บทที่ 114 ปรับแผนตามสถานการณ์
จางเยว่ถามอย่างสงสัยว่า "รสชาติไม่เหมือนเหรอ? มันไม่ถูกตรงไหน?"
อู๋ต้าชวนตอบว่า "รสสัมผัสไม่เหมือนกัน รสชาตินี่อร่อยกว่าที่ผมคิดไว้อีก"
จางเยว่ยิ้ม "รสชาติอร่อยก็ควรจะปกตินะ ผมใช้สูตรเฉพาะตัวเลย"
แต่ถึงอย่างนั้น อู๋ต้าชวนก็ยังคงส่ายหัว "ไม่ใช่แค่สูตรเฉพาะแน่ ๆ ครับ
เนื้อเป็ดที่ใช้มันให้ความรู้สึกเหมือนเนื้อสดใหม่ ทั้งที่จริง ๆ แล้วมันเป็นเนื้อแช่แข็ง ซึ่งปกติแล้วคนทั่วไปจะรู้สึกถึงความแตกต่างได้
โรงงานอาหารส่วนมากจะใช้สารปรุงแต่งเพื่อเพิ่มรสชาติให้เนื้อแช่แข็ง แต่ถ้าชิมให้ดี เราก็จะรู้สึกได้ถึงความต่างระหว่างเนื้อสดกับเนื้อแช่แข็ง
ยิ่งไปกว่านั้น ในลูกชิ้นนี้ไม่มีสารปรุงแต่งอย่างน้ำตาลเทียม สารเพิ่มความข้น สารกันการจับตัว สารป้องกันการเกิดฟอง สารฟอกขาว สารทำให้พองตัว สารแต่งสี สารอิมัลซิไฟเออร์ สารเพิ่มรสชาติ สารคงตัว สารจับตัว สารกันบูด สารปรับความเป็นกรด หรือสารรักษาความชุ่มชื้นเลย"
อู๋ต้าชวนพูดต่อเนื่องจนสือหม่านหม่านต้องขัดจังหวะ "เดี๋ยวนะ คุณหมายความว่า ลูกชิ้นที่พวกเรากินปกติจะใส่สารพวกนี้ทั้งหมดเลยเหรอ?"
อู๋ต้าชวนหัวเราะ "ไม่ใช่แค่ลูกชิ้นหรอก อาหารจานด่วนส่วนใหญ่ที่เป็นเนื้อสัตว์ก็ใส่สารพวกนี้เพื่อเพิ่มรสชาติ
โดยเฉพาะพวกของทอดที่ขายตามข้างทาง ถ้าไม่ใส่สารปรุงแต่งพวกนี้จะไม่มีใครกินเลย"
"แต่สารพวกนี้มันเยอะเกินไปนะ คุณพูดมาตั้ง 15 อย่าง"
อู๋ต้าชวนพูดต่อ "ผมแค่พูดถึงประเภทของสารปรุงแต่งเท่านั้น
จริง ๆ แล้วตามประกาศของกระทรวงสาธารณสุข อนุญาตให้ใช้สารปรุงแต่งอาหารได้ทั้งหมด 23 ประเภท
แต่ถ้าให้พูดถึงสารปรุงแต่งตัวจริง ๆ จนถึงตอนนี้มีทั้งหมด 2,429 ชนิดแล้ว และยังเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ"
"สองพันกว่าชนิดเลยเหรอ?"
"ใช่ แต่คุณไม่ต้องกังวลไป เพราะมันเป็นจำนวนทั้งหมด ถ้าเป็นอาหารแต่ละชนิดก็จะไม่เยอะขนาดนั้นหรอก
พ่อค้าก็ต้องคำนึงถึงต้นทุนด้วย ปกติแล้วก็ใส่แค่สามถึงสี่ร้อยชนิดเท่านั้น"
สือหม่านหม่านถึงกับกลอกตาอย่างหมดแรง เธอพูดขึ้นอย่างหดหู่ "ฉันคงไม่ไปกินอาหารตามร้านข้างถนนอีกแล้ว"
หลังจากแกล้งหยอกสือหม่านหม่านไปบ้าง อู๋ต้าชวนก็มองไปที่ลูกชิ้นปัสสาวะวัวด้วยสีหน้าจริงจัง "นี่แหละที่ผมสงสัย
อาหารที่อร่อยมักเกิดจากสารปรุงแต่ง แต่ลูกชิ้นนี้กลับไม่มีสารพวกนั้นเลย แต่ก็ยังอร่อยกว่าลูกชิ้นที่ใส่สารปรุงแต่ง"
เขาอธิบายต่อ "แน่นอนว่า สารแต่งกลิ่นเนื้อวัวและสารแต่งกลิ่นกุ้งไม่ถือว่าเป็นสารปรุงแต่งอาหาร มันแค่ช่วยทำให้ลูกชิ้นนี้มีรสชาติคล้ายเนื้อวัวและกุ้งเท่านั้น"
สือหม่านหม่านที่นั่งฟังอยู่ได้ยินแบบนั้นก็อดไม่ได้ที่จะหยิบลูกชิ้นขึ้นมากิน
ทันทีที่เธอกินเข้าไป เธอกระโดดขึ้นอย่างตื่นเต้นแล้วมองไปที่จางเยว่ด้วยความประหลาดใจ "เจ้านาย คุณเคยเป็นพ่อครัวที่ร้านไห่ตี้เหลามาก่อนเหรอคะ?
ฉันเคยกินลูกชิ้นอร่อย ๆ แบบนี้ที่ร้านไห่ตี้เหลามาเหมือนกันนะ แต่ของคุณอร่อยกว่าลูกชิ้นที่ร้านนั้นอีก"
พูดจบ เธอก็ส่งลูกชิ้นให้ซูซูและหลิวซือหาน "พวกเธอลองชิมดู มันอร่อยจริง ๆ"
ซูซูและหลิวซือหานลองชิมบ้าง และทั้งสองก็เริ่มต่อสู้แย่งลูกชิ้นกันทันที ไม่นาน ลูกชิ้นที่อู๋ต้าชวนทำไว้ก็หมดเกลี้ยง
สือหม่านหม่านพูดขณะที่เคี้ยวลูกชิ้นอยู่ "อู๋ต้าชวน นั่งเฉยทำไมล่ะ? รีบทำเพิ่มสิ คุณเป็นหัวหน้าฝ่ายผลิตไม่ใช่เหรอ?
ลูกชิ้นนี่ไม่พอเลยนะ"
อู๋ต้าชวนได้แต่ถอนใจแล้วหันไปมองจางเยว่ จางเยว่ยิ้ม "ถ้าพวกเธอชอบกินขนาดนั้น ก็ทำเพิ่มเลย
พอดีจะเที่ยงแล้ว งั้นเรากินข้าวกันที่นี่เลยแล้วกัน นอกจากลูกชิ้นปัสสาวะวัว ผมยังเตรียมลูกชิ้นปลา ลูกชิ้นแกะ ลูกชิ้นหมู รวมถึงลูกชิ้นผักไว้ด้วย"
อู๋ชิงซานเสนอขึ้น "งั้นเรามาจัดปาร์ตี้หม้อไฟกันดีกว่า หาเครื่องจิ้มพวกน้ำจิ้มงา น้ำพริกกระเทียม น้ำพริกดอกกุยช่ายมาเพิ่มด้วยนะ รับรองว่าอร่อยแน่ ๆ
จากโรงงานเราไปทางเหนืออีกไม่ไกลจะมีตลาดสดอยู่ ที่นั่นมีร้านขายน้ำจิ้มงาที่อร่อยมาก"
สือหม่านหม่านรีบพูดขึ้น "งั้นนายรออะไรอยู่ล่ะ? ไปซื้อมาสิ!"
"ได้เลย!"
จางเยว่ไม่คิดเลยว่า การประชุมครั้งนี้ที่เขาตั้งใจจะใช้วางแผนการผลิตและการขายของโรงงานอาหารซือเยว่ จะกลายเป็นงานเลี้ยงฉลองไปซะอย่างนั้น
แต่เขาก็ไม่ได้คัดค้านอะไร เพราะโรงงานนี้ทำเกี่ยวกับอาหารอยู่แล้ว การที่ทุกคนมานั่งกินด้วยกันก็น่าจะได้ผลดีกว่าการดูพรีเซนต์จากสไลด์มากมาย
ไม่นานอู๋ชิงซานก็กลับมา พร้อมกับเครื่องดื่มและเบียร์อีกมากมาย เห็นได้ชัดว่าเขาเองก็เป็นนักกินตัวยง
จางเยว่เองก็เตรียมอาหารเสร็จเรียบร้อยแล้ว
ทุกคนนั่งลงแบบสบาย ๆ แล้วเริ่มกินกันทันที
พวกเขากินกันตั้งแต่ 11 โมงเช้าจนถึงบ่ายสอง และเพราะดื่มเบียร์กันไปหลายแก้ว ผู้ชายสามคนในกลุ่มก็ดูจะมึน ๆ กันหมด
จางเยว่ยิ้มและถามว่า "กินอิ่มกันหรือยัง?"
อู๋ชิงซานลูบท้องแล้วเรอ "อิ่มมากครับ วันนี้ถึงจะไม่ถึงขนาดต้องเดินเข้ามาแบบพิงกำแพง แต่ตอนออกไปผมว่าคงต้องพิงกำแพงออกไปแน่ ๆ
ครั้งก่อนผมกับเพื่อน ๆ ไปกินบุฟเฟ่ต์อาหารทะเลที่ไหหลำ 1,000 หยวนต่อหัว ผมยังไม่อิ่มเท่านี้เลย"
อู๋ชิงซานปลดเข็มขัดออก แต่พอปลดจนสุดแล้วก็พบว่ามันยังแน่นอยู่ เขาจึงได้แต่นั่งลูบท้องต่อไป
แม้ว่าสามสาวจะยังคงรักษามารยาทอยู่บ้าง แต่จากสีหน้าของพวกเธอก็รู้ได้ทันทีว่าไม่มีใครกินต่อได้แล้ว
จางเยว่พูดต่อ "ในเมื่อทุกคนอิ่มแล้ว งั้นเรามาคุยเรื่องแผนการพัฒนาโรงงานซือเยว่ต่อ
คุณอู๋ ผมว่าคุณคงมีไอเดียอยู่บ้างแล้ว"
อู๋ต้าชวนพยักหน้า "ใช่ครับ ผมมีไอเดียบางอย่าง
แต่ก่อนอื่น ผมอยากถามคุณว่า รสชาติของลูกชิ้นที่คุณทำนี้
คุณทำได้ยังไงกัน?"
อู๋ต้าชวนคิดว่าจางเยว่ทำลูกชิ้นปัสสาวะวัวอร่อยมาก แต่พอได้ลองชิมลูกชิ้นปลา ลูกชิ้นกุ้ง ลูกชิ้นเนื้อวัว ก็พบว่ามันอร่อยไม่แพ้กันเลย ทำให้เขารู้สึกประหลาดใจมาก
จางเยว่หยิบขวดเล็ก ๆ ออกมา "เคล็ดลับอยู่ในนี้ ผมเรียกมันว่า 'เย่ว์เหวย'
มันทำมาจากสารสกัดจากพืชและสัตว์ธรรมชาติทั้งหมด
นอกจากมันจะช่วยเพิ่มรสชาติให้อาหาร มันยังมีคุณสมบัติในการป้องกันการเน่าเสียอีกด้วย
ที่สำคัญคือ มันไม่มีสารพิษและไม่มีผลข้างเคียงใด ๆ ทั้งสิ้น"
"มันคือของเหลวสีเขียวที่คุณใช้ตอนทำลูกชิ้นใช่ไหม?" อู๋ต้าชวนถามขณะรับขวดมาดู
จางเยว่พยักหน้า
อู๋ต้าชวนพูดขึ้น "ของดีเลย ของดีจริง ๆ
ผมไม่คิดมาก่อนเลยว่าอาหารประเภทลูกชิ้นจะมีสารปรุงแต่งแบบนี้โดยเฉพาะ"
จางเยว่รีบแก้ "ไม่ใช่แบบนั้นหรอก 'เย่ว์เหวย' นี้ไม่ได้ใช้ได้แค่กับลูกชิ้น มันสามารถใช้ได้กับอาหารทุกชนิด
ถ้าคุณอยากลอง แม้แต่ไก่หรือเป็ดสด ๆ ที่เพิ่งเชือด คุณก็ใส่มันเข้าไปเพิ่มรสชาติได้"
"อะไรนะ? มันใช้ได้กับอาหารทุกอย่างเลยเหรอ?" อู๋ต้าชวนถึงกับตกใจจนเผลอลุกขึ้นยืน
แต่เพราะเขาลุกแรงเกินไป ท้องที่กินจนอิ่มเลยสั่นไปหมด ทำให้เขารีบนั่งลงทันที
จางเยว่พยักหน้า "ใช่ แต่การสกัด 'เย่ว์เหวย' นั้นยาก ดังนั้นการใช้กับไก่หรือเป็ดสดถือเป็นการสิ้นเปลือง"
อู๋ต้าชวนเงียบไปพักใหญ่ก่อนจะพูดว่า "เจ้านาย ผมขอเสนอความคิดเห็นหน่อยได้ไหมครับ?"
จางเยว่ตอบ "มีอะไรจะเสนอ?"
"ผมเห็นด้วยอย่างยิ่งที่คุณตั้งใจจะทำลูกชิ้นขาย
แต่ผมคิดว่า ตอนนี้ไม่ควรรีบร้อนทำ
ผมอยากแนะนำให้คุณเริ่มจากการผลิตไก่ทอดกึ่งสำเร็จรูปแบบที่โรงงานรื่อเซิ่งทำ
แน่นอน สูตรทอดไก่ต้องปรับปรุงใหม่
ให้ตัดสารปรุงแต่งเก่าออกทั้งหมดแล้วใช้ 'เย่ว์เหวย' แทน
การทำแบบนี้มีข้อดีหลายอย่าง
อย่างแรก เครือข่ายการขายไก่ทอดของโรงงานรื่อเซิ่งนั้นแข็งแกร่งมาก
ไม่ว่าจะเป็นการขายออนไลน์หรือออฟไลน์ แค่โทรศัพท์หรือส่งข้อความไปก็จะมีคำสั่งซื้อมาทันที
มันจะช่วยให้คุณหาเงินได้เร็ว
อย่างที่สอง โรงงานรื่อเซิ่งไม่ได้ขายลูกชิ้นมาก่อน ดังนั้นการติดตั้งสายการผลิตใหม่หรือสร้างเครือข่ายการขายใหม่จะใช้เวลาเยอะมาก
ถ้าคุณเลิกผลิตไก่ทอดกึ่งสำเร็จรูป เราจะต้องเริ่มใหม่หมด ซึ่งจะทำให้ความเสี่ยงในการทำกำไรสูงขึ้น
และต่อให้ทำกำไรได้ ก็คงต้องใช้เวลาสักหนึ่งถึงสองปี
ในช่วงเวลานั้น คุณอาจต้องลงทุนเพิ่มอีก
สุดท้าย ถ้าเราผลิตไก่ทอดกึ่งสำเร็จรูป เราก็ยังสามารถใช้เครือข่ายขายเหล่านี้ในการโปรโมตลูกชิ้นไปพร้อมกันได้
ในเมื่อทั้งสองอย่างเป็นของกินเล่นเหมือนกัน การขายทั้งสองอย่างน่าจะดีกว่าขายอย่างเดียว
พอชื่อเสียงของลูกชิ้นโด่งดัง การขายก็จะง่ายขึ้น"
เมื่ออู๋ต้าชวนพูดจบ เขาก็หันไปมองจางเยว่ด้วยความระมัดระวัง
เขาเป็นคนที่อยู่ในตำแหน่งละเอียดอ่อน แถมสิ่งที่เขาเสนอก็ขัดกับแผนของจางเยว่ไปหมด ทำให้เขากังวลใจมาก
จางเยว่เงียบไปครู่หนึ่งก่อนจะเดินไปหาอู๋ต้าชวนแล้วถามว่า "อู๋ คุณได้เงินเดือนเดือนละเท่าไหร่?"
อู๋ต้าชวนไม่คิดว่าจางเยว่จะถามแบบนี้ จึงตอบเบา ๆ ว่า "ในสัญญาเขียนไว้ว่าเดือนละ 7,995 หยวนครับ
ก่อนหน้านี้ที่โรงงานรื่อเซิ่ง ผมได้เงินเดือน 6,150 หยวนต่อเดือน คุณเพิ่มให้ผมอีก 30%...
จริง ๆ แล้วผมคงไม่เก่งพอจะสมควรได้มากขนาดนั้น
พนักงานคนอื่นได้เพิ่มแค่ 20% งั้นถ้าจะลดของผมให้เหลือแค่ 20% ก็ได้นะครับ
หรือจะลดเหลือ 15% ก็ได้"
แต่จางเยว่กลับหันไปบอกซูซูว่า "เพิ่มเงินเดือนของคุณอู๋เป็น 18,000 หยวนต่อเดือนเลย"
อู๋ต้าชวนถึงกับอึ้งไป สีหน้าของเขาเต็มไปด้วยความไม่เชื่อ "เจ้านาย นี่มัน..."
จางเยว่หัวเราะเสียงดัง "อู๋ คุณพูดได้ดีมาก
ใช่แล้ว โรงงานอาหารซือเยว่จะเน้นไปที่ลูกชิ้นเป็นหลัก ถือว่าผมคิดน้อยไปหน่อย
งั้นเราปรับเป็นไก่ทอดแทนดีกว่า
คราวหน้าถ้ามีอะไรจะเสนอแนะ อย่าเก็บไว้
ถ้าแนะนำมาถูก ผมมีโบนัสให้
แต่ถ้าแนะนำผิด ก็ไม่เป็นไร อย่างมากก็แค่ไม่เอาไปทำตามเท่านั้นเอง!"
อู๋ต้าชวนตั้งสติได้ เขาพูดด้วยความตื่นเต้น "ขอบคุณครับเจ้านาย ผมจะไม่เก็บอะไรไว้แน่นอน"
จางเยว่พยักหน้า เขารู้สึกโล่งใจ
โชคดีที่อู๋ต้าชวนยืนกรานในความคิดของตัวเอง ไม่งั้นเขาคงจะทำพลาดไปแล้ว
จางเยว่คิดจะผลิตลูกชิ้นก็เพราะเห็นเด็กหญิงชื่อมิมิที่โรงพยาบาลเกือบตายจากการกินของไม่ดี เขาจึงเกิดความคิดนี้ขึ้นมาชั่ววูบ
แต่การทำธุรกิจนั้นสำคัญที่ต้องปรับตัวตามสถานการณ์
จางเยว่นึกถึงเหตุผลที่เขาซื้อโรงงานรื่อเซิ่งในตอนแรก เพราะมันมีมูลค่าถึง 500 ล้านหยวน
และมูลค่า 500 ล้านหยวนนี้ไม่ได้มาจากทรัพย์สินที่เป็นโรงงานของรื่อเซิ่ง แต่มาจากเครือข่ายการขายที่รื่อเซิ่งสร้างขึ้นมาตลอดหลายปี
ถ้าเขาเลือกที่จะทิ้งเครือข่ายเหล่านี้ไป มันก็เหมือนเขาซื้อแต่เปลือกเปล่า ๆ เท่านั้น
ที่สำคัญ การผลิตไก่ทอดกึ่งสำเร็จรูปก็ไม่ได้ขัดกับความตั้งใจของเขา
เพราะความลับในการทำไก่ทอดก็ไม่ได้แตกต่างจากการทำลูกชิ้นมากนัก
หลังจากคิดได้เช่นนั้น จางเยว่ก็พูดกับคนอื่น ๆ ว่า "พวกคุณก็เหมือนกัน ถ้ามีไอเดียอะไรให้บอกผมได้เลย
ถ้าผมเอาไปใช้ได้ แม้ว่าผมจะไม่เพิ่มเงินเดือน แต่ผมจะแจกเป็นโบนัสให้แทน"
ทุกคนพยักหน้าอย่างเข้าใจ
จางเยว่พูดต่ออีกเล็กน้อยก่อนจะสั่งปิดการประชุม
เวลา 15:20 น. จางเยว่ก็มาถึงหน้าโรงงานอาหารหย่าเจี๋ย
และฉินฟางเจี๋ยก็รอเขาอยู่ที่นั่นแล้ว
จางเยว่รีบเดินเข้าไปหา "พี่ฉิน คุณมานานแล้วเหรอ?"
เขารู้สึกเกรงใจเล็กน้อย
พวกเขานัดกันไว้ตอน 15:30 น. และเขามาถึงก่อนเวลา 10 นาทีเพื่อเป็นการรักษามารยาท
แต่ฉินฟางเจี๋ยกลับมาก่อนเขาอีก
ฉินฟางเจี๋ยยิ้ม "รอมานานอะไรล่ะ? ฉันก็เพิ่งมาถึง
หลังจากเราคุ้นเคยกันแล้ว นายจะรู้ว่าฉันไม่ชอบพวกมารยาทเยอะแยะอะไรแบบนั้นเลย
ไปกันเถอะ ไปดูเครื่องปั่นแรงเหวี่ยงที่นายซื้อมา"
ใช่แล้ว จางเยว่เดินทางมาครั้งนี้ก็เพื่อดูเครื่องปั่นแรงเหวี่ยงที่เขาประมูลมาด้วยราคา 800,000 หยวน แต่มีมูลค่าถึง 38.5 ล้านหยวน
เมื่อเปรียบเทียบกับโรงงานรื่อเซิ่งที่ยังคงสภาพดีและอุปกรณ์ครบครัน โรงงานหย่าเจี๋ยนั้นกลับพังทลายไปแล้วทุกอย่าง รอบ ๆ มีแต่หญ้าขึ้นรก
ได้ยินมาว่าเจ้าของคนใหม่ของที่นี่ทำธุรกิจในอุตสาหกรรมอื่น อุปกรณ์ของโรงงานหย่าเจี๋ยจึงถูกขายไปเป็นเศษเหล็กทั้งหมด
จางเยว่ได้แต่ถอนหายใจ
เมื่อทั้งสองมาถึงโกดังหลังโรงงาน ฉินฟางเจี๋ยเปิดประตูแล้วพูดว่า "นี่แหละที่นายซื้อมา"
จางเยว่ถึงกับอึ้งไป
เพราะเครื่องปั่นแรงเหวี่ยงที่อยู่ตรงหน้าเขานั้นมีขนาดใหญ่มาก มันใหญ่จนแทบจะใช้พื้นที่ของสองห้องไปเลย ซึ่งมันไม่เหมือนกับที่เขาคิดไว้เลย
ฉินฟางเจี๋ยหัวเราะ "ตอนนี้นายเข้าใจแล้วใช่ไหมว่าทำไมเครื่องนี้ถึงขายในราคา 800,000 หยวน?
เพราะฉันลองคำนวณแล้ว แค่โลหะที่ใช้ทำเครื่องนี้ก็น่าจะมีมูลค่าราว ๆ 400,000 หยวนแล้ว
บวกกับอุปกรณ์เสริมอื่น ๆ ก็รวมกันไม่น่าจะต่ำกว่า 600,000 หยวน
ดังนั้น แม้ว่าราคาจะดูแพง แต่นายก็ไม่ขาดทุนหรอก"
จางเยว่พยักหน้า "แน่นอน ถ้าพี่ฉินเป็นคนรับผิดชอบการประมูล ผมมั่นใจอยู่แล้วว่ามันต้องเป็นของดี
ถ้าไม่ใช่ว่าราคาแพงเกินไป ผมก็คงซื้อแบบไม่ต้องคิดเลย"
"ฮ่าฮ่าฮ่า น้องชาย ถึงฉันรู้ว่านายแค่ยกยอ แต่ฉันก็อดรู้สึกดีไม่ได้เลย
ตอนนี้เครื่องนายก็เห็นแล้ว เจ้าของใหม่ของที่นี่ถามฉันหลายรอบแล้วว่าจะเอาเครื่องออกไปเมื่อไหร่
นายอยากให้ฉันส่งไปที่ไหนล่ะ? บอกมาเลย ฉันจะส่งให้ฟรี"
แต่จางเยว่กลับคิดหนักขึ้นมา
เพราะเขาเพิ่งนึกขึ้นได้ว่า ถึงเครื่องนี้จะมีมูลค่าสูง แต่เขาซื้อมาแล้วจะเอาไปทำอะไร?
ขายต่อก็คงทำไม่ได้
จากการประมูลคราวก่อนก็รู้แล้วว่า ไม่มีใครสนใจเครื่องนี้เลย
แน่นอนว่า เขายังสามารถขายมันเป็นเศษเหล็กได้ แต่ถ้าทำแบบนั้น มันจะมีมูลค่าแค่ 600,000 หยวน ซึ่งเท่ากับว่าเขาจะขาดทุน
หลังจากคิดอยู่พักหนึ่ง จางเยว่ก็ถามฉินฟางเจี๋ยว่า "พี่ฉิน คุณรู้ไหมว่าโรงงานหย่าเจี๋ยใช้เครื่องนี้ทำอะไร?"
"พวกเขาใช้ผลิตครีม"
"ผลิตครีม?"
"ใช่ คนงานของโรงงานหย่าเจี๋ยบอกฉันว่า เครื่องปั่นแรงเหวี่ยงนี้หมุนได้เร็วมาก ทำให้ครีมที่ผลิตออกมามีรสชาติเข้มข้นพิเศษ
และครีมก็มีประโยชน์หลายอย่าง เช่น ใช้ทำไอศกรีม เค้กวันเกิด และขนมหวานต่าง ๆ"
ไอศกรีมงั้นเหรอ? จางเยว่รู้สึกสนใจทันที "งั้นช่วยส่งเครื่องนี้ไปที่โรงงานอาหารซือเยว่ของผมเลยครับ!"
ที่โรงงานอาหารซือเยว่
อู๋ต้าชวนมองเครื่องปั่นแรงเหวี่ยงขนาดยักษ์ตรงหน้าอย่างงุนงง "เจ้านาย คุณเอาขยะชิ้นนี้มาทำไม?"
จางเยว่ตอบ "ง่ายมาก เราจะใช้มันทำไอศกรีม และแน่นอน อาจทำพวกไอติมด้วย!"
"ไอศกรีม? ไอติม?"
เขาอยากจะบอกว่า "คุณล้อเล่นหรือเปล่า?"
แต่เมื่อเห็นสีหน้าจริงจังของจางเยว่ เขาก็ไม่กล้าพูดออกมา
เขาทำได้เพียงถอนใจแล้วพูดว่า "เจ้านาย ไม่ใช่ว่าผมไม่อยากทำหรอกนะ แต่ขนมอย่างไอศกรีมและไอติมนั้นเรายังไม่เคยทำมาก่อนเลย
มันยากกว่าทำลูกชิ้นปัสสาวะวัวอีก
งั้นเราเลิกทำดีกว่าไหมครับ? หรือไม่ก็รออีกสักปีสองปีจนกว่าเราจะสร้างชื่อเสียงขึ้นมาได้ก่อน แล้วค่อยคิดขยายธุรกิจไปทางนี้"
แต่จางเยว่กลับไม่พอใจทันที "คุณหมายความว่าไง? คุณจะทิ้งเครื่องที่ผมซื้อมาด้วยเงินตั้ง 800,000 หยวนไปเฉย ๆ อย่างนั้นเหรอ?"
"งั้นก็ทิ้งไปเลยก็ได้ มันก็แค่ขยะชิ้นใหญ่" อู๋ต้าชวนพึมพำ
พอเห็นสายตาอำมหิตของจางเยว่ อู๋ต้าชวนก็รีบหุบปาก
จางเยว่สั่งเสียงดัง "ไม่มีทาง! อู๋ คุณต้องใช้เครื่องนี้ให้ได้ นี่คือคำสั่งของผม ไม่มีข้อแม้ใด ๆ ทั้งสิ้น
แน่นอนว่าผมไม่ตั้งใจจะทำให้คุณลำบาก
ไม่ว่าจะต้องใช้เงินหรือคนเท่าไหร่ คุณขอมาได้เลย ผมจะจัดหาให้หมด"
จางเยว่เริ่มรู้สึกไม่พอใจอู๋ต้าชวนขึ้นมา
ตอนแรกเขาคิดว่าอู๋ต้าชวนเป็นคนที่มีความคิดและชอบวิเคราะห์ แต่ไม่คิดเลยว่าเขาจะคิดอะไรตื้น ๆ แบบนี้
นี่คือเครื่องจักรที่มีมูลค่าถึง 38.5 ล้านหยวน ถ้ามันเป็นเครื่องใหม่ ราคาคงจะพุ่งไปเกินพันล้านหยวนแน่ ๆ
การขายของดีเป็นเศษเหล็กนั้นมันเหมือนกับการทิ้งของมีค่าไปอย่างไม่ไยดี!
เมื่อเห็นจางเยว่พูดจริงจังแบบนี้ อู๋ต้าชวนจึงได้แต่พยักหน้า "ก็ได้ครับ!
งั้นผมจะจ้างคนเพิ่มแล้วกัน จริง ๆ แล้วการทำไอศกรีมก็ไม่ได้ยากขนาดนั้น
เรามีครีม ก็แค่ทำโคนไอศกรีม แล้วบีบครีมลงไปหลังจากแช่เย็นเสร็จ
แต่มันจะขายได้ยากมากนะครับ!"
จางเยว่ส่ายหัวอย่างเหนื่อยใจ "คุณนี่ทำไมคิดอะไรตื้น ๆ แบบนี้?
เราขายไก่ทอดกึ่งสำเร็จรูปให้กับร้านข้างทางและร้านของกินเล่นหลายแห่งใช่ไหม?
ถ้าพวกเขามีหม้อใส่ลูกชิ้นอยู่ข้าง ๆ เตาทอดไก่ ก็ไม่เห็นจะยากที่จะมีตู้แช่อีกสักตู้
พวกเขาสามารถเก็บไอศกรีมไว้ในนั้นได้ แล้วค่อยขายให้ลูกค้า
ลองคิดดูสิ ไก่ทอดทั้งมันและเค็ม ถ้ากินมากไปก็จะทำให้คอแห้งใช่ไหม?
แล้วลูกชิ้นปัสสาวะวัวก็ออกเค็ม ๆ หน่อยเหมือนกัน
พอพวกเขากินอิ่มแล้ว ได้กินไอศกรีมต่อสักโคน มันจะดีแค่ไหน?"
"เจ้านาย แต่มันไม่เหมือนกันนี่นา..." อู๋ต้าชวนยังคงพยายามจะอธิบาย
แต่จางเยว่โบกมือ "พอเถอะ ตกลงตามนี้
ถ้ามีลูกค้าสั่งไก่ทอด ให้บอกพวกเขาว่าไก่ทอดกับไอศกรีมเราขายเป็นแพ็กเกจคู่กัน
ถ้าไม่สั่งไอศกรีม เราจะไม่ขายไก่ทอดให้!"
พูดจบเขาก็เดินออกไป อู๋ต้าชวนพยายามจะพูดต่อ แต่จางเยว่ก็เดินลับสายตาไปแล้ว
เขาได้แต่ถอนหายใจอย่างหมดแรง
แต่ถึงเขาจะรู้สึกแบบนั้น เขาก็ยังต้องทำตามคำสั่งของจางเยว่ เพราะเจ้านายสั่งมาแบบนั้น!
เนื่องจากคนงานส่วนมากเป็นพนักงานที่มีประสบการณ์ อู๋ต้าชวนจึงใช้เวลาไม่นานในการปรับเครื่อง และไก่ทอดกึ่งสำเร็จรูปจำนวนมากก็เริ่มผลิตออกมาได้
เขารีบหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาแล้วติดต่อกับลูกค้าเก่าทันที
"เถ้าแก่โจว สวัสดีครับ ผมต้าชวนเอง
อย่างนี้ครับ โรงงานรื่อเซิ่งเปิดทำการอีกครั้งแล้ว
ใช่ครับ ตอนนี้เราเปลี่ยนชื่อเป็นโรงงานอาหารซือเยว่แล้ว
ไม่ต้องห่วงนะครับ คุณภาพสินค้าของเรายังดีเหมือนเดิม คุณสั่งซื้อได้เลย ผมรับประกันเลยว่าคุณจะต้องประทับใจ"
แต่เขาก็หยุดชะงักไปกลางคัน
หลังจากนิ่งไปพักใหญ่ อู๋ต้าชวนก็พูดอย่างไม่อยากเชื่อ "อะไรนะครับ? คุณไม่อยากร่วมงานกับเราแล้ว?
ช่วยบอกเหตุผลให้ผมฟังหน่อยได้ไหมครับ?
เดี๋ยว ๆ คุณบอกว่า พอทางเราหยุดผลิต ก็มีคนอื่นเข้ามาติดต่อคุณทันที
แถมให้ราคาถูกกว่าของเราตั้ง 20%?
ไม่ใช่นะครับ เถ้าแก่โจว ไก่ทอดของเราเป็นราคาที่ต่ำที่สุดในตลาดแล้วนะ
ถ้าราคาถูกกว่าของเรา 20% ของพวกนั้นมันจะกินได้เหรอครับ?
ถ้าคนกินเกิดเจ็บป่วยขึ้นมา คุณจะมีปัญหาตามมานะครับ... ฮัลโหล? ฮัลโหล?"
อู๋ต้าชวนมองโทรศัพท์อย่างอึ้ง ๆ ปลายสายตัดสายทิ้งไปแล้ว