กำราบภพด้วยระบบกลไกลสวรรค์ ตอนที่ 415 มุ่งหน้าสู่โลกสวรรค์ก่อกำเนิด
กำราบภพด้วยระบบกลไกลสวรรค์ ตอนที่ 415 มุ่งหน้าสู่โลกสวรรค์ก่อกำเนิด
“โลกอื่น?”
หยางชิวได้ยินคำพูดนี้ สีหน้าซีดเผือดลงเล็กน้อย กำหมัดแน่น ในใจเกิดคลื่นลมปั่นป่วน ความรู้สึกผ่อนคลายหายไปในพริบตา
บุคคลผู้หนึ่งมิได้มาจากโลกสวรรค์ก่อกำเนิด แต่กลับหลอมรวมเข้ากับมรรคาสวรรค์ของโลกสวรรค์ก่อกำเนิดได้ นับว่าเป็นเรื่องดีหรือเรื่องร้าย ไม่มีผู้ใดสามารถรู้ได้
หากไม่ระวัง สถานการณ์เช่นนี้ไม่ต่างอะไรกับเสือร้ายสองตัว ตัวหนึ่งเข้ามาทางประตูหน้า อีกตัวหนึ่งเข้ามาทางประตูหลัง!
“เจ้าไม่ต้องกังวลไป ข้าเคยบอกเจ้าแล้ว คนผู้นี้คือความหวังของโลกสวรรค์ก่อกำเนิด ข้าไม่มีเหตุผลที่จะหลอกลวงเจ้า” หลี่อวิ๋นกล่าวด้วยรอยยิ้ม
“เขาจะลงมือเพื่อโลกสวรรค์ก่อกำเนิดหรือไม่ ต้องดูว่าสุดท้ายแล้วเขาหลอมรวมกับมรรคาสวรรค์ได้หรือไม่ หรือว่ามรรคาสวรรค์จะควบคุมเขา”
หากฉือหลินกลายเป็นหุ่นเชิดของมรรคาสวรรค์ แน่นอนว่าเขาจะสูญเสียสติปัญญา ใช้ชีวิตอย่างเลื่อนลอย กลายเป็นเครื่องมือ
แต่หากเขาหลอมรวมกับมรรคาสวรรค์ได้สำเร็จ
แม้ว่าเขาจะไม่มีอารมณ์ความรู้สึก แต่สัญชาตญาณยังคงอยู่ โลกสวรรค์ก่อกำเนิดคือรากฐานของเขา เขาจะไม่ยอมมองดูโลกสวรรค์ก่อกำเนิดถูกทำลาย
“ด้วยความสามารถของผู้อาวุโส คงจะรู้ผลลัพธ์สุดท้ายแล้วกระมัง” หยางชิวถามอย่างลองเชิง
“เจ้าคิดว่าอย่างไรเล่า?” หลี่อวิ๋นถามกลับ
เรื่องนี้ พูดตามตรงแล้วเขาก็ไม่รู้เช่นกัน เพราะระบบกลไกสวรรค์ช่วยให้ฉือหลินหลอมรวมกับมรรคาสวรรค์ในขั้นต้นเท่านั้น ผลลัพธ์สุดท้ายจะเป็นเช่นไร คงต้องถามระบบกลไกสวรรค์
แต่การถามระบบกลไกสวรรค์ ต้องใช้แต้มกลไกสวรรค์
ในตอนนี้ เขามีแต้มกลไกสวรรค์ไม่มากนัก คงไม่นำมาใช้กับเรื่องนี้
หยางชิวไม่กล่าวสิ่งใด
คำพูดของผู้อาวุโส ชัดเจนว่าต้องการให้เขาจ่ายเงิน เขาเป็นเพียงประมุขสำนักมารเก้าขุมนรก เรื่องราวทั่วไปเขาสามารถซื้อได้ แต่เรื่องที่เกี่ยวข้องกับมรรคาสวรรค์ ต่อให้ขายสำนักมารเก้าขุมนรกทั้งสำนักก็ยังไม่พอ
“ผู้อาวุโส โลกสวรรค์ก่อกำเนิดมีสิ่งมีชีวิตมากมาย หากเกิดสงคราม คงมีคนล้มตายมากมาย การฝากความหวังไว้กับคนจากต่างโลกเช่นนี้ มิใช่เรื่องที่ไม่เหมาะสมกระมัง”
“ท่านมีวิธีอื่นหรือไม่”
“เช่น ช่วยให้ตบะของผู้น้อยแข็งแกร่งขึ้นในเวลาอันสั้น เช่นเดียวกับที่บรรพบุรุษเคยกล่าวถึงฟางหาน” หยางชิวครุ่นคิด
ฉือหลินคือความหวัง แต่หากเขาสามารถเพิ่มพูนตบะได้ในช่วงเวลาวิกฤตเช่นนี้ คงเป็นเรื่องดี อย่างน้อยก็สามารถรักษาชีวิตตนเองได้
“ไม่เหมาะสมหรือ?” หลี่อวิ๋นหัวเราะ
หากฉือหลินหลอมรวมกับมรรคาสวรรค์แล้วยังไม่เหมาะสม เขาคิดไม่ออกว่าจะมีเรื่องใดที่เหมาะสมกว่านี้แล้ว
“เจ้า หยางชิว เป็นคนเช่นไร ข้ารู้ดี หากโลกสวรรค์ก่อกำเนิดตกอยู่ในอันตราย เจ้าคงหนีไปก่อน”
“ส่วนเรื่องที่ให้เจ้าแข็งแกร่งขึ้นเช่นเดียวกับฟางหาน นับว่าง่ายดาย เพียงแค่นำอาวุธเซียนหนึ่งชิ้นมา ข้าจะให้เจ้ามีพลังเซียนแท้สามวัน”
หยางชิวหน้าเสีย หัวเราะแห้ง ๆ
อาวุธเซียนหนึ่งชิ้น แลกกับพลังเซียนแท้สามวัน ข้อเสนอนี้ นับว่าไม่คุ้มค่า
หากเขามีอาวุธเช่นนั้น คงนำมาบูชาเป็นบรรพบุรุษ ต่อให้ได้ตำแหน่งประมุขสำนักมารเก้าขุมนรกสิบตำแหน่งก็ไม่ยอมแลก เหตุใดจึงต้องแลกกับพลังสามวัน
“ผู้อาวุโสกล่าวเล่นแล้ว” หยางชิวกล่าวเสียงเบา จากนั้นก็เดินไปที่ประตูหอคอยกลไกสวรรค์ มองท้องฟ้านอกประตู ครู่หนึ่งก็ชักเท้ากลับ
“โลกสวรรค์ก่อกำเนิดกำลังมีภัย เจ้าไม่กลับไปจัดการเรื่องราวต่าง ๆ ที่สำนักมารเก้าขุมนรกหรือ” หลี่อวิ๋นกล่าวอย่างแผ่วเบา
“ผู้อาวุโสกล่าวถูกต้อง ผู้น้อยกำลังจะกลับไป แต่อยู่ ๆ ก็คิดขึ้นได้ว่า คนของโลกเซียนปฐพีบุกเข้ามา สถานการณ์ดุเดือด สำนักมารเก้าขุมนรกไม่มีใครอยู่ที่เมืองต้าฮวง หากพบเจอกับอันตราย คงไม่สามารถขอคำแนะนำจากผู้อาวุโสได้ทันเวลา”
“ผู้น้อยได้มอบหมายเรื่องราวทั้งหมดของสำนักให้กับประมุขคนก่อน หวงเฉวียน จัดการ ส่วนผู้น้อยจะอยู่ที่เมืองต้าฮวง คอยช่วยเหลือสำนักมารเก้าขุมนรก”
“แน่นอนว่าหากผู้อาวุโสมีคำสั่ง ผู้น้อยยินดีปฏิบัติตาม” หยางชิวกล่าวอย่างองอาจ แต่ทุกคำพูด ล้วนแสดงถึงความคิดหนึ่ง นั่นคือ การเอาตัวรอด
สงครามใกล้เข้ามาแล้ว
ในโลกสวรรค์ก่อกำเนิด ไม่มีสถานที่ใดปลอดภัยเท่าเมืองต้าฮวงอีกแล้ว
ไม่ว่าจะเป็นผู้ใด ตราบใดที่ก้าวเข้ามาในเมืองต้าฮวง พายุฝนภายนอกก็ไม่มีผลกระทบใด ๆ กับพวกเขา ต่อให้โลกสวรรค์ก่อกำเนิดถูกทำลาย
พวกเขาก็จะปลอดภัย
“หึ หึ” หลี่อวิ๋นหัวเราะเบา ๆ
เขามองทะลุความคิดของหยางชิว แต่ก็ไม่ได้คิดจะเปิดโปง ปล่อยให้อีกฝ่ายทำตามใจ
ในตอนนี้ ภายในปฐมโกลาหล เรือรบมากมายแล่นอยู่ ไร้ขอบเขต ราวกับพระอาทิตย์ดวงใหญ่ เคลื่อนที่ไปข้างหน้า ส่วนที่ไกลออกไป มีสัตว์ร้ายมากมาย ลากรถศึก บดขยี้ห้วงมิติ
มองจากที่ไกล ดูน่ากลัวยิ่งนัก
ขุนเขาเทวาหนึ่งลูก ลอยอยู่บนฟ้า มืดสนิท ไม่รู้ว่าสร้างจากวัสดุเซียนชนิดใด เปล่งประกายเย็นชา ปล่อยกลิ่นอายอันยิ่งใหญ่ ดูน่ากลัว
บนขุนเขาเทวา มีบุคคลหลายคนยืนอยู่ ทุกคนสง่างาม ราวกับภูเขา ปล่อยปราณโลหิตมากมาย ทะลวงผ่านห้วงมิติ
“ข้างหน้าคือโลกสวรรค์ก่อกำเนิด”
ด้านหน้าสุด บุรุษผู้หนึ่ง สวมมงกุฎสีม่วงทอง ผมยาวสลวย เส้นผมเป็นประกาย เขายืนสองมือไพล่หลัง ชุดคลุมยาวพลิ้วไสว
บุรุษผู้นี้ ราวกับกระบี่ที่ชักออกมาจากฝัก ตัดผ่านกาลเวลา
“ช่วงเวลานี้ สายลับของพวกเจ้าที่อยู่ใกล้ ๆ หอคอยกลไกสวรรค์ สืบหาข่าวสารใด ๆ ได้หรือไม่ มีผู้ใดเดินทางไปที่หอคอยกลไกสวรรค์บ้าง” บุรุษผู้นั้นเอ่ยถาม
บทเรียนจากโลกอินทนิลเร้นลับ ทำให้พวกเขาต้องเตรียมการอย่างรัดกุม หากมีเซียนแท้ปรากฏตัวขึ้นอีกครั้ง
พวกเขาคงต้องพบเจอกับหายนะ ร้องไห้ไม่มีน้ำตา
การที่พวกเขากล้าบุกเข้ามาในโลกอินทนิลเร้นลับอย่างโจ่งแจ้ง ทำให้พวกเขาต้องคิดอย่างรอบคอบ ยมโลกที่เคยเป็นขุมอำนาจชั้นยอด ใกล้จะตกต่ำลงไปเป็นขุมอำนาจชั้นสองแล้ว
จักรพรรดินียมโลกยังไม่กลับมา ยมโลกก็ไม่สามารถกอบกู้ชื่อเสียงได้
หากจักรพรรดินียมโลกบาดเจ็บสาหัส ละสังขาร ยมโลกคงสูญเสียทั้งกำลังคนและทรัพยากร ไม่เพียงไม่ได้รับผลประโยชน์ใด ๆ แต่กลับต้องสูญเสียทุกสิ่งทุกอย่าง
แม้แต่สิ่งที่เคยมีก็ยังสูญเสียไป
“เรียนผู้อาวุโส ครึ่งเดือนมานี้ ขุมอำนาจที่เดินทางไปยังหอคอยกลไกสวรรค์ มีเผ่าอีกาทองคำ ตระกูลจักรพรรดิเย่ เผ่ามังกร ตระกูลจักรพรรดิหลิน ดินแดนศักดิ์สิทธิ์ปฐมกาล ดินแดนศักดิ์สิทธิ์ดาวเหนือ และอื่น ๆ รวมเจ็ดสิบสามขุมอำนาจ”
“ขุมอำนาจที่อ่อนแอกว่า พวกข้าไม่ได้บันทึกเอาไว้” เบื้องหลังบุรุษผู้นั้น ชายชราคนหนึ่ง นำแผ่นหยกออกมา อ่านเนื้อหาภายใน รายงานอย่างนอบน้อม
“โอ้?” บุรุษผู้นั้นสีหน้าไม่เปลี่ยนแปลง เอ่ยถามอีกครั้ง “ในบรรดาขุมอำนาจเหล่านี้ มีกี่ขุมอำนาจที่มีมหาจักรพรรดิ มหาจักรพรรดิของพวกเขายังมีชีวิตอยู่หรือไม่”
ชายชราลังเล ส่ายหน้าอย่างยากลำบาก กล่าวว่า “ในบรรดาขุมอำนาจเหล่านี้ มีบางขุมอำนาจที่มีมหาจักรพรรดิ แต่เป็นเรื่องราวที่ผ่านมานานแล้ว พวกข้าคาดว่ามหาจักรพรรดิเหล่านั้นคงละสังขารไปแล้ว”