ทางกลับบ้าน (2)
[แปลโดยแฟนเพจ ยักษาแปร มาติดตามในแฟนเพจเพื่อติดตามข่าวสารได้นะ]
[Thai-novel ลงไวกว่าที่อื่นทุกที่ 5 ตอน แต่จะราคาแพงที่สุด]
[หลังแปลจบจะมีการแก้ไขคำอ่านใหม่ตั้งแต่ต้นอีกครั้ง ถ้าอ่านแบบเถื่อนหรือแชร์กันเป็นคณะ100คน ก็อ่านไปครับ เพราะผมจะแก้แบบแปลใหม่อีกรอบแค่ในThai-novel กับเว็บอื่น ๆ และแหล่งที่ผมแปลครับ ส่วนคนที่อ่านที่อื่นก็จะได้อ่านแบบไม่มีการแก้คำผิด และยิบย่อยมากมาย ไปนั่นแหละ]
<เรื่องราวของอารอนตอนที่ 51>
7. ทางกลับบ้าน (2)
*****
อารอนลุกขึ้นมาจากเงามืด
แสงในดวงตาของเขาพร่ามัว
"คุณลุง!"
มองไปด้านข้าง
เด็กหญิงโบกมือและวิ่งเข้ามาหาเขา
เธอเป็นหลานสาวของนีน่า
"แม่ให้หนูมาถามคุณลุงค่ะ! แม่ฝากถามว่าคุณลุงจะทานอาหารเย็นด้วยกันไหม?"
"ไม่เป็นไร เดี๋ยวฉันจะไปธุระต่อแล้ว"
"โอ้ คุณลุงจะไปเลยงั้นเหรอ?"
อารอนพยักหน้า
ธุระของเขาที่นี่เสร็จแล้ว
"น่าเสียดายจัง หนูว่าจะเล่าเรื่องยายให้คุณลุงฟังก่อน"
"ไม่เป็นไร ที่จริงฉันอยากจะถามคำถามหนูบางอย่าง"
"อะไรคะ?"
"หนูรู้ไหมว่ายายของหนูนอนพักอยู่ที่ไหน?"
"อ๊ะ แน่นอนฉันรู้! ตามฉันมา"
เด็กหญิงวิ่งนำหน้า
อารอนเดินตามเธอไปเงียบๆ
ขึ้นไปบนเนินเขา
เขาเดินไปตามถนนลูกรังที่ดอกไม้บาน
ลมที่มีกลิ่นของหญ้าพัดมา
มีต้นไม้ใหญ่ต้นหนึ่งอยู่บนยอดเขา
หลุมศพของนีน่าถูกสร้างขึ้นภายใต้ร่มเงาของต้นไม้นั้น
หลุมฝังศพหินเรียบง่ายไร้การตกแต่งหรืออะไรที่โดดเด่น
มีเพียงชื่อเจ้าของที่เขียนไว้
"ที่นี่ค่ะ! คุณยายของหนูอยู่ที่นี่"
ด้านล่างเนินเขา
ทิวทัศน์ของเมืองสามารถมองเห็นได้ไกลออกไป
"พี่ควรจะให้ของขวัญเธอในตอนที่เราอยู่ด้วยกันที่นี่"
เด็กน้อยคนนั้นวางดอกไม้ที่เธอเด็ดมาไว้หน้าหลุมศพนีน่า
อารอนก็ทำแบบเดียวกัน
มีทุ่งดอกไม้บานอยู่ใกล้ๆ
เขาเด็ดดอกไม้และมัดรวมกันเป็นช่อแล้ววางไว้หน้าหลุมศพ
การรำลึก
เป็นพิธีรำลึกถึงผู้เสียชีวิต
"นีน่า"
อารอนพูดกับหลุมศพ
มีบางอย่างที่เขาต้องการจะพูดหลังจากนั้น
ขอโทษ
เขารู้สึกผิดที่ช่วยเธอไม่ได้
ขอโทษที่มารับช้า
'แต่มันก็ไม่มีความหมาย'
แต่ปากก็ยังปิดอยู่
ไม่ว่าจะพูดอะไร มันก็ไม่สำคัญ
เสียงของเขาไปไม่ถึงหูของนีน่า
เพราะเธอตายไปแล้ว
"...."
อารอนทำได้เพียงแค่มอง
เพียงแค่มองไปที่หลุมศพและรำลึกถึงความทรงจำที่ไร้ความหมายซ้ำแล้วซ้ำเล่า
อารอนหยิบรูปในเสื้อออกมา
แม้ว่ารูปร่างหน้าตาของเธอจะเปลี่ยนไป แต่ถ้าเขาเห็นรอยยิ้มของเธอ เขาจะต้องจำเธอได้
ภาพเหมือนนี้เป็นหลักฐานว่าอารอนไม่เคยลืมนีน่า
'ไปกันเถอะ'
ออกจากที่นี่กันเถอะ
และอย่ากลับมาอีก
อารอนตัดสินใจ
"คุณลุงค่ะ"
ในขณะที่เขากำลังจะหันหลังกลับ เด็กหญิงก็เรีนยกเขา
"ว่าไง?"
"ตอนแรกภาพวาดนั้นดูแปลกๆ แต่พอมองดูใกล้ๆอีกครั้ง หนูคิดว่าหนูรู้แล้ว!"
เด็กหญิงวิ่งเข้ามาหาอารอนและมองดูภาพวาดในมือของเขา
"หนูรู้แล้ว! รอยยิ้มนั้น! ใบหน้าที่ยิ้มแย้มของคุณยายหนู!"
"หนูรู้ได้ยังไง?"
"เพราะหนูเคยเห็นมาก่อนไงค่ะ!"
เด็กหญิงถอยหลังไปสองสามก้าวจากอารอน
แล้วเธอก็ตะโกนเสียงดัง
"คุณลุง ยิ้มให้หนูหน่อยได้ไหมคะ?"
"อะไรนะ?"
"แค่ครั้งเดียว ยิ้มให้หนูแค่ครั้งเดียวก็พอค่ะ!"
เสียงเหมือนเด็กหญิงนั้นกำลังขอร้อง
ในที่สุดอารอนก็ขยับมุมปาก
"ใช่ นั่นแหละค่ะ!!"
จากนั้นเธอก็คลายเชือกสร้อยคอที่คอของเธอ
มันเป็นสร้อยคอทรงกระบอกยาว
คลิก
เด็กหญิงเปิดฝาที่ด้านบนของสร้อยคอ
ภายในกระบอกที่ว่างเปล่า
เด็กหญิงหยิบสิ่งที่อยู่ข้างในออกมา
มันคือกระดาษม้วน
มีรูปวาดบางสิ่งอยู่บนกระดาษ
เด็กหญิงกางกระดาษออกและมองดูรูปวาดบนกระดาษและอารอนสลับกัน
กระดาษเปลี่ยนสีราวกับว่าเวลาผ่านไปนานพอสมควร แต่ภาพวาดก็ไม่เสียหาย
"อ๊ะ มันใช่จริงๆด้วย"
เด็กหญิงพยักหน้า
"นั่นคือ...."
"คุณยายทิ้งมันไว้ให้หนูค่ะ สร้อยคอกับรูปวาดข้างใน ว้าว คนๆนั้นคือคุณลุงนี่เอง! คนที่คุณยายบอกหนู"
ดวงตาของอารอนเบิกกว้าง
"คุณยายบอกว่าคนๆนี้จะต้องกลับมาแน่นอน เขาจะมาขอพบคุณยาย และคุณยายยังบอกอีกว่าหนูจะรู้เองว่าใครเมื่อเขามาที่นี่ ตอนนี้หนูรู้แล้ว มันถูกต้องแบบที่คุณยายบอกจริงๆ!"
เธอยิ้ม
จากนั้นเธอก็กางกระดาษที่ม้วนออกแล้วแสดงให้อารอนดู
"นี่ไง รูปวาดที่คุณยายทิ้งไว้ให้"
"...."
"เหมือนกับของคุณลุงใช่มั้ยคะ? เส้นก็คดเคี้ยว วงกลมก็ยุ่งเหยิง คุณยายบอกว่ามันคือใบหน้าที่ยิ้มแย้มของครอบครัวคุณยาย"
เด็กหญิงเปรียบเทียบกระดาษในมือของอารอนกับกระดาษของเธอ
"เหมือนกัน เหมือนกันมากเลย"
กระดาษสองแผ่น
ทั้งคู่เป็นภาพเหมือนที่เกือบจะเป็นภาพวาด
มีเพียงครอบครัวของพวกเขาเท่านั้นที่จำเจ้าของภาพเหมือนได้
"รูปของคุณลุงคือคุณยายของหนู และของคุณยายก็คือคุณลุง"
"ยังไง...."
"ถ้างั้นคุณลุงก็เป็นคนในครอบครัวของคุณยาย? แปลกจัง คุณยายไม่มีครอบครัว แล้วอายุก็ไม่เท่ากัน?"
เด็กหญิงครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง
"ยังไง....?"
อารอนถามคำถามเดิมซ้ำ
"เป็นเรื่องที่คุณยายเล่าให้หนูฟังก่อนที่คุณยายจะไปสวรรค์ค่ะ"
เด็กหญิงพูด
มันคือจุดจบของหญิงชราคนหนึ่ง
นีน่า เดลเคิร์ด
หญิงชราคนนั้นกำลังจะตาย
อายุขัยของเธอได้สิ้นสุดลงแล้ว
การตายในเรื่องของธรรมชาติแล้วนั้นมันเป็นเรื่องปกติมาก
ในระหว่างนั้น
หญิงชราพาหลานสาวของเขามาและเล่าเรื่องให้เธอฟัง
เกี่ยวกับชีวิตของเธอที่เกิดมาโดยไม่มีพ่อแม่และมีชีวิตที่ยากลำบาก
ชีวิตที่โหดร้ายสำหรับเด็กผู้หญิงชื่อนีน่า
แม้ว่าชาวบ้านจะสงสารเธอ แต่ก็ไม่สามารถรับนีน่ามาเป็นคนในครอบครัวของพวกเขาได้
เธอไม่มีพ่อแม่ไม่มีพี่น้อง
เด็กหญิงอยู่คนเดียว
ยิ่งไปกว่านั้น ร่างกายที่อ่อนแอโดยกำเนิดทำให้ชีวิตของเธอยากลำบากมากขึ้น
เด็กหญิงร้องไห้
ถ้าเธอมีครอบครัว
ถ้ามีคนกอดเธออย่างอบอุ่นและบอกว่าไม่เป็นไร
แต่นี้…เธอไม่มีใครเลย
เด็กหญิงอยู่คนเดียว
แล้วเธอก็ตัดสินใจ
เธอขอตายดีกว่า
นั่นคือตอนที่เรื่องราวมันเกิดขึ้น
คนแปลกหน้าปรากฏตัวต่อหน้าเธอ
คนที่ไม่รู้จักตัวตน
เด็กหญิงจำไม่ได้ว่าคนๆ นั้นเป็นใครจนกระทั่งเธอเสียชีวิต
แต่ฉันจำสิ่งที่คนแปลกหน้าพูดได้
เพราะนั่นกลายเป็นจุดมุ่งหมายของการมีชีวิตของเธอ
<เธอมีครอบครัว>
คนแปลกหน้าพูด
<แต่เขาไม่ได้อยู่ที่นี่ แต่เขาอยู่ไกลออกไป>
เด็กหญิงบอกให้เขามาช่วยเธอถ้าเป็นเช่นนั้น
คนแปลกหน้าพูดอย่างอบอุ่น
<ฉันทำไม่ได้หรอกนะ>
ทำไมล่ะ? ถ้าเธอมีครอบครัวจริงๆทำไมเขาไม่มาหาเธอ?
<เพราะเขากำลังต่อสู้เพื่อปกป้องเธอยังไงล่ะ>
เพื่อเธอ?
<เพื่อปกป้องโลกที่เธออยู่ เพื่อเธอ>
เหลือเชื่อ
เธอร้องไห้และตะโกนว่ามันเป็นเรื่องโกหก
จากนั้นมือของคนแปลกหน้าก็แตะหน้าผากของเธอ
<ฉันจะแสดงให้เธอเห็นเองว่าเขารักเธอมากแค่ไหน?>
ทัยใดนั้น…เธอก็จำความทรงจำในชาติที่แล้วได้
ความทรงจำที่ไม่ควรมี
เรื่องราวเกี่ยวกับพี่ชายของเธอ
<เห็นไหม?>
เธอรู้แล้ว เธอตระหนักได้แล้ว
ว่าเธอมีครอบครัวด้วย
และคนๆ นั้นกำลังต่อสู้เพื่อเธออยู่ตอนนี้
<ตอนจบอาจจะแย่ไปหน่อย แต่อย่าถือสาเขาเลย เขาเป็นครอบครัวไม่ใช่เหรอ?>
ใช่
เด็กหญิงพยักหน้าทั้งน้ำตา
<ใช้ชีวิตให้ดี และอดทนเข้าไว้>
คนแปลกหน้าพูดขณะจากไป
<เธอไม่ได้อยู่คนเดียว>
เธอไม่ได้อยู่คนเดียว
เด็กหญิงไม่ได้อยู่คนเดียว….
เธอรู้ความจริงข้อนั้น
แม้ว่าเขาจะไม่ได้อยู่เคียงข้างเธอ แต่เขาก็ต่อสู้กับโลกเพื่อเธอมากกว่าใครๆ
ที่ไหนสักแห่งไกลออกไป ไม่ใช่ที่นี่
มีคนที่ต้องการเห็นเธอมีความสุข
เด็กหญิงตัดสินใจ
ไม่ใช่การตัดสินใจที่จะตาย แต่เป็นการตัดสินใจที่จะมีชีวิตอยู่
ดังนั้นเธอจึงทำงานหนัก
เพื่อตัวเอง
สำหรับครอบครัวที่ต้องการความสุขของเธอ
ใช้ชีวิตอย่างเต็มที่ในแต่ละวัน
เธอมีความสุขกับชีวิตมนุษย์และทำงานอย่างหนักเพื่อปกป้องมัน
เพราะเธอไม่ได้อยู่คนเดียว
เพราะคนๆ นั้นต้องการให้มีเธอความสุข
ฉันอาจจะไม่ได้เจอเขาตลอดชีวิต
เด็กหญิงรู้
ระยะห่างระหว่างเธอกับเขานั้นไกลเกินกว่าจะเอื้อมถึง
แต่
วันหนึ่ง วันหนึ่ง เขาจะมาหาเธออย่างแน่นอน
แล้วเธอจะบอกเขา
ว่าเธอไม่เคยลืม
ต้องขอบคุณเขา ที่ทำให้เธอสามารถใช้ชีวิตอย่างเต็มที่ได้
ดังนั้น
เพราะเขาคนนั้น....
"เธอไม่ได้อยู่คนเดียว"
เด็กหญิงพูด
ด้วยน้ำเสียงที่ใสกระจ่าง
หลานของนีน่ามองไปที่อารอนแล้วพูดกับเขา
"...."
เธอยิ้มอย่างไร้เดียงสา
“เรื่องราวจบแค่นี้ค่ะ! คุณยายของหนูเธอน่าทึ่งมากเลยใช่ไหมคะ!”
อารอนไม่พูดอะไร
"เอ๊ะ คุณลุงร้องไห้เหรอคะ?"
"ไม่"
"คุณลุงคะ?"
"ฉันไม่ได้...ร้องไห้"
อารอนพูด
"คุณยายของหนูมีชีวิตที่ยากลำบากมาก"
"ใช่ค่ะ"
เขามองไปที่ภาพเหมือนที่นีน่าทิ้งไว้
ใบหน้าของใครบางคนวาดอยู่ข้างในกระดาษนั้น
แค่การมีอยู่ของเขา ก็ถือเป็นเสาหลักในการดำรงชีวิตของเธอใช่ไหม?
"คุณลุง อย่าร้องไห้นะคะ"
"ขอบคุณ ขอบคุณมาก ขอบคุณ...."
ไหล่ของอารอนสั่น
"ขอบคุณที่ยังมีชีวิตอยู่ ขอบคุณที่ใช้ชีวิตอย่างเต็มที่ ขอบคุณที่จำฉันได้..."
"หนูก็ขอบคุณลุงเช่นกันที่คุณลุงมาหาคุณยายยของหนู"
เด็กหญิงกอดอารอน
ความอบอุ่นจากร่างกายเล็กๆ
เด็กหญิงกอดเขาไว้เป็นเวลานาน จนกระทั่งอารมณ์ของเขาสงบลง
"คุณลุง หนูจะให้อันนี้คุณลุงเก็บไว้"
ครู่ต่อมา ที่ทางเข้าหมู่บ้าน
เด็กหญิงยื่นสร้อยคอให้อารอน
ข้างในสร้อยคอนั้นมีภาพเหมือนสองภาพม้วนอยู่
อันหนึ่งวาดโดยอารอน
อีกอันวาดโดยนีน่า
"ให้อันนี้กับฉันเหรอ?"
"หนูคิดว่ามันจะดีกว่าถ้าคุณลุงเก็บมันไว้ หนูคิดว่าคุณยายของหนูก็ต้องการแบบนั้นเหมือนกัน"
เธอวางสร้อยคอไว้บนมือของอารอน
อารอนก็ไม่สามารถปฏิเสธเธอได้
"มันเหมาะกับคุณลุงมากค่ะ!"
เมื่ออารอนใส่สร้อยคอ เด็กหญิงก็ยิ้มออกมา
"คุณลุงจะกลับบ้านเลยไหมคะ?"
"ใช่"
"อืม~ น่าเสียดายจัง แล้วคุณลุงจะกลับมาอีกไหมคะ?"
เวลาจะผ่านไปกี่ปีเมื่อเขากลับมาครั้งต่อไป
อารอนเองไม่รู้
“ลัตตี้”
"คะ?"
“ใช้ชีวิตให้ดีและมีความสุขนะ”
ดวงตาไร้เดียงสาที่มองมาที่เขา
อารอนพูดกับดวงตานั้น
"ใช้ชีวิตให้เต็มที่ ทำให้ดีที่สุด อย่าให้ตัวเองต้องเสียใจทีหลัง"
"ค่ะ คุณลุง หนูจะทำตามที่คุณลุงบอก! หนูจะมีชีวิตที่ดี ดังนั้นคุณลุงก็ใช้ชีวิตให้ดีด้วย! ใช้ชีวิตให้มีความสุข!"
"ตกลง ฉันจะพยายามใช้ชีวิตอย่างเต็มที่"
อารอนยิ้มให้เด็กหญิง
รอยยิ้มของเด็กหญิงก็ยิ้มเหมือนดอกไม้
แล้วทั้งสองก็จากกัน
'อาจารย์'
อารอนเดินไป
เขาเดินจากไป ทิ้งสายลมแห่งฤดูใบไม้ผลิไว้เบื้องหลัง
ทิวทัศน์อันเงียบสงบของเมือง
เสียงหัวเราะของเด็กๆ ที่กำลังเล่นกัน
ทุ่งหญ้าสีเขียวขจีกว้างใหญ่ไพศาล
เขาเดินต่อไปโดยหันหลังให้ทั้งหมดนั้น
'ความฝันของเขายังไม่จบ'
แสงแดดอันอบอุ่นของที่นี่ไม่เหมาะกับเขา
เขาเดินเข้าไปในเงามืด
สู่ฤดูหนาวที่หนาวเย็น
อารอนมุ่งหน้าไปยังที่ที่ความมืดปกคลุม
สถานที่ที่เต็มไปด้วยความหนาวเย็น
สถานที่ที่ประวัติศาสตร์ทั้งหมดเขียนด้วยเลือดและดาบ
อารอนมุ่งหน้าไปยังสถานที่ที่มืดมิดและเงียบสงัด
เกิดรอยเท้าบนหิมะทุกครั้งที่เดินไป
พายุหิมะที่พัดกระหน่ำทำให้มองไม่เห็นแม้แต่มือตัวเอง
อารอนไม่รู้ว่ามันจะจบลงอย่างไร
แต่เขาเห็น
เมื่อเขามองไปด้านข้าง เขาเห็นรอยเท้าของเพื่อนๆที่กำลังเดินไปในทิศทางเดียวกัน
ในฤดูหนาวที่ไม่มีที่สิ้นสุด
ในความฝันที่ไม่มีวันสิ้นสุด
พวกเขากำลังเดินไปสู่รุ่งอรุณ
'ฉันต้องการปกป้องมันต่อไป'
ทาวน์เนียดินแดนที่เขาเกิดและเป็นที่รัก
ฤดูใบไม้ผลิยังคงอยู่ที่นี่ และดอกไม้กำลังเบ่งบาน
อารอนจับหอกสีเข้มที่สะพายไว้บนหลังแน่น
จี้ที่คอของเขาแกว่งไปมาทุกครั้งที่เขาก้าว
คำสาบานแห่งนิรันดร์บรรจุอยู่ภายในจี้นั้น
'ได้โปรดเฝ้าดูฉันด้วยนะ'
ความฝันอันบริสุทธิ์ไม่มีวันสิ้นสุด
นั่นคือพลังแห่งกรรม
มันดำเนินต่อไปเป็นนิรันดร์และในที่สุดก็เบ่งบานออกเหมือนดอกไม้ในฤดูใบไม้ผลิ
นั่นเป็นเหตุผลที่อารอนเดิน
อารอน ไนเดล เดินต่อไปโดยไม่หยุด
เขาก้าวไปข้างหน้าด้วยสายตาที่แน่วแน่ผ่านทุ่งหิมะที่พายุหิมะกำลังโหมกระหน่ำ
<พิกมีอัพ! เรื่องราวของอารอน….จบบริบูรณ์>
<พิกมีอัพ! โปรดติดตามเรื่องราวของไรก็ได้ในต่อไป>