ตอนที่แล้วบทที่ 21 ให้คะแนนเต็มสิบ
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 23 พี่สาวรู้ไหมว่าพี่ทำผิดกฎหมาย?

บทที่ 22 ทุกคนต่างตกตะลึง


บทที่ 22 ทุกคนต่างตกตะลึง

“กร็อกๆ ฟู่...”

หลังจากที่ผู้อำนวยการโรงพยาบาลหายไปจนไม่เหลือแม้แต่เศษซาก บนพื้นดินก็เหลือเพียงหลุมโคลนลึกที่กำลังเดือดปุดๆ

เย่เหรินเก็บดาบโลหิตกลับเข้าฝัก แล้วเผลอยกชายเสื้อขึ้นมาดูกล้ามท้องของตัวเอง

‘โอ้โห! กล้ามแน่นขึ้นเยอะเลย!’

“โอ๊ะ~” ยวี้หลิงหลงหรี่ตาจิ้งจอกที่สวยงามของเธอลงเล็กน้อย

“ไม่คิดเลยนะว่าหนุ่มน้อยจะมีรูปร่างดีขนาดนี้ พี่สาวขอตรวจดูหน่อยซิว่าพัฒนาการเป็นปกติดีไหม~”

เจียงซุ่ยกดมือเย่เหรินไว้ด้วยสีหน้าเรียบเฉย แล้วดึงเสื้อของเขาลงมา

ในขณะเดียวกันก็ส่งยิ้มใสซื่อบริสุทธิ์ไร้พิษภัยไปให้ยวี้หลิงหลงแล้วพูดว่า

“รุ่นพี่ โปรดสำรวมหน่อยค่ะ”

ยวี้หลิงหลงยกมือปิดปากหัวเราะคิกคักราวกับกระดิ่งเงิน

“เอาล่ะ พวกเราควรกลับกันได้แล้วใช่ไหม?” เย่เหรินล้วงมือไปที่เอว โคมไฟโบราณห้วงลึกขนาดเท่าของเล่นก็ขยายใหญ่ขึ้นทันที พร้อมกับเปล่งแสงสลัวออกมา

ภาพของสองโลกสะท้อนอยู่ในแสงไฟ และรอยแยกที่ไม่สม่ำเสมอก็ปรากฏขึ้นต่อหน้าเย่เหริน

เย่เหรินและเจียงซุ่ยกลับมายังโลกภายนอก

แต่ผู้ถือโคมไฟจากกองกำลังเสริมกลับหันไปทางโรงพยาบาลจิตเวชที่พังทลายลงแล้ว

จางเฉียงเป็นเพียงคนธรรมดาในกองกำลังเสริม

เขามักจะทำตัวซื่อๆ พูดจาบ้านๆ แต่เขาเป็นเพื่อนร่วมทีมที่ไว้ใจได้เสมอในภารกิจที่ผ่านมา

เขาเดินตามทีมเข้าไปในโรงพยาบาลจิตเวชที่พังทลาย

“เมื่อกี้ฉันรู้สึกว่าน้องคนนั้นดูไม่คุ้นหน้าเลย พวกนายว่างั้นไหม?” จางเฉียงคุยกับเพื่อนร่วมทีมขณะสำรวจ

“ไม่คุ้นก็ไม่แปลกหรอก เพราะน้องคนนั้นเพิ่งเข้าร่วมหน่วยงานเราเมื่อสองวันก่อน” เพื่อนร่วมทีม หลี่กังยักไหล่ด้วยความรู้สึกที่หลากหลาย

“หา? เด็กใหม่สมัยนี้เก่งขนาดนี้เลยเหรอ?”

"โอ้แม่เจ้า ผู้ถือโคมคนนั้นน่ะ...เท่จนฉันขนลุกซู่เลย" เพื่อนร่วมทีม หวังลี่ พูดแทรกขึ้นมา ดวงตาของเธอเป็นประกาย ใบหน้าแดงระเรื่อ

"ถ้าหัวหน้าเจียงไม่อยู่ตรงนี้ล่ะก็ ฉันอยากจะขอวีแชทเขาเดี๋ยวนั้นเลย อ๊าย~ น้องชายคนนี้ดูอบอุ่นปลอดภัยสุดๆไปเลย"

"เก็บอาการหน่อย" สมาชิกอีกคนเดินเข้ามาใกล้ พร้อมกับใบหน้าที่เต็มไปด้วยความรังเกียจ "ด้วยความสามารถระดับนั้น เขาไม่ใช่คนธรรมดาที่พวกเราจะเทียบได้หรอก คาดว่าอีกไม่กี่วัน เขาคงจะได้เลื่อนขั้นแล้ว"

"จริงเหรอ? นี่มันผิดกฎไม่ใช่เหรอ?" จางเฉียงฟังแล้วตาโต ผู้ถือโคมจะเลื่อนขั้นได้ไม่ง่ายขนาดนั้น

"คนมีความสามารถก็ต้องได้รับการปฏิบัติที่แตกต่างอยู่แล้ว" หลี่กังส่ายหัว "พวกนายก็เห็นเมื่อกี้แล้วว่าสัตว์ประหลาดนั้นมันอมตะยัยไง แต่เขากลับจัดการมันได้ด้วยการฟันเพียงครั้งเดียว..."

"เฮ้อ อยากเป็นแฟนเขามากเลย แค่ได้กอดขาเขาไว้ ชีวิตนี้ฉันก็คุ้มแล้ว~" หวังลี่ถอนหายใจ เสียงของเธอเต็มไปด้วยความอิจฉาและความสิ้นหวัง

"เขามีหัวหน้าเจียงแล้ว เขาคงไม่มองเธอหรอก" จางเฉียงปลอบใจ "เธอไปลองมองหลี่กังหรืออาเหล่ยดีกว่า พวกเขาชอบเธอนะ"

หวังลี่เบ้ปากอย่างไม่พอใจ แต่เหมือนนึกอะไรขึ้นได้ เธอจึงใช้มือสะกิดแขนจางเฉียง "นายนี่มันบื้อจริงๆ!"

จางเฉียง: "O - o?"

พวกเขาพูดคุยกันไปพลาง ค้นหาเอกสารที่มีค่าในซากปรักหักพังไปพลาง

ในขณะเดียวกัน ที่สำนักงานใหญ่ของผู้ถือโคมในเมืองเถิงเหยียน

ลู่เหยียนขมวดคิ้วแน่น ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความกังวลและกระวนกระวาย

เขาเดินไปเดินมาในห้องทำงาน เหลือบมองนาฬิกาแขวนผนังเป็นระยะๆ เวลาในวันนี้ดูเหมือนจะผ่านไปอย่างเชื่องช้า

นับตั้งแต่เย่เหรินและเจียงซุ่ยเข้าไปในห้วงลึกเพื่อปฏิบัติภารกิจ และยังขอการสนับสนุนเพิ่มเติม หัวใจของเขาก็ไม่เคยสงบลงเลย

"ติ๊กต๊อก ติ๊กต๊อก"

เสียงเข็มวินาทีของนาฬิกาดังชัดเจนเป็นพิเศษในห้องทำงานที่เงียบสงัด

ลู่เหยียนหยุดเดิน หายใจเข้าลึกๆพยายามสงบสติอารมณ์

‘เด็กคนนั้นมีผู้ยิ่งใหญ่จากเมืองหลวงคอยคุ้มกัน ไม่น่าจะมีอะไรร้ายแรงเกิดขึ้นได้ ฉันจะกังวลไปทำไม?’

ถึงแม้จะปลอบใจตัวเองแบบนั้น แต่ลู่เหยียนก็ยังไม่สามารถสงบลงได้

พูดตามตรง เขาเริ่มรู้สึกเสียใจที่ให้เจียงซุ่ยพาเย่เหรินออกไปทำภารกิจด้วย เพราะเย่เหรินยังไม่ได้รับการฝึกฝนอย่างเป็นระบบเลย!

เขายังเป็นมือใหม่หัดขับอยู่เลย!

ในตอนนั้นเอง ประตูห้องทำงานก็ถูกเปิดออก ร่างของเจียงซุ่ยปรากฏขึ้นที่หน้าประตู

ลู่เหยียนรีบเดินเข้าไปหา "กลับมาแล้วเหรอ! เป็นยังไงบ้าง?"

เจียงซุ่ยเบ้ปาก "ทุกอย่างเรียบร้อยดีค่ะ มีแค่ยัยจิ้งจอกนั่น..."

ลู่เหยียนเลิกคิ้ว

จากนั้นเจียงซุ่ยก็รายงานรายละเอียดภารกิจให้พ่อของเธอฟัง

ลู่เหยียนยิ่งฟัง ตาก็เบิกกว้างขึ้นเรื่อยๆ จนในที่สุดเขาก็อดไม่ได้ที่จะขัดเจียงซุ่ย "เดี๋ยวก่อน ลูกหมายความว่า แม้แต่พวกผู้ยิ่งใหญ่ที่มาจากเมืองหลวงก็ยังทำอะไรไม่ได้ แต่เย่เหรินกลับจัดการได้..."

เจียงซุ่ยพยักหน้า สีหน้าจริงจัง "ใช่ค่ะ เหมือนตอนที่เขาฆ่าลาโธเทปนั่นแหละ ชักดาบ แล้วก็ฆ่ามันได้ในทันที เหลือเชื่อสุดๆไปเลยค่ะ"

ลู่เหยียนหายใจเข้าลึกๆ ตัวเขาถอยหลังโดยไม่รู้ตัว ก่อนจะทรุดตัวลงนั่งบนเก้าอี้

ริมฝีปากของเขาสั่นเล็กน้อย เสียงของเขาเต็มไปด้วยความตื่นเต้น "นี่แหละ ระดับจินตภาพ มันก็ต้องให้ได้แบบนี้แหละ!"

เจียงซุ่ยมองลู่เหยียน ดวงตาของเธอเต็มไปด้วยความอ่อนโยน "แล้วเขาก็ใจดีมาก ตอนที่พวกเรากำลังหนี เขาช่วยเสี่ยวหลิวไว้ด้วยค่ะ"

ลู่เหยียนสูดหายใจเข้าลึกอีกครั้ง พยายามทำให้เสียงของตัวเองฟังดูสงบ "รวบรวมรายงานเป็นเอกสารให้พ่อ พ่อจะอัปโหลดไปที่สำนักงานใหญ่ เดี๋ยวพวกที่ชอบปากมากก็จะได้หุบปากไปซะที"

หลังจากที่เจียงซุ่ยพยักหน้าและหันหลังเดินจากไป สายตาของลู่เหยียนก็มองไปยังทิวทัศน์ที่อยู่ไกลออกไปนอกหน้าต่าง หลังจากนั้นครู่หนึ่งเขาก็พูดว่า

“แม่งเอ้ย...ไอ้หมอนี่...ถ้ามาเป็นลูกเขยฉันก็ดีสิ...”

ลู่โหยวเตรียมตัวจะออกจากโรงพยาบาลในวันนี้ ร่างกายของเขาฟื้นตัวเกือบหมดแล้ว

ด้วยเทคโนโลยีทางการแพทย์ที่ก้าวหน้า แผลทะลุที่หน้าอกของเขาก็หายดี เหลือเพียงรอยแผลเป็นจางๆ

ทันใดนั้น ประตูห้องก็ถูกผลักเปิดเบาๆ

หวังผิงอัน หนึ่งในผู้ยิ่งใหญ่ที่คอยปกป้องเย่เหรินอย่างลับๆปรากฏตัวขึ้นที่ประตู

ลู่โหยวนั่งตัวตรงทันที ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยความเคารพ

"คุณหวัง ทำไมถึงมาที่นี่ได้ครับ?" เสียงของลู่โหยวเต็มไปด้วยความประหลาดใจและความเคารพ

ถึงแม้ว่าลู่โหยวและหวังผิงอันจะอยู่ในหน่วยผู้ถือโคมแห่งสำนักงานใหญ่ปักกิ่งเหมือนกัน

แต่ทั้งสองคนฐานะต่างกันราวฟ้ากับเหว

ถ้าจะว่ากันตามตรง หวังผิงอันน่าจะเป็นหัวหน้าของหัวหน้าของหัวหน้าเขาอีกที

หวังผิงอันโบกมือ "ฉันมาเยี่ยมนายน่ะ ได้ยินว่านายใกล้จะออกจากโรงพยาบาลแล้ว"

ลู่โหยวมีรอยยิ้มขอบคุณปรากฏบนใบหน้า "ขอบคุณคุณหวังที่เป็นห่วง ผมฟื้นตัวเกือบหมดแล้ว กะว่าจะพาคุณเย่และคุณเจียงไปฝึกอบรมที่เมืองหลวงในอีกสองวันนี้ครับ"

หวังผิงอันพยักหน้า เขาดึงเก้าอี้มานั่งแล้วเริ่มเล่าถึงวีรกรรมของเย่เหรินในโลกชั้นใน

ลู่โหยวตั้งใจฟัง ขณะที่หวังผิงอันเล่าไปเรื่อยๆ สีหน้าของเขาก็ยิ่งแสดงความตกใจมากขึ้นเรื่อยๆ

"คุณหมายความว่า เย่เหรินเขา...สังหารสัตว์หลาดจากห้วงลึกที่มีคุณสมบัติอมตะเหรอครับ?"

น้ำเสียงของลู่โหยวเต็มไปด้วยความไม่เชื่อ เขาขมวดคิ้ว

คุณสมบัติอมตะ

คำๆนี้ไม่ค่อยปรากฏในแฟ้มคดี แต่ทุกแฟ้มที่มีคุณสมบัตินี้ล้วนบันทึกภัยพิบัติอันน่าสยดสยอง

หวังผิงอันพยักหน้า ดวงตาของเขาเผยให้เห็นความลำบากใจเล็กน้อย "ใช่ แม้แต่พวกเราก็ยังไม่สามารถจัดการกับคุณสมบัติอมตะได้ แต่เขาฟันครั้งเดียวก็... บางทีนี่อาจเป็นความสามารถผิดปกติระดับจินตภาพก็ได้"

นิ้วของลู่โหยวเคาะที่ขอบเตียงโดยไม่รู้ตัว นี่เป็นนิสัยของเขาเมื่อรู้สึกประหม่าหรือตื่นเต้น

"คุณหวัง ตอนที่เขาชักดาบจะมีมลทินผิดปกติเกิดขึ้น หรือก็คืออาณาเขตไหม? พวกคุณ..."

"พวกเราก็จะได้รับผลกระทบด้วย และมลทินนี้อาจเป็นระดับจินตภาพ เพราะพวกเราหกคนแทบจะไม่สามารถควบคุมร่างกายได้ตามปกติภายใต้ความหวาดกลัวนั้นได้เลย"

เมื่อได้ยินเช่นนี้ ลู่โหยวก็เงียบไป

ครู่ใหญ่ๆต่อมา ใบหน้าของเขาก็เผยรอยยิ้มโล่งอก

"นี่มัน... ขออภัยครับ ผมตื่นเต้นไปหน่อย... นี่แหละครับถึงจะสมกับเป็นระดับจินตภาพ..."

"เข้าใจดีเลยล่ะ ฉันตกใจยิ่งกว่านายอีก นี่มันระดับจินตภาพชัดๆ"

ทั้งสองคนสบตากันและยิ้ม ทุกอย่างอยู่ในความเงียบงัน

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด