ก้าวข้ามความว่างเปล่า (11)
[แปลโดยแฟนเพจ ยักษาแปร มาติดตามในแฟนเพจเพื่อติดตามข่าวสารได้นะ]
[Thai-novel ลงไวกว่าที่อื่นทุกที่ 5 ตอน แต่จะราคาแพงที่สุด]
[หลังแปลจบจะมีการแก้ไขคำอ่านใหม่ตั้งแต่ต้นอีกครั้ง ถ้าอ่านแบบเถื่อนหรือแชร์กันเป็นคณะ100คน ก็อ่านไปครับ เพราะผมจะแก้แบบแปลใหม่อีกรอบแค่ในThai-novel กับเว็บอื่น ๆ และแหล่งที่ผมแปลครับ ส่วนคนที่อ่านที่อื่นก็จะได้อ่านแบบไม่มีการแก้คำผิด และยิบย่อยมากมาย ไปนั่นแหละ]
<เรื่องราวของอารอน ตอนที่ 50>
6. ก้าวข้ามความว่างเปล่า (11)
*****
และแล้วเด็กชายก็กลับมาที่ลัวนาน
ใกล้สุสานมีคลื่นพลังงานความแค้นปะทุขึ้น
อารอนกำลังทำเรื่องไร้สาระอีกแล้ว
<อาจารย์>
เขาได้ยินแล้ว
<ขอบคุณครับอาจารย์ ถ้าอาจารย์ไม่ช่วยผม...>
ยิ่งเด็กชายเข้าใกล้สุสาน เสียงของพวกเขาก็ยิ่งชัดเจนขึ้น
'อ่า อย่างนั้นสินะ'
รวบรวมความทรงจำที่กระจัดกระจายงั้นเหรอ
ทั้งที่ตั้งใจปล่อยมันไปแล้วแท้ๆ
<อาจารย์!>
<อาจารย์!>
<ขอบคุณครับ>
<ที่ช่วยผม...>
เขาไม่อยากจะจำ
ล้วนเป็นความทรงจำแห่งความล้มเหลว
จะรื้อฟื้นสิ่งที่จบไปแล้วเพื่ออะไร
แต่ถึงอย่างนั้น อารอนก็ยังทำแบบนี้
'คิดว่ามันควรจะมีอยู่เหรอ?'
ความทรงจำกับพวกเขา
มันจำเป็นตรงไหน?
"ความเศร้าโศก"
เด็กชายพึมพำ
"ความทรงจำ"
ไม่มีสิ่งไหนที่เกี่ยวข้องกับเด็กชาย
เพราะเด็กชายไม่มีหัวใจ
"ความสูญเสีย"
เด็กชายมาถึงสุสาน
บนหลุมศพหินอ่อนแต่ละแห่งมีชื่อและช่วงชีวิตของลูกศิษย์สลักอยู่
สาเหตุที่แต่ละคนป่วยนั้นแตกต่างกันไป
เพื่อต่อสู้เคียงข้างสหาย
เพื่อไม่ให้เกลียดตัวเอง
เพื่อปกป้องสิ่งที่เชื่อว่าถูกต้อง
พวกเขาอ่อนแอ
แม้จะมีความฝันอันแรงกล้า แต่ก็ขาดพลังและพรสวรรค์ที่จะทำให้สำเร็จ
พวกเขาจึงได้มาหาเด็กชาย
"..."
เด็กชายไม่ได้ทอดทิ้งพวกเขา
เรียกสิ่งนั้นว่า 'ทำดีที่สุดแล้ว' ได้หรือไม่
เพื่อที่จะเข้าใจความรู้สึกเสียใจ?
'อยากจะให้พวกเขา….'
พลังที่จะทำให้ความฝันเป็นจริง แก่ผู้ที่มีความตั้งใจและเจตจำนงอันแน่วแน่
เด็กชายเขาได้ศึกษาและวิจัย
เป็นเพราะอยากรู้สึกเสียใจงั้นเหรอ?
'ไม่'
เพราะไม่อยากรู้สึกเสียใจ
ถ้าเช่นนั้น เด็กชายก็รู้จักความรู้สึกนั้นแล้วงั้นหรือ?
ไม่ว่าลูกศิษย์จะตายไปเท่าไหร่ หัวใจก็ไม่หวั่นไหว
<ไม่ใช่นะครับ>
ลูกศิษย์ในความทรงจำโต้แย้ง
<อาจารย์มีหัวใจ เพียงแต่อาจารย์ไม่รู้สึกตัว>
อารอนก็พูดแบบเดียวกัน
<ถึงจะเลือดออก แต่อาจารย์ก็ไม่รู้สึกตัว การที่ไม่เจ็บปวดไม่ได้แปลว่าจะไม่บาดเจ็บ>
สายตาของเด็กชายมองไปยังหลุมศพด้านซ้าย
ร่างของลูกศิษย์คนหนึ่งปรากฏขึ้นแล้วหายไป
อ่า ไอ้หมอนั่นเคยพูดแบบนั้นสินะ
<อาจารย์ต่างหากที่ต้องระวังให้มากกว่า เพราะไม่เจ็บปวด อาจารย์ก็จะยิ่งใช้หัวใจอย่างไม่ใส่ใจ>
ลูกศิษย์เขาคนนี้เป็นผู้หญิงที่ชอบบ่นเรื่องไร้สาระ
แต่เธอก็ถูกความฝันอันบริสุทธิ์กลืนกินและตายไปในที่สุด
<ขอโทษนะคะ ที่ทำให้...อาจารย์...เจ็บปวด>
ทำร้ายตัวเองแท้ๆ ทำไมต้องขอโทษด้วย
พวกเขาขอโทษเด็กชายในขณะที่กำลังจะตาย
เด็กชายไม่เข้าใจ
<ที่ไม่สามารถเข้าใจอาจารย์ได้>
ความทรงจำที่ถูกลืมเลือนพรั่งพรูเข้ามาพร้อมกัน
"เข้าใจ"
เด็กชายพึมพำ
คราวนี้มันเป็นความทรงจำของผู้ชายคนหนึ่ง
<อยู่ที่นี่แล้วผมคิดอะไรได้หลายอย่างครับ แม้จะเป็นเพียงภาพลวงตาไร้สาระ แต่เวลาก็เหลือเฟือ>
ชายคนนั้นพูด
<การเล่าเรื่องราวและความรู้สึกของตัวเองให้คนอื่นฟังทำให้รู้สึกสบายใจ และอาจารย์ก็มักจะรับฟังเรื่องราวของผม>
<แบบนี้เรียกว่าความเห็นอกเห็นใจและความเข้าใจไม่ใช่เหรอครับ? เมื่อความรู้สึกของเราได้รับการยอมรับจากผู้อื่น เราก็จะรู้สึกดี>
<อยากให้คนอื่นเข้าใจความสุขของเรา อยากให้คนอื่นรับรู้ความเศร้าของเรา นี่คือจิตใจของมนุษย์ครับ>
<เหตุผลที่ผมเคารพอาจารย์ก็เพราะอาจารย์ไม่เคยฟังเรื่องราวของใครแบบผ่านๆ>
ความเห็นอกเห็นใจ
<ปฏิบัติต่อผู้อื่นเหมือนปฏิบัติต่อตนเอง>
<นี่คือความเมตตาของเทพธิดาที่ผมศรัทธา>
ความเมตตา
เรื่องราวของลูกศิษย์มากมายจมดิ่งลงห้วงลึกของจิตใจของเด็กชาย
พวกเขาทุกคนป่วย
กำลังจะตายด้วยโรคที่รักษาไม่หาย
เด็กชายได้พูดคุยกับพวกเขามากมาย
เกี่ยวกับชีวิต
เกี่ยวกับความตาย
เกี่ยวกับการเข้มแข็ง
เนื่องจากมีเวลาเป็นอนันต์
เขาจึงได้พูดคุยเรื่องราวมากมายไม่รู้จบ
แต่เมื่อบทสรุปของเรื่องราวมาถึง เด็กชายก็ไม่สามารถช่วยใครได้เลย
เขาได้แต่ปล่อยเรื่องราวเหล่านั้นให้ไหลไปตามแม่น้ำแห่งการลืมเลือน
'เหนื่อยงั้นเหรอ?'
เขาเลิกที่จะรับลูกศิษย์
แม้จะรับ ก็จะไล่ออกไปในไม่ช้า
แต่แล้วก็มีบางอย่างเปลี่ยนไป เขาจึงยอมให้อารอนอยู่ที่นี่
'เพื่อที่จะกินเขา'
เพื่อที่จะมีชีวิตอยู่ต่อไป
เด็กชายคาดการณ์การกระทำของตนเอง
เพราะเขาไม่สามารถเข้าใจแม้แต่จิตใจของตัวเอง
เขาต้องคำนวณทุกการกระทำว่าทำไมเขาถึงทำเช่นนั้น
แต่ถ้าไม่ใช่ล่ะ
'ตั้งแต่แรก... กำหนดไว้แล้วงั้นหรือ'
ตอนจบแบบนี้
เด็กชายเดินไปที่กระท่อม
ลูกศิษย์คนสุดท้ายกำลังรอเขาอยู่ที่นั่น
เขารู้ได้ทันที
ดวงตาที่มองมายังเด็กชายมีแสงสีแดงเรืองรอง
ถูกความฝันกัดกินแล้ว
เขารู้ดี
ทันทีที่อารอนก้าวเข้ามาในลัวนาน นี่คือผลลัพธ์ที่ถูกกำหนดไว้แล้ว
แต่ถึงอย่างนั้น เด็กชายก็ต้องหลับตาลง
ช่องว่างในใจที่ว่างเปล่า
บางสิ่งบางอย่างที่ไม่สามารถระบุได้กำลังไหลออกมาจากเปลือก
มันแทรกตัวออกมาจากช่องว่างเหมือนรากไม้ที่ชอนไชลงไปในดิน แล้วขุดคุ้ยภายในอย่างรุนแรง
'ความเจ็บปวด'
ไม่ใช่ความเจ็บปวดทางกาย
ความรู้สึกที่ไม่เคยสัมผัสมาก่อนตลอดชีวิต
เด็กชายพูดขึ้นมาเพื่อทำลายความเงียบ
"ทำไมถึงพ่ายแพ้ให้กับเงานั้น?"
ทั้งที่รู้ผลลัพธ์อยู่แล้ว
"นายบอกว่าจะเอาชนะมันให้ได้ไม่ใช่เหรอ?"
ทนไม่ไหวแล้วงั้นสินะ
"นายสัญญากับฉันแล้วไม่ใช่เหรอ?"
เด็กชายคิด
'ความคาดหวัง'
บางทีอาจจะต่างออกไป
บางทีหมอนี่อาจจะเอาชนะความฝันได้…..
'ทำไมเขาถึงคิดแบบนั้นล่ะ?'
เด็กชายไม่เข้าใจ
ไม่ใช่เด็กชายเองเหรอที่บังคับให้อารอนทำเรื่องที่เกินกำลัง
"ผมไม่ได้แพ้ครับ"
อารอนพูด
เขาไม่ได้แพ้
เขาต่อสู้จนถึงที่สุดและไม่สูญเสียแสงสว่างในใจ
ปกป้องความหวังเอาไว้ได้
"ตามที่อาจารย์บอก ตอนแรกผมพยายามต่อสู้กับเงาเพื่อที่จะชนะ"
อารอนพูด
ตอนแรกเขาพยายามที่จะต่อสู้
พยายามปกป้องสิ่งสำคัญด้วยพลังของตัวเอง
แต่เมื่อรู้ว่าทำไม่ได้ เขาก็ยอมแพ้
'...'
เด็กชายตระหนักได้ทันที
ในตอนนั้น อารอนได้พังทลายลง
ต่อให้ได้รับความช่วยเหลือจากผู้อื่น โรคของอารอนก็รักษาไม่หาย
ถ้าเขาไม่สามารถเอาชนะความยากลำบากด้วยพลังของตัวเอง ความเจ็บปวดนั้นก็จะกัดกินใจเขาต่อไป
'นั่นเป็นเหตุผลที่เขาบอกให้อารอนฝึกฝนพลังของตัวเอง'
อารอนต้องไม่พึ่งพาผู้อื่น
ถ้าอารอนไม่ทำด้วยตัวเอง เขาก็จะไม่สามารถหลุดพ้นจากฝันร้ายนั้นได้
นี่เขาไม่ได้บอกให้อรอนทำทุกอย่างด้วยตัวเองเหรอ
หากได้รับความช่วยเหลือแม้เพียงเล็กน้อย หากทำได้ไม่ว่าจะด้วยวิธีใด
'เขาก็จะรอด'
อารอนพูดต่อ
"เมื่อลองคิดดูแล้ว ต่อให้ชนะก็คงไม่ต่างกัน ผมก็ยังอ่อนแอเหมือนเดิม จุดอ่อนของผมก็ยังคงเหมือนเดิม พลังที่จะเปลี่ยนสถานการณ์ไม่ได้อยู่ในตัวผม"
อารอนตระหนักว่าทำไมเขาถึงอยากแข็งแกร่งขึ้น แต่ตอนนี้เขากลับลืมเหตุผลนั้นไปเสียแล้ว
เขาจ้องมองอาจารย์ด้วยดวงตาสีแดงก่ำ
"ภาชนะแห่งจิตใจที่รองรับความแค้นร้าว ผมประเมินสภาพของอาจารย์เช่นนั้น ถ้าอย่างนั้นก็แค่เปลี่ยนภาชนะก็พอแล้ว"
เปลี่ยนภาชนะ
แน่นอน นั่นเป็นวิธีที่เด็กชายรู้จักมาตั้งแต่ก่อนหน้านี้แล้ว
ถ้าใช้วิธีนั้น เด็กชายก็จะฟื้นคืนชีพได้
"อย่างนั้นสินะ"
ฝากฝันของตัวเองไว้กับคนอื่น
เป็นวิธีที่ง่ายและสะดวกจริงๆ
เด็กชายกางมือขวาออก
หอกสีดำสนิทที่ปรากฏขึ้นจากที่ไหนก็ไม่รู้อยู่ในมือของเขา
อารอนยิ้มโดยที่ไม่รู้ตัวว่าพูดอะไรออกไป
'เขารู้'
ตอนจบแบบนี้
'มูเดนคาดการณ์ไว้แล้ว'
ว่าอารอนจะเป็นแบบนี้
'ดังนั้น เขาก็เลยตัดสินใจ'
ตั้งแต่แรกแล้วว่าจะทำแบบนี้
ปัง!
อารอนยกหอกขึ้นมาป้องกันหอกที่ถูกฟาดฟันลงมาอย่างกะทันหันได้อย่างหวุดหวิด
"อาจารย์!"
อารอนทำสีหน้าตกใจ
"น่าเสียดายจริงๆ"
เด็กชายหัวเราะและหายตัวไป
การต่อสู้ด้วยหอกดำเนินต่อไป
ดูเหมือนอารอนจะฝึกฝนมาอย่างดี ทักษะในการรับมือการโจมตีนั้นเฉียบคม
"หยุดเถอะครับ!"
อารอนตะโกน
"ผมพอใจแล้วครับ ผมสามารถปกป้องมันได้! ครั้งนี้ผมไม่ได้อ่อนแอ!"
ลูกศิษย์คนนี้ของเขาตะโกนเหมือนคนเสียสติ
"ผมทำความฝันสำเร็จแล้ว ผมไม่ต้องการพลังนี้แล้ว!"
ไอ้โง่
ถ้านายจดจ่อกับการต่อสู้อีกหน่อยแทนที่จะตะโกนด้วยความตื่นเต้น มันก็ไม่จำเป็นต้องจบลงอย่างน่าผิดหวังแบบนี้
ท่าทางของอารอนเต็มไปด้วยช่องโหว่
เด็กชายพุ่งเข้าใส่อารอนและสะบัดหอกสีเงินของอีกฝ่ายให้กระเด็นออกไป
ในขณะเดียวกัน เขาก็ปลดปล่อยความแค้นออกมาเป็นเหมือนตาข่ายพันธนาการ
อารอนถูกทำให้หมดฤทธิ์โดยที่ไม่สามารถตอบโต้ได้
"หยุด...เถอะครับ…อาจารย์"
อารอนทรุดตัวลง
อารอนพูดด้วยดวงตาสั่นระริก
'หึ'
เด็กชายเดาะลิ้น
ไม่เคยมีลูกศิษย์คนไหนทำตามความคาดหวังของอาจารย์ได้เลยสักครั้ง
ไอ้โง่เอ๊ย
เด็กชายเอามือปิดตาอารอน
เงาที่มองไม่เห็นแทรกซึมเข้าไปในจิตใจของชายหนุ่ม
ก่อกวนและบิดเบือนจิตใจ ก่อให้เกิดความสับสนและภาพลวงตาในความทรงจำ
อารอนที่กำลังเหม่อลอย ลุกขึ้นยืนหลังจากนั้นไม่กี่นาที
"ในที่สุดก็ได้สติแล้วสินะ"
เด็กชายพูด
ดวงตาของอารอนเต็มไปด้วยความเกลียดชัง
"พร้อมหรือยัง? รู้วิธีทั้งหมดแล้วใช่ไหม?"
"รู้แล้วครับ หนึ่งคนจะต้องตายและหนึ่งคนที่จะต้องอยู่ต่อ"
หอกสีเงินกลับมาอยู่ในมือของอารอนอีกครั้ง
จิตสังหารที่ส่งออกมานั้นค่อนข้างที่จะชัดเจน
สิ่งที่สะท้อนอยู่ในดวงตาคู่นั้นไม่ใช่ภาพของอาจารย์
แต่เป็นศัตรูที่เขาต้องกำจัด
"ดูเหมือนจะได้ผลดีนะ"
เด็กชายยิ้มและหันหน้าไปทางหน้าต่าง
เอาล่ะ มาดูฝีมือกันหน่อยดีกว่า