ตอนที่ 164 ดอกไม้ไฟช่างใหญ่โตจริงๆ!
"ดอกไม้ไฟช่างใหญ่โตจริงๆ!" อาวุโสเทียนจีเงยหน้าขึ้นมองด้วยดวงตาเป็นประกาย เมื่อเห็นรถรบของเผ่ารบระเบิด เขาดีใจมาก
"แน่นอน ความหยิ่งผยองนั้นต้องมีราคาที่ต้องจ่าย" อาวุโสเซี่ยเซวียนยิ้มแย้มด้วยดวงตาที่เต็มไปด้วยความสุข ท่าทีหยิ่งผยองของเผ่าจั่นเมื่อครู่นี้ ทำให้พวกเขาอยากจะถลกแขนเสื้อแล้วขึ้นไปต่อสู้จริงๆ มันน่ารำคาญมาก ทั้งที่พวกเขาไม่ได้ตั้งใจล่วงเกินและขอโทษไปแล้ว แต่เผ่าจั่นกลับไม่ยอมปล่อยให้เรื่องจบลงง่ายๆ
ฮึ่ม! รถรบสีเงินของเผ่าจั่นเป็นอาวุธสงครามโบราณ เต็มไปด้วยพลังสังหาร เมื่อมันระเบิด พลังงานจากการระเบิดไม่เพียงพุ่งขึ้นสู่ท้องฟ้า แต่ยังแผ่กระจายออกไปทุกทิศทาง และเมืองเจิ้งเซียนที่อยู่เบื้องล่างก็ตกเป็นเป้าหมายแรกของพลังงานทำลายล้างนี้
"นี่มัน... เกิดอะไรขึ้น? ข้ายังไม่อยากตาย!" ผู้บำเพ็ญเพียรระดับต่ำร้องออกมาด้วยความหวาดกลัว ใบหน้าซีดเผือด พลังงานนั้นน่ากลัวเกินไป เขาไม่สามารถต้านทานได้
"ช่างน่ารังเกียจ!" ผู้บำเพ็ญระดับเทียนเหรินบางคนใช้วิชาธรรมอันทรงพลัง เพื่อเรียกพลังแห่งฟ้าดินออกมาโจมตีพลังงานทำลายล้าง แต่พลังของเขากลับถูกกลืนหายไปในพริบตาเมื่อสัมผัสกับพลังงานระเบิดนั้น ราวกับหิ่งห้อยที่ถูกดับไปในทันที
แม้แต่ผู้แข็งแกร่งระดับมหาเต๋าก็ออกมือเช่นกัน เขากล่าวมนต์พร้อมกับใช้พลังยกภาพจำลองแห่งฟ้าดินขึ้นมา แต่สุดท้ายก็ไม่อาจต้านทานได้ และต้องหนีเอาชีวิตรอดอย่างอลหม่าน
“หนึ่งกระบี่อัศจรรย์!” ขณะนั้นเอง กระบี่เล่มหนึ่งพุ่งผ่านท้องฟ้า กระบี่ส่องสว่างและเปล่งประกาย ทะลวงผ่านท้องฟ้าและฉีกอากาศออกเป็นสองส่วน ในพริบตาก็ทำให้พลังงานทำลายล้างแยกออกเป็นสองส่วน
เป็นจิงอวิ๋นเซียว เจ้าสำนักของ เทพกระบี่ ที่ออกมือ!
ในวินาทีที่รถรบระเบิด ผู้อาวุโสนักบุญของเทพกระบี่เกือบพาพวกเขาหลบหนีเข้าเมืองเจิ้งเซียนได้สำเร็จ แม้จะยังคงได้รับผลกระทบอยู่บ้าง หลายคนในทีมถึงกับกระอักเลือด
เมื่อเห็นว่าผู้บำเพ็ญระดับต่ำในเมืองเจิ้งเซียนกำลังจะประสบภัย จิงอวิ๋นเซียว ก็คว้ากระบี่ในมือออกมา กระบี่ส่องประกายเหมือนเซียนในตำนาน! เขาทรงพลังอย่างมาก เป็นผู้บำเพ็ญที่อยู่ในระดับกึ่งนักบุญขั้นสาม และกระบี่ในมือเขานั้นก็เป็นสมบัติที่น่าเกรงขาม เมื่อทั้งสองรวมกัน พลังของกระบี่ก็เจิดจ้าจนสามารถแยกพลังงานทำลายล้างออกเป็นสองส่วนได้
ทว่าภัยยังไม่หมดไป เพราะพลังงานทำลายล้างนั้นมีมากเกินไป ด้วยพลังของเขาไม่สามารถทำลายมันได้ทั้งหมดในทันที
“ฟัน!” ในเวลานั้น ผู้อาวุโสนักบุญของเทพกระยี่ก็ออกมือเช่นกัน เขาใช้พลังยกภาพจำลองแห่งฟ้าดินขึ้นมาอีกครั้ง พร้อมกับใช้สองนิ้วเป็นกระบี่เพื่อทำลายพลังงานที่พุ่งเข้าหาเมืองเจิ้งเซียนจนหมดสิ้น!
“ขอบคุณที่ช่วยชีวิตพวกเรา!”
“สมกับเป็นสำนักเทพกระบี่ยุคของจักรพรรดิ์เสวียนหวง พวกเขาคือสุดยอดนักกระบี่ของโลก เป็นที่เคารพนับถือจากผู้คนนับล้าน”
“แม้ว่ายุคจักรพรรดิ์เสวียนหวงจะจบไปแล้ว แต่การกลับมาของพวกเขายังแสดงให้เห็นถึงความน่าเชื่อถือ และช่วยโลกจากภัยพิบัติได้เช่นเคย”
“มีตำนานเล่าว่าหนึ่งในผู้อาวุโสของสำนักเทพกระบี่เคยเป็นองค์ลักษณ์ของจักรพรรดิ์เสวียนหวง และเคยช่วยเหลือจักรพรรดิ์เสวียนหวงอย่างมาก!”
การช่วยเหลือของสำนักเทพกระบี่ทำให้เกิดเสียงเชียร์จากผู้คน ไม่กี่คนถึงกับคุกเข่าลงด้วยความตื้นตันและก้มกราบขอบคุณ หลายคนยังนึกถึงตำนานของสำนักเทพกระบี่ในอดีตด้วยความตื่นเต้น นี่คือสำนักที่เคยร่วมมือกับจักรพรรดิ์เสวียนหวง! ตำนานเล่าว่าผู้อาวุโสผู้เป็นจ้าวสูงสุดของสำนักเทพกระบี่ในยุคนั้นคือองค์รักษณ์ของจักรพรรดิ์เสวียนหวง และเป็นหนึ่งในคนที่แข็งแกร่งที่สุดใต้บังคับบัญชาของจักรพรรดิ์
“ไม่เป็นไร เรื่องเล็กน้อยเท่านั้น ผู้บาดเจ็บรีบไปทำการรักษาเถอะ” จิงอวิ๋นเซียว ยิ้มอย่างอ่อนโยน หลังจากเก็บกระบี่ของเขาแล้ว ก็หันหลังเดินจากไป ทิ้งให้ผู้คนได้แต่มองแผ่นหลังของเขาด้วยความนับถือ
“ช่างเท่จริงๆ! ครั้งนี้สำนักเทพกระบี่ออกมา ข้าต้องสมัครเข้าเป็นส่วนหนึ่งของพวกเขาให้ได้!” ผู้บำเพ็ญบางคนตะโกนอย่างตื่นเต้น สาบานว่าจะเข้าร่วมสำนักเทพกระบี่ให้ได้
จิงอวิ๋นเซียวกลับมาสู่กลุ่มของสำนักเทพกระบี่ เขามองไปที่ อาวุโสต้วนหยาซึ่งยืนอยู่ข้างหน้าสุด และถามว่า
“อาวุโส ท่านพอจะคำนวณได้ไหมว่าเกิดอะไรขึ้น?”
“รถรบของเผ่าจั่น…” อาวุโสต้วนหยา ส่งสัญญาณให้เขาหยุดพูด จากนั้นก็ถอนหายใจและกล่าวว่า “คนที่น่ากลัวในโลกนี้มีมากมายเหลือเกิน ข้ามีเพียงพลังระดับนักบุญธรรมดาๆ จะกล้าคำนวณได้มากขนาดนั้นหรือ?”
“การที่เผ่าจั่นต้องเจอจุดจบเช่นนี้ ก็เพราะพวกเขาไปยั่วคนที่ไม่ควรยั่วเท่านั้นเอง”
“ท่านอาวุโสหมายความว่า…” จิงอวิ๋นเซียว มองไปยังกลุ่มของสำนักเกาซานที่อยู่ไม่ไกลจากเขา ใจของเขาไม่สงบเลย นี่เป็นฝีมือพวกเขาหรือ?
อาวุโสต้วนหยาส่ายหัวแล้วกล่าวว่า “ไม่น่าจะเป็นพวกเขา สำนักเกาซานมีพลังจำกัด แม้จะซ่อนความลับเอาไว้ แต่ก็ยังห่างจากเผ่าจั่นอยู่มาก”
“แม้ว่าหยินเสวี่ยและเถี่ยหนิวจะเป็นผู้แข็งแกร่งระดับนักบุญ แต่ก็ไม่สามารถทำสิ่งที่น่าทึ่งเช่นนี้ได้”
“การจัดอันดับเก้าสำนักเซียนครั้งนี้ ข้าเกรงว่าคงจะไม่สงบสุขนัก อาจจะเกิดเรื่องที่คาดไม่ถึงขึ้นก็เป็นได้”
เมื่อพูดจบ เขามองไปที่ จิงอวิ๋นเซียว แล้วกล่าวว่า “เจ้าสำนัก ติดต่อสำนักของพวกเรา ให้พวกเขาส่งคนมา ข้าเกรงว่าข้าเพียงคนเดียว อาจจะไม่สามารถรับมือกับเหตุการณ์ที่ไม่คาดฝันได้”
การที่สำนักเทพกระบี่กลับมาในครั้งนี้
พวกเขาตั้งใจที่จะคว้าชื่อเสียงของเก้าสำนักเซียนกลับมา ดังนั้นจึงส่งศิษย์ที่มีพรสวรรค์มากมายมาร่วม
เพื่อความปลอดภัยอาวุโสต้วนหยา คิดว่าควรจะส่งผู้แข็งแกร่งมากกว่านี้มาคุ้มครองศิษย์ของสำนัก เพราะเพิ่งมาถึงเมืองเจิ้งเซียนก็เกิดเหตุการณ์ที่ไม่คาดฝันขึ้น ซึ่งแสดงให้เห็นว่ามีผู้แข็งแกร่งซ่อนตัวอยู่ในเมืองนี้ และพวกเขาต้องระมัดระวังอย่างยิ่ง
“ข้าจะติดต่อพวกเขาเดี๋ยวนี้” จิงอวิ๋นเซียว พยักหน้า เขาเองก็รู้สึกได้ถึงความรุนแรงของสถานการณ์
...
ขณะนี้ พลังงานจากการระเบิดบนท้องฟ้าเหนือเมืองเจิ้งเซียนค่อยๆ สลายหายไป และไม่มีสิ่งใดหลงเหลืออยู่ตรงจุดนั้น
"นี่... หัวหน้าเผ่าจั่นตายแล้วอย่างนั้นหรือ?"
"ผู้ใดกันแน่ที่เป็นผู้ลงมือ? ถึงได้สังหารทุกคนที่เผ่าจั่นส่งมาครั้งนี้ในพริบตา!"
"ช่างน่ากลัวเหลือเกิน! เผ่าจั่นได้รับความสูญเสียครั้งใหญ่ พวกเขาให้ความสำคัญกับชื่อเสียงและศักดิ์ศรีมาก เพื่อให้ได้ตำแหน่งที่ดีในการจัดอันดับเซียนครั้งนี้ พวกเขาคงส่งศิษย์ที่มีพรสวรรค์สูงมาเยอะมาก แต่กลับมาตายทั้งหมด!"
"ข้าไม่เข้าใจเลยว่าใครจะกล้าลงมือกับเผ่าจั่น? แล้วใครกันที่มีพลังมากพอที่จะปกปิดเรื่องนี้จากทุกคนได้?"
หลายคนสงสัย เพราะการระเบิดของรถรบเผ่าจั่นนั้นเกิดขึ้นอย่างกะทันหันมาก วินาทีก่อนหน้านั้นยังโอ้อวดกันอยู่เลย แต่พริบตาต่อมากลับระเบิดไปแล้ว
มีหลายคนหันไปมองอาวุโสหยินเสวี่ยและอาวุโสเถี่ยหนิวในกลุ่มของสำนักเกาซาน พร้อมกับถามว่า "หรือว่าเป็นพวกเขาทำ?"
"เจ้าบ้าไปแล้วหรือ?" ผู้บำเพ็ญคนหนึ่งหัวเราะเยาะด้วยความไม่พอใจ "ไม่ต้องพูดถึงว่าพวกเขาจะมีพลังพอหรือไม่ แม้ว่าจะมีพลังพอ การที่พึ่งเกิดความขัดแย้งแล้วไปสังหารเผ่าจั่นทั้งกลุ่มแบบนี้ ใครจะโง่ทำเรื่องแบบนั้น?"
"ดังนั้น มันต้องไม่ใช่พวกเขาแน่นอน เผ่าทั้งสองเป็นเผ่าโบราณระดับสูง คงไม่ทำเรื่องที่สะเทือนเลือนลั่นแบบนี้ต่อหน้าคนมากมาย ไม่เช่นนั้นคงโดนเผ่าจั่นแก้แค้นอย่างบ้าคลั่งแน่ๆ!"
"ดูมีเหตุผลอยู่เหมือนกัน" เมื่อผู้คนได้ฟังการวิเคราะห์เช่นนี้ ทุกคนต่างก็พยักหน้า เผ่าจั่นนั้นแข็งแกร่ง และรถรบสีเงินก็มีความสำคัญมาก แม้ต้องการแก้แค้น ก็คงไม่ทำอะไรที่โจ่งแจ้งเช่นนี้ ดังนั้นความจริงคงมีเพียงหนึ่งเดียว คือมีผู้แข็งแกร่งคนอื่นที่มีความแค้นกับเผ่าจั่นเป็นผู้ลงมือในเงามืด และทำลายรถรบเผ่าจั่นไปทั้งหมด
"โอ้โห หลายปีไม่ออกมา ครอบครัวเจียงของข้ายังมีคนต้อนรับกันยิ่งใหญ่ขนาดนี้เชียวหรือ?"
"จุดดอกไม้ไฟชุดใหญ่ต้อนรับเราด้วย!" ในตอนนั้นเอง เรือบินโบราณลำหนึ่งพุ่งทะลุฟ้ามา พร้อมกับเสียงหัวเราะเบิกบานดังออกมาจากในเรือบิน
"นั่นคือครอบครัวเจียง! คู่ปรับของเผ่าจั่น!"
"สมแล้ว เผ่าจั่นเพิ่งออกมา ครอบครัวเจียงก็ออกมาทันที สองตระกูลโบราณนี้ต่อสู้กันมาเป็นหมื่นๆ ปี แต่ก็ยังไม่รู้ผลแพ้ชนะ"
"ทำไมครอบครัวเจียงถึงโผล่มาได้พอดีแบบนี้? รถรบของเผ่าจั่นเพิ่งจะระเบิดไป พวกเขาก็ปรากฏตัวขึ้น จะเป็นไปได้ไหมว่า..." มีคนหนึ่งพูดขึ้น พร้อมกับแสดงความสงสัยในใจออกมา แต่ทันใดนั้นเขาก็รีบเอามือปิดปากตัวเอง และถอยไปซ่อนตัวอยู่ด้านหลังฝูงชน เพราะเขารู้สึกว่าตนเองอาจจะพูดความจริงอันน่ากลัวออกไป!