บทที่ 15 : มอบส่วนหนึ่งให้กับหมู่บ้าน
ฉินซานล้างแผลบริเวณหน้าท้องของฉินหยวน เพื่อเอาเศษวัชพืชออกจากบาดแผล และโรยผงยาลงไปที่บาดแผล
การเคลื่อนไหวของฉินซาน นั้นเชี่ยวชาญมาก และเขารู้ว่าจะต้องจัดการกับบาดแผลประเภทนี้ยังไง
ฉินซานเอายาใส่ปากแผลแล้วถามออกมาว่า “ทำไมพวกเจ้าถึงขึ้นไปบนภูเขา? ทำไมเจ้าถึงไปเจอกับสัตว์ร้ายระดับสองได้กัน? หรือว่ามันจะเป็นราชาหมาป่า?”
“พวกเราขึ้นไปวางกับดักบนภูเขาและในตอนที่พวกเรากำลังจะเดินทางกลับ ใครจะไปรู้ว่าพวกเราเจอกับราชาหมาป่ากับฝูงของมัน!”
ฉินยี่ เล่าสถานการณ์ทั้งหมดที่เขาเจอให้กับฉินซานฟัง
ทำให้ใบหน้าของฉินซานเต็มไปด้วยความตกใจ นี่คือเด็กอายุ 12 ปีเท่านั้น เขามีความกล้าหาญมาก ที่กล้าเผชิญหน้ากับสัตว์ร้ายมากกว่าสิบตัว และยังสามารถสังหารพวกมันทั้งหมดได้ด้วยซ้ำ!
“มันไม่ควรที่จะเป็นอย่างนี้ ถึงแม้ว่าป่าบนภูเขาจะมีสัตว์ร้ายอยู่เป็นจำนวนมาก แต่พวกมันมักจะอยู่ในส่วนลึกของภูเขา ที่ที่พวกเจ้าไปห่างจากหมู่บ้านเพียงครึ่งลี้เท่านั้น เป็นไปไม่ได้เลยที่จะเจอสัตว์ร้ายระดับนั้นได้”
หลังจากรักษาบาดแผลที่ช่องท้องของฉินหยวนแล้ว ฉินซานก็ขมวดคิ้วและบ่นพึมพำกับตัวเอง
เรื่องนี้สำคัญมาก หากไม่จัดการให้ดี อาจเกิดอันตรายกับหมู่บ้านได้!
คลื่นสัตว์ร้ายไม่ใช่เรื่องตลก!
“เกิดอะไรขึ้น ใครเป็นคนฆ่าราชาหมาป่า?”
ในตอนนี้เริ่มมีชาวบ้านเริ่มมามุงดูมากขึ้นเลื่อยๆ พวกเขามองเห็นซากศพของราชาหมาป่าที่นอนอยู่บนพื้น และมองไปที่เด็กสองคนที่ชุดเปื้อนเลือด
“เสี่ยวยี่ เสี่ยวหยวน พวกเจ้าทั้งสองไม่เป็นไรใช่ไหม มาให้ข้าดูหน่อยสิ!” ฉินซานถามด้วยความเป็นห่วง ดวงตาของเขาแดงก่ำ และน้ำเสียงของเขาสั่นเทาหลังจากที่ตรวจดูอาการบากเจ็บของทั้งสอง
“ข้าไม่เป็นไร เลือดนั่นเป็นเลือดของหมาป่าพวกนั้น แต่ว่าฉินหยวนได้รับบาดเจ็บสาหัส!” ฉินยี่มองไปยังฉินซาน ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยความรู้สึกผิดอยู่เล็กน้อย
เพราะว่าเขารู้สึกผิดอยู่เล็กน้อย ถ้าเขาไม่คิดที่จะไปเก็บสมุนไพร พวกเขาก็คงไม่เจอกับฝูงหมาป่า
“ท่านลุง ท่านอย่าลืมนะว่ายังมีซากศพของหมาป่าสายลมทมิฬมากกว่าสิบตัวอยู่บนภูเขา ท่านบอกให้ทุกคนรีบขึ้นภูเขาไปเอาซากศพเหล่านั้นลงมาเร็วเข้า ก่อนที่มันจะถูกสัตว์ร้ายตัวอื่นเอาไปกิน!” หลังจากที่ฉินหยวนใส่ยาที่บาดแผลของเขาแล้ว เขาก็เอ่ยเตือนฉินยี่ทันที่
อย่างไรก็ตามเขาเป็นถึงนักรบระดับสอง ความแข็งแกร่งทางกายและความสามารถในการฟื้นตัวของเขานั้นแข็งแกร่งกว่าคนทั่วไปหลายเท่า และตอนนี้เขาก็ได้ฟื้นตัวขึ้นมามากแล้ว
“บนภูเขาด้านหลังยังมีซากศพมีหมาป่าอยู่อีกอย่างนั้นเหรอ? พวกเราจะช่วยขนย้ายเอง!” ชาวบ้านคนหนึ่งรีบพูดขึ้นมาทันที
“ใช่แล้ว พวกมันอยู่ตรงไหน พวกเราต้องรีบไปแล้ว เดี่ยวมันจะถูกสัตว์ร้ายตัวอื่นกิน!”
“ซากศพพวกมันอยู่ที่บริเวณตาน้ำพุบนภูเขา เมื่อพวกท่านเดินทางไปถึงก็จะเห็นเอง!” ฉินยี่ถูแขนที่บวมของเขาแล้วพูดขึ้นมา
บาดแผลตามตัวของขาไม่ได้ร้ายแรงมาก ทายาไม่กี่วันก็น่าจะหายแล้ว
“จางเหล่า ฉินซาน พาพวกผู้ชายไปด้วยหลายๆคน!”
“ไปเถอะ! รีบหน่อย อย่าปล่อยทิ้งไว้นาน!”
กลุ่มคนจำนวนหนึ่ง เดินเขาไปยังป่าที่อยู่ด้านหลังหมู่บ้านพร้อมกับอาวุธครบมือ
ในตอนนี้ฉินยี่กับฉินหยวนได้กลับไปที่บ้านของเขาแล้ว
ณ. บ้านของจางฟู่กุ้ย ใบหน้าของจางไห่ถูกพันด้วยผ้าพันแผล หลังจากที่เขาได้ยินข่าวนี้ เขาก็แทบจะกระโดดขึ้นมาด้วยความดีใจ “น่าเสียดาย น่าเสียดายจริงๆ ทำไมพวกมันทั้งสองถึงไม่ถูกสัตว์ร้ายพวกนั้นสังหารไปซะ”
ชาวบ้านที่ไปที่เข้าไปในป่าเพื่อช่วยขนย้ายซากศพหมาป่าก็กลับมาถึงหมู่บ้านแล้วในช่วงพบค่ำ มีซากหมาป่าทั้งหมด 12 ตัว ถูกวางไว้อย่างเรียบร้อยภายในลานนวดข้าวของหมู่บ้าน และนอกจากนี้ก็ยังมีซากศพของราชาหมาป่าอยู่ด้วย
ชาวบ้านจำนวนมากได้มารวมตัวกันที่แห่งนี้ ด้วยความตื่นเต้นดีใจ
พวกเขาหลายคนไม่เคยเห็นสัตว์ร้ายมาก่อน และนี้ก็เป็นครั้งแรกที่พวกเขาได้เห็นสัตว์ร้ายจำนวนมากขนาดนี้มาก่อน
ขณะนี้ฉินซานกำลังลงมือจัดการกับซากศพหมา โดยมีชาวบ้านคอยช่วยเหลือ
หนังของสัตว์ร้ายนั้นมีค่ามาก ถึงแม้ว่าจะมีหนังหมาป่าบางส่วนไม่สมบูรณ์ มีหนังหมาป่าหลายชิ้นที่มีรูขนาดใหญ่
ซึ่งแตกต่างจากหนังหมาป่าที่สมบูรณ์ ราคาของมันแตกต่างกันมาก
แต่มูลค่าของหนังหมาป่าทั้งสิบชิ้นนี้ก็ยังมากพอ อย่างน้อยก็ทำให้การเงินของตระกูลฉินดีขึ้นกว่าเมื่อก่อนมาก
เนื้อของสัตว์ร้ายระดับ 1 ก็เป็นอาหารที่ดีมากเช่นกัน และเนื้อของสัตว์ร้ายก็ยังเป็นยาบำรุงชั้นดีอีกด้วย สำหรับนักสู้หลายคนมักจะกินของเนื้อสัตว์ร้ายเพื่อเสริมพลังให้กับตัวเอง
การฝึกศิลปะการต่อสู้นั้นต้องใช้เงินเป็นจำนวนมาก ดังนั้นจึงต้องการพลังงานเป็นจำนวนมากในการฝึกฝน และการกินอาหารธรรมดาให้พลังงานเพียงเล็กน้อยเท่านั้น ดังนั้นเหล่านักรบต้องการที่จะกินอาหารที่ทำมาจากสัตว์ร้ายมีระดับเพื่อเสริมสร้างความแข็งแกร่งของตนเอง
เพราะว่าเนื้อของสัตว์ร้ายนั้นแตกต่างออกไป เพียงแค่เนื้อชิ้นเล็กๆ ชิ้นเดียวก็มีค่าเท่ากับสารอาหารที่คนทั่วไปบริโภคในหนึ่งวัน
ดังนั้นเนื้อของสัตว์ร้ายเหล่านี้จึงได้รับความนิยมอย่างมากในตลาด
ไม่มีใครอยากไม่ฝึกศิลปะป้องกันตัวทุกวันและเสียเวลาไปกับการกินมากมาย!
นอกจากหนังและเนื้อแล้ว กระดูกของสัตว์ร้ายก็ยังถือเป็นวัตถุดิบในการหลอมกลั่นเม็ดยาอีกด้วย
นอกจากกระดูกแล้ว อวัยวะภายในของสัตว์ร้ายก็ยังสามารถกินได้ เขี้ยวของมันสามารถใช้มาทำเป็นอาวุธ เส้นเอ็นสามารถใช้เป็นสายธนู และไขของมันก็ยังสามารถกลั่นเป็นน้ำมันสำหรับใช้ทำอาหารได้ ถือเป็นสมบัติล้ำค่าเลยทีเดียว
ส่งผลให้มีนักรบจำนวนมากออกล่าสัตว์ร้ายเหล่านี้
อาจกล่าวได้ว่าสัตว์ร้ายและมนุษย์ปฏิบัติต่อกันเหมือนเป็นอาหารของกันและกัน ตราบใดที่พวกเขาพบกัน ก็มีเพียงแค่ไม่เจ้าตายก็ข้าตาย และการต่อสู้ระหว่างทั้งสองเผ่าพันธุ์นั้นดำเนินมาเป็นระยะเวลานับหมื่นปีแล้ว
“ฉินซาน คราวนี้ตระกูลของเจ้าได้รับโชคลาภก้อนโตเลย สัตว์ร้ายระดับ 1 จำนวนมากมายขนาดนี้ และยังมีซากของราชาหมาป่าระดับ 2 อีกด้วย!”
บางคนอิจฉา บางคนหยอกล้อ แต่ไม่มีใครอยากได้ของบ้านตระกูลฉินเลย
“ถ้าหากว่าข้าเลือกได้ข้า ไม่เอาแบบนี้ดีกว่า!” ฉินซานเงียบไปครู่หนึ่ง ก่อนที่จะพึมพำกับตัวเอง ไม่มีใครได้ยินว่าเขาพูดอะไร
“ขอบคุณทุกคนสำหรับความช่วยเหลือ ข้าขอแค่ซากหมาป่าเพียงแค่ห้าตัว ส่วนที่เหลือข้ามอบให้กับหมู่บ้าน!” ฉินซาน พูดออกมาหลังจากที่ตัดสิ้นใจได้แล้ว
เขาไม่เก่งเรื่องการแสดงอารมณ์มากนัก หลังจากที่เขาได้ปรึกษาหารือกับฉินยี่และฉินหยวนแล้ว เขาถึงได้บอกในสิ่งที่เขาต้องการออกไป
เดิมทีแล้วหากว่าทางหมู่บ้านจัดคนขึ้นไปล่าสัตว์บนภูเขา ผลผลิตส่วนหนึ่งจะถูกแจกจ่ายให้กับทั้งหมู่บ้าน ซึ่งแตกต่างจากครั้งนี้มากเพราะว่า ฉินยี่กับฉินหยวน เป็นคนสังหารหมาป่าเหล่านี้ และไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับทางหมู่บ้านเลย ดังนั้นถ้าหากว่าพวกเขาไม่ต้องการที่จะแบ่งให้ก็ไม่มีใครกล้าว่าอะไร
แต่ฉินซานรู้สึกว่า ถ้าหากว่าเขาไม่แบ่งให้กับหมู่บ้าน มันก็จะทำให้หลายคนรู้สึกอิจฉาอย่างแน่นอน และเป็นการดีที่สุดถ้าหากว่าเขามอบส่วนหนึ่งให้กับชาวบ้านทุกคน
ฉินยี่รู้สึกว่าการจัดการแบบนี้ดีที่สุดแล้ว ส่วนแกนของสัตว์ร้ายนั้นเขาจะเก็บเอาไว้คนเดียว และถ้าหากว่าเขาไม่ได้รับความช่วยเหลือจากชาวบ้าน พวกเขาก็คงได้แค่ซากศพของราชาหมาป่าเท่านั้น และซากศพหมาป่าตัวอื่นๆ ก็คงต้องปล่อยทิ้งเอาไว้แบบนั้น
“อืม...!” เมื่อชาวบ้านได้ยินพวกเขาก็พากันตกใจ และพยักหน้าเห็นด้วยทีละคน รอยยิ้มปรากฏบนใบหน้าของพวกเขา และพวกเขารู้สึกว่าจะมีคลื่นสัตว์ร้ายเกิดขึ้น
“พวกเจ้าแบ่งคนเอาหนังของหมาป่าไปทำความสะอาด”
"จางหม่าจื่อ ฉินทูจื่อ พวกเจ้าสองคนนำซากหมาป่าไปแล่เนื้อซะ!"
“เหล่าซานจาง เจ้าไปเตรียมหม้อและเตรียมเครื่องเทศมาสิ!”
ผู้อาวุโสคนหนึ่ง ออกคำสั่งอย่างเป็นระเบียบ
"ตกลง!"
"คราวนี้ข้าคงต้องแสดงฝีมือของข้าให้พวกเจ้าได้ชมแล้วว่าการทำอาหารของข้ายอกเยี่ยมมากแค่ไหน!"
หลังจากได้ยินคำสั่งแล้ว พวกเขาทุกคนก็พับแขนเสื้อขึ้น และเตรียมพร้อมทำงานตามคำสั่งทันที
ฉินชานยิ้มออกมาเมื่อเห็นว่าเหล่าชาวบ้านเต็มไปด้วยความมีชีวิตชีวา