บทที่ 295 ดินแดนที่ไม่มีมนุษย์ (แถมฟรี)
บทที่ 295 ดินแดนที่ไม่มีมนุษย์ (แถมฟรี)
.
ภายนอกเป็นสีเทาครึ้ม ไม่ค่อยสว่างนัก มีซอมบี้จำนวนมากเดินไปตามถนนอย่างไร้จุดหมาย ดูเกียจคร้าน
เสิ่นจินซวนรู้ว่ามันไม่ง่ายที่จะเดินไปตามถนน อย่างน้อยก็ไม่ใช่สำหรับคนธรรมดา
และเธอก็เป็นเพียงคนธรรมดาคนหนึ่ง
เวลานี้เป็นวันที่สิบของเกมวันโลกาวินาศ เมื่อเทียบกับวันแรก ซอมบี้แข็งแกร่งขึ้นมาก สำหรับซูฉางซิงแล้ว การเสริมคุณสมบัติอาจไม่สำคัญ แต่สำหรับคนอื่นๆแล้ว มันสำคัญอย่างยิ่งยวด
เดิมทีคนธรรมดาที่โตเต็มวัย สามารถฆ่าซอมบี้ด้วยอาวุธได้ แต่ตอนนี้มันไม่เป็นเช่นนั้นแล้ว การฆ่าพวกมันต้องการร่างกายที่ค่อนข้างแข็งแกร่ง
บ้านดูว่างเปล่าและยุ่งเหยิง มีชิ้นส่วนเครื่องเคลือบกระจายอยู่บนพื้น เห็นได้ชัดว่าถูกคนอื่นมาตรวจค้นแล้ว
อย่างไรก็ตาม เสิ่นจินซวนยังคงใช้โอกาสนี้รื้อค้นตู้ในห้องครัว แต่ก็ไม่พบอะไรที่กินได้เลย
เธอหิวมากขึ้น
เธอลังเลอยู่ชั่วครู่ แล้วมาที่ประตู หายใจเข้าลึกๆ แง้มเปิดประตู จากนั้นก็เดินออกไปตามทางเดิน สิ่งที่เห็นก็คือซากศพซอมบี้ที่สมองหายไปและเลือดสีดำที่กระจายไปทั่วทางเดิน
เป็นฉากที่คุ้นเคยมาก
เธอเดาว่ามันคงเหมือนเมื่อก่อน มันไม่ควรมีซอมบี้เหลืออยู่ในอาคารหลังนี้ เธอจึงเหยียบบนช่องว่างระหว่างซากศพไปทีละก้าว
ที่นี่เป็นอพาร์ตเมนต์ที่มีสี่ห้องในแต่ละชั้น ด้านหน้ามีประตูสามบานเปิดอยู่ และมีหนึ่งบานที่ปิดอยู่
เสิ่นจินซวนเดินเข้าไปในห้องหนึ่งที่สว่างกว่า สิ่งแรกที่เห็นคือตู้รองเท้าสี่เหลี่ยมสีขาวที่มีฝุ่นหนาปกคลุมอยู่ มีรองเท้าหนังที่สะบัดทิ้งอย่างไม่เป็นระเบียบ และเส้นขนยาวสีขาวที่ละเอียดอ่อนนุ่มราวกับจะละลายหายไปทันทีที่เป่าโดนอยู่บนพื้น
“หลุดมาจากสัตว์บางชนิด?”
เสิ่นจินซวนขมวดคิ้ว เมื่อสังเกตเห็นว่าที่นี่มีบางสิ่งผิดปกติ แล้วรู้สึกขนลุกและตัวสั่นสะท้านขึ้นมาทันที ราวกับมีดวงตาคู่หนึ่งจ้องมองเธออยู่ในความมืด
หนี หนี หนี…
ในใจมีเสียงร้องเตือนดังขึ้น
เสิ่นจินซวนโน้มตัวไปข้างหน้า มองดูรูขนาดใหญ่ที่มีเส้นผ่าศูนย์กลางประมาณสามเมตรบนพื้นห้องนั่งเล่น ขอบของมันไม่เรียบดูเหมือนถูกกระชากออกด้วยแรงมหาศาล
เมื่อตั้งใจฟัง
มีเสียงหายใจแรงแสดงว่ามีบางอย่างอยู่ข้างใน อาจกล่าวได้ว่ามันกำลังเผชิญหน้ากับเธอ
ใบหน้าของเสิ่นจินซวนแข็งทื่อ เธอคิดไม่ถึงว่าจะมีสิ่งน่ากลัวเช่นนี้อยู่ชั้นล่าง เมื่อมองดูรอบๆอีกครั้งก็พบว่า ผนังรอบๆห้องนั่งเล่นเต็มไปด้วยหลุมทั้งเล็กและใหญ่
“แก๊ก~”
เธอถอยหลังไปหนึ่งก้าว แต่เศษไม้ใต้ฝ่าเท้ากลับส่งเสียงดังที่คมชัด โดยเฉพาะภายในห้องที่ว่างเปล่า
ควับ
เงาสีขาวพุ่งออกมาจากรูขนาดใหญ่มาหาเธอ มันเร็วมากและมีขนาดใหญ่ราวกับหนูสีขาว แต่ก็ไม่ได้ใหญ่เกินไป
จบสิ้นแล้ว… เสิ่นจินซวนใช้มือทั้งสองข้างกุมมีดสั้นชี้ไปข้างหน้า การเผชิญหน้ากับการดำรงอยู่ที่ไม่ธรรมดานี้ ดูเหมือนว่าเธอจะทำได้เพียงรอความตาย
“ปัง~”
เสียงระเบิดดังก้อง เศษขนสีขาวกระจายไปทั่ว
ในชั่วพริบตาที่เสิ่นจินซวนเห็นสิ่งสีขาวพุ่งเข้ามา เธอก็หันหลังกลับวิ่งหนีไปโดยต้องคิด
สิ่งมีชีวิตที่ตกลงบนพื้นมีรูปร่างคล้ายกับลิง เส้นขนสีขาวอาบไปด้วยเลือด เมื่อมองร่างที่จากไปด้วยสีหน้าหวาดกลัวของเสิ่นจินซวนแล้ว มันก็ผ่อนลมหายใจออกมาเฮือกใหญ่ราวกับโล่งใจ
เสิ่นจินซวนวิ่งไปจนถึงชั้นล่างสุด และรู้สึกโล่งใจเมื่อพบว่าสัตว์ประหลาดสีขาวตามเธอไม่ทัน และรู้สึกว่าโชคดีที่หลบหนีมาได้
บนถนนมีซอมบี้ค่อนข้างน้อย เธอเดินไปตามถนนโดยไม่มีซอมบี้ตัวไหนสังเกตเห็นเธอเลย
“ไม่เหมือนเดิม มันแตกต่างอย่างสิ้นเชิง…”
ดวงตาของเสิ่นจินซวนเบิกกว้าง เมื่อสังเกตเห็นว่าซอมบี้เหล่านี้แตกต่างจากที่เคยเห็นอย่างสิ้นเชิง ผิวของพวกมันเข้มราวกับรูปปั้น เหมือนสวมเกราะหินหนาหนักอยู่ชั้นหนึ่ง
ดูทรงพลังมากกว่าเดิม!
ไม่รู้ว่าทำไมเธอถึงรู้สึกแบบนี้ มันเป็นเพียงสัญชาตญาณง่ายๆเท่านั้น
เธอเงยหน้าขึ้นมอง ท้องฟ้ากระจ่างแต่ก็ดูครึ้ม มีบางอย่างเหมือนหิมะตกลงมาจากท้องฟ้าราวกับขนนก และค่อยๆหายไปกลางอากาศเหมือนภูติผี
“เกิดอะไรขึ้น?”
เสิ่นจินซวนพึมพำกับตัวเอง และรู้สึกหนาวจนผิวหนังเจ็บแปลบ ทำให้รู้สึกอึดอัดไปทั้งตัวราวกับกำลังจะป่วย
ขณะที่หมอบอยู่ข้างรถที่ถูกทิ้งร้าง เธอก็สังเกตเห็นว่าโทรศัพท์สั่น เป็นซูฉางซิงที่ส่งข้อความมาหา: ตอนนี้คุณอยู่ที่ไหน?
เสิ่นจินซวนมองไปรอบๆ แล้วดวงตาของเธอก็เบิกกว้างราวกับได้เห็นบางสิ่งที่เหลือเชื่อ
ทางด้านเหนือมีหมอกหนาทึบสูงปกคลุมท้องฟ้า และมองเห็นหอคอยเหล็กสูงตระหง่านอยู่ในระยะไกลอย่างคลุมเครือ
ราวกับเป็นภาพลวงตา
“……”
ทันใดนั้นเธอก็ไม่รู้ว่าตัวเองอยู่ที่ไหน แม้จะมีแผนที่ แต่ก็ยังต้องไปยืนบนที่สูง เพื่อค้นหาสิ่งที่จะเป็นสัญลักษณ์หลักในการค้นหา
เพียงพิจารณาจากสถานการณ์ปัจจุบัน ดูเหมือนเธอจะอยู่ไกลมาก และสภาพอากาศก็แตกต่างจากเดิมอย่างสิ้นเชิง อีกทั้งอาคารที่นี่ก็มีจำนวนเบาบาง และต่ำเตี้ย เธอควรอยู่บริเวณชานเมือง
“ฉันวิ่งมาไกลจริงๆ…”
เสิ่นจินซวนแอบประหลาดใจ ขณะวิเคราะห์สถานการณ์ปัจจุบัน หากเธอต้องการกลับไปที่สถานที่ชุมนุมอีกครั้ง ด้วยความสามารถของเธอก็แทบจะเป็นไปไม่ได้เลย
ดังนั้นเธอจึงทำได้เพียงหาที่พักที่ค่อนข้างปลอดภัยในบริเวณใกล้เคียงเท่านั้น
หลังจากนั้นเธอก็ตอบซูฉางซิงไปว่า : ดูเหมือนฉันจะอยู่แถบชานเมือง ท้องฟ้ามีหมอกหนามาก มองเห็นยอดหอคอยเหล็กอยู่ไกลๆ แต่ก็ไม่ชัดนัก
.
.
.
หอคอย?
ซูฉางซิงขมวดคิ้ว เมื่อนึกถึงสิ่งที่เถิงเปิ้งเคยกล่าวไว้ว่า สถานีพลังเป็นหอคอยเหล็กที่สามารถมองเห็นได้จากแถบชานเมือง
เสิ่นจินซวนอาจอยู่ใน ‘ดินแดนที่ไม่มีมนุษย์’ ใกล้เขตอุตสาหกรรม!
สิ่งที่เรียกว่า ‘ดินแดนที่ไม่มีมนุษย์’ ไม่ได้หมายถึงพื้นที่ใดพื้นที่หนึ่งบนแผนที่ แต่เป็นดินแดนไม่มีมนุษย์ที่ถูกกำหนดไว้ในแผนที่บนกระดานฟอรัม ราวกับสถานที่นี้จะไม่ได้ถูกกำหนดให้เป็นจุดเกิดที่ผู้คนต้องถูกส่งมา หรือไม่ก็ถูกส่งมาแต่ก็ตายไปหมดแล้ว
เขตชานเมืองจึงเป็นพื้นที่ขนาดใหญ่ที่ไม่มีคนอาศัยอยู่ และพวกเขาก็ไม่รู้อะไรเลยเกี่ยวกับเงื่อนไขของสถานที่เหล่านี้
ซูฉางซิงนึกไม่ออกว่าเสิ่นจินซวนไปถึงสถานที่แห่งนั้นได้อย่างไร ไม่ควรเป็นจินที่วิ่งไปเรื่อยเปื่อย แม้จะไม่รู้ทางแต่ก็ตระเวนไปทั่วเมือง
มันควรจะเป็นเสิ่นซวน
ในเวลานั้นเธอคงเป็นคนที่ควบคุมร่างกาย ดูเหมือนจะมีเรื่องใหญ่เกิดขึ้นในเฉินซี
แต่ ทำไมเธอถึงไปที่นั่น?
ซูฉางซิงอดไม่ได้ที่จะหยุด เขาก้มหน้าและจมอยู่ในความคิด เหล่าคนที่ตามหลังและเถายี่ที่กำลังเปิดทางอยู่ข้างหน้าก็หยุดลงเช่นกัน
จูเหวินหวู่ตกตะลึงไปชั่วครู่แล้วถามว่า “มีอะไรผิดปกติ?”
ซูฉางซิงหันไปมองเขาแล้วพูดอย่างใจเย็น:
“สิ่งต่างๆ ดูเหมือนจะแตกต่างไปจากที่ผมจินตนาการไว้เล็กน้อย เราทุกคนอยากรอดชีวิต แต่ความจริงก็คือมีคนกำลังตาย และพวกเราก็ไม่มีใครอยากตาย ผมเองก็ไม่อยากให้คนใกล้ตัวของผมตายเหมือนกัน…”
จูเหวินหวู่เหลือบมองท้องฟ้ากระจ่างแล้วพยักหน้า “ครับ เป้าหมายสูงสุดของผมเองก็คือ ให้น้องสาวของผม ตัวผมเอง และพวกเราอยู่รอด”
‘พวกเรา’ ของเขาไม่ได้ใหญ่โต เป็นเพียงคนกลุ่มเล็กๆ ซึ่งรวมถึงซูฉางซิงด้วย ในสภาพแวดล้อมของวันโลกาวินาศ ทุกคนล้วนไร้ปราณี แต่ในความไร้ความปราณีก็ยังมีความรักอยู่ด้วย
ท้ายที่สุดแล้ว พวกเขาทั้งหมดก็ยังเป็นมนุษย์
ซูฉางซิงแก้ไขข้อความบนโทรศัพท์แล้วส่งข้อความกลับไป: ข้างนอกนั่นอันตราย! รีบออกมาจากที่นั่นเดี๋ยวนี้ พยายามเคลื่อนที่ไปในทิศทางตรงข้ามกับหอคอย หลังจากนั้นค่อยบอกตำแหน่งของคุณให้ผมรู้
.
*******
ผู้แปล – โทษทีที่ช้า โดนคุมเข้มให้พักสายตา ยึดคอมฯ ยึดโทรศัพท์