ตอนที่ 153 ซุปหมาระดับนักบุญ!
ท่ามกลางเสียงชื่นชมรอบข้าง จางหยุนเทียนยิ้มอย่างมีความสุข ช่วงสองปีมานี้ หลินหยางกลายเป็นความภาคภูมิใจของเขาอย่างแท้จริง ในอนาคตเขาก็มีความตั้งใจจะให้หลินหยางกลายเป็นเจ้าสำนัก ดูแลสำนักเกาซานต่อไป ข้างๆ มู่ชิงชิงมองดูหลินหยางที่กำลังเป็นที่จับตามองในสนาม ดวงตาเหมือนน้ำค้างยามเช้าของเธอเต็มไปด้วยความภาคภูมิใจ นั่นคือคนของเธอ ผู้ที่ปัจจุบันกลายเป็นยอดคนที่ทุกคนให้ความสำคัญ!
“ในเมื่อศิษย์พี่หลินยืนกรานจะต่อสู้ เช่นนั้นศิษย์น้องก็จะไม่เกรงใจแล้ว!” หลี่หลิวทำสีหน้าเคร่งขรึม จริงจังมาก การท้าทายหลินหยางเป็นเพราะเขาอยากรู้ว่าความแตกต่างระหว่างเขากับยอดคนระดับสูงนั้นมีมากแค่ไหน ความแตกต่างนี้ จะพึ่งพาวิชาสำนัก ความพยายามภายหลัง หรือการใช้ทรัพยากรสามารถทดแทนได้หรือไม่? การต่อสู้ครั้งนี้จะบอกคำตอบแก่เขา
ด้านนี้การต่อสู้กำลังจะเริ่มขึ้น อีกด้านหนึ่ง กระทะข้างหน้าของเจียต้าเป่าก็ว่างเปล่า น้ำซุปกระดูกผินเผิงขายหมดแล้ว! และพอดีเวลานั้น ชิงอี้ซึ่งเป็นคนแรกในแถวของเหล่าอาวุโสพอดี เพิ่งจ่ายเงินหนึ่งร้อยก้อนอัญมณีระดับต่ำร้อยก้อน แต่กลับพบว่ากระทะว่างเปล่า เธอจึงจ้องไปที่ฮั่วหยุนเฟย เธอไม่ได้พูดอะไร แค่จ้องเขาเงียบๆ
“อาจารย์ยาย ไม่ต้องรีบร้อน” ฮั่วหยุนเฟยปลอบโยน แล้วหันไปบอกกับเจียต้าเป่าว่า “เอาของเก็บไว้ออกมา”
“ได้เลย” เจียต้าเป่าหัวเราะเบาๆ เก็บกระทะขึ้นไป ไม่นานกระทะที่ใหญ่กว่าก็ปรากฏตรงหน้าเขาอีกครั้ง กลิ่นหอมโชยออกมา กลิ่นหอมมีรสเผ็ด ทำให้รู้สึกอยากกินขึ้นมาทันที จากนั้นเจียต้าเป่าก็ประกาศว่า “น้ำซุปกระดูกผินเผิง ขายหมดแล้ว กระทะนี้คือ ‘ซุปหมาใส่เส้น ระดับนักบุญ’!”
ทันใดนั้น คำพูดของเขาก็แพร่กระจายไปถึงทุกคนในบริเวณนั้น บรรยากาศตึงเครียดของการต่อสู้ข้ามขั้นระหว่างหลินหยางและหลี่หลิวถูกทำลายลง และถูกแทนที่ด้วยเสียงฮือฮาและความตื่นเต้นแทน
“ซุปหมา ระดับนักบุญ?” หลายคนจ้องมองไปที่เจียต้าเป่าอย่างตื่นเต้น ไม่ว่าจะเป็นศิษย์ อาวุโส หรือแม้แต่โกวหยวนเจินเหรินกับเหล่าผู้นำคนอื่นๆ ก็อดที่จะตื่นเต้นไม่ได้ ซุปหมาระดับนักบุญนี้จะมีพลังมากเพียงใด? การได้กินแค่คำเดียวจะเป็นอย่างไร? และเจียตhkเป่าบอกว่าทุกชามจะมีเนื้อหมาอย่างน้อยสามชิ้น! ถ้ากินเข้าไป...
หลายคนรู้สึกขนลุก ไม่กล้าคิดต่อ ศิษย์และอาวุโสหลายคนที่เพิ่งดื่มน้ำซุปกระดูกผินเผิงไปก็ไม่อาจห้ามตนเองได้และบรรลุถึงขั้นใหม่ในพลังของตนเอง
หลี่หลิวมองไปทางยอดเขาเต๋าหยวนที่กำลังหั่นเนื้ออยู่ แล้วพูดอย่างลังเลว่า “ศิษย์พี่หลิน เราไปกินก่อนแล้วค่อยสู้ได้ไหม?”
หลินหยางส่ายหัวแล้วยิ้ม เขาคิดว่างานชุมนุมถกธรรมะในวันนี้น่าจะเป็นครั้งที่ไม่เป็นทางการที่สุดในประวัติศาสตร์ของสำนักเกาซาน ทั้งซุปกระดูกผินเผิง ทั้งซุปหมาใส่สมุนไพรเซียน นี่มันเรื่องอะไรกัน? หลังจากคิดอยู่นิดหนึ่ง หลินหยางก็ตัดสินใจ “ไปเถอะ ข้าจะเลี้ยงเอง”
ทั้งสองคนจึงตัดสินใจมุ่งหน้าสู่ยอดเขาเต๋าหยวนเพื่อไปต่อแถวโดยไม่ลังเล บรรยากาศตอนนี้ไม่กินไม่ได้แล้ว!
ภาพนี้ทำให้บรรยากาศระเบิดขึ้น หลายคนไม่สนใจอะไรแล้ว ต่างพากันไปต่อแถวเพื่อกินซุปจากกลิ่นหอมที่โชยมาอย่างห้ามใจไม่ได้ งานชุมนุมถกธรรมะหรือ? ขอโทษนะ ไม่คุ้นเลยจริงๆ!
“อาจารย์...” มู่ชิงชิงพูดด้วยรอยยิ้มที่ยอมจำนนแล้วมองไปที่จางหยุนเทียน
จางหยุนเทียนมีมือสั่นเล็กน้อย เขาดื่มชาด้วยมือที่สั่นเทา ก่อนจะลุกขึ้นและพูดว่า “ไปเถอะ เราไปเก็บเงินกันก่อน ข้าเพิ่งเดิมพันหลี่หลิวชนะ ยังไม่ได้รับเงินเลย”
มู่ชิงชิงตามหลังเขา “อาจารย์จะไม่ไปกินซุปหมาใส่สมุนไพรเซียนเหรอ?”
จางหยุนเทียนไม่หันกลับไปตอบ “ข้าไม่ใช่คนแบบนั้น” พูดจบ เขาก็เดินไปต่อแถวด้านหลัง
มู่ชิงชิงมองไปที่แถวรับรางวัลที่อยู่ใกล้ๆ กับใบของเย่ปูฟาน แล้วหันไปมองจางหยุนเทียนที่ยืนอยู่ท้ายแถวของเหล่าอาวุโส แต่ก็ไม่ได้เปิดโปงเขา และยอมต่อแถวตามไปอย่างว่าง่าย
“หลินหยางเจอกับหลี่หลิว หลินหยางชนะ อัตราต่อรอง 1.6 หลี่หลิวชนะ อัตราต่อรอง 1.6”
เจียต้าเป่าประกาศอัตราต่อรองของหลินหยางกับหลี่หลิว หลินหยางเป็นการต่อสู้ข้ามขั้น อัตราต่อรองของเขาควรจะสูงกว่า แต่เนื่องจากพรสวรรค์ที่เหนือกว่าและเป็นศิษย์โดยตรงของเจ้าสำนัก เมื่อพิจารณาแล้ว หลี่หลิวก็ไม่แน่ว่าจะชนะได้ ดังนั้นจึงตั้งค่าอัตราต่อรองเท่ากัน ครั้งก่อนเจียตัวเป่าได้กำไรมาก และครั้งนี้เขาเชื่อว่าจะได้กำไรอีก แม้ว่าอัตราต่อรองจะเท่ากัน แต่พรสวรรค์ของหลินหยางก็เหนือกว่า ทว่าการต่อสู้ข้ามขั้นนี้ไม่สอดคล้องกับแนวคิดของสำนัก ผู้ที่เดิมพันหลินหยางย่อมมีน้อยกว่าหลี่หลิว ใครจะไม่อยากกินซุปพร้อมกับชนะเดิมพัน?
“ข้าพนันไปแล้ว ตอนนี้ขอซุปหมาใส่สมุนไพรเซียนด้วย” ชิงอี้เตือนเจียต้าเป่าที่กำลังทำบรรยากาศอย่างกระตือรือร้น ดวงตาของนางไม่เคยละจากหม้อเลย ขนตาที่ยาวสั่นไหว เต็มไปด้วยความคาดหวังและความดีใจ นางไม่คิดว่ายอดเขาเต๋าหยวนจะสามารถนำเนื้อหมาระดับนักบุญมาทำซุปเส้นที่นางชื่นชอบได้ ทำให้นางมีความประทับใจในยอดเขาเต๋าหยวนเพิ่มขึ้น
“พี่สาวเจ้าของสวนสมุนไพร ระวังร้อนนะ” เจียต้าเป่ารู้ตัวตนของชิงอี้แล้ว แต่ยังคงยิ้มแล้วเรียกนางว่า "พี่สาว"
“ชามใหญ่จัง” ชิงอี้รู้สึกประหลาดใจ ครั้งนี้เจียต้าเป่าใช้ชามซุปที่เต็มไปด้วยเส้น ด้านบนวางเนื้อหมาสามชิ้นที่สดใหม่ กลิ่นหอมของเนื้อหมาลอยฟุ้ง ปกคลุมไปด้วยพลังนักบุญเพียงแค่สูดดมก็รู้สึกว่าทุกขุมขนเปิดออกเพื่อดูดซับพลังของเนื้อหมาในอากาศอย่างหิวโหย
“อาจารย์ยาย พวกเราเป็นร้านค้าที่มีจรรยาบรรณ” ฮั่วหยุนเฟยพูดยิ้มๆ
“อืม” ชิงอี้พยักหน้ารับ จากนั้นก็ถือชามออกไป นางกินระหว่างเดิน ไม่สนใจภาพลักษณ์ของตนเอง ดูเหมือนเทพธิดาที่อยู่ห่างไกล แต่แท้จริงแล้วเหมือนหญิงสาวข้างบ้านที่ชอบกิน
ด้วยความรวดเร็วของเจียต้าเป่า แถวจึงเคลื่อนไปถึงสองตัวหลัก หลินหยางและหลี่หลิว หลินหยางมองดูหวงเสวียนคนคุ้นเคยแล้วพูดว่า “ศิษย์พี่หวง ข้าจะพนันว่าตัวเองชนะ พนันหนึ่งพันอัญมณีพลังงานระลับล่าง”
หวงเสวียนพยักหน้า “ได้เลย เดี๋ยวสู้ให้ดีนะ ชนะแล้วมาท้าข้าต่อได้” คำล้อเล่นของเขานั้นไร้เจตนา แต่หลินหยางกลับรับฟังอย่างจริงจัง ตอนที่พวกเขามาถึงสำนักเกาซานพร้อมกันบนเรือบินของฮั่วหยุนเฟย หลินหยางรู้สึกชื่นชมพรสวรรค์ของหวงเสวียนอย่างแท้จริง เขาอยากรู้ว่าอดีตผู้สมัครบุตรศักดิ์สิทธิ์ของแดนศักดิ์สิทธิ์เหย่ากวงผู้นี้แข็งแกร่งเพียงใด
หลินหยางและหลี่หลิวพนันตัวเอง สิ่งที่ควรพูดถึงก็คือ หลี่หลิวก็เหมือนกับหลิวหลาง ที่พนันตัวเองหนึ่งหมื่นก้อนอัญมณีระดับต่ำ
หลังจากที่ทั้งสองกินซุปหมาใส่สมุนไพรเซียนเสร็จ พวกเขาวางชามลงข้างๆ รู้สึกได้ว่าร่างกายร้อนวูบวาบ มีพลังเหลือเฟือ ราวกับว่ามีดวงอาทิตย์อยู่ภายในตัวที่คอยส่งพลังมหาศาลมาให้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลินหยางที่มีร่างกายสายฟ้า หลังจากกินเสร็จ เขาอยากจะหาคนสู้ในทันที
“ศิษย์พี่หลี่ มาสู้กันเถอะ” ดวงตาของหลินหยางเปล่งประกาย พลังการต่อสู้ในตัวเขาลุกโชนขึ้นอีกครั้ง ดึงดูดความสนใจของทุกคน
“สู้!” หลี่หลิวรู้สึกอึดอัดร้อนรุ่มไปทั้งตัว ต้องการระบายพลังออกมาในทันที
ทั้งสองเดินเข้ามาในสนามและเริ่มต่อสู้กันโดยไม่ลังเล เนื่องจากพลังความร้อนที่สะสมในร่างกายมากเกินไป พลังนักบุญก็ดั่งทวีปผืนใหญ่ปั่นป่วน ทั้งสองเลือกใช้การปะทะกันทางร่างกายเพื่อลดและระบายพลังความร้อนออกไป
ตูม! หลินหยางแสดงพลังที่น่าเกรงขาม ร่างกายเขามีสายฟ้าพุ่งพล่านราวกับเทพสายฟ้าไร้เทียมทาน กำปั้นของเขาส่องแสงดั่งฟ้าแลบ ความเร็วราวสายฟ้าฟาด ระดับการบ่มเพาะของหลี่หลิวที่อยู่ขั้นสามของเขตจื่อฝู่ ไม่สามารถรับมือได้ เขายืนหยัดไม่ได้
แม้ว่าจะประหลาดใจอย่างยิ่ง แต่หลี่หลิวต้องยอมรับว่าความแตกต่างระหว่างเขากับหลินหยางนั้นมากมายมหาศาล
ในที่สุด หลี่หลิวถูกซัดจนลอยกระเด็น แพ้ไปในที่สุด
“ข้านับถือ เจ้าเก่งกว่าข้าจริงๆ” หลี่หลิวประสานหมัดยอมรับ ดวงตาของเขาส่องประกาย ยอดคนเช่นนี้ที่เกิดในสำนักเกาซานคือความภาคภูมิใจของพวกเขาในภายภาคหน้า หากหลินหยางได้เป็นบุตรศักดิ์สิทธิ์และกลายเป็นเจ้าสำนัก เขาก็จะคอยเป็นผู้ช่วยเหลือหลินหยาง
หลินหยางพยักหน้า มองไปยังยอดเขาเต้าหยวน แล้วตะโกนเสียงดัง “ศิษย์พี่หวง คำพูดเมื่อครู่ข้าไม่ลืม!”
“หลินหยาง ขอท้าสู้!”
การต่อสู้จบลง หลินหยางทนไม่ไหว รีบส่งคำท้าสู้ไปยังหวงเสวียนในทันที!