ตอนที่แล้วบทที่ 18 : การอาบน้ำยา
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 20 : ถ้ำ!

บทที่ 19 : ทะลวง นักรบระดับ 2!


21 วันต่อมา

ฉินยี่กำลังนั่งอยู่ในถังอาบน้ำยา น้ำในถังได้เปลี่ยนจากสีเขียวเป็นใสเหมือนเดิมแล้วในตอนนี้

ร่างกายของฉินยี่แดงก่ำ ผิวของเขาเรียบเนียนราวกับหยก และกล้ามเนื้อของเขาสั่นไหวเล็กน้อยตามการหายใจของเขา

ในขณะนี้ฉินยี่ กำลังอยู่ในช่วงเวลาสำคัญของการทะลวงระดับ

บริเวณจุดตันเถียน พลังงานที่อ่อนโยนแผ่กระจายไปทั่วร่างกายของเขา หล่อเลี้ยงกล้ามเนื้อ กระดูก เส้นเอ็น เส้นลมปราณ และอวัยวะภายในของเขา และเขาสามารถรู้สึกได้ว่าเขากำลังแข็งแกร่งขึ้น!

กระดูกใสราวกับหยก กล้ามเนื้อแต่ล่ะส่วนแข็งแกร่งมาก ผิวหนังของเขามีความยืดหยุ่น และหากว่ามีใครแทงฉินยี่ด้วยมีด อาจไม่สามารถแทงผ่านผิวหนังของเขาได้

อวัยวะภายในและอวัยวะภายนอก ของเขาได้รับการเสริมสร้างความแข็งแกร่ง ในระหว่างการหายใจเข้าและหายใจออก การทำงานของปอด ตับ และกระเพาะอาหารของเขาก็แข็งแกร่งขึ้นเช่นกัน

ขัดเกลากล้ามเนื้อคือระดับที่หนึ่ง และชำระล้างไขกระดูกคือขั้นที่สอง ของระดับนักรบ

ในระดับนักรบขั้นที่หนึ่ง ฉินยี่พึ่งพา "เคล็ดวิชาเจิ้นหวู่ฟู่โม่เจวี๋ย" ซึ่งทำให้ฉินยี่มีพละกำลังมากกว่าคนทั่วไป นักรบทั่วไปมีพละกำลังเพียงแค่หนึ่งร้อยจินเท่านั้น ซึ่งแตกต่างจากเขาที่อยู่ในระดับนักรบขั้นที่หนึ่ง แต่กลับมีพละกำลังถึงหกร้อยจิน! ซึ่งมากกว่านักรบขั้นที่หนึ่งธรรมดาถึง 6 เท่า!

และนี่เป็นเพราะว่าเขาฝึกฝน "เคล็ดวิชาเจิ้นหวู่ฟู่โม่เจวี๋ย" ทั้ง 36 รูปแบบ และถ้าหากว่าเขาสามารถฝึกฝน "เคล็ดวิชาเจิ้นหวู่ฟู่โม่เจวี๋ย" ที่สมบูรณ์แบบ เขาจะทรงพลังมากขนาดไหน?

ความแตกต่างระหว่าง "เคล็ดวิชาเจิ้นหวู่ฟู่โม่เจวี๋ย"  กลับเคล็ดวิชาฝึกฝนอื่นๆ นั้นแตกต่างกันมาก!

ร่างของฉินยี่ สั่นไหวเล็กน้อย และลืมตาตื่นขึ้นมาจากการฝึกฝน

"ว๊าวววววววววววว..." เขาเปิดปากและพ่นลมหายใจออกมา ซึ่งในห้องนอนของเขาก็เต็มไปด้วยหมอกหนา

ฉินยี่พึมพำกับตัวเอง "ก้าวข้ามขีดจำกัด!"

ไม่ต้องเสียเวลาเป็นเดือน เขาแค่แช่น้ำยาไปแค่ 7 ครั้ง 21 วัน เขาก็สามารถทะลวงเข้าสู่ระดับ นักรบขั้นที่สองได้สำเร็จ!

“พลังของข้า…” ฉินยี่กำหมัดแน่น ท่าทางของเขาดูแปลกประหลาดไปเล็กน้อย

"นี่... นี่พละกำลังของข้าตอนนี้อย่างน้อยไม่ต่ำกว่า 1,500 กก. แน่!"

ฉินยี่ยืนขึ้น รู้สึกผ่อนคลายไปทั่วทั้งร่างกาย และลองชกหมัดออกไป

"บูม!"

นี่คือเสียงที่เกิดขึ้นมาจากการชกหมัดออกไป และอากาศที่อยู่รอบๆ ก็เกิดความปั่นป่วน!

"พลังหมัดของเขาอย่างน้อยก็หนี่งพันห้าร้อยจิน ถ้ามันถูกชกใส่คน คนผู้นั้นก็จะต้องตายอย่างแน่นอน!"

ฉินยี่รู้สึกตื่นเต้นเล็กน้อยเมื่อเห็น ว่าความแข็งแกร่งของเขา พัฒนาไปมากแค่ไหน

หมัดนี้เทียบได้กับพลังของรถที่พุ่งเข้าใส่คน และนักรบขั้นที่สองทั่วไป ก็อ่อนแอเมื่ออยู่ต่อหน้าของเขา!

แต่เขาก็ยังสังเกตเห็นว่ามีข้อบกพร่องอย่างหนึ่ง นั่นคือ ความแข็งแกร่งของเขาเพิ่มขึ้นเร็วเกินไป และร่างกายของเขาไม่สามารถตามทันได้

มีพลังที่แข็งแกร่งแต่ก็ไม่สามารถใช้ออกมาได้อย่างเต็มที สิ่งที่เขาต้องทำในตอนนี้ก็คือการพัฒนาความแข้งแกร่งของร่างกายของเขา เพื่อที่จะได้สามารถใช้ความแข็งแกร่งของเขาได้อย่างเต็มที่!

หากว่าเขาใช้พลังทั้งหมดออกไปแล้วทำให้ กระดูกหัก เส้นเอ็นฉีกขาด กระดูกหัก หรือถ้าหนักกว่านี้ก็คงจะตาย

นี่ไม่ใช่เรื่องตลก หากกระดูกมีความแข็งไม่เพียงพอ และกล้ามเนื้อมีความแข็งแกร่งน้อยเกินไป เขาอาจจะได้รับบาดเจ็บสาหัสได้!

ท่าฝึกฝนร่างกายทั้ง 36 กระบวนท่าของ "เคล็ดวิชาเจิ้นหวู่ฟู่โม่เจวี๋ย" นั้นไม่ได้ช่วยเพิ่มความแข็งแกร่งของร่างกายมากนัก ส่วนใหญ่จะเน้นไปที่การเพิ่มความแข็งแก่รงของกล้ามเนื้อ และเสริมความแข็งแก่รงให้กับร่างกาย ซึ่งเป็นพื้นฐานที่สุดในการฝึกฝน

ดังนั้นตอนนี้สิ่งสำคัญที่สุดของเขาคือการรีบหาแต้มความโกลาหลหนึ่งพันแต้มเพื่อ อัพเกรด "เคล็ดวิชาเจิ้นหวู่ฟู่โม่เจวี๋ย" เพื่อที่จะได้ตามทันความแข็งแกร่งของเขาในปัจจุบัน!

ดูเหมือนว่าข้าคงต้องเข้าสู่ภูเขาอีกครั้ง!

นี่คือแผนการที่ฉินยี่ เคยวางไว้เมื่อนานมาแล้ว แต่ว่าตอนนี้เขาไม่ได้รีบร้อนที่จะขึ้นไปยังบนภูเขา เขานอนอยู่บ้านเป็นเวลาสองวัน หลังจากเริ่มคุ้นเคยกับความแข็งแกร่งของตัวเองแล้ว เขาก็ฝึกฝนเคล็ดวิชาสงครามสวรรค์อีกสองวัน ซึ่งทำให้พลังของเขามั่นคงมากขึ้น และใช้พละกำลังได้ดีขึ้น

หลังจากนั้นเขาก็เก็บสิ่งของทั้งหมด เพื่อเตรียมพร้อมในการขึ้นไปยังภูเขาด้านหลังหมู่บ้าน ฉินยี่ถือขวาน หอก และกับดักที่อัพเกรดแล้ว 2 อัน จอบและ ตะกร้าใส่สมุนไพร

ฉินยี่ ต้องการนำธนูล่าสัตว์ติดตัวไปด้วย แต่ตอนนี้เขามีพลังมากเกินไป และธนูที่ดีที่สุดของหมู่บ้านก็มีแรงดึงเพียงแค่สองร้อยจิน ซึ่งมันไม่เหมาะกับเขาอีกต่อไป!

ฉินยี่ตื่นแต่เช้า หลังจากกินข้าวเสร็จ หลงจากนั้นเขาก็หยิบอาหารแห้งและเนื้อหมาป่ารมควันมาหนึ่งชิ้น จากนั้นก็วิ่งขึ้นภูเขา

ครั้งนี้เขาบอกฉินซานและพี่สะใภ้ของเขาแล้ว ถึงแม้ว่าพวกเขายังคงรู้สึกกังวลอยู่ แต่เมื่อพวกเขารู้ว่าว่าฉินยี่ได้ทะลวงเข้าสู่ระดับนักรบขั้นที่สองแล้ว พวกเขาก็รู้สึกมีความสุขมากขึ้น และกังวลน้อยลง

ฉินยี่เองให้คำสัญญาว่าเขาจะไม่เดินเข้าไปยังส่วนลึกของภูเขา และจะขึ้นเขาไปเพื่อวางกับดัก หาสมุนไพรที่เชิงเขา คงจะใช้เวลาไม่นานเกินไป จึงทำให้พวกเขาทั้งสองรู้สึกโล่งใจ

ฉินยี่ จำเป็นต้องพูดออกไปเช่นนั้นเพราะทั้งจะได้รู้สึกสบายใจ ส่วนเขาจะทำอย่างไรต่อไปก็ขึ้นอยู่กับสถานการณ์

ตลอดทางที่ฉินยี่วิ่งขึ้นภูเขา ลมหายใจของเขาสงบนิ่งมาก เขาไม่รู้สึกเหนื่อยเลยแม้แต่น้อย การวิ่งขึ้นภูเขานับว่าเป็นการวอร์มอัพร่างกายสำหรับเขา

เมื่อฉินยี่เข้าไปใกล้สถานที่ที่เขาเคยวางกับดักสัตว์เอาไว้ในครั้งก่อน ฉินยี่ก็ขมวดคิ้วหลังจากที่เขาสังเกตเห็นรอยเท้าขนาดใหญ่บริเวณตาน้ำพุ

รอยเท้านี้มีลักษณะเฉพาะมาก มีกรงเล็บแหลมคมสี่อัน เท้าเป็นรูปวงรี ดูคล้ายกับสัญลักษณ์ของอุ้งเท้าหมี

แต่รอยอุ้งเท้าหมีอันนี้ดูเหมือนว่าจะใหญ่กว่า นิดหน่อยใช่ไหม?

ฉินยี่วัดรอยอุ้งด้วยเท้าของเขา และพบว่าอุ้งเท้าของหมีนั้นใหญ่มาก!

อุ้งเท้าหมีที่ใหญ่ขนาดนี้ เจ้าของรอยเท้าจะต้องตัวใหญ่มากแน่ๆ

ป่าบริเวณโดยรอบค่อนข้างโปร่ง เมื่อหมีเดินผ่านไปมา กิ่งไม้ในบริเวณนี้ก็หักไปหลายกิ่ง ทิ้งร่องรอยเอาไว้มากมาย

ฉินยี่ ครุ่นคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้ แทนที่เขาจะวางกับดักเอาไว้ที่นี่ เขากลับถือกับดักและเดินเข้าไปยังส่วนลึกของภูเขา

ตอนนี้เขาเป็นนักรบขั้นที่สองแล้ว และเขาก็ยังนำอาวุธติดตัวมาด้วย การเดินลึกเข้าไปในส่วนลึกของภูเขาไม่กี่ร้อยเมตรก็คงไม่เป็นอะไร

ยิ่งเขาเข้าไปลึกมากเท่าไหร่ สัตว์ร้ายก็จะยิ่งดุร้ายมากขึ้นเท่านั้น ระดับก็จะสูงขึ้น และคุณภาพเนื้อก็จะดีขึ้น แน่นอนว่าคะแนนความโกลาหลก็จะมีมากขึ้นด้วย

ฉินยี่ ไม่ได้เข้าไปลึกมากจนเกินไป เขาเลือกเส้นทางที่มีสัตว์ร้ายเดินผ่านไปมาจำนวนมาก หลังจากนั้นก็ขุดหลุมวางกับดักเอาไว้ จากนั้นก็ถอยหลังกลับ

เขาไม่ได้สนใจหมีตัวนั้นเลยแม้แต่น้อย เพราะมันตัวใหญ่เกินไป เขาจึงไม่กล้าที่จะยั่วสัตว์ร้ายตัวนี้

ขากลับเขาก็เปลี่ยนเส้นทาง พร้อมกับเก็บสมุนไพรไปด้วย เขาเดินทางอย่างอิสระ และไม่รู้สึกถึงวิตกแต่อย่างใด

เขาฟังเสียงนกร้อง เสียงคำรามของสัตว์ร้ายที่อยู่ไกลออกไป ฉินยี่ก็ไม่ได้คลายความระมัดระวังของเขาลงเลยแม้แต่น้อย แต่ว่าความตึงเครียดที่ของเขาผ่อนคลายลงกว่าเมื่อก่อนมาก

ฉินยี่ ได้กลิ่นหอมของพืชพรรณแล้วถอนหายใจออกมา

“โฮกกกกกก!”

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด