บทที่ 52 พบแขก
ทิวทัศน์ในลานบ้านแตกต่างจากที่ทั้งสามคนคาดคิด เงียบสงบแต่ดูเรียบง่ายไม่เป็นทางการ
สระน้ำและทัศนียภาพมีความงดงามธรรมดา ไม่มีคลื่นพลังวิญญาณใดๆ ไม่เหมือนที่อยู่อาศัยของผู้ฝึกตนระดับสูง
อาจารย์จวงก็แตกต่างจากที่พวกเขาจินตนาการ แม้จะมีรูปโฉมหล่อเหลาสง่างาม และท่าทางผ่านโลกมามาก แต่ดูเหมือนจะขาดบุคลิกบางอย่างที่พวกเขาคาดหวัง
ป้าเสวี่ยแสดงท่าทางนอบน้อม ในใจครุ่นคิด
ก่อนออกเดินทาง คุณหญิงให้นางดูภาพวาดภาพหนึ่ง ในภาพเป็นชายคนหนึ่งยืนประสานมือบนยอดเขา ดูราวกับดาบวิเศษที่แผ่รัศมีเจิดจ้า ท่าทางเหนือโลก มองข้ามฟ้าดิน ถือตนเป็นใหญ่ จนแทบไม่กล้าสบตา
แต่อาจารย์จวงตรงหน้านอนอยู่บนเก้าอี้ไผ่ แกว่งไปมาอย่างสบายอารมณ์ ดู... เหนื่อยอ่อนมาก
ถ้าไม่ได้เห็นภาพวาดมาก่อน แทบไม่อาจเชื่อว่าเป็นคนเดียวกัน
แม้จะเป็นเช่นนั้น ป้าเสวี่ยก็ไม่กล้าดูถูกแม้แต่น้อย นางยื่นป้ายโลหะและจดหมายหยกให้อาจารย์จวงอย่างนอบน้อม
"ก่อนออกเดินทาง คุณหญิงสั่งให้ข้าน้อยมอบป้ายโลหะและจดหมายนี้ให้ท่านอาจารย์ บอกว่าท่านอาจารย์อ่านแล้วจะเข้าใจเอง"
อาจารย์จวงดูป้ายโลหะ แล้วอ่านจดหมายหยก หัวเราะเบาๆ:
"ช่างเป็นน้องสาวร่วมสำนักที่ดีจริงๆ ถึงขนาดนี้แล้วยังนึกถึงข้า ไม่ลืมที่จะหาเรื่องยุ่งยากให้ข้า"
อาจารย์จวงหันไปมองป้าเสวี่ย "มีโอกาสก็บอกคุณหญิงของเจ้าด้วย ผู้หญิงคิดมากเกินไป จะแก่เร็ว"
ป้าเสวี่ยก้มหน้า ไม่กล้าตอบ
อาจารย์จวงมองไป๋จื่อเซิ่งและไป๋จื่อซีอีกครั้ง พยักหน้าพูดว่า "พรสวรรค์ดีทั้งคู่ สมกับเป็น..." อาจารย์จวงพูดครึ่งๆ กลางๆ แล้วหยุดไป
ป้าเสวี่ยไม่รู้ว่าอาจารย์จวงจะพูดอะไร แต่เห็นอาจารย์จวงชมพรสวรรค์ของไป๋จื่อเซิ่งและไป๋จื่อซี ก็อดยิ้มด้วยความยินดีไม่ได้ "งั้นท่านอาจารย์..."
"ข้าไม่รับศิษย์ตรง อย่างมากก็เป็นศิษย์จดทะเบียน" อาจารย์จวงวางจดหมายหยกลง "อยากอยู่ก็อยู่ ไม่อยากอยู่ก็กลับไปเถอะ"
เรื่องนี้อยู่ในการคาดการณ์ของคุณหญิง ป้าเสวี่ยจำคำพูดของคุณหญิงก่อนออกเดินทางได้:
"พี่ชายร่วมสำนักคนนี้ของข้ามีนิสัยดื้อรั้น สิ่งที่เขาตกลง เขาจะทำให้ได้แน่นอน สิ่งที่เขาไม่ยอมรับ ไม่ว่าจะขอร้องอย่างไรก็ไม่มีประโยชน์ แต่เขาก็มีใจอ่อน เพียงแค่เขาเปิดปากยอมรับ ค่อยๆ ขัดเกลาไป ทำไม่ได้เป็นศิษย์ตรงก็เป็นศิษย์จดทะเบียน ทำไม่ได้เป็นศิษย์จดทะเบียน แค่ได้อยู่คอยรับใช้ก็ยังดี ขอเพียงเขายังนึกถึงความสัมพันธ์ สักวันก็ต้องรับจื่อซีและจื่อเซิ่งเป็นศิษย์"
ป้าเสวี่ยรีบพูด "ได้เป็นศิษย์จดทะเบียนของท่านอาจารย์ ก็นับเป็นโชคลาภจากสวรรค์แล้ว จะไม่ยินดีได้อย่างไร"
"อืม" อาจารย์จวงพยักหน้า "งั้นพิธีการต่างๆ ก็ยกเว้นเสียเถอะ เรียกข้าว่า 'ท่านอาจารย์' ก็พอ"
ไป๋จื่อเซิ่งและไป๋จื่อซีคุกเข่าคำนับอาจารย์จวง เรียกว่า "คารวะท่านอาจารย์"
อาจารย์จวงมองเด็กสองคน สีหน้าเหม่อลอยไปครู่หนึ่ง
ราวกับเห็นภาพเด็กสองคน เด็กชายหน้าตาหล่อเหลา เด็กหญิงงดงาม กำลังคุกเข่าคำนับชายชราผมขาวโพลน ในหูยังก้องเสียงเด็กๆ "คารวะท่านอาจารย์"
อาจารย์จวงได้สติกลับมา สีหน้าผ่านความรู้สึกเยาะหยันตัวเองไปวูบหนึ่ง จากนั้นก็พูดว่า
"ที่นี่ไม่มีกฎระเบียบมากมาย แม่ของพวกเจ้าก็มีความรู้ด้านค่ายกลไม่น้อย สิ่งที่ควรสอนนางคงสอนไปแล้ว พวกเจ้าก็ผ่านวัยเริ่มเรียนค่ายกลมาแล้ว คงมีพื้นฐานอยู่บ้าง เรียนรู้ด้วยตัวเองก็พอ หากมีข้อสงสัยก็มาถามข้า แต่มีข้อเดียว อย่ารบกวนข้าตอนหลับตาบำเพ็ญเพียร"
"ที่นี่ยังมีศิษย์จดทะเบียนอีกคน ชื่อโม่ฮว่า พวกเจ้าคงเคยเจอแล้ว พวกเจ้าจงอยู่ร่วมกันให้ดี"
พูดจบอาจารย์จวงก็โบกมือ "ไปได้ ทุกวันให้ขึ้นเขามาตอนยามเช้า (7.00-9.00 น.) ลงเขาตอนยามเย็น (17.00-19.00 น.) เวลาอื่นตามสะดวก มีอะไรไม่เข้าใจให้ไปถามโม่ฮว่า"
ไป๋จื่อเซิ่งและไป๋จื่อซีจึงคำนับลา ทั้งสามคนออกจากกระท่อมไผ่ มาที่ลานบ้าน
ป้าเสวี่ยรู้สึกว่าเรื่องราวราบรื่นกว่าที่คิด ราบรื่นจนดูเหมือนไม่ใส่ใจ
อีกทั้งไม่รู้ว่าทำไมก่อนหน้านี้อาจารย์จวงไม่ยอมพบพวกเขา แต่ผ่านไปหลายวัน จู่ๆ ก็ยินดีพบ และยังรับไป๋จื่อเซิ่งกับไป๋จื่อซีเป็นศิษย์อย่างง่ายดาย
ป้าเสวี่ยขมวดคิ้วด้วยความสงสัย
"หรือว่าจะเป็นอย่างที่เด็กคนนั้น โม่ฮว่าพูดจริง ว่าอาจารย์จวงทำอะไรตามโชคชะตา ก่อนหน้านี้ที่ไม่พบ เพราะโชคยังมาไม่ถึง ตอนนี้พบแล้ว ก็แสดงว่าโชคมาถึงแล้ว?"
ป้าเสวี่ยเดินไปเรื่อยๆ ก็เห็นโม่ฮว่ากำลังก้มหน้าอ่านตำราค่ายกลอย่างตั้งใจอยู่ที่โต๊ะเล็กใต้ต้นสำโรงใหญ่
ป้าเสวี่ยคิดว่าการที่โม่ฮว่าได้เป็นศิษย์ของอาจารย์จวง ต้องมีอะไรพิเศษแน่ ส่วนไป๋จื่อซีและไป๋จื่อเซิ่งก็อยากรู้ว่าอาจารย์จวงสอนอะไรบ้าง
ทั้งสามคนเดินมาหน้าโม่ฮว่า พบว่าโม่ฮว่ากำลังจดจ่ออ่านตำราค่ายกลเล่มหนึ่ง
โม่ฮว่าตั้งใจอ่านหนังสืออยู่ตลอด ครั้นได้ยินเสียงเคลื่อนไหวจึงเงยหน้าขึ้น พบว่าเป็นพี่น้องไป๋จื่อเซิ่ง จึงพูดว่า "พวกท่านได้พบอาจารย์จวงแล้วหรือ?"
ป้าเสวี่ยตอบ "ใช่แล้ว ต้องขอบคุณคำพูดของคุณชายน้อยเมื่อก่อนด้วย ไม่เช่นนั้นพวกเราคงต้องรอนานกว่านี้"
"ข้าไม่ใช่คุณชายน้อยอะไรหรอก เรียกข้าว่าโม่ฮว่าก็พอ" โม่ฮว่าโบกมือพูด "อีกอย่าง ที่ต้องขอบคุณก็คืออาจารย์ ไม่เกี่ยวอะไรกับข้าหรอก"
ตอนนี้ไป๋จื่อเซิ่งที่อยู่ข้างๆ ทนไม่ไหวจึงถามขึ้น "หนังสือที่เจ้าอ่านอยู่... เป็น 《คัมภีร์ค่ายกลเบญจธาตุเบื้องต้น》 ใช่ไหม?"
โม่ฮว่าพยักหน้า
ไป๋จื่อเซิ่งสงสัย "เจ้าเป็นศิษย์ของอาจารย์จวง แต่กลับเพิ่งเรียนถึงแค่นี้เองหรือ? นี่เป็นหนังสือที่ในตระกูลของพวกเราใช้สอนเด็กอายุสามสี่ขวบเริ่มเรียนค่ายกลนะ..."
โม่ฮว่ารู้สึกไม่พอใจ
การสงสัยในตัวเขาไม่เป็นไร แต่สงสัยในอาจารย์จวงไม่ได้
โม่ฮว่าย้อนถาม "งั้นหนังสือเล่มนี้เป็นเด็กอายุสามสี่ขวบเขียนหรือ?"
ไป๋จื่อเซิ่งชะงักไปครู่หนึ่ง "ก็ไม่ใช่ หนังสือค่ายกลพื้นฐานพวกนี้ แม้จะดูเหมือนง่าย แต่เพราะเกี่ยวข้องกับสิ่งสำคัญ ส่วนใหญ่จึงเขียนโดยผู้ฝึกตนระดับสูงที่มีความรู้ด้านค่ายกลลึกซึ้ง"
"ในเมื่อเขียนโดยผู้ฝึกตนระดับสูงเหล่านั้น ทำไมจึงอ่านไม่ได้? ยิ่งเป็นสิ่งที่ดูเหมือนง่าย ก็ยิ่งแฝงหลักการที่ลึกซึ้ง วิถีสูงสุดย่อมเรียบง่าย กลับคืนสู่ธรรมชาติ แม้แต่ค่ายกลระดับสูง ก็ล้วนประกอบขึ้นจากลายค่ายกลพื้นฐานที่สุด"
โม่ฮว่าเลียนแบบท่าทางของอาจารย์จวง ทำเป็นลึกลับน่าค้นหา
แต่เพราะเขายังมีประสบการณ์น้อย สุดท้ายจึงทำได้แค่สามสี่ส่วน แต่ก็เพียงพอที่จะทำให้ไป๋จื่อเซิ่งหลงเชื่อแล้ว
ไป๋จื่อเซิ่งเหมือนได้รับการตระหนักรู้ มองโม่ฮว่าด้วยสายตาที่แตกต่างไปจากเดิม
แต่ชั่วครู่ต่อมา เขาก็สงสัยอีก "แต่ระดับพลังของเจ้าต่ำมากนะ ดูเหมือนจะอายุห่างจากข้ากับจื่อซีแค่สองสามปี แต่ทำไมถึงเพิ่งอยู่ขั้นฝึกลมปราณระดับสามเท่านั้น ปกติอย่างน้อยก็ต้องอยู่ขั้นฝึกลมปราณระดับห้าหกแล้วสิ..."
โม่ฮว่ารู้สึกว่าคนนี้ช่างน่ารำคาญ อิ่มแล้วก็พูดมาก ยังไม่เท่าวันนั้นที่หิวจนไม่มีแรงพูด ดูน่ามองกว่า
โม่ฮว่าไม่อยากสนใจเขาเท่าไหร่ ป้าเสวี่ยที่อยู่ข้างๆ พูดอย่างขอโทษขอโพย:
"ขออภัย จื่อเซิ่งพูดจาไม่ระวังไปหน่อย ไม่ทราบว่าการเป็นศิษย์ของอาจารย์จวง ต้องทำอะไรบ้าง?"
ไป๋จื่อเซิ่งอยากจะโต้แย้งอะไรบางอย่าง แต่ไป๋จื่อซีก็มองเขาเรียบๆ หนึ่งที ไป๋จื่อเซิ่งจึงกลืนคำพูดลงท้องไป
โม่ฮว่าไม่ได้ใส่ใจ จึงตอบว่า "ก็ไม่ต้องทำอะไรมาก ทุกวันก็ฝึกฝนและเรียนรู้ด้วยตนเอง เมื่ออาจารย์ว่าง ก็ไปขอคำแนะนำ แต่อย่าไปรบกวนตอนอาจารย์นอนหลับ"
ไป๋จื่อเซิ่งอดถามไม่ได้ "ความรู้ด้านค่ายกลของอาจารย์สูงส่งจริงหรือ? ข้าเห็นในลานบ้านนี้ดูธรรมดามาก ไม่ได้ใช้ค่ายกลพิเศษอะไร ปกติที่อยู่ของอาจารย์ค่ายกลไม่ควรจะมีค่ายกลเต็มไปหมดหรอกหรือ?"
โม่ฮว่าย้อนถาม "ถ้าความรู้ด้านค่ายกลของอาจารย์จวงไม่สูงส่ง แล้วทำไมพวกท่านถึงต้องลำบากลำบนมาขอเป็นศิษย์ด้วยล่ะ?"
ไป๋จื่อเซิ่งตอบ "นั่นก็เพราะว่า..."
"คุณชาย!"
ป้าเสวี่ยร้องเรียกไป๋จื่อเซิ่ง ไป๋จื่อเซิ่งก็รู้ว่าตนพูดพลาด จึงแก้ตัวว่า "เพราะก่อนหน้านี้แค่ได้ยินมา ยังไม่ได้เห็นกับตา ข้าถึงได้ถามเจ้า"
"อ้อ~"
โม่ฮว่ามองเขาอย่างสงสัย แต่ก็ไม่ได้พูดอะไรอีก