กำราบภพด้วยระบบกลไกลสวรรค์ ตอนที่ 412 สิ่งที่เจ้าครอบครองในตอนนี้
กำราบภพด้วยระบบกลไกลสวรรค์ ตอนที่ 412 สิ่งที่เจ้าครอบครองในตอนนี้
“มิใช่หรือ”
ฉือหลิน ดวงตาเป็นประกาย
ตราบใดที่ไม่ใช่การให้เขาตายเสีย ไม่ว่าจะเป็นเช่นไรเขาก็ยินยอม
“ผู้อาวุโสโปรดบอก เส้นทางที่สี่นั้นคืออะไร”
“มรรคาสวรรค์!”
หลี่อวิ๋น มุมปากยกยิ้ม เอ่ยสองคำออกมาอย่างช้า ๆ
“มรรคาสวรรค์?”
ฉือหลินตะลึงงัน
เมื่อมาถึงระดับตบะของเขาแล้ว เขาย่อมรู้ถึงการมีอยู่ของมรรคาสวรรค์ แต่กฎเกณฑ์ของมรรคาสวรรค์นั้นยากที่จะเข้าใจ แม้แต่เขาเองก็ไม่อาจเข้าใจได้อย่างถ่องแท้
“ถูกต้อง”
หลี่อวิ๋นพยักหน้า ลุกขึ้นยืน เดินไปที่ประตูหอคอยกลไกสวรรค์ เงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้า ดวงตาของเขาเป็นประกาย เอ่ยด้วยน้ำเสียงหนักแน่นว่า
“เจ้าเคยได้ยินสี่คำนี้หรือไม่ ผสานร่างมรรคาสวรรค์”
ผสานร่างกับมรรคา นี่คือความคิดที่หลี่อวิ๋นนึกขึ้นได้จากความทรงจำในชาติก่อน
ในอดีตกาล โลกบุพกาลเคยมีหงจวิน บรรพบุรุษที่ผสานร่างกับมรรคาสวรรค์ นับจากนั้นเป็นต้นมาเขาก็อยู่เหนือทุกสิ่งทุกอย่าง แม้ว่าเขาจะละทิ้งความรู้สึกของตนเอง แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าหงจวินผู้นั้นไร้เทียมทานในโลกใบนั้น
ในตอนนี้ โลกสวรรค์ก่อกำเนิดมิใช่โลกบุพกาล ฉือหลินก็มิใช่หงจวิน ทั้งสองแตกต่างกันมาก แต่โลกสวรรค์ก่อกำเนิดกำลังอยู่ในช่วงเวลาสำคัญ เป็นช่วงเวลาที่มรรคาสวรรค์ของโลกอื่นหลอมรวมเข้าด้วยกัน
หากฉือหลินสามารถฉวยโอกาสนี้ หลอมรวมกับมรรคาสวรรค์ของโลกสวรรค์ก่อกำเนิด เขาอาจจะทำสำเร็จเช่นเดียวกับหงจวิน
หากเขาทำสำเร็จ ไม่ต้องพูดถึงสิ่งอื่น อย่างน้อยในโลกสวรรค์ก่อกำเนิด ทุกสิ่งทุกอย่างที่อยู่ใต้มรรคาสวรรค์ล้วนอยู่ในกำมือของเขา ส่วนหอคอยกลไกสวรรค์ ตั้งอยู่ในโลกสวรรค์ก่อกำเนิด ย่อมต้องมีข้อจำกัดน้อยลง
เมื่อถึงตอนนั้น ฉือหลินหลอมรวมกับมรรคาสวรรค์ ส่วนตนเองก็ควบคุมฉือหลิน ไม่ต่างอะไรกับการควบคุมมรรคาสวรรค์ทางอ้อมหรือ
ส่วนเรื่องเคราะห์สวรรค์ก็จะไม่ส่งผลกระทบต่อเขาอีกต่อไป
เบื้องหน้าหอคอยกลไกสวรรค์ เขาจะมีผู้ช่วยที่แข็งแกร่ง ยังสามารถควบคุมมรรคาสวรรค์ได้ทางอ้อม นับว่าเป็นการยิงปืนนัดเดียวได้นกสองตัว ตราบใดที่โลกสวรรค์ก่อกำเนิดยังคงแข็งแกร่งขึ้น ตนเองก็จะมีผู้ช่วยที่มีศักยภาพไร้ขีดจำกัด
“ผสานร่างมรรคาสวรรค์?”
ฉือหลิน เบิกตากว้าง มองหลี่อวิ๋นด้วยความไม่อยากเชื่อ คำนี้เขาเพิ่งเคยได้ยิน ไม่เคยมีใครทำเช่นนี้มาก่อน เช่นนี้จะทำได้จริงหรือ
คาดว่าในโลกหมื่นสวรรค์ คงมีเพียงเจ้าหอคอยกลไกสวรรค์เท่านั้นที่คิดเรื่องบ้า ๆ เช่นนี้ได้
“ผู้อาวุโส มรรคาสวรรค์อยู่ทุกหนทุกแห่ง ไม่อาจสัมผัสได้ ไม่อาจอธิบายได้ เช่นนี้จะผสานร่างกับมรรคาสวรรค์ได้อย่างไร ยิ่งไปกว่านั้นมรรคาสวรรค์คือเจตจำนงของโลกใบหนึ่ง การหลอมรวมอย่างกะทันหัน หากสำเร็จ ข้าน้อยจะยังคงเป็นข้าน้อยหรือไม่”
ฉือหลินกล่าวอย่างกังวลใจ
เขามิใช่คนโง่เขลา แม้ว่าจะไม่เคยพบเจอเรื่องราวเช่นนี้ เพียงแค่คิดก็สามารถคาดเดาถึงอันตรายได้ แม้ว่ามรรคาสวรรค์จะไร้ความคิด แต่ก็ยังคงมีสัญชาตญาณ
เพราะมรรคาสวรรค์ต้องควบคุมทุกสิ่งทุกอย่าง
หลังจากที่เขาหลอมรวมกับมรรคาสวรรค์แล้ว ใครกันแน่จะเป็นผู้ควบคุม มรรคาสวรรค์หรือตัวเขาเอง
หากเขาเป็นผู้ควบคุมสถานการณ์ทั้งหมด ย่อมเป็นเรื่องดี ไม่เพียงแต่ไม่ต้องกังวลเรื่องอายุขัย ยังได้โลกใบหนึ่งมาครอบครอง
ไม่ว่าจะมองมุมใดก็ล้วนเป็นผลประโยชน์
แต่หากมรรคาสวรรค์เป็นผู้ควบคุม เช่นนั้นเขาก็ไม่ต่างอะไรจากหุ่นเชิด
“หลังจากผสานร่างกับมรรคาสวรรค์แล้ว มรรคาสวรรค์ก็คือเจ้า แต่เจ้ามิใช่มรรคาสวรรค์ ข้าพูดเช่นนี้ เจ้าเข้าใจหรือไม่”
หลี่อวิ๋นกล่าวอย่างแผ่วเบา
“ผู้อาวุโสโปรดกล่าว มรรคาสวรรค์ที่กล่าวถึง คือมรรคาสวรรค์ของโลกสวรรค์ก่อกำเนิด หรือมรรคาสวรรค์ของโลกทั้งหมดในตอนนี้”
ฉือหลินถามอีกครั้ง
คำถามนี้เขาต้องถามให้ชัดเจน
หากเป็นมรรคาสวรรค์ของโลกสวรรค์ก่อกำเนิด คุณค่าก็ลดลงอย่างมาก เพราะโลกสวรรค์ก่อกำเนิด แม้จะกว้างใหญ่ แต่เมื่อเทียบกับโลกเซียนปฐพีแล้ว ก็ยังคงด้อยกว่า
แต่หากเป็นมรรคาสวรรค์ของโลกทั้งหมด ก็ไม่เหมือนกัน
หากโลกทั้งหมดในตอนนี้ล้วนอยู่ในกำมือของเขา เช่นนั้นหมายความว่า ตราบใดที่เจ้าหอคอยกลไกสวรรค์ดึงโลกอื่นเข้ามา เขาก็จะสามารถควบคุมโลกเหล่านั้นได้หรือ
พูดอย่างไม่เกรงใจ นับจากนี้เป็นต้นไป นอกจากเจ้าหอคอยกลไกสวรรค์แล้ว เขาก็คือบุคคลที่สูงส่งที่สุดในโลกใบนี้ กล่าวได้ว่าเป็นรองเพียงเจ้าหอ อยู่เหนือคนนับล้านล้าน
“ขึ้นอยู่กับความสามารถของเจ้า”
หลี่อวิ๋นหันกลับมามองฉือหลินแวบหนึ่ง กล่าวพร้อมรอยยิ้มว่า “หากเจ้าสามารถควบคุมโลกทั้งหมด พลังอำนาจของเจ้าก็จะเปลี่ยนแปลงไปอย่างมาก!”
อยู่ในระดับเดียวกับมรรคาสวรรค์ แม้จะไม่มีพลัง เพียงเอ่ยปาก สิ่งต่าง ๆ ก็จะเป็นจริง ตราบใดที่พลังอำนาจไม่เหนือกว่าโลก ทุกคนต้องอยู่ใต้อาณัติของฉือหลิน
“เช่นนั้นหรือ”
ฉือหลินก้มหน้าครุ่นคิด
เขากำลังชั่งใจ เรื่องนี้จะทำได้หรือไม่
ในตอนนี้ ชีวิตของเขาเหลือน้อยเต็มที มากที่สุดก็เพียงสามปี หลังจากสามปี แม้ว่าอดีตจะรุ่งโรจน์เพียงใด สุดท้ายก็ต้องกลายเป็นธุลี สู้เสี่ยงเดิมพันครั้งสุดท้าย
หากเขาทำสำเร็จเล่า
หลอมรวมกับมรรคาสวรรค์ แม้ว่าเจ้าหอคอยกลไกสวรรค์จะไม่กล่าวถึงผลประโยชน์ แต่เขาก็สามารถคาดเดาได้
ยิ่งไปกว่านั้น เจ้าหอคอยกลไกสวรรค์เป็นใครกัน
เขาคือบุคคลที่สามารถทำนายทุกสิ่งทุกอย่างได้ เมื่อเขาชี้แนะเส้นทางนี้ ย่อมต้องมีวิธีทำสำเร็จ เขาเพียงแค่ทำตามที่หลี่อวิ๋นบอกก็เพียงพอแล้ว
เมื่อคิดถึงตรงนี้ ฉือหลินก็ไม่ลังเลอีกต่อไป เขาเงยหน้าขึ้น กล่าวด้วยน้ำเสียงหนักแน่นว่า “ข้าน้อยยินดีที่จะลอง แต่ไม่ทราบว่าข้าน้อยต้องจ่ายอะไรเป็นการตอบแทน”
“จ่ายอะไรเป็นการตอบแทน?”
หลี่อวิ๋น รอยยิ้มบนใบหน้าไม่เปลี่ยนแปลง
แท้จริงแล้ว เขาไม่ต้องการให้ฉือหลินจ่ายอะไร เพราะว่านับจากนี้เป็นต้นไป ชีวิตที่เหลือของฉือหลินล้วนอยู่ในกำมือของเขา ตัวเขาเองก็คือสิ่งตอบแทนที่ยิ่งใหญ่ที่สุด!
แต่หากเขาพูดเช่นนี้ ฉือหลินคงหวาดกลัวจนหนีไป
ดังนั้น เขาไม่เพียงแต่ต้องเอ่ยถึงสิ่งตอบแทน ยังต้องเรียกร้องอย่างมาก มิเช่นนั้นก็จะดูไม่มีความจริงใจ
“เมื่อข้าส่งโลกใบหนึ่งให้เจ้า สิ่งตอบแทนย่อมต้องไม่น้อย แต่เจ้าก็ไม่ใช่ว่าจะไม่มี ขึ้นอยู่กับว่าเจ้าจะยอมหรือไม่”
หลี่อวิ๋น เลิกคิ้ว เอ่ยอย่างช้า ๆ
“ไม่ใช่ว่าจะไม่มีหรือ?”
ฉือหลินมองเจ้าหอคอยกลไกสวรรค์ด้วยสีหน้าเคร่งขรึม ในใจรู้สึกไม่สงบ
หอคอยกลไกสวรรค์มิใช่สถานที่ที่ใจดี ทุกคนที่เข้ามา แม้ว่าจะได้รับผลประโยชน์มากมาย แต่สิ่งตอบแทนที่จ่ายออกไปก็มากเช่นกัน
โดยเฉพาะประโยคสุดท้าย เจ้าจะยอมหรือไม่
เขารู้สึกได้ว่า คำพูดต่อไปของเจ้าหอคอยกลไกสวรรค์ อาจจะเป็นสิ่งตอบแทนที่เขาไม่อาจจ่ายได้
แต่ในตอนนี้ เขายังมีสิ่งใดให้สูญเสียอีก
เมื่อคิดถึงตรงนี้ ฉือหลินด็กัดฟัน กล่าวด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำว่า “ผู้อาวุโสโปรดกล่าว ตราบใดที่เป็นสิ่งที่ข้าน้อยครอบครองในตอนนี้ ข้ายินดีมอบให้ผู้อาวุโสทั้งหมด!”
“ดีมาก!”
หลี่อวิ๋นเอ่ยสองคำออกมา
เขารอคำพูดนี้ของฉือหลิน
ชีวิตของฉือหลินก็เป็นสิ่งที่เขาครอบครองในตอนนี้ แต่หลังจากพูดประโยคนี้ ชีวิตของฉือหลินก็ตกเป็นของหลี่อวิ๋น แต่เขาจะไม่พูดเรื่องนี้
“ฟุ่บ!”
วินาทีถัดมา หลี่อวิ๋นยื่นมือออกไปกวักมือเบา ๆ แสงเทวะหนึ่งสายพุ่งออกมาจากร่างกายของฉือหลิน ส่องประกายเจิดจ้า สว่างไสวไปทั่วหอคอยกลไกสวรรค์
“สิ่งตอบแทนที่เจ้าต้องจ่าย คือทุกสิ่งทุกอย่างที่เจ้าครอบครองในตอนนี้!”