บทที่ 478: โครงการพัฒนาที่ดี! หากคุณมีความรู้สึกเพิ่มอีกสอง!
ในช่วงหลายวันมานี้ในอินเทอร์เน็ตเต็มไปด้วยเรื่องการโหวตลงคะแนนให้แก่แบบบ้านต้นไม้ของต้นไม้เรือนกระจก แต่ก็มีอีกเรื่องที่เกิดขึ้นกับบ้านไร่ชิงหลินที่ทำให้เกิดความปั่นป่วน
นั่นคือผู้จัดการฝ่ายรักษาความปลอดภัยเฉินต้าเป่ยได้รับรางวัลเป็นอพาร์ตเมนต์หรูในโหยวเฉิงอี้ปินซึ่งเป็นชุมชนที่ดีที่สุดในอำเภอโหยวเฉิงและรถเบ๊นซ์ E300
ซึ่งรางวัลนี้ทำให้พนักงานทั้งหมดในบ้านไร่ชิงหลินต้องอิจฉาตาร้อน
นั่นคือบ้าน + รถหรูเลยเชียวนะ!
และในไม่ช้าทุกคนก็ได้รู้ว่าเป็นเพราะผู้จัดการเฉินได้ตามเถ้าแก่ขึ้นไปบนภูเขาและพบสิ่งที่มีคุณค่าที่ภูเขาด้านหลังของบ้านไร่ชิงหลิน ซึ่งมันสามารถนำมาใช้ในการพัฒนาโครงการได้ ดังนั้นเขาจึงได้รับรางวัลจากเถ้าแก่
ตอนนี้เพื่อพัฒนาเขาลูกนั้นเถ้าแก่ได้เชิญทีมสำรวจขึ้นไปสำรวจบนภูเขา
สมาชิกของทีมสำรวจเหล่านั้นมีอาหารสามมื้อกินทุกวันซึ่งสามารถไปกินได้ที่ร้านอาหารบ้านไร่
เรื่องนี้ได้ทำให้บรรยากาศการทำงานของบ้านไร่ชิงหลินพุ่งพล่านมากขึ้น ในช่วงเวลาสั้น ๆ นี้มีพนักงานหลายคนคอยสังเกตสภาพแวดล้อมของบ้านไร่อย่างละเอียด โดยพยายามที่จะค้นหาสิ่งที่มีคุณค่าที่สามารถนำมาพัฒนาหรือปรับปรุงอะไรบางอย่างในบ้านไร่ได้
เห็นได้ชัดว่าแต่ละคนต่างก็อยากได้รางวัลแบบเดียวกับเฉินต้าเป่ย
เมื่อมีเฉินต้าเป่ยเป็นแบบอย่างจะทำให้ไม่มีวันขาดแคลนคนที่คิดว่าตัวเองอาจจะโชคดีเช่นกัน
เรื่องนี้ได้กระตุ้นความกระตือรือร้นในการทำงานในบ้านไร่ชิงหลินอย่างแท้จริง
แม้แต่ตัวเฉินต้าเป่ยเองก็เองก็ยังงงเลย
เนื่องจากวันนั้นเขาแค่ไปเดินเที่ยวบนเขากับเถ้าแก่เท่านั้นเองแท้ ๆ ซึ่งนอกจากช่วยเถ้าแก่เก็บผลไม้ป่าแล้วก็ทำอย่างอื่นอีกด้วยงั้นเหรอ...
แต่ก็ดูเหมือนจะไม่มีนะ
แล้วเถ้าแก่พบสิ่งที่มีมูลค่าต่อการพัฒนาบ้านไร่... ก็... ไม่รู้ด้วยอะ... แต่ทำไมต้องให้รางวัลเราด้วยล่ะ...
ไม่ใช่ว่าเถ้าแก่เห็นว่าเราทำงานหนักมาตลอดก็เลยจงใจหาข้ออ้างให้รางวัลเหรอ
จนถึงขนาดคิดไปเองว่าหรือเถ้าแก่จะใช้ทองพันชั่งซื้อกระดูก (หมายถึงใช้เงินจำนวนมากเพื่อล่อให้คนมีความสามารถเข้ามาหา) รึเปล่า เพียงแต่กระดูกที่อยากได้ก็อาจจะเป็นกระดูกม้าที่ชิ้นใหญ่หน่อย
หลังจากได้เป็นผู้จัดการแผนกรักษาความปลอดภัยแล้วเฉินต้าเป่ยก็ขยันอ่านหนังสือที่เกี่ยวข้องกับการจัดการ
บางครั้งการจัดการก็หมายถึงการหาใครซักคนมาเป็นตัวอย่าง หรือลงโทษใครซักคนเพื่อเตือนคนอื่น หรือไม่ก็ให้รางวัลเพื่อจูงใจคนอื่น ๆ...
ก็ไม่เห็นเหรอว่าตอนนี้คนอื่น ๆ ในบ้านไร่กระตือรือร้นกับงานมากขึ้น
แล้วเฉินต้าเป่ยก็เหมือนจะถึงบางอ้ออระไรบางอย่างและรู้สึกว่าตัวเองไม่ได้อ่านหนังสือนี้อย่างเสียเปล่า
เป็นแบบนี้ชัวร์เลย!
และนี่ก็ทำให้เขามุ่งมั่นที่จะรับใช้เถ้าแก่มากกว่าเดิมอีก
ก็ดูซิว่าทำไมเถ้าแก่ถึงให้รางวัลแต่ตนแทนที่จะให้คนอื่น นั่นก็เพราะเถ้าแก่เห็นคุณค่าไง เพราะงั้นจะต้องทำงานให้ดีให้สมกับที่เถ้าแก่เห็นค่า
และก็แน่นอนว่านี่เป็นแค่คำอธิบายที่ปล่อยออกไปเพื่อให้คนนอกรู้เท่านั้น
อย่างที่บอกไปแล้วว่าเรื่องหินแคลิฟอร์เนียมมันเป็นความลับ ดังนั้นย่อมเป็นไปไม่ได้ที่จะเอ่ยถึงมัน
ซึ่งเรื่องที่ปล่อยออกไปนั้นถือว่าช่วยปกปิดให้กับพวกหัวหน้าถังได้เนียนยิ่งขึ้นด้วย
............................................................................................
ห้องทำงานในคฤหาสน์ชิงหลิน
ฉินหลินกำลังดูข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับการพัฒนาภูเขาบนหน้าจอคอมพิวเตอร์
การพัฒนาภูเขาส่วนใหญ่เป็นการพัฒนาทำทางเดินหน้าผาจากไม้ การพัฒนาโครงการปีนเขา และการพัฒนาทำกระเช้าลอยฟ้าหรือเคเบิลคาร์...
ส่วนเหตุผลที่ดูเรื่องพวกนี้ก็แน่ล่ะว่าเผื่อไว้ว่าหลังจากที่พวกหัวหน้าถังหาหินแคลิฟอร์เนียมก้อนที่เหลือเจอและกลับไปแล้ว เขาก็จะสามารถทำสัญญาในภูเขาลูกนั้นและพัฒนามันได้จริง ๆ
ถึงโครงการหลังการพัฒนาจะไม่มีโบนัสคุณสมบัติของระบบและอาจไม่จำเป็นต้องได้รับความนิยมก็ได้ แต่ขอแค่ได้รับการสนับสนุนจากนักท่องเที่ยวจำนวนมากจากบ้านไร่ก็ทำให้เป็นไปไม่ได้ที่จะสูญเงินเปล่าแล้ว
จะให้บ้านไร่ชิงหลินเพิ่มโครงการปีนเขา เส้นทางหน้าผา เคเบิลคาร์ และโครงการอื่น ๆ แล้วก็ไม่ลืมโครงการประเภทความบันเทิงด้วย
เมื่อนั่งกระเช้าลอยฟ้าก็ให้สามารถชมวิวบ้านไร่ คฤหาสน์ และโครงการล่องแก่งทั้งหมดผ่านวิวระยะไกลได้ ซึ่งมันต้องเป็นโครงการท่องเที่ยวที่ดีมากแน่ ๆ
ที่ดีเยี่ยมอีกอย่างคือยอดเขาสูงพอ ดังนั้นสามารถทำโครงการชมพระอาทิตย์ขึ้นที่ยอดเขาได้ แถมยอดเขายังเหมาะแก่การปลูกต้นไม้เรือนกระจกด้วย
ไอเดียแต่ละอย่างที่ผุดขึ้นมานี่ไม่รู้ทำไมเหมือนกันแต่รู้สึกว่ามันมีแต่ดี ๆ ทั้งนั้นเลย
ถ้าพักอาศัยอยู่ในต้นไม้เรือนกระจกล่ะก็จะมีโบนัสกลิ่นหอมดอกไม้ไล่แมลง +2 ซึ่งหมดปัญหาเรื่องยุงและแมลงรบกวนในเวลากลางคืน นอกจากนี้ยังมีโบนัสคุณสมบัติสดชื่นเมื่ออยู่ข้างใน +2 ซึ่งมันช่างเหมาะสมแก่การรอชมพระอาทิตย์ยามเช้าอย่างยิ่ง ช่วยให้ร่างกายพร้อมต้อนรับแสงแรกของวันในสภาพที่ดีที่สุด
บ๊ะ! ยิ่งคิดก็ยิ่งอยากทำ!
ขณะที่ฉินหลินกำลังดูข้อมูลอยู่นั้นจู่ ๆ เจ้านกแก้วเสี่ยวอู่ก็บินโฉบเข้ามาบังหน้าจอคอมแล้วตีปีกโวยวายใส่ “เจ้านายอ้ะ! เค้าเคยได้ยินมาว่าคนทำธุรกิจต้องมีความซื่อสัตย์สุจริต แล้วทำไมเจ้านายไม่ซื่อสัตย์เลยอะ! นิสัยเสียแล้วนะเราเนี่ย!”
“...” ฉินหลินจ้องมองเจ้านกแก้วปากหมา
ตะกี๊มึงว่าไงนะ?
“ความซื่อสัตย์เป็นรากฐานของคนดี!” เสี่ยวอู่พูดอย่างดื้อรั้น ตอนนี้มันดูเหมือนกับคนโง่ ๆ ที่ยอมเสี่ยงทุกอย่างเพื่อความรัก
ฉินหลินไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากเปิดแอปตอตอในคอมพิวเตอร์ จากนั้นก็เข้าไปในเพจพิเศษที่ไว้ส่งผลงานที่หลังบ้านของช่องบ้านไร่ออฟฟิเชียล
หลายวันมานี้ได้มีดีไซเนอร์หลายคนส่งผลงานเข้ามาแล้ว และทางแฟนคลับของบ้านไร่ก็ร่วมโหวตด้วยเช่นกัน
โดยในการโหวตนี้แฟนคลับหนึ่งคนโหวตได้หนึ่งครั้ง ซึ่งจะมีการผูกข้อมูลไว้กับบัตรประจำตัวเลยเพื่อหลีกเลี่ยงวิธีการโหวตที่สกปรก
ดังนั้นแบบบ้านต้นไม้ที่ติดท็อปอยู่ในตอนนี้จึงเป็นแบบที่บรรดาแฟนคลับส่วนมากคิดว่าดีจริง
เนื่องจากแฟนคลับที่โหวตยังมีโอกาสถูกจับสลากขึ้นมาเพื่อรับเมล็ดพันธุ์ต้นไม้เรือนกระจกด้วย ดังนั้นทุกคนจึงต้องระมัดระวังในการโหวตอย่างมาก
ฉินหลินจัดการปรินต์ผลงานที่ติดท็อปออกมาทีเดียวเป็นร้อยแบบ
“นี่~ เจ้านาย~ ความซื่อสัตย์คือรากฐานของคนดีนะ!” เจ้านกแก้วเสี่ยวอู่กระโดนขึ้นไปยืนบนจอคอมพิวเตอร์แล้วตะโกนกรอกหูอีกรอบ
แต่ฉินหลินก็เพิกเฉยต่อไอ้ตัวน่ารำคาญนี่
กูก็ปรินต์อยู่นี่ไง ของที่จะเอาไปแลกไอ้นกแก้วสีทองให้มึงน่ะ
เมื่อปรินต์เสร็จแล้วเขาก็รวบแบบทั้งหมดเคาะให้เป็นระเบียบ จากนั้นก็เปิดจอเกมขึ้นมาแล้วเอาตัวละครไปไว้ที่เส้นทางบนภูเขานอเทรอดาม
โดยที่ตรงนี้เป็นจุดที่เหมาะที่สุดที่จะไปยังหุบเขาคนแคระ
จากนั้นเขาก็ล็อกประตูห้องทำงานเข้าสู่โลกในเกม
บนคอมพิวเตอร์ เจ้านกแก้วเสี่ยวอู่นั้นกระโดดโลดเต้นอย่างมีความสุขเมื่อเห็นว่าจู่ ๆ ฉินหลินก็หายตัวไปอย่างกะทันหัน
เห็นได้ชัดว่ามันรู้แล้วว่าเจ้าของมันหายไปไหน
ด้านฉินหลินหลังจากที่เข้าสู่เกมแล้วเขาก็เดินเข้าป่าตามทางที่จำได้มุ่งหน้าตรงไปยังหุบเขาคนแคระ
หุบเขาคนแคระอยู่ทางด้านเหนือของเส้นทางบนเขา เดินไปได้ซักพักก็เริ่มมองเห็นหุบเขาคนแคระที่คุ้นเคย
ครั้งนี้เมื่อเข้าไปแล้วเขาก็เห็นคนแคระมากมาย
คนแคระเหล่านี้ต่างมองเขาที่เป็นมนุษย์ด้วยความประหลาดใจ
“มนุษย์คนนั้นหนิ”
“เหมือนว่าจะเป็นคนเดียวที่สามารถเข้ามาในหุบเขาคนแคระของเราได้นะ”
“ก็ถ้ามนุษย์คนอื่นเข้ามาไม่ได้งั้นก็ต้องเป็นคนนี้คนเดียวแล้วล่ะ!”
“...”
ฉินหลินรู้สึกอึดอัดเล็กน้อยที่ถูกคนแคระเหล่านี้จ้องมอง ดังนั้นเขาจึงได้แต่ยิ้มให้และรีบเดินตรงไปที่บ้านของอาร์นี่
เมื่อไปถึงด้านนอกบ้านต้นไม้ของอาร์นี่แล้วก็เห็นอาร์นี่เดินออกมาจากในบ้านพอดีเลย
เมื่ออาร์นี่เห็นฉินหลินปุ๊บก็กลับเข้าบ้านปั๊บด้วยความตกใจก่อนจะปิดประตูปึงปัง
นี่ทำเอาฉินหลินเงิบไปเลย จากนั้นเขาก็เดินไปที่ประตูบ้าน
เชี่ยไรมึงหนิ
หลบหน้าเหรอ
ฉินหลินกำลังจะเคาะประตูก็ได้ยินเสียงของอาร์นี่ดังขึ้นมาก่อน “ของให้ไปแล้วไม่รับคืน ฉันยอมรับความพ่ายแพ้อยู่แล้ว แพ้ก็คือแพ้เพราะงั้นไม่มีข้อยกเว้น”
“...”
เมื่อฉินหลินได้ยินสิ่งนี้เขาก็ได้แต่พูดในใจว่า ‘ไอ้นี่หลบหน้าเพราะกลัวกูคืนของงั้นเหรอ’
ฉินหลินพูดอย่างช่วยไม่ได้ “ไม่ได้มาคืนของซักหน่อย แต่มาเยี่ยมนายตะหาก!”
“อ้าว? เออ ค่อยโล่งอกหน่อย!”
อาร์นี่เปิดประตูแล้วมองดูฉินหลินอย่างสงสัย “แล้วมาไมอีกล่ะ”
ฉินหลินรู้สึกคันไม้คันมือกับไอ้หมอนี่มากจนไม่อยากคุยกับมันอีกและตรงเข้าประเด็นเลย “ได้ยินว่านายมีพี่น้องด้วยหนิ!”
“ก็มี แล้วมีไรล่ะ” อาร์นี่ถาม
ฉินหลินยิ้ม “พาไปเยี่ยมหน่อยสิ พอดีชอบมีเพื่อนเยอะ ๆ น่ะ”
แต่อาร์นี่กลับมองเขาอย่างระแวดระวัง “พี่น้องคนนั้นของฉันพึ่งปลูกต้นไม้เรือนกระจก ตอนนี้กะลังยุ่งอยู่กับการตกแต่งคงไม่ว่างหรอก!”
ฉินหลินได้ยินก็ตาลุกวาวเลยทีเดียว “งั้นก็เยี่ยมเลย พาไปเจอหน่อยสิ พอดีฉันมีแบบบ้านที่ใช้กะต้นไม้เรือนกระจกได้อยู่ บางทีทางนั้นอาจจะต้องการก็ได้นะ”
“จริงดิ!” จากนั้นอาร์นี่ก็นำฉินหลินไปยังบริเวณหนึ่งของหุบเขาคนแคระ
ในไม่ช้าฉินหลินก็เห็นคนแคระอีกคนกำลังยุ่ง ๆ อยู่หน้าต้นไม้เรือนกระจกที่พึ่งปลูกใหม่ เห็นว่ากำลังพยายามแขวนผ้าม่านตกแต่งอยู่
แต่ตะขอเกี่ยวม่านนั้นสูงกว่าเจ้าตัวมากทำให้แขวนยาก
อาร์นี่รีบวิ่งเข้าไปทักทายทันที “ไงพี่น้อง มาเยี่ยมละนะอาเป่า”
คนแคระอาเป่าหันกลับมาเจออาร์นี่ก็พูดด้วยน้ำเสียงแปลกใจ “อ้าวอาร์นี่ มาพอดีเลย มาช่วยแต่งบ้านหน่อยสิ”
จากนั้นพอหันมาเห็นฉินหลินก็ต้องยิ่งประหลาดใจขึ้นอีก “นี่ใช่มนุษย์คนนั้นปะ?”
อาร์นี่พยักหน้า “อืม มนุษย์คนนั้นแหละ คนที่รับพวกแดงน้อยกะเขียวน้อยไปทำงานน่ะ เห็นบอกว่ามีแบบบ้านต้นไม้เผื่อนายต้องการด้วย”
อาเป่าก็เข้ามาหาและจ้องมองฉินหลินอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะพูดอย่างลังเล “เอ่อ... พูดจริงเหรอมนุษย์”
เมื่อฉินหลินเห็นอาร์นี่พูดถึงเรื่องนี้เขาก็ตามน้ำทันที “อืม มี มีเยอะด้วย”
พูดไปพลางหยิบเอาแบบบ้านต้นไม้ที่ปรินต์ไว้ออกมาจำนวนหนึ่ง
การตกแต่งบ้านของคนแคระเหล่านี้นั้นน้อยมาก ๆ ซึ่งไม่มีทางสู้แบบบ้านที่เหล่านักออกแบบจากโลกจริงส่งเข้าประกวดเลยแม้แต่น้อย
ดังนั้นทันทีที่อาเป่าเห็นแบบบ้านในมือเขาปุ๊บก็จ้องอย่างไม่วางตาปั๊บเลย
“สวยมาก!” อาเป่าเซอร์ไพรส์แล้ว
แม้แต่อาร์นี่เองพอเห็นก็จ้องมองอย่างไม่วางตาด้วยเหมือนกัน
แต่ก่อนที่คนแคระทั้งสองจะทันได้ทำอะไรฉินหลินก็ดึงแผ่นแรกที่อยู่บนสุดออกเผยให้เห็นแบบบ้านต้นไม้แผ่นที่สอง
ซึ่งแน่นอนว่ามันทำให้คนแคระทั้งสองต้องใจเต้นแรงอีกเหมือนกัน
แล้วก็ตามมาด้วยแผ่นที่สาม สี่ ห้า...
ในสายตาของคนแคระทั้งสองแล้วทุก ๆ แบบล้วนแต่สวยงามทั้งหมดเลย หรือก็คือสนใจหมดทุกแบบนั่นเอง
อาเป่าถึงขนาดหันไปมองผ่านกรอบหน้าต่างบ้านต้นไม้ของตัวเองเข้าไปข้างในเลยด้วยซ้ำ เพราะข้างในนั้นมีแบบบ้านที่ตัวเองเป็นคนออกแบบอยู่ เพียงแต่ว่าแบบบ้านนั้นมันหยาบเกินไปจนต้องรีบดึงม่านมาปิดบังไว้อย่างเร็ว
ส่วนอาร์นี่นั้นจ้องดูแบบบ้านอันงดงามของฉินหลินทีละแบบ ๆ และพูดด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น “ขอแบบบ้านพวกนี้ให้เราได้ป่าว”
อาเป่าเองก็หันมามองด้วยสายตาคาดหวังเช่นกัน
คงจะดีไม่น้อยถ้าสามารถตกแต่งต้นไม้เรือนกระจกที่พึ่งปลูกใหม่ตามแบบบ้านพวกนี้
แล้วจังหวะนี้เองฉินหลินก็เก็บแบบบ้านทั้งหมดลงไปต่อหน้าคนแคระทั้งสองและพูดด้วยน้ำเสียงจริงจังว่า “จริง ๆ แล้วฉันเปิดบริษัทออกแบบอยู่ล่ะนะ แบบบ้านพวกนี้ก็มาจากความพยายามของดีไซเนอร์ในบริษัท”
“เพราะงั้นผลงานพวกนี้ฉันแจกให้ใครไปฟรี ๆ ไม่ได้หรอก ต้องขายเพื่อเอาเงินไปเป็นค่าจ้างดีไซเนอร์พวกนั้นด้วย แต่ก็นะ พวกนายมีของอะไรมาแลกเปลี่ยนมั้ยล่ะ จะนกแก้วหรือสัตว์เลี้ยงอะไรก็ได้ ถ้ายอมแลกฉันก็จะออกเงินซื้อแบบบ้านนี้ให้แล้วให้แบบบ้านนี่กะนาย”
“นกแก้วเหรอ...” จู่ ๆ หน้าของอาร์นี่ก็ซีดลง
เพราะก่อนหน้านี้เคยจับนกแก้วได้ แต่มันตะกละเกินไปก็เลยรีบ ๆ โยนเจ้านกแก้วล้างผลาญตัวนั้นให้มนุษย์ตรงหน้านี่ไปแล้ว
จู่ ๆ ก็รู้สึกเสียใจขึ้นมาทันใด
ถ้าไม่รีบร้อนโยนเจ้านกแก้วนั่นให้อีกฝ่ายไปซะก่อนล่ะก็ ตอนนี้ก็คงเอามันมาแลกกับแบบบ้านได้แล้ว
ยิ่งคิดอาร์นี่ก็ยิ่งอยากกระทืบตีนตัวเองนัก
จากนั้นอาร์นี่ก็หันมองอาเป่าแล้วพูดอย่างร้อนรนว่า “นี่พี่น้อง ไม่ใช่นายก็มีนกแก้วเหรอ เอามาให้ดูสิ ถ้าเกิดพอใจก็จะได้ใช้มั้นแลกกะแบบบ้านได้เลยไง”
ขณะที่พูด ๆ อยู่อาร์นี่ก็ไม่ลืมที่จะพูดกับฉินหลิน “พี่น้องฉันคนนี้มีนกแก้วสีทองอยู่ตัวนึง ถึงมันจะไม่ค่อยฉลาดก็เถอะแต่ก็สวยมากนะ ขอแลกกับซัก... อืม... แบบบ้านสองแบบ”
แต่อาเป่าที่ได้ยินกลับร้อนรนกว่า “ไม่ได้ ฉันเลี้ยงเสี่ยวเป่ามานานแล้วและผูกพันธ์กะมันมากเพราะงั้นต้องเพิ่มอีกสองแบบ!”