเอ๋อร์ พูดพึมพำไปด้วยรอยยิ้มอย่างมีความสุข

แม้เธอจะชอบคิดว่าตัวเองเป็น Uploader คนดังๆ ก็ตาม และบางครั้งเธอก็มักจะอวดเพื่อนๆ อยู่บ้าง

แต่ในความจริงแล้ว ด้วยการที่เธอมีผู้ติดตามแค่ไม่กี่ร้อยคนเท่านั้น ทำให้เธอไม่กล้าบอกชื่อบัญชีของเธอให้กับเพื่อนๆ ของเธอฟัง

แต่ตอนนี้ ด้วยความช่วยเหลือจาก ‘พี่เขย’ เธออาจทำได้แล้ว

“พี่ชาย คุณสุดยอดมาก”

ในขณะนั้นนักร้องสาวที่ขายเสียงร้องอยู่ก็เดินเข้ามาหา เย่เฉิน

“คุณชมเกินไปแล้วครับ”

เย่เฉิน ตอบอย่างถ่อมตัว ก่อนจะคืนไมโครโฟนให้เจ้าของเดิมไป

“ขอบคุณนะคะ”

หลังจากขอบคุณแล้ว เย่เฉิน ก็เดินกลับไปหา ซู หนิงซวง และคนอื่นๆ

“พี่เขย เมื่อกี้หนูแอบถ่ายวิดีโอที่พี่ร้องเพลง หนูเอาลงในช่อง B(Bilibili) ได้ไหม?”

ซู หลิงเอ๋อร์ เดินเข้ามาถาม แม้จะถ่ายเสร็จแล้ว แต่เธอก็ยังไม่อัปโหลด เพราะยังไม่ได้รับอนุญาตจาก เย่เฉิน

“โอ้ หลิงเอ๋อร์ เธอถ่ายวิดีโอไว้ด้วยเหรอ?”

ซู หนิงซวง พูดด้วยความประหลาดใจ

เมื่อกี้ทุกคนมัวแต่ถูกดึงดูดด้วยเสียงร้องของ เย่เฉิน จนไม่มีใครทันคิดถึงเรื่องการถ่ายวิดีโอเลย

“ขอพี่ดูหน่อย”

ซู หนิงซวง และจ้าว ซูซวน เข้ามาดูวิดีโอที่ ซู หลิงเอ๋อร์ ถ่ายไปเมื่อสักครู่

เย่เฉิน ก็เข้ามาดูด้วย และเห็นว่า ซู หลิงเอ๋อร์ ถ่ายเพียงแค่เห็นแผ่นหลังของเขาเท่านั้น ไม่ได้ถ่ายให้เห็นใบหน้าของเขา

“อัปโหลดได้เลย”

เย่เฉิน พยักหน้า

เขาชอบการใช้ชีวิตแบบไม่เป็นที่สนใจเท่าไรนัก ไม่ชอบเปิดเผยใบหน้า ชีวิตที่สงบๆ ในฐานะเศรษฐีมันไม่ดีเหรอ?

คุณคิดว่าเศรษฐีมีความสุขมากใช่ไหม?

แต่จริงๆ แล้วความสุขของคนรวยที่แท้จริงนั้น คุณไม่มีทางจินตนาการออกได้เลย

“ขอบคุณคะ พี่เขย”

ซู หลิงเอ๋อร์ ยิ้มพยักหน้าขอบคุณ

หลังจากนั้น เธอก็อัปโหลดวิดีโอลงในช่อง B(Bilibili) โดยไม่ตัดต่ออะไรเลยด้วยซ้ำ

ซู หลิงเอ๋อร์ ไม่ได้คิดอะไรมาก

และเธอไม่คาดหวังว่าวิดีโอนี้จะดัง เพราะมันเป็นแค่วิดีโอที่ถ่ายให้เห็นแผ่นหลังของพี่เขยเท่านั้น

“ไปกันเถอะ”

หลังจากเรื่องนี้จบลงแล้ว ทุกคนก็ยังคงออกไปเดินเที่ยวเล่นกันต่อ

เที่ยวเล่นกันจนเพลินจน ซู หลิงเอ๋อร์ ลืมเรื่องนี้ไปเลย

แต่สิ่งที่เธอไม่รู้เลยคือ วิดีโอที่เธอเพิ่งอัปโหลดลงไปนั้นกำลังได้รับความนิยมอย่างมากในช่อง B(Bilibili) และจะสร้างกระแสใหญ่โตขึ้นในอีกไม่ช้า

เวลาผ่านไปนาทีต่อนาทีจนมาถึงเที่ยงวัน ทั้งสี่คนไปทานอาหารกลางวันที่ร้านอาหารท้องถิ่นแห่งหนึ่ง

หลังจากทานอาหารเสร็จ เย่เฉิน ก็ถือโอกาสเปิดเกมขึ้นมา

[ติ๊ง]

[เชิญ จ้าว ซูซวน มาเที่ยวซูเฉิงด้วยกัน พร้อมกับเผชิญหน้า และรับมือกับสถานการณ์ผู้หญิง 3 คนรวมตัวเป็นละครโรงใหญ่อีกครั้ง ภารกิจท้าทายสำเร็จ]

[ขอแสดงความยินดีด้วยคุณที่ได้รับ หุ้น 15% ของบริษัท Patek Philippe (สัญญาซื้อขายหุ้นอยู่ในห้องหนังสือของคุณในเมืองซูเฉิง โปรดตรวจสอบ)]

เมื่อเกมเด้งหน้าต่างป๊อปอัปแจ้งเตือนขึ้นมา เย่เฉิน ก็ได้รับหุ้นของบริษัท Patek Philippe ซึ่งมีมูลค่ากว่า 3 พันล้านหยวนมาอยู่ในมือของเขาเรียบร้อยแล้ว

ใบหน้าของ เย่เฉิน เปื้อนยิ้มด้วยความพอใจ

มันง่ายมากจริงๆ

วันนี้ เย่เฉิน ไม่สามารถซื้อของในร้านค้าระดับสี่ดาวได้ เพราะเขาได้ใช้สิทธิ์การซื้อไปกับการเล่น ‘ลูกเต๋าเสี่ยงโชค’ ถึงกระนั้น มูลค่าทรัพย์สินของเขาก็ยังเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ

ภารกิจแบบนี้ ยิ่งมากเท่าไหร่ก็ยิ่งดีเท่านั้น

เนื่องจากไปเที่ยวกันมาหลายสถานที่ สามสาวจึงไม่มีเวลามานั่งคุยกันมากนัก

เย่เฉิน คิดว่าเขารู้วิธีหลีกเลี่ยงสถานการณ์ ‘ผู้หญิง 3 คนรวมตัวเป็นละครโรงใหญ่’ แล้ว

หลังจากนี้ เขาจะหาสถานที่สนุกๆ และของกินอร่อยๆ ให้มากขึ้น

แบบนี้เมื่อพวกเธอยุ่งกันขนาดนี้แล้ว ..จะมีเวลาให้มานั่งคุยกันมากแค่ไหนกันเชียว?

ในช่วงเวลานี้ มูลค่าทรัพย์สิน และเครือข่ายความสัมพันธ์ของ เย่เฉิน ก็เพิ่มขึ้นอีกครั้ง

เย่เฉิน เพียงคนเดียวก็คือ ตระกูลที่ร่ำรวย และทรงอิทธิพล!!!

อีกไม่นานจะถึงงานเลี้ยงประจำปีของตระกูลซูแล้ว และเย่เฉิน เองกำลังรอคอยวันนั้นมาถึง ..อย่างใจจดใจจ่อ

ในวันนั้น เขาจะมอบ ‘เซอร์ไพรส์’ ครั้งใหญ่แก่คุณปู่ของ หนิงซวง อย่างแน่นอน

และความคิดที่ยังไม่ได้ก่อเป็นรูปเป็นร่าง ..ของเขา – เกี่ยวกับการทำลายตระกูลจ้าวในเมืองหางโจว ก็อาจทำให้มันบรรลุผลได้เช่นกัน!