ตอนที่แล้วบทที่ 477: หาเจอก้อนหนึ่งแล้วเหรอ? เฉินต้าเป่ยที่โชคดี!
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 479: นกแก้วก็เผด็จการได้เหมือนกัน! คนแคระมาหาอีกครั้ง!

บทที่ 478: โครงการพัฒนาที่ดี! หากคุณมีความรู้สึกเพิ่มอีกสอง!


ในช่วงหลายวันมานี้ในอินเทอร์เน็ตเต็มไปด้วยเรื่องการโหวตลงคะแนนให้แก่แบบบ้านต้นไม้ของต้นไม้เรือนกระจก  แต่ก็มีอีกเรื่องที่เกิดขึ้นกับบ้านไร่ชิงหลินที่ทำให้เกิดความปั่นป่วน

นั่นคือผู้จัดการฝ่ายรักษาความปลอดภัยเฉินต้าเป่ยได้รับรางวัลเป็นอพาร์ตเมนต์หรูในโหยวเฉิงอี้ปินซึ่งเป็นชุมชนที่ดีที่สุดในอำเภอโหยวเฉิงและรถเบ๊นซ์ E300

ซึ่งรางวัลนี้ทำให้พนักงานทั้งหมดในบ้านไร่ชิงหลินต้องอิจฉาตาร้อน

นั่นคือบ้าน + รถหรูเลยเชียวนะ!

และในไม่ช้าทุกคนก็ได้รู้ว่าเป็นเพราะผู้จัดการเฉินได้ตามเถ้าแก่ขึ้นไปบนภูเขาและพบสิ่งที่มีคุณค่าที่ภูเขาด้านหลังของบ้านไร่ชิงหลิน  ซึ่งมันสามารถนำมาใช้ในการพัฒนาโครงการได้  ดังนั้นเขาจึงได้รับรางวัลจากเถ้าแก่

ตอนนี้เพื่อพัฒนาเขาลูกนั้นเถ้าแก่ได้เชิญทีมสำรวจขึ้นไปสำรวจบนภูเขา

สมาชิกของทีมสำรวจเหล่านั้นมีอาหารสามมื้อกินทุกวันซึ่งสามารถไปกินได้ที่ร้านอาหารบ้านไร่

เรื่องนี้ได้ทำให้บรรยากาศการทำงานของบ้านไร่ชิงหลินพุ่งพล่านมากขึ้น  ในช่วงเวลาสั้น ๆ นี้มีพนักงานหลายคนคอยสังเกตสภาพแวดล้อมของบ้านไร่อย่างละเอียด  โดยพยายามที่จะค้นหาสิ่งที่มีคุณค่าที่สามารถนำมาพัฒนาหรือปรับปรุงอะไรบางอย่างในบ้านไร่ได้

เห็นได้ชัดว่าแต่ละคนต่างก็อยากได้รางวัลแบบเดียวกับเฉินต้าเป่ย

เมื่อมีเฉินต้าเป่ยเป็นแบบอย่างจะทำให้ไม่มีวันขาดแคลนคนที่คิดว่าตัวเองอาจจะโชคดีเช่นกัน

เรื่องนี้ได้กระตุ้นความกระตือรือร้นในการทำงานในบ้านไร่ชิงหลินอย่างแท้จริง

แม้แต่ตัวเฉินต้าเป่ยเองก็เองก็ยังงงเลย

เนื่องจากวันนั้นเขาแค่ไปเดินเที่ยวบนเขากับเถ้าแก่เท่านั้นเองแท้ ๆ ซึ่งนอกจากช่วยเถ้าแก่เก็บผลไม้ป่าแล้วก็ทำอย่างอื่นอีกด้วยงั้นเหรอ...

แต่ก็ดูเหมือนจะไม่มีนะ

แล้วเถ้าแก่พบสิ่งที่มีมูลค่าต่อการพัฒนาบ้านไร่...  ก็...  ไม่รู้ด้วยอะ...  แต่ทำไมต้องให้รางวัลเราด้วยล่ะ...

ไม่ใช่ว่าเถ้าแก่เห็นว่าเราทำงานหนักมาตลอดก็เลยจงใจหาข้ออ้างให้รางวัลเหรอ

จนถึงขนาดคิดไปเองว่าหรือเถ้าแก่จะใช้ทองพันชั่งซื้อกระดูก (หมายถึงใช้เงินจำนวนมากเพื่อล่อให้คนมีความสามารถเข้ามาหา) รึเปล่า  เพียงแต่กระดูกที่อยากได้ก็อาจจะเป็นกระดูกม้าที่ชิ้นใหญ่หน่อย

หลังจากได้เป็นผู้จัดการแผนกรักษาความปลอดภัยแล้วเฉินต้าเป่ยก็ขยันอ่านหนังสือที่เกี่ยวข้องกับการจัดการ

บางครั้งการจัดการก็หมายถึงการหาใครซักคนมาเป็นตัวอย่าง  หรือลงโทษใครซักคนเพื่อเตือนคนอื่น  หรือไม่ก็ให้รางวัลเพื่อจูงใจคนอื่น ๆ...

ก็ไม่เห็นเหรอว่าตอนนี้คนอื่น ๆ ในบ้านไร่กระตือรือร้นกับงานมากขึ้น

แล้วเฉินต้าเป่ยก็เหมือนจะถึงบางอ้ออระไรบางอย่างและรู้สึกว่าตัวเองไม่ได้อ่านหนังสือนี้อย่างเสียเปล่า

เป็นแบบนี้ชัวร์เลย!

และนี่ก็ทำให้เขามุ่งมั่นที่จะรับใช้เถ้าแก่มากกว่าเดิมอีก

ก็ดูซิว่าทำไมเถ้าแก่ถึงให้รางวัลแต่ตนแทนที่จะให้คนอื่น  นั่นก็เพราะเถ้าแก่เห็นคุณค่าไง  เพราะงั้นจะต้องทำงานให้ดีให้สมกับที่เถ้าแก่เห็นค่า

และก็แน่นอนว่านี่เป็นแค่คำอธิบายที่ปล่อยออกไปเพื่อให้คนนอกรู้เท่านั้น

อย่างที่บอกไปแล้วว่าเรื่องหินแคลิฟอร์เนียมมันเป็นความลับ  ดังนั้นย่อมเป็นไปไม่ได้ที่จะเอ่ยถึงมัน

ซึ่งเรื่องที่ปล่อยออกไปนั้นถือว่าช่วยปกปิดให้กับพวกหัวหน้าถังได้เนียนยิ่งขึ้นด้วย

............................................................................................

ห้องทำงานในคฤหาสน์ชิงหลิน

ฉินหลินกำลังดูข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับการพัฒนาภูเขาบนหน้าจอคอมพิวเตอร์

การพัฒนาภูเขาส่วนใหญ่เป็นการพัฒนาทำทางเดินหน้าผาจากไม้  การพัฒนาโครงการปีนเขา  และการพัฒนาทำกระเช้าลอยฟ้าหรือเคเบิลคาร์...

ส่วนเหตุผลที่ดูเรื่องพวกนี้ก็แน่ล่ะว่าเผื่อไว้ว่าหลังจากที่พวกหัวหน้าถังหาหินแคลิฟอร์เนียมก้อนที่เหลือเจอและกลับไปแล้ว  เขาก็จะสามารถทำสัญญาในภูเขาลูกนั้นและพัฒนามันได้จริง ๆ

ถึงโครงการหลังการพัฒนาจะไม่มีโบนัสคุณสมบัติของระบบและอาจไม่จำเป็นต้องได้รับความนิยมก็ได้  แต่ขอแค่ได้รับการสนับสนุนจากนักท่องเที่ยวจำนวนมากจากบ้านไร่ก็ทำให้เป็นไปไม่ได้ที่จะสูญเงินเปล่าแล้ว

จะให้บ้านไร่ชิงหลินเพิ่มโครงการปีนเขา  เส้นทางหน้าผา  เคเบิลคาร์  และโครงการอื่น ๆ แล้วก็ไม่ลืมโครงการประเภทความบันเทิงด้วย

เมื่อนั่งกระเช้าลอยฟ้าก็ให้สามารถชมวิวบ้านไร่  คฤหาสน์  และโครงการล่องแก่งทั้งหมดผ่านวิวระยะไกลได้  ซึ่งมันต้องเป็นโครงการท่องเที่ยวที่ดีมากแน่ ๆ

ที่ดีเยี่ยมอีกอย่างคือยอดเขาสูงพอ  ดังนั้นสามารถทำโครงการชมพระอาทิตย์ขึ้นที่ยอดเขาได้  แถมยอดเขายังเหมาะแก่การปลูกต้นไม้เรือนกระจกด้วย

ไอเดียแต่ละอย่างที่ผุดขึ้นมานี่ไม่รู้ทำไมเหมือนกันแต่รู้สึกว่ามันมีแต่ดี ๆ ทั้งนั้นเลย

ถ้าพักอาศัยอยู่ในต้นไม้เรือนกระจกล่ะก็จะมีโบนัสกลิ่นหอมดอกไม้ไล่แมลง +2 ซึ่งหมดปัญหาเรื่องยุงและแมลงรบกวนในเวลากลางคืน  นอกจากนี้ยังมีโบนัสคุณสมบัติสดชื่นเมื่ออยู่ข้างใน +2 ซึ่งมันช่างเหมาะสมแก่การรอชมพระอาทิตย์ยามเช้าอย่างยิ่ง  ช่วยให้ร่างกายพร้อมต้อนรับแสงแรกของวันในสภาพที่ดีที่สุด

บ๊ะ!  ยิ่งคิดก็ยิ่งอยากทำ!

ขณะที่ฉินหลินกำลังดูข้อมูลอยู่นั้นจู่ ๆ เจ้านกแก้วเสี่ยวอู่ก็บินโฉบเข้ามาบังหน้าจอคอมแล้วตีปีกโวยวายใส่ “เจ้านายอ้ะ!  เค้าเคยได้ยินมาว่าคนทำธุรกิจต้องมีความซื่อสัตย์สุจริต  แล้วทำไมเจ้านายไม่ซื่อสัตย์เลยอะ!  นิสัยเสียแล้วนะเราเนี่ย!”

“...” ฉินหลินจ้องมองเจ้านกแก้วปากหมา

ตะกี๊มึงว่าไงนะ?

“ความซื่อสัตย์เป็นรากฐานของคนดี!” เสี่ยวอู่พูดอย่างดื้อรั้น  ตอนนี้มันดูเหมือนกับคนโง่ ๆ ที่ยอมเสี่ยงทุกอย่างเพื่อความรัก

ฉินหลินไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากเปิดแอปตอตอในคอมพิวเตอร์  จากนั้นก็เข้าไปในเพจพิเศษที่ไว้ส่งผลงานที่หลังบ้านของช่องบ้านไร่ออฟฟิเชียล

หลายวันมานี้ได้มีดีไซเนอร์หลายคนส่งผลงานเข้ามาแล้ว  และทางแฟนคลับของบ้านไร่ก็ร่วมโหวตด้วยเช่นกัน

โดยในการโหวตนี้แฟนคลับหนึ่งคนโหวตได้หนึ่งครั้ง  ซึ่งจะมีการผูกข้อมูลไว้กับบัตรประจำตัวเลยเพื่อหลีกเลี่ยงวิธีการโหวตที่สกปรก

ดังนั้นแบบบ้านต้นไม้ที่ติดท็อปอยู่ในตอนนี้จึงเป็นแบบที่บรรดาแฟนคลับส่วนมากคิดว่าดีจริง

เนื่องจากแฟนคลับที่โหวตยังมีโอกาสถูกจับสลากขึ้นมาเพื่อรับเมล็ดพันธุ์ต้นไม้เรือนกระจกด้วย  ดังนั้นทุกคนจึงต้องระมัดระวังในการโหวตอย่างมาก

ฉินหลินจัดการปรินต์ผลงานที่ติดท็อปออกมาทีเดียวเป็นร้อยแบบ

“นี่~  เจ้านาย~  ความซื่อสัตย์คือรากฐานของคนดีนะ!” เจ้านกแก้วเสี่ยวอู่กระโดนขึ้นไปยืนบนจอคอมพิวเตอร์แล้วตะโกนกรอกหูอีกรอบ

แต่ฉินหลินก็เพิกเฉยต่อไอ้ตัวน่ารำคาญนี่

กูก็ปรินต์อยู่นี่ไง  ของที่จะเอาไปแลกไอ้นกแก้วสีทองให้มึงน่ะ

เมื่อปรินต์เสร็จแล้วเขาก็รวบแบบทั้งหมดเคาะให้เป็นระเบียบ  จากนั้นก็เปิดจอเกมขึ้นมาแล้วเอาตัวละครไปไว้ที่เส้นทางบนภูเขานอเทรอดาม

โดยที่ตรงนี้เป็นจุดที่เหมาะที่สุดที่จะไปยังหุบเขาคนแคระ

จากนั้นเขาก็ล็อกประตูห้องทำงานเข้าสู่โลกในเกม

บนคอมพิวเตอร์  เจ้านกแก้วเสี่ยวอู่นั้นกระโดดโลดเต้นอย่างมีความสุขเมื่อเห็นว่าจู่ ๆ ฉินหลินก็หายตัวไปอย่างกะทันหัน

เห็นได้ชัดว่ามันรู้แล้วว่าเจ้าของมันหายไปไหน

ด้านฉินหลินหลังจากที่เข้าสู่เกมแล้วเขาก็เดินเข้าป่าตามทางที่จำได้มุ่งหน้าตรงไปยังหุบเขาคนแคระ

หุบเขาคนแคระอยู่ทางด้านเหนือของเส้นทางบนเขา  เดินไปได้ซักพักก็เริ่มมองเห็นหุบเขาคนแคระที่คุ้นเคย

ครั้งนี้เมื่อเข้าไปแล้วเขาก็เห็นคนแคระมากมาย

คนแคระเหล่านี้ต่างมองเขาที่เป็นมนุษย์ด้วยความประหลาดใจ

“มนุษย์คนนั้นหนิ”

“เหมือนว่าจะเป็นคนเดียวที่สามารถเข้ามาในหุบเขาคนแคระของเราได้นะ”

“ก็ถ้ามนุษย์คนอื่นเข้ามาไม่ได้งั้นก็ต้องเป็นคนนี้คนเดียวแล้วล่ะ!”

“...”

ฉินหลินรู้สึกอึดอัดเล็กน้อยที่ถูกคนแคระเหล่านี้จ้องมอง  ดังนั้นเขาจึงได้แต่ยิ้มให้และรีบเดินตรงไปที่บ้านของอาร์นี่

เมื่อไปถึงด้านนอกบ้านต้นไม้ของอาร์นี่แล้วก็เห็นอาร์นี่เดินออกมาจากในบ้านพอดีเลย

เมื่ออาร์นี่เห็นฉินหลินปุ๊บก็กลับเข้าบ้านปั๊บด้วยความตกใจก่อนจะปิดประตูปึงปัง

นี่ทำเอาฉินหลินเงิบไปเลย  จากนั้นเขาก็เดินไปที่ประตูบ้าน

เชี่ยไรมึงหนิ

หลบหน้าเหรอ

ฉินหลินกำลังจะเคาะประตูก็ได้ยินเสียงของอาร์นี่ดังขึ้นมาก่อน “ของให้ไปแล้วไม่รับคืน  ฉันยอมรับความพ่ายแพ้อยู่แล้ว  แพ้ก็คือแพ้เพราะงั้นไม่มีข้อยกเว้น”

“...”

เมื่อฉินหลินได้ยินสิ่งนี้เขาก็ได้แต่พูดในใจว่า ‘ไอ้นี่หลบหน้าเพราะกลัวกูคืนของงั้นเหรอ’

ฉินหลินพูดอย่างช่วยไม่ได้ “ไม่ได้มาคืนของซักหน่อย  แต่มาเยี่ยมนายตะหาก!”

“อ้าว?  เออ  ค่อยโล่งอกหน่อย!”

อาร์นี่เปิดประตูแล้วมองดูฉินหลินอย่างสงสัย “แล้วมาไมอีกล่ะ”

ฉินหลินรู้สึกคันไม้คันมือกับไอ้หมอนี่มากจนไม่อยากคุยกับมันอีกและตรงเข้าประเด็นเลย “ได้ยินว่านายมีพี่น้องด้วยหนิ!”

“ก็มี  แล้วมีไรล่ะ” อาร์นี่ถาม

ฉินหลินยิ้ม “พาไปเยี่ยมหน่อยสิ  พอดีชอบมีเพื่อนเยอะ ๆ น่ะ”

แต่อาร์นี่กลับมองเขาอย่างระแวดระวัง “พี่น้องคนนั้นของฉันพึ่งปลูกต้นไม้เรือนกระจก  ตอนนี้กะลังยุ่งอยู่กับการตกแต่งคงไม่ว่างหรอก!”

ฉินหลินได้ยินก็ตาลุกวาวเลยทีเดียว “งั้นก็เยี่ยมเลย  พาไปเจอหน่อยสิ  พอดีฉันมีแบบบ้านที่ใช้กะต้นไม้เรือนกระจกได้อยู่  บางทีทางนั้นอาจจะต้องการก็ได้นะ”

“จริงดิ!” จากนั้นอาร์นี่ก็นำฉินหลินไปยังบริเวณหนึ่งของหุบเขาคนแคระ

ในไม่ช้าฉินหลินก็เห็นคนแคระอีกคนกำลังยุ่ง ๆ อยู่หน้าต้นไม้เรือนกระจกที่พึ่งปลูกใหม่  เห็นว่ากำลังพยายามแขวนผ้าม่านตกแต่งอยู่

แต่ตะขอเกี่ยวม่านนั้นสูงกว่าเจ้าตัวมากทำให้แขวนยาก

อาร์นี่รีบวิ่งเข้าไปทักทายทันที “ไงพี่น้อง  มาเยี่ยมละนะอาเป่า”

คนแคระอาเป่าหันกลับมาเจออาร์นี่ก็พูดด้วยน้ำเสียงแปลกใจ “อ้าวอาร์นี่  มาพอดีเลย  มาช่วยแต่งบ้านหน่อยสิ”

จากนั้นพอหันมาเห็นฉินหลินก็ต้องยิ่งประหลาดใจขึ้นอีก “นี่ใช่มนุษย์คนนั้นปะ?”

อาร์นี่พยักหน้า “อืม  มนุษย์คนนั้นแหละ  คนที่รับพวกแดงน้อยกะเขียวน้อยไปทำงานน่ะ  เห็นบอกว่ามีแบบบ้านต้นไม้เผื่อนายต้องการด้วย”

อาเป่าก็เข้ามาหาและจ้องมองฉินหลินอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะพูดอย่างลังเล “เอ่อ...  พูดจริงเหรอมนุษย์”

เมื่อฉินหลินเห็นอาร์นี่พูดถึงเรื่องนี้เขาก็ตามน้ำทันที “อืม  มี  มีเยอะด้วย”

พูดไปพลางหยิบเอาแบบบ้านต้นไม้ที่ปรินต์ไว้ออกมาจำนวนหนึ่ง

การตกแต่งบ้านของคนแคระเหล่านี้นั้นน้อยมาก ๆ ซึ่งไม่มีทางสู้แบบบ้านที่เหล่านักออกแบบจากโลกจริงส่งเข้าประกวดเลยแม้แต่น้อย

ดังนั้นทันทีที่อาเป่าเห็นแบบบ้านในมือเขาปุ๊บก็จ้องอย่างไม่วางตาปั๊บเลย

“สวยมาก!” อาเป่าเซอร์ไพรส์แล้ว

แม้แต่อาร์นี่เองพอเห็นก็จ้องมองอย่างไม่วางตาด้วยเหมือนกัน

แต่ก่อนที่คนแคระทั้งสองจะทันได้ทำอะไรฉินหลินก็ดึงแผ่นแรกที่อยู่บนสุดออกเผยให้เห็นแบบบ้านต้นไม้แผ่นที่สอง

ซึ่งแน่นอนว่ามันทำให้คนแคระทั้งสองต้องใจเต้นแรงอีกเหมือนกัน

แล้วก็ตามมาด้วยแผ่นที่สาม  สี่  ห้า...

ในสายตาของคนแคระทั้งสองแล้วทุก ๆ แบบล้วนแต่สวยงามทั้งหมดเลย  หรือก็คือสนใจหมดทุกแบบนั่นเอง

อาเป่าถึงขนาดหันไปมองผ่านกรอบหน้าต่างบ้านต้นไม้ของตัวเองเข้าไปข้างในเลยด้วยซ้ำ  เพราะข้างในนั้นมีแบบบ้านที่ตัวเองเป็นคนออกแบบอยู่  เพียงแต่ว่าแบบบ้านนั้นมันหยาบเกินไปจนต้องรีบดึงม่านมาปิดบังไว้อย่างเร็ว

ส่วนอาร์นี่นั้นจ้องดูแบบบ้านอันงดงามของฉินหลินทีละแบบ ๆ และพูดด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น “ขอแบบบ้านพวกนี้ให้เราได้ป่าว”

อาเป่าเองก็หันมามองด้วยสายตาคาดหวังเช่นกัน

คงจะดีไม่น้อยถ้าสามารถตกแต่งต้นไม้เรือนกระจกที่พึ่งปลูกใหม่ตามแบบบ้านพวกนี้

แล้วจังหวะนี้เองฉินหลินก็เก็บแบบบ้านทั้งหมดลงไปต่อหน้าคนแคระทั้งสองและพูดด้วยน้ำเสียงจริงจังว่า “จริง ๆ แล้วฉันเปิดบริษัทออกแบบอยู่ล่ะนะ  แบบบ้านพวกนี้ก็มาจากความพยายามของดีไซเนอร์ในบริษัท”

“เพราะงั้นผลงานพวกนี้ฉันแจกให้ใครไปฟรี ๆ ไม่ได้หรอก  ต้องขายเพื่อเอาเงินไปเป็นค่าจ้างดีไซเนอร์พวกนั้นด้วย  แต่ก็นะ  พวกนายมีของอะไรมาแลกเปลี่ยนมั้ยล่ะ  จะนกแก้วหรือสัตว์เลี้ยงอะไรก็ได้  ถ้ายอมแลกฉันก็จะออกเงินซื้อแบบบ้านนี้ให้แล้วให้แบบบ้านนี่กะนาย”

“นกแก้วเหรอ...” จู่ ๆ หน้าของอาร์นี่ก็ซีดลง

เพราะก่อนหน้านี้เคยจับนกแก้วได้  แต่มันตะกละเกินไปก็เลยรีบ ๆ โยนเจ้านกแก้วล้างผลาญตัวนั้นให้มนุษย์ตรงหน้านี่ไปแล้ว

จู่ ๆ ก็รู้สึกเสียใจขึ้นมาทันใด

ถ้าไม่รีบร้อนโยนเจ้านกแก้วนั่นให้อีกฝ่ายไปซะก่อนล่ะก็  ตอนนี้ก็คงเอามันมาแลกกับแบบบ้านได้แล้ว

ยิ่งคิดอาร์นี่ก็ยิ่งอยากกระทืบตีนตัวเองนัก

จากนั้นอาร์นี่ก็หันมองอาเป่าแล้วพูดอย่างร้อนรนว่า “นี่พี่น้อง  ไม่ใช่นายก็มีนกแก้วเหรอ  เอามาให้ดูสิ  ถ้าเกิดพอใจก็จะได้ใช้มั้นแลกกะแบบบ้านได้เลยไง”

ขณะที่พูด ๆ อยู่อาร์นี่ก็ไม่ลืมที่จะพูดกับฉินหลิน “พี่น้องฉันคนนี้มีนกแก้วสีทองอยู่ตัวนึง  ถึงมันจะไม่ค่อยฉลาดก็เถอะแต่ก็สวยมากนะ  ขอแลกกับซัก...  อืม...  แบบบ้านสองแบบ”

แต่อาเป่าที่ได้ยินกลับร้อนรนกว่า “ไม่ได้  ฉันเลี้ยงเสี่ยวเป่ามานานแล้วและผูกพันธ์กะมันมากเพราะงั้นต้องเพิ่มอีกสองแบบ!”

5 2 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด