ตอนที่แล้วตอนที่ 145 ศิษย์น้อง เจ้าอยู่ที่นี่เถอะ!
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 147 เรื่องเล็ก อย่าได้ตื่นตระหนก!

ตอนที่ 146 หม้อไฟเนื้อสุนัข!


จางหยุนเทียนถอนหายใจเบาๆ พร้อมโบกมือกล่าวว่า

“แก่แล้ว สมควรจะปลดเกษียณ ต่อไปเวทีนี้ก็เป็นของพวกคนหนุ่มสาวแล้ว”

หลินหยางรู้สึกเศร้าเล็กน้อย ก่อนถามว่า

“ท่านอาจารย์ยังจะมีชีวิตอยู่ได้อีกนานเท่าไรหรือ?”

“ประมาณว่า…” จางหยุนเทียนคิดอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนตอบอย่างไม่แน่ใจว่า

“จนกว่าเจ้าจะฝึกฝนถึงขั้นเทียนเหรินได้กระมัง”

“แม้ข้าจะต้องฝืนก็จะฝืนจนกว่าเจ้าจะสามารถดูแลตัวเองได้ ข้าถึงจะวางใจจากไป”

เมื่อหลินหยางเห็นถ้วยชาของจางหยุนเทียนที่ดื่มจนหมด เขาจึงรีบยกกาน้ำชาเติมให้พลางพูดว่า

“ท่านอาจารย์ แท้จริงแล้วศิษย์พี่ทั้งหลายก็เหมาะสมที่จะเป็นเจ้าสำนักแล้ว ศิษย์ไม่ได้ยึดติดเรื่องพวกนี้”

“และศิษย์ก็จะไม่โทษท่านอาจารย์ในเรื่องนี้”

“ไม่ว่าใครจะเป็นเจ้าสำนักก็เหมือนกัน ขอเพียงเขาบริหารสำนักให้ดีก็พอแล้ว”

จางหยุนเทียนมองหลินหยางแวบหนึ่งพร้อมกับยิ้มบางๆ

“เจ้าคิดเช่นนี้ อาจารย์ก็รู้สึกดีใจ”

“ว่าแต่ การเตรียมงานแต่งงานของเจ้ากับชิงชิงเป็นอย่างไรบ้าง?”

เมื่อได้ยินชื่อมู่ชิงชิง ใบหน้างดงามของเธอผุดขึ้นมาในใจของหลินหยาง ทำให้ชายหนุ่มผู้ยังคงมีความไร้เดียงสาในตัวเองรู้สึกเขินอายเล็กน้อย เขากล่าวว่า

“กำลังเตรียมการอยู่ แต่วันจัดงานขอให้ท่านอาจารย์เป็นผู้กำหนดเถิด”

“เช่นนั้นหลังจบงานชุมนุมเก้าสำนักเซียนจะเป็นอย่างไร?”

“เมื่ออาจารย์กลับมาที่สำนัก ข้าจะจัดงานใหญ่ให้เจ้าอย่างเต็มที่” จางหยุนเทียนกล่าว

หลินหยางตอบว่า

“ศิษย์ขอปฏิบัติตามคำสั่งของท่านอาจารย์ทุกประการ”

จู่ๆ จางหยุนเทียนก็ถามขึ้นว่า

“เจ้าเห็นตนเองเป็นอย่างไรเมื่อเทียบกับผู้ที่มีพลังเทียบเท่ากัน?”

หลินหยางคิดอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนตอบว่า

“พอใช้ได้ ศิษย์อาจจะแข็งแกร่งกว่าคนที่มีพลังเท่ากันนิดหน่อย”

จางหยุนเทียนถามต่อว่า

“แล้วเมื่อเทียบกับศิษย์ของยอดเขาเต๋าหยวนล่ะ?”

“เอ่อ…”

หลินหยางเคยเจอเหล่าเย่ปู้ฟานมาหลายครั้ง โดยเฉพาะหวงเซวียน เขามากับตนเองตอนเข้าร่วมสำนักเกาซาน ทำให้หลินหยางรู้สถานะดั้งเดิมของหวงเซวียนดี

เมื่อได้ยินคำถามของจางหยุนเทียน หลินหยางรู้สึกลังเลเล็กน้อย เขาไม่กล้ารับรองแน่นอน

“ศิษย์ยังคงมั่นใจว่าสามารถต่อสู้กับพวกเขาในระดับเดียวกันได้”

หลังจากที่พลังต้นกำเนิดแห่งสายฟ้าถูกฟื้นฟู พรสวรรค์ของหลินหยางก็ขึ้นไปถึงระดับเซียน ซึ่งในยุคปัจจุบันนี้ก็ถือว่าเป็นพรสวรรค์ระดับสูงสุดแล้ว

เมื่อต้องเผชิญกับเย่ปู้ฟานและหวงเซวียน ที่ดูเหมือนจะมีพรสวรรค์ระเซียนเช่นกัน หลินหยางยังมั่นใจว่าตนเองสามารถสู้ได้ อย่างไรก็ตาม ก็ต้องเป็นการต่อสู้ในระดับเดียวกัน

สภาพแวดล้อมที่ยอดเขาเต๋าหยวนพิเศษ ทำให้การฝึกฝนเป็นไปอย่างรวดเร็ว ตอนนี้พลังของเขาคงไม่สูงเท่าพวกนั้นแน่นอน

จางหยุนเทียนกล่าวว่า

“เจ้าถ่อมตัวได้ดี ไม่เลว”

“ในการประชุมธรรมะครั้งหน้า อาจารย์จะหาโอกาสให้เจ้าได้แสดงฝีมือ อย่าทำให้อาจารย์ผิดหวังล่ะ”

“ไปเถอะ ทรัพยากรที่ข้าให้เจ้า จงใช้มันให้เต็มที่ หมดแล้วก็มาขอจากอาจารย์ใหม่”

……

“คารวะท่านผู้นำ”

“ขอแสดงความนับถือผู้นำเต๋าหยวน”

“ผู้นำเต๋าหยวนช่างหล่อเหลาเสียจริง”

ฮั่วหยุนเฟยกำลังเดินกลับไปยังยอดเขาเต๋าหยวน เขาเดินทอดน่องผ่านบริเวณนั้น มีศิษย์หลายคนที่พบเขาทักทายอย่างกระตือรือร้น

ช่วงนี้เขามีเรื่องราวมากมายให้จัดการ ทำให้เขาออกสู่สาธารณะบ่อยครั้ง ศิษย์ที่รู้จักเขาจึงเพิ่มมากขึ้น

ด้วยความที่เขายังหนุ่มและมีความสามารถ อีกทั้งหน้าตายังหล่อเหลา ทำให้เขากลายเป็นไอดอลและต้นแบบให้กับศิษย์รุ่นเยาว์หลายคนที่พยายามฝึกฝนเพื่อจะเป็นเช่นเขา

“ทุกคนสบายดี” ฮั่วหยุนเฟยไม่มีท่าทีวางตัว เขาตอบรับทักทายด้วยรอยยิ้มทุกครั้งที่มีศิษย์เข้ามาคารวะ

“นี่มัน…”

ยังไม่ทันจะเดินขึ้นถึงยอดเขา ฮั่วหยุนเฟยก็ได้กลิ่นหอมที่ลอยมาแต่ไกล คล้ายกับเป็นกลิ่นหม้อไฟเนื้อสุนัข

“เจ้าเด็กพวกนี้ ไม่รู้จักเบื่อบ้างหรือไง?”

“วันก่อนก็กินเนื้อเผิงย่าง”

“เมื่อวานก็กินเนื้อวัวปิ้ง”

“วันนี้ก็กินหม้อไฟเนื้อสุนัขอีก”

ฮั่วหยุนเฟยส่ายหน้าแล้วยิ้มเล็กน้อย จากนั้นก็เร่งฝีเท้าขึ้นไปบนยอดเขา

บริเวณกลางภูเขา ศิษย์บางคนที่กำลังแอบฝึกฝนอยู่นั้นต่างพากันยื่นหน้าออกมาพลางสูดกลิ่นหอมที่ลอยมา

กลิ่นหอมนี้ชวนให้น้ำลายไหล

“กลิ่นอะไร มันหอมเหลือเกิน”

“ไม่รู้สิ น่าจะมาจากยอดเขานะ พวกเขากำลังทำอะไรกินกัน กลิ่นมันหอมมากเลย”

“โอ้ อยากไปขอแบ่งมากินสักคำจัง เขากินอะไรกันนะ หอมชะมัด”

“อยากให้พวกเขาชวนจัง เราเอาชามช้อนมาเองก็ได้”

ในถ้ำซ่อนเร้นใต้พุ่มไม้หนาแน่น ศิษย์เอกของเทียนจีเจินเหริน หลี่ตู๋ซิ่ว ก้าวออกมา เขามองไปยังยอดเขาพร้อมสูดกลิ่นหอมพลางพึมพำว่า

“เหมือนจะเป็นเนื้อสุนัขที่อาจารย์เอากลับมาเลยนะ”

“แต่นี่ฝีมือการปรุงขั้นเทพชัดๆ ใส่เครื่องปรุงอะไรลงไปถึงทำให้เนื้อสุนัขหอมขนาดนี้?”

เขากลืนน้ำลายลงคอ ก่อนจะรีบเดินตรงไปยังยอดเขาเทียนจี เขาเองก็รู้สึกอยากกินเหมือนกัน ระหว่างทาง เขาได้ชนเข้ากับหญิงสาวคนหนึ่ง นางสวมใส่ชุดคลุมเต๋า รูปร่างเล็กน่ารัก ใบหน้าใสสะอาด มือถือสายประคำ เมื่อเห็นหลี่ตู๋ซิ่ว นางก็หยุดนิ่งไปเล็กน้อยแล้วกล่าวว่า

“ศิษย์พี่ ท่านมาทำอะไรที่ยอดเขาเต๋าหยวน?”

หญิงสาวผู้นั้นไม่ใช่ใครอื่น นางคือศิษย์ของเทียนจีเจินเหริน โอวหยางลั่วชิง

หลี่ตู๋ซิ่วกระแอมเบาๆ แล้วตอบว่า

“แค่เดินผ่านมา พอดีได้กลิ่นหอมเลยแวะมาดู”

“อย่างนั้นหรือ…” โอวหยางลั่วชิงยิ้มพร้อมกับเหลือบตามองหลี่ตู๋ซิ่ว แล้วถามว่า

“ศิษย์พี่จะกลับยอดเขาเทียนจีแล้วใช่ไหม?”

“แน่นอน”

หลี่ตู๋ซิ่วถามกลับไปว่า

“แล้วเจ้าเล่า ศิษย์น้อง ทำไมถึงมาอยู่ที่ยอดเขาเต๋าหยวน?”

“ข้าก็แค่ผ่านมาเหมือนกัน” โอวหยางลั่วชิงยิ้มพลางหัวเราะ

ทั้งสองสบตากัน ต่างก็เข้าใจได้ทันที ทั้งสองยิ้มให้กันอย่างมีเลศนัย

“ไปเถอะ กลิ่นมันหอมเกินไป กลับไปข้าจะให้ท่านอาจารย์ทำให้ข้าสักมื้อเหมือนกัน” หลี่ตู๋ซิ่วพูด

ที่ยอดเขาเต๋าหยวน ริมสระน้ำจิตวิญญาณ เย่ปู้ฟานกำลังนั่งตกปลา เขาหวังว่าจะได้เพิ่มเครื่องเคียงสำหรับมื้อนี้

“กินแค่หม้อไฟเนื้อสุนัขมันยังไม่พอ ต้องมีเครื่องเคียงเสริมด้วย”

“ท่านทำได้หรือเปล่า?” จินจินที่อยู่ข้างๆ จ้องมองด้วยดวงตาเล็กๆ เย่ปู้ฟานตกปลามาชั่วโมงกว่าแล้ว แต่ก็ยังไม่ได้ปลาสักตัว

“ปลานี่ฉลาดเกินไป มันไม่กัดเบ็ดเลย” เย่ปู้ฟานถอนหายใจด้วยความหมดหวัง ปลาที่อาจารย์เลี้ยงไว้มันช่างเฉลียวฉลาดนัก มันไม่แม้แต่จะมองเหยื่อของเขาเลย

ไม่ไกลนัก หวงเซวียนกับศิษย์น้องอีกสองคนกำลังเตรียมหม้อไฟพร้อมกับใส่สมุนไพรศักดิ์สิทธิ์เป็นเครื่องเคียง

เมื่อได้ยินเย่ปู้ฟานบ่น เจียต้าเป่าก็พูดขึ้นว่า

“ทำไมไม่ใช้พลังวิญญาณล่ะ?”

“จะทำให้ง่ายขึ้น ทำไมต้องลำบากด้วย?”

จินจินหันคอของมันไป พร้อมกับหัวเราะเยาะ

“หากเจ้ากล้าใช้มือเปล่าจับปลาของเฟยเกอ ข้าจะไม่หยุดเจ้า”

เขาไม่ใช่ศิษย์ของฮั่วหยุนเฟย ดังนั้นเขาจึงเรียกฮั่วหยุนเฟยว่าเฟยเกอ(พี่ชาย)เสมอ

“ทำเหมือนข้าไม่ได้พูด” เจียต้าเป่าที่ถูกพูดแซะก็เงียบไป พลางก้มหน้าต่อไป เตรียมสมุนไพรศักดิ์สิทธิ์

หวงเซวียนมองไปยังตะกร้าผักรอบๆ เต็มไปด้วยเครื่องเคียงระดับต่างๆ รวมถึงสมุนไพรศักดิ์สิทธิ์ด้วย เขากล่าวว่า

“กินแบบนี้ มันจะไม่เยอะไปหน่อยหรือ?”

“ถ้ามีเลือดกำเดาไหล จะทำยังไง?”

จินจินกระโดดไปข้างหน้า คาบสมุนไพรขึ้นต้นหนึ่งแล้วพูดว่า

“เจ้ากลัว แต่ข้าไม่กลัว”

“ของบำรุงแบบนี้ กินเยอะก็ไม่เห็นจะเป็นอะไร ถ้ามีเฟยเกออยู่ จะมีอะไรผิดพลาดล่ะ?”

“มีเขาอยู่ ไม่มีอะไรผิดพลาดแน่นอน”

หวงเซวียนยกนิ้วโป้งให้แล้วพูดว่า

“เจ้าช่างวางแผนเก่งเสียจริง เอาทรัพยากรจากเฟยเกอมาใช้เต็มที่เลยนะ”

“ตกได้แล้ว! ฮ่าฮ่าฮ่า!”

ทันใดนั้น เย่ปู้ฟานหัวเราะออกมาอย่างมีความสุข เขาดึงเบ็ดขึ้นมา เสียงน้ำแตกกระจาย ปลาวิญญาณยาวกว่าหนึ่งจั้งกระโดดออกมาจากน้ำ

“ปู้ฟาน คิดไม่ถึงเลยว่าเจ้าจะเปลี่ยนไป”

ฮั่วหยุนเฟยเดินเข้ามาพลางยิ้มเล็กน้อย เขาเห็นเหตุการณ์ทั้งหมดเมื่อครู่ชัดเจน เย่ปู้ฟานใช้พลังวิญญาณชักเบ็ดตกปลาขึ้นมา โดยที่ปลาถูกควบคุมให้ว่ายเข้ามาติดเบ็ดเอง

“เอ่อ…ท่านอาจารย์ เรื่องแบบนี้ไม่ต้องพูดออกมาก็ได้นะ”

“ทำให้พวกศิษย์น้องต้องหัวเราะเยาะข้า”

เย่ปู้ฟานยิ้มแห้งๆ พร้อมกับอุ้มปลาวิญญาณที่ยาวพอๆ กับตัวเขาเอง

การกระทำแบบนี้มันไม่เข้ากับบุคลิกของเขาเลยจริงๆ

“ฮ่าฮ่า ศิษย์พี่ใหญ่ พวกเรารู้กันดีอยู่แล้ว ไม่ใช่หรือ ศิษย์พี่รอง?”

เจียตเาเป่าหัวเราะเยาะ พลางกระแทกไหล่หวงเซวียน ทั้งสองก็หัวเราะออกมาพร้อมกัน

“เมื่อไหร่จะเริ่มกินกัน?”

“อ้ายหยา รอไม่ไหวแล้ว”

อ้ายหยาที่จ้องมองหม้อไฟเนื้อสุนัขอยู่นานจนหยาดน้ำลายไหลก็เอ่ยขึ้นมาในที่สุด

ตอนนี้นางสนใจเพียงว่าเมื่อไหร่จะได้กิน เพราะนางหิวแล้ว