ตอนที่แล้วบทที่ 1086 (208) อู๋จื้อหยางระแวดระวัง
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 1088 (210) สัมผัสถึงอันตราย

บทที่ 1087 (209) อิจฉาริษยา (ตอนฟรี)


บทที่ 1087 (209) อิจฉาริษยา (ตอนฟรี)

หรงซูเยี่ยนใช้ชีวิตตามสไตล์ของเธอ ซึ่งสำหรับเธอแล้วไม่ได้เป็นการใช้เงินฟุ่มเฟือยหรือเกินตัวเลย ก็เหมือนกับคนปกติทั่วไป ไม่ได้มีอะไรเป็นพิเศษ อย่างไรก็ตามเมื่อเจิ้งหยูซิ่วบังเอิญได้เห็นวิถีชีวิตและรสนิยมของหรงซูเยี่ยน เธอก็รู้สึกอิจฉาขึ้นมาทันที

บางครั้งเมื่อหรงซูเยี่ยนเหนื่อยล้าจากการทำงานหรือนึกอยากผ่อนคลาย เธอมักชอบดื่มไวน์แดงซึ่งมีราคาหลายหมื่นหยวน เสื้อผ้าที่เธอใส่ดูเหมือนเสื้อผ้าธรรมดา แต่จริงๆแล้วล้วนเป็นเสื้อผ้าอย่างดีมีราคาแพง เธอมีคนขับรถและบอดี้การ์ดส่วนตัวคอยดูแล รถที่เธอใช้ก็เป็นรถหรูราคาหลักล้าน ปกติแล้วเธอไม่ได้ใส่เครื่องประดับมากนัก แต่เครื่องประดับที่นานๆเธอจะใส่ทีก็เป็นอัญมณีราคาหลายล้าน...

และเมื่อใดก็ตามที่หรงซูเยี่ยนรู้สึกเบื่อ เธอจะจองเที่ยวบินและออกไปเที่ยวโดยไม่สนใจจุดหมายปลายทาง

ยกตัวอย่างเช่น ในเช้าวันหยุดที่เธออารมณ์ดีและนึกสนุก เธอก็ตัดสินใจอย่างกะทันหันขึ้นเครื่องบินไปฝรั่งเศส เพื่อไปเยี่ยมชมพิพิธภัณฑ์ลูฟร์ ซึ่งเป็นแหล่งรวมงานศิลปะอันยิ่งใหญ่ใจกลางกรุงปารีส เธอจะใช้เวลาอยู่ที่นั่นเพื่อเพลิดเพลินไปกับการชมงานศิลปะอย่างสบาย ๆ แล้วค่อยขึ้นเครื่องบินกลับมาในช่วงบ่ายหรือเย็น

วิถีชีวิตแบบนี้ทำให้เจิ้งหยูซิ่วอิจฉาจนตาร้อนผ่าว

โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเทียบตัวเองกับหรงซูเยี่ยนแล้ว มันยิ่งทำให้เจิ้งหยูซิ่วรู้สึกอิจฉามากจนอยากจะบีบคอหรงซูเยี่ยนให้ตายแล้วเอาตัวเองเข้าไปแทนที่เธอ

ในด้านสถานะ เจิ้งหยูซิ่วนั้นเป็นลูกสาวข้าราชการระดับสูง ในแวดวงการเมืองตระกูลของเธอก็มีอิทธิพลอย่างมาก ไม่ว่าจะไปที่ไหนก็มักจะมีคนมาเอาอกเอาใจและยกยอเธอ แต่หรงซูเยี่ยนก็ไม่ได้ขาดสิ่งเหล่านี้เช่นกัน ไม่ว่าหรงซูเยี่ยนจะไปที่ไหน ก็มีคนยกยอเธอและแทบจะชูเธอไว้บนหิ้ง!

ถ้าหากพูดถึงเรื่องภายในตระกูล ตระกูลของเจิ้งหยูซิ่วเต็มไปด้วยการแก่งแย่งชิงดี มีทั้งเปิดเผยและลับหลัง แต่ตระกูลของหรงซูเยี่ยนกลับมีความสุขสงบ ไม่มีการทะเลาะเบาะแว้งหรือความกดดันใดๆเลย ช่างเป็นชีวิตที่เหมือนอยู่ในสวรรค์

ความแตกต่างเช่นนี้ทำให้เจิ้งหยูซิ่วครุ่นคิดและหมกมุ่นอยู่กับมันจนทำให้เกิดความอิจฉาและความเจ็บปวด

มันเป็นเพราะอะไรกัน?!

ตระกูลข้าราชการระดับสูงอย่างตระกูลเจิ้งของฉัน ไม่ว่ายังไงก็ไม่มีทางแพ้ตระกูลนักธุรกิจอย่างตระกูลหรงอย่างแน่นอน! แต่แล้วทำไมฉันถึงไม่มีชีวิตแบบนั้นบ้างล่ะ?!

นี่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่?

คนที่ควรจะได้ใช้ชีวิตแบบนี้ก็คือฉันแท้ ๆ ทำไมหรงซูเยี่ยนถึงได้ดีกว่าฉันมากมายขนาดนี้?!

ความรู้สึกไม่เท่าเทียมกันที่เกิดขึ้นภายในใจอย่างรุนแรง ทำให้เจิ้งหยูซิ่วโกรธแค้นจนแทบจะคลั่ง เมื่อนึกถึงใบหน้าของหรงซูเยี่ยนซึ่งดูสวยกว่าเธอบวกกับท่าทางที่ดูสงบเยือกเย็น ยิ่งทำให้เจิ้งหยูซิ่วเกลียดแค้นชิงชังหรงซูเยี่ยนมากยิ่งขึ้น

และสิ่งที่ทำให้เจิ้งหยูซิ่วอิจฉามากที่สุดคือ หรงซูเยี่ยนซึ่งเป็นลูกสาวของนักธุรกิจได้คบหากับอู๋จื้อเหอเป็นแฟน!

นี่มันเรื่องบ้าอะไรกัน?

อู๋จื้อเหอเป็นใคร? นั่นคือนายน้อยตระกูลใหญ่ ลูกชายคนสำคัญของตระกูลชั้นนำในประเทศจีน และเมื่อเธอแต่งงานกับเขา เธอจะกลายเป็นคุณนายในตระกูลมหาเศรษฐีชนชั้นสูง!

เกียรติยศเช่นนี้มันไม่คู่ควรกับผู้หญิงที่ทำตัวสูงส่งแต่จอมปลอมอย่างหรงซูเยี่ยนเลยแม้แต่น้อย!

ผู้หญิงที่มีดีแค่มีเงินแต่หิวกระหายเกียรติยศ!

ในขณะนั้นเองเจิ้งหยูซิ่วดูเหมือนจะสัมผัสอะไรบางอย่างได้ และทันใดนั้นเธอก็เข้าใจ ความแตกต่างที่ใหญ่ที่สุดระหว่างเธอกับหรงซูเยี่ยนไม่ได้อยู่ที่สถานะทางสังคม ตำแหน่งหรือรูปลักษณ์ แต่เป็นความแตกต่างในเรื่องของเงินทองต่างหาก ที่ทำให้ทั้งสองคนมีวิถีชีวิตที่แตกต่างกันอย่างมาก

ในขณะที่ตัวเธอนั้นอยากจะใช้เงินตามใจก็ทำไม่ได้ ต้องใช้อย่างระมัดระวังกระเบียดกระเสียร แต่สำหรับหรงซูเยี่ยน เงินในครอบครัวเธอมีเป็นร้อยล้าน เพียงแค่นี้ก็เพียงพอแล้วที่ตระกูลเจิ้งจะทำงานหนักเป็นสิบชาติก็ไม่สามารถเทียบเคียงได้

เว้นเสียแต่ว่าจะรับเงินค่าน้ำชาหรือสินน้ำใจที่มาจากทางสายงานราชการ

แต่ถึงจะทำเช่นนั้น ก็ยังตามไม่ทันตระกูลหรงอยู่ดี เพราะเงินของตระกูลหรงมีมากมายมหาศาล จนไม่ว่าจะใช้จ่ายอย่างไรก็ใช้ไม่หมด

ถึงแม้ว่าสมาชิกทุกคนที่ทำงานในตระกูลเจิ้งจะพยายามหาเงินอย่างสุดกำลัง ก็คงจะตามตระกูลหรงไม่ทันตลอดชีวิต และยิ่งไปกว่านั้น คนที่ไปหากินแบบนี้ก็เสี่ยงที่จะถูกจับเข้าคุกหรือถูกยิงตายได้ทุกเมื่อ

กล่าวอีกนัยหนึ่ง หากเจิ้งหยูซิ่วต้องการแข่งขันกับตระกูลหรงในแง่ของการเงิน... เธอจะไม่มีทางตามหรงซูเยี่ยนได้ทัน!

มันไม่ควรจะเป็นแบบนี้สิ!!

เจิ้งหยูซิ่วโกรธจนกัดฟันกรอด เธอจะไม่ยอมให้หรงซูเยี่ยนได้ดิบได้ดีกว่าเธอมากไปกว่านี้! วิธีเดียวที่จะทำได้คือยึดหรงเผิงกรุ๊ปมาเป็นของตัวเอง ทำให้เงินของหรงซูเยี่ยนกลายเป็นเงินของตัวเอง ทำให้สถานะและฐานะหรงซูเยี่ยนกลายเป็นของตัวเธอเอง!

ถ้าเธอทำสำเร็จ เธอจะสามารถตามหรงซูเยี่ยนทันได้ หรืออาจจะแซงหน้าไปเลยด้วยซ้ำ!

ตั้งแต่นั้นมา เจิ้งหยูซิ่วก็วางแผนที่จะแยกหรงซูเยี่ยนและอู๋จื้อเหอออกจากกัน และหาทางยึดหรงเผิงกรุ๊ปมาให้ได้....

เธอเริ่มต้นด้วยการเข้าใกล้อู๋จื้อเหออย่างแนบเนียน แล้วค่อยๆ ปั่นหัวเขาด้วยคำพูดต่างๆนานา ทำให้ใจของอู๋จื้อเหอเบนมาสนใจเธอมากขึ้น จากนั้นเธอก็ทำเป็น “เผลอพูด” เรื่องซุบซิบที่เธอได้ยินจากคนอื่นๆให้อู๋จื้อเหอฟัง

เช่น เธอจะบอกว่าด้วยสถานะของอู๋จื้อเหอ การแต่งงานกับลูกสาวนักธุรกิจใหญ่อาจส่งผลเสียต่อตัวเขาเอง และชื่อเสียงของตระกูลอู๋ก็อาจจะเสียหายไปด้วย

หลังจากพยายามมานานหลายปี ในที่สุด เจิ้งหยูซิ่วก็สามารถแยกหรงซูเยี่ยนออกจากอู๋จื้อเหอได้สำเร็จ และหรงเผิงกรุ๊ป ก็กำลังจะตกไปอยู่ในมือตระกูลอู๋ เจิ้งหยูซิ่วรู้สึกโล่งใจเป็นอย่างมาก เพราะเธอกำลังจะเข้าใกล้เป้าหมายในการควบคุมหรงเผิงกรุ๊ปไปอีกขั้นหนึ่งแล้ว

การที่ตระกูลอู๋ เข้ามาควบคุมหรงเผิงกรุ๊ป ดีกว่าให้ตระกูลอู๋ เป็นคนควบคุมมาก เจิ้งหยูซิ่วมั่นใจว่าเธอจะสามารถแทรกตัวเข้าไปมีส่วนร่วมในบริษัทได้

และสิ่งที่สำคัญที่สุดคือ หรงซูเยี่ยนกำลังจะสูญเสียทุกอย่าง!

เมื่อเทียบกับชีวิตหรูหราของหรงซูเยี่ยนเมื่อในอดีต ชีวิตของทั้งสองคนอาจจะแตกต่างกันราวฟ้ากับเหว แต่คราวนี้จะเป็นเธอที่จะได้ใช้ชีวิตอย่างสุขสบาย ส่วนหรงซูเยี่ยนจะไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องอยู่ต่ำกว่าเธอ

“แบบนี้สิถึงจะถูกต้อง!” เจิ้งหยูซิ่วถอดรองเท้าส้นสูงออกแล้วเตะเหวี่ยงไปบนพื้นห้องนั่งเล่น และนั่งลงบนโซฟาในห้องนั่งเล่นอย่างสบายๆพร้อมกับแสดงสีหน้าของผู้ชนะที่กำลังจะประสบความสำเร็จ

“นี่แหละคือชีวิตที่ฉันควรจะได้อยู่ ผู้หญิงสารเลวอย่างหรงซูเยี่ยนได้เพลิดเพลินมานานเกินไปแล้ว ถ้ามันยังได้เพลิดเพลินต่อไป แม้แต่สวรรค์ก็คงจะทนไม่ไหว”

“ผ่านมาหลายปีแล้ว ถึงคราวของฉันบ้างแล้วล่ะ...” เจิ้งหยูซิ่วยิ้มอย่างยั่วยวนและยื่นนิ้วออกมาราวกับกำลังร่ายรำ “ขอแสดงความยินดีกับคุณหยูซิ่ว คุณนายตระกูลอู๋และว่าที่ผู้จัดการใหญ่แห่งหรงเผิงกรุ๊ป!”

“ไม่สิ ไม่ๆ! ถึงเวลานั้นจะมาเรียกว่าหรงเผิงกรุ๊ปอยู่อีกได้ยังไง! ชื่ออัปมงคลแบบนี้ฟังแล้วแสลงหูจะแย่! ต้องเรียกมันว่าหยูซิ่วกรุ๊ป หรือไม่ก็ เจิ้งเหอกรุ๊ป หรือจะเป็น.. เจิ้งอู๋กรุ๊ปดีล่ะ? คิกคิก~”

ในห้องนั่งเล่นของวิลล่า เจิ้งหยูซิ่วกำลังกลิ้งไปมาบนโซฟาที่นุ่มสบาย ใบหน้าของเธอแสดงออกถึงความสุขอย่างที่สุด เธอส่งเสียงหัวเราะคิกคักเป็นระยะๆ ซึ่งบ่งบอกว่าเธอกำลังนึกถึงบางสิ่งบางอย่างที่มีความสุขอย่างยิ่ง...

..........

“คุณจี้ด้านหน้านี้คือสวนโอลิมปิก เราไปเดินเล่นที่นั่นกันดีไหมคะ?” หรงซูเยี่ยนที่กำลังถือร่มสีชมพูกำลังพูดด้วยรอยยิ้มบนใบหน้าที่แดงก่ำ

“ผมคิดว่าไม่ต้องไปดีกว่าครับ” จี้เฟิงเหลือบมองหรงซูเยี่ยนที่มีเหงื่อออกเล็กน้อยแล้วพูดด้วยรอยยิ้ม “เราเดินเที่ยวมาตั้งนานแล้วผมก็เริ่มเหนื่อยแล้วล่ะ ผมว่าเราควรจะกลับหรือไม่ก็หาที่นั่งพักก่อนสักหน่อยก็ดีนะครับ”

“พักสักหน่อยก็เหมือนกันค่ะ หน้าสวนมีร้านกาแฟอยู่ร้านนึง เราไปที่นั่นกันเถอะค่ะ” หรงซูเยี่ยนพยักหน้าและตอบ

“โอเค” จี้เฟิงยิ้มและพยักหน้า

ฤดูร้อนของกวางตุ้งนั้นมีสภาพอากาศที่ร้อนระอุ ตอนนี้เพิ่งเลยเวลาเที่ยงมาไม่นาน เป็นช่วงที่อากาศร้อนที่สุด พอมองออกไปไกลๆก็จะเห็นพื้นรอบๆเคลื่อนไหวเล็กน้อยซึ่งเกิดจากคลื่นของความร้อนที่เพิ่มขึ้น

ในสภาพอากาศที่ร้อนจัดจนหรงซูเยี่ยนเหงื่อออกแทบจะท่วมตัว แต่ในฐานะเจ้าบ้าน เธออยากจะพาจี้เฟิงไปเที่ยวให้สนุก จึงอดทนอยู่ต่อไป

จี้เฟิงเห็นทุกอย่างที่เกิดขึ้น เขากำลังคิดถึงเรื่องการร่วมมือกับหรงเผิงกรุ๊ปและอนาคตของเถิงเฟยกรุ๊ปอยู่ตลอดเวลา จริงๆแล้วเขาไม่ได้รู้สึกอยากเที่ยวเท่าไหร่หรอกจึงเสนอให้กลับบ้าน ตอนนี้ถ้าจะพูดถึงความเหนื่อยล้า นอกจากตอนที่ฝึกซ้อมหนักจนแทบจะลุกไม่ไหวแล้ว ช่วงเวลาอื่นๆ เขาก็ไม่เคยรู้สึกเหนื่อยเลย!

อันที่จริงแม้ว่าเขาจะเดินอยู่ในสภาพอากาศที่ร้อนระอุขนาดนี้มาเป็นเวลานาน เหงื่อเขาก็ยังไม่ออกเลยสักหยดด้วยซ้ำ!

เหตุผลที่บอกว่าเหนื่อยก็เพียงเพื่ออยากให้หรงซูเยี่ยนและแมงมุมขาวได้พักเท่านั้น

แมงมุมขาวและหรงซูเยี่ยนต่างถือร่มกันแดดกันคนละคัน พวกเธอเดินอยู่ด้านซ้ายและด้านขวาของจี้เฟิง ทั้งสองคนเป็นหญิงสาวที่มีรูปร่างหน้าตาที่สวยงามมาก โดยเฉพาะในฤดูร้อน รูปร่างและใบหน้าที่สวยงามของทั้งคู่ก็ดูโดดเด่นขึ้นมาอย่างชัดเจน พอเดินผ่านไปผู้คนก็หันกลับมามองด้วยสายตาที่ประทับใจ

ไม่นานก็มีเสียงร้องโอดครวญเบาๆ ดังขึ้นมา เห็นได้ชัดว่าบรรดาคุณผู้ชายที่ตาค้างเหล่านั้น กำลังถูกแฟนสาวของตัวเอง "ทำร้าย"

แต่ไม่ว่ายังไงก็ปฏิเสธไม่ได้ว่า เมื่อหรงซูเยี่ยนและแมงมุมขาวยืนอยู่ด้วยกัน มันเป็นทิวทัศน์ที่สวยงามที่น่ามองมาก ผู้ชายทั่วไปเมื่อเห็นแล้วก็อดไม่ได้ที่จะหันกลับมามองอีกครั้ง และพวกเขาก็ไม่อยากจะหันกลับอีกเลย ดังนั้นพวกเขาจึงเอียงคอมองจนคอแทบหัก...

“ซูเยี่ยน ไปจู๋ พวกเธอได้ยินอะไรไหม? ฉันคิดว่าต่อไปนี้พวกเธออย่าออกมาข้างนอกบ่อยๆเลย ไม่งั้นอาจเกิดเรื่องวุ่นวายก็ได้” จี้เฟิงที่ได้ยินเสียงคนรอบข้างหายใจเข้าออกอย่างแรง รวมถึงเสียงหนุ่มๆที่โดนแฟนสาวทำร้ายก็อดไม่ได้ที่จะพูดแซวและหัวเราะเบาๆ

แมงมุมขาวยิ้มมุมปากเบาๆ ส่วนหรงซูเยี่ยนกลับหน้าแดงระเรื่อ ทั้งคู่ถูกชมพร้อมกันแต่กลับมีปฏิกิริยาที่แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง ซึ่งก็แสดงให้เห็นถึงความรู้สึกภายในของทั้งสองคน...

ทั้งสามคนเดินตรงไปยังร้านกาแฟที่อยู่ติดกับสวน แต่เดินมาได้สักพัก จู่ๆ จี้เฟิงก็หยุดเดินทันที เขาขมวดคิ้วเล็กน้อย แต่แล้วก็รีบเดินตามสองสาวไป

“นายน้อยจี้...” แมงมุมขาวสังเกตเห็นปฏิกิริยาของจี้เฟิงได้อย่างรวดเร็ว เธอจึงเอ่ยเรียกชื่อเขาเบาๆ

“สนใจรอบตัวหน่อยนะ ดูเหมือนจะมีอะไรผิดปกติ...” จี้เฟิงยิ้มออกมา ดูเหมือนจะกำลังพูดเล่นกับสองสาว “ฉันรู้สึกว่าเหมือนมีคนกำลังมองเราอยู่”

หรงซูเยี่ยนหน้าแดงขึ้นเล็กน้อยแล้วพูดว่า “คุณจี้เลิกล้อเล่นได้แล้วค่ะ เรารีบเข้าไปข้างในกันเถอะ”

หรงซูเยี่ยนเข้าใจว่าจี้เฟิงกำลังพูดล้อเล่นกับเธอและแมงมุมขาวอยู่ จึงรีบชวนเข้าไปในร้านกาแฟ

อย่างไรก็ตาม แมงมุมขาวเข้าใจว่าจี้เฟิงหมายถึงอะไร... มีคนกำลังเฝ้าดูพวกเขาอยู่ และจี้เฟิงก็รู้สึกถึงอันตราย

....จบบทที่ 1087~

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด