กำราบภพด้วยระบบกลไกลสวรรค์ ตอนที่ 402 มองการณ์ไกล
กำราบภพด้วยระบบกลไกลสวรรค์ ตอนที่ 402 มองการณ์ไกล
“ตกลง”
น้าหลานพยักหน้าอย่างจนใจ
นางรู้ดีว่าเรื่องราวมากมายไม่อาจห้ามปรามฟางหานได้
ก่อนหน้านี้ที่เอ่ยปากก็เพียงแค่หวังว่านายน้อยจะเปลี่ยนใจ แต่ดูเหมือนว่า
เรื่องที่ฟางหานตัดสินใจแล้ว คนอื่นยากที่จะเปลี่ยนความคิดเขาได้
“นายน้อย เดิมทีสำนักมารเก้าขุมนรกอยู่ในเทือกเขาร้อยสาย แต่ตอนนี้บรรพบุรุษเมิ่งชิ่งจือบรรลุระดับมหาจักรพรรดิแล้ว สำนักของพวกเขาก็เปลี่ยนไปอยู่ที่อื่น”
“จากเมืองต้าฮวงไปยังสำนักมารเก้าขุมนรกอย่างน้อยก็สิบล้านลี้ ระหว่างทางต้องข้ามผ่านหลายมณฑล พวกเราต้องรีบออกเดินทางแล้ว”
น้าหลานกล่าว
“เช่นนั้นก็ลำบากน้าหลานแล้ว”
ฟางหานพยักหน้ากล่าว
“นี่เป็นสิ่งที่ข้าควรทำ”
น้าหลานยิ้มน้อย ๆ พลิกฝ่ามือปรากฏแผ่นหยกหนึ่งแผ่น เมื่อนางเปิดใช้งาน แสงสีฟ้าก็ปรากฏขึ้นปกคลุมร่างของทั้งสองคนเอาไว้
จากนั้นมืออีกข้างของนางก็จับฟางหาน ก้าวเท้าออกไป ร่างของทั้งสองก็หายไปจากที่เดิม
เมื่อปรากฏตัวขึ้นอีกครั้งก็มาถึงนอกเมืองต้าฮวง
ไม่นานทั้งสองคนก็กลายเป็นแสงวาบหนึ่ง พุ่งทะยานขึ้นฟ้า มุ่งหน้าไปยังสำนักมารเก้าขุมนรกอย่างรวดเร็ว
ณ สุดขอบฟ้า
มหาจักรพรรดิยมราชยืนหยัดอยู่บนท้องฟ้า ผมสีดำยาวสลวยปรกไหล่ รูปร่างสง่างาม ยืนสองมือไพล่หลัง ดวงตาของเขาเปิดขึ้น ปรากฏแสงเย็นยะเยียบ ราวกับอนุสาวรีย์อมตะ ยืนหยัดอยู่ที่นั่น ไร้ผู้ใดข้ามผ่าน
สำหรับฟางหานและน้าหลานที่เพิ่งออกมาจากเมืองต้าฮวง เขามองเพียงแวบเดียวก็ไม่สนใจ
ในสายตาของเขา คนทั้งสองมีกลิ่นอายอ่อนแอ ชัดเจนว่าไม่ใช่ฟางหานกับคนรับใช้
“เดรัจฉานน้อย ข้าจะรอดูว่าหากเจ้าไม่มีทรัพยากรแล้วจะอยู่ในเมืองต้าฮวงได้นานแค่ไหน!”
มหาจักรพรรดิยมราชมองฟางหานกล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชา เสียงของเขาดังกึกก้องไปทั่วแผ่นฟ้า ท่ามกลางความหนาวเหน็บแฝงไปด้วยความเยือกเย็น เขาเป็นถึงมหาจักรพรรดิ มีอายุขัยยาวนาน มีเวลาเหลือเฟือที่จะรอคอยฟางหาน
ในทางกลับกัน แม้ฟางหานจะอายุยังน้อย แต่ตบะของเขานั้นอ่อนแอ หากต้องรอคอย อาจจะไม่สามารถรอคอยได้นานเท่าเขา
ในเวลาเดียวกัน ขณะที่ฟางหานและน้าหลานกำลังเดินทางไปยังสำนักมารเก้าขุมนรก
ภายในโลกสวรรค์ก่อกำเนิดเรื่องราวมากมายได้เกิดขึ้น
เรื่องที่น่ากังวลใจที่สุดคือในช่วงเวลาไม่กี่วันมานี้ ภายในโลกสวรรค์ก่อกำเนิดมีขุมอำนาจมากมายถูกทำลาย!
เรื่องราวนี้แปลกประหลาดยิ่งนัก ทำให้ผู้คนไม่เข้าใจ
หากเป็นเพียงหนึ่งหรือสองขุมอำนาจก็คงไม่เป็นไร แต่ในช่วงไม่กี่วันมานี้ มีขุมอำนาจขนาดกลางและขนาดเล็กถูกทำลายไปกว่ายี่สิบขุมอำนาจ แม้ขุมอำนาจเหล่านี้จะไม่แข็งแกร่ง
แต่หากรวมกันแล้วก็เทียบเท่ากับดินแดนศักดิ์สิทธิ์หนึ่งแห่ง
เมื่อข่าวนี้แพร่กระจายออกไป ดินแดนศักดิ์สิทธิ์มากมายต่างก็ส่งคนออกไปสืบหาข่าวสาร เพราะขุมอำนาจที่ถูกทำลายบางแห่งเป็นขุมอำนาจภายใต้บังคับบัญชาของดินแดนศักดิ์สิทธิ์
ขุมอำนาจภายใต้บังคับบัญชาถูกทำลาย พวกเขาไม่อาจเพิกเฉยได้
แต่เมื่อเวลาผ่านไปพวกเขากลับไม่พบเบาะแสใด ๆ เรื่องนี้ทำให้ผู้คนสับสน เรื่องราวนี้ช่างแปลกประหลาด ขุมอำนาจเหล่านี้ราวกับถูกมือลึกลับลบออกไปจากโลกสวรรค์ก่อกำเนิด
ไม่ทิ้งร่องรอยใด ๆ เอาไว้
ในชั่วขณะหนึ่ง ขุมอำนาจมากมายภายในโลกสวรรค์ก่อกำเนิดต่างก็หวาดกลัว เพราะไม่มีใครยืนยันได้ว่าเป้าหมายต่อไปจะเป็นพวกเขาหรือไม่
บางคนสงสัยว่านี่เป็นฝีมือของขุมอำนาจลึกลับต้องการสร้างความวุ่นวาย
ส่วนวิธีการนั้น อาจจะเป็นวิชาลับ หรืออาจจะเป็นเพราะพวกเขาเคยไปที่หอคอยกลไกสวรรค์!
พายุโหมกระหน่ำ ฝนกำลังจะตก!
ภายในตระกูลจักรพรรดิเย่
เย่ฉางหมิงยืนอยู่บนเก๋งหลังหนึ่ง เขาแต่งกายด้วยชุดคลุมยาวสีขาวบริสุทธิ์ สวมมงกุฎหยก ใบหน้าเคร่งขรึม ดวงตาของเขามองไปยังหอคอยกลไกสวรรค์ ถอนหายใจกล่าวว่า
“โลกสวรรค์ก่อกำเนิดกำลังจะวุ่นวายอีกแล้ว!”
ช่วงนี้โลกสวรรค์ก่อกำเนิดพบเจอกับเรื่องราวมากมาย เริ่มจากการบุกรุกของโลกเงาโลหิต ต่อมาก็เป็นโลกอินทนิลเร้นลับ หลังจากนั้นก็เป็นมหาจักรพรรดิฝังสวรรค์
ทุกเรื่องราวล้วนทำให้โลกสวรรค์ก่อกำเนิดวุ่นวาย
เมื่อทุกอย่างสงบลง
ผ่านไปไม่นานก็มีคนคิดจะสร้างความวุ่นวายอีกแล้ว
“ท่านพ่อกำลังกังวลเรื่องที่ขุมอำนาจถูกทำลายใช่หรือไม่?”
เย่เฉินขมวดคิ้วกล่าว
“ใช่แล้ว”
เย่ฉางหมิงกล่าวอย่างแผ่วเบา
หากเป็นช่วงเวลาอื่นก็คงไม่เป็นไร เพราะเดิมทีโลกสวรรค์ก่อกำเนิดก็ไม่สงบ การต่อสู้กันเกิดขึ้นมากมาย แต่ช่วงเวลานี้กลับแตกต่างออกไป
เพราะรอบ ๆ โลกสวรรค์ก่อกำเนิดเต็มไปด้วยศัตรู ช่วงเวลาเช่นนี้การต่อสู้กันเองช่างไม่ฉลาดเอาเสียเลย
“หรือว่าจะเป็นฝีมือของเผ่าอสูร?”
เย่เฉินกล่าวด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำ
เดิมทีคนมากมายไม่เคยเห็นโลกภายนอก แต่ช่วงเวลาที่ผ่านมา พวกเขารู้จักโลกอินทนิลเร้นลับ และรู้จักโลกเซียนปฐพี โลกทั้งสองสร้างความตกตะลึงให้กับผู้คนมากมาย
ภายในโลกอินทนิลเร้นลับ แม้จะมีเผ่าพันธุ์มากมาย แต่กลับไม่มีเผ่ามนุษย์ เรื่องนี้ทำให้เผ่ามนุษย์ในโลกสวรรค์ก่อกำเนิดเรียกเผ่าพันธุ์ในโลกอินทนิลเร้นลับว่าเผ่าอสูร
กล่าวได้ว่าโลกอินทนิลเร้นลับถูกปกครองโดยเผ่าอสูร เผ่ามนุษย์นั้นอ่อนแอ
ในทางกลับกัน โลกเซียนปฐพีเป็นโลกที่ถูกปกครองโดยเผ่ามนุษย์ เผ่าอสูรไม่มีสถานะใด ๆ เป็นเพียงพาหนะ หรืออาหาร
เช่นนี้แล้ว เผ่ามนุษย์และเผ่าอสูรในโลกสวรรค์ก่อกำเนิดคงต้องมีความคิดบางอย่าง
เพราะเผ่าพันธุ์ใด ๆ ต่างก็ต้องการปกครองโลก ใครบ้างจะยอมแบ่งปันทรัพยากรให้กับเผ่าพันธุ์อื่น
เผ่าพันธุ์ที่แตกต่าง ย่อมมีความคิดที่แตกต่าง คำพูดนี้มิใช่ใช้ได้กับเผ่ามนุษย์เท่านั้น แต่ยังใช้ได้กับเผ่าอสูรด้วย
ด้วยเหตุนี้ โลกสวรรค์ก่อกำเนิดจึงวุ่นวาย คนมากมายต่างก็กล่าวโทษเผ่าอสูร ตอนนี้มีเพียงเผ่าอสูรเท่านั้นที่มีพลังอำนาจเช่นนี้
และยังสามารถปิดบังดินแดนศักดิ์สิทธิ์ได้อีกด้วย
“นี่คือข่าวล่าสุด เจ้าลองดูสิ”
เย่ฉางหมิงมองเย่เฉินแวบหนึ่ง โยนแผ่นหยกหนึ่งแผ่นให้เย่เฉินพร้อมกล่าวอย่างมีเลศนัย
“โอ้?”
เย่เฉินรับแผ่นหยก ปล่อยจิตตระหนักรู้เข้าไป หลังจากอ่านข้อความภายใน เขาก็อุทานอย่างไม่อยากเชื่อ “เผ่าอสูรสามเผ่าถูกทำลาย?”
“ใช่แล้ว”
เย่ฉางหมิงพยักหน้ากล่าวด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึม “เรื่องราวนี้ไม่ง่ายอย่างที่พวกเราคิด”
“หรือว่านี่จะเป็นแผนของเผ่าอสูร?”
เย่เฉินถาม
ภายในโลกสวรรค์ก่อกำเนิด จำนวนเผ่าอสูรนั้นมากกว่าเผ่ามนุษย์ ดินแดนส่วนใหญ่ถูกปกครองโดยเผ่าอสูร เทียบกับเผ่ามนุษย์ที่ถูกทำลายไปกว่ายี่สิบขุมอำนาจ
เผ่าอสูรกลับถูกทำลายเพียงสามเผ่าพันธุ์
จำนวนนี้ไม่สมเหตุสมผล
“ไม่แน่”
เย่ฉางหมิงยกมือขึ้นตบไหล่เย่เฉิน กล่าวอย่างจริงจัง “เฉินเอ๋อร์ ตอนนี้โลกสวรรค์ก่อกำเนิดมิใช่โลกสวรรค์ก่อกำเนิดในอดีตแล้ว”
“ตอนนี้รอบ ๆ โลกสวรรค์ก่อกำเนิดมีศัตรูมากมาย ตอนนี้มีโลกอินทนิลเร้นลับกับโลกเซียนปฐพี อนาคตอาจจะมีโลกที่แข็งแกร่งกว่าปรากฏขึ้นอีก”
“ความสำเร็จของเจ้าในอนาคตมิใช่เพียงแค่เหนือกว่าข้า แต่อาจจะเหนือกว่าบรรพบุรุษ!”
“เพราะฉะนั้น”
“สายตาของเจ้าต้องมองการณ์ไกล!”
อนาคตเย่เฉินจะเป็นผู้นำตระกูลจักรพรรดิเย่ มุมมองของเขากำหนดอนาคตของตระกูลเย่ หากเขามองเพียงแค่โลกสวรรค์ก่อกำเนิด
อนาคตตระกูลจักรพรรดิเย่อาจจะติดอยู่ในกรอบของโลกสวรรค์ก่อกำเนิด
“ข้าจะจดจำคำสั่งสอนของท่านพ่อ”
เย่เฉินโค้งคำนับถามต่อ “ท่านพ่อหมายความว่าเรื่องวุ่นวายในโลกสวรรค์ก่อกำเนิดครั้งนี้อาจจะมีขุมอำนาจจากโลกอื่นเข้ามาเกี่ยวข้อง?”