ก้าวข้ามความว่างเปล่า (10)
[แปลโดยแฟนเพจ ยักษาแปร มาติดตามในแฟนเพจเพื่อติดตามข่าวสารได้นะ]
[Thai-novel ลงไวกว่าที่อื่นทุกที่ 5 ตอน แต่จะราคาแพงที่สุด]
[หลังแปลจบจะมีการแก้ไขคำอ่านใหม่ตั้งแต่ต้นอีกครั้ง ถ้าอ่านแบบเถื่อนหรือแชร์กันเป็นคณะ100คน ก็อ่านไปครับ เพราะผมจะแก้แบบแปลใหม่อีกรอบแค่ในThai-novel กับเว็บอื่น ๆ และแหล่งที่ผมแปลครับ ส่วนคนที่อ่านที่อื่นก็จะได้อ่านแบบไม่มีการแก้คำผิด และยิบย่อยมากมาย ไปนั่นแหละ]
<เรื่องราวของอารอน ตอนที่ 49>
6. ก้าวข้ามความว่างเปล่า (10)
*****
‘ช่วยเขางั้นเหรอ?’
ลูกศิษย์มีศรัทธาเต็มเปี่ยมในอาจารย์ของเขา
เขาเต็มใจที่จะช่วยอาจารย์ด้วยชีวิตของเขา โดยบอกว่าอาจารย์เป็นผู้มีพระคุณต่อชีวิตของเขา
มันเป็นเรื่องที่โง่เขลา
เด็กชายคำนวณเสร็จแล้ว
เหตุผลที่เขาไม่ไล่อารอนออกไป
เหตุผลที่เขาให้กำลังใจและสนับสนุนอารอนจนถึงที่สุดและทำให้เขาเข้าใจถึงกรรม
เหตุผลที่เขาแสร้งทำเป็นไม่สามารถเอาชนะได้ สอน และช่วยเหลือเขา
‘มีเพียงข้อเดียว’
ตัวตนของเด็กชายกำลังจะหายไปในไม่ช้า
เพื่อที่จะประกอบชิ้นส่วนที่แตกสลายเหล่านั้นเข้าด้วยกัน เขาต้องสร้างเครื่องปั้นดินเผาขึ้นมาใหม่และรวมมันเข้าด้วยกัน
เครื่องปั้นดินเผานั้นอยู่ตรงหน้าเขาแล้ว
‘อ่า ใช่แล้ว’
ทุกอย่างสูญเปล่า
ความพยายามทั้งหมดที่เด็กชายทำมา
ความพยายามอย่างหนักเพื่อปกป้องเพื่อนร่วมทีมของเขาจากการเสียสละ
ความพยายามที่จะฝึกฝนลูกศิษย์
เมื่อลองคิดดูแล้ว มันก็ไม่มีประโยชน์อะไร
เมื่อหมอนั่นสุกงอม ก็จงกินเขาจนหมดสิ้น
หลังจากนั้น เขาก็ตัดสินใจที่จะทำในสิ่งที่เขาคิดมาตลอด
‘ทิศทางมันกลับกันหรือเปล่า?’
เด็กชายต้องการที่จะเข้าใจความรู้สึกเสียใจผ่านการปกป้องและช่วยเหลือผู้อื่น
แต่ก็ไม่เป็นผล
ถ้าลองทำตรงกันข้ามล่ะ?
ถ้าไม่ปกป้อง แต่ทำลายล่ะ?
ถ้าเขาฆ่าและทำลายทุกสิ่งที่เขาพยายามช่วยเหลือและรักษาไว้ เขาจะสามารถเข้าใจความรู้สึกเสียใจได้หรือไม่?
ตัวอย่างเช่น เนลม์ไฮมฟ์
ตัวอย่างเช่น เพื่อนร่วมทีมในปาร์ตี้ที่ 1
ตัวอย่างเช่น โมเบียสเอง
มันดูเหมือนจะเป็นไปได้
ถ้าเขากินหมอนั่นเข้าไป สิ่งที่เขาไม่สามารถทำได้ก็จะเป็นไปได้
เขาจะเป็นอิสระจากข้อจำกัดที่น่ารำคาญ
เขาจะสามารถสะสมกรรมได้ไม่จำกัด
ถ้าเป็นเช่นนั้น ก็ไม่มีใครสามารถหยุดเด็กชายได้
ในทางทฤษฎี ถ้าเขาสะสมกรรมได้ไม่จำกัด พลังของเขาก็จะไร้ขีดจำกัดเช่นกัน
แม้แต่เทพธิดาอย่างเทลก็ไม่สามารถหยุดเด็กชายได้
‘มันเป็นไปได้’
เพราะเด็กชายไม่มีหัวใจ
เพราะเขาเป็นสัตว์ประหลาด ไม่ใช่มนุษย์
‘ฉันตีความได้แบบนั้นเท่านั้น’
ถ้าลูกศิษย์ของเขาสักคนรอดชีวิต
ถ้าพวกเขาแสดงความเป็นไปได้ให้เด็กชายเห็น
เขาอาจจะไม่ตัดสินใจเช่นนี้
“อาจารย์”
อารอนเรียกเด็กชายว่าอาจารย์
เขาปฏิบัติต่อเด็กชายอย่างดีที่สุด และไม่เคยสงสัยในคำพูดที่ว่าเด็กชายไม่มีหัวใจ เขาทำทุกอย่างเพื่อเด็กชาย
‘ทำอาหาร?’
โง่จริงๆ
ไม่เคยลองทำหรือไง?
‘ดูแลสวน?’
ก็เหมือนกัน
เขาได้ลองทำทุกอย่างที่ทำได้แล้ว
วิธีที่อารอนเสนอเป็นเพียงการกระทำที่เรียบง่ายและผิวเผิน
‘อ่า ใช่แล้ว’
สถานการณ์เปลี่ยนไปในทางที่ดีสำหรับเด็กชาย
เกิดความโกลาหลนอกเมืองลัวนาน
โมเบียสตกอยู่ในอันตราย
เซริสออกจากเนลม์ไฮมฟ์และเร่ร่อนไปทั่ว ในที่สุดเธอก็ค้นพบความจริงของเกมและสูญเสียความสามารถในการตัดสินใจอย่างมีเหตุผล
‘เมื่อเชื่ออย่างงมงาย เมื่อสถานการณ์เลวร้ายลง ก็จะสูญเสียความสามารถในการตัดสินใจ’
เธอพูดเรื่องไร้สาระเกี่ยวกับการส่งนายท่านกลับสู่โลกเพื่อช่วยชีวิตเขา
เธอยังออกคำสั่งเรียกตัวอีกด้วย
สมาชิกคนอื่นๆ ก็เช่นกัน
พวกเขาไม่สามารถหาทางออกได้ท่ามกลางสถานการณ์ที่วุ่นวาย
‘เขาจำเป็นต้องปกป้องพวกนั้นหรือ?’
เด็กชายเสี่ยงที่จะหายสาบสูญไปเพื่อทำภารกิจให้สำเร็จ
และเขาก็กำลังจะตายเพราะมัน
แต่ถ้าผลลัพธ์ออกมาเป็นแบบนี้
‘เขาไม่ควรเสียสละอะไรแบบนั้นเลยหรือ’
ความพยายาม ความกล้าหาญ การเสียสละ ความศรัทธา
เป็นเพียงคำพูดสวยหรู
แก่นแท้ของโลกคือความมืดและความวุ่นวาย
ความพยายามอย่างยิ่งยวดพ่ายแพ้ต่อหน้าพรสวรรค์
ความกล้าหาญพังทลายลงต่อกำแพงแห่งความจริง การเสียสละไม่มีใครเห็นค่า และความไว้วางใจก็พังทลายลงด้วยเหตุผลเพียงเล็กน้อย
‘ฉันเคยคิดว่าหัวใจคือการรวมกันของสิ่งเหล่านั้นทั้งหมด’
ความสิ้นหวัง ความท้อแท้ ความโลภ ความอิจฉา
ถ้าแก่นแท้ของหัวใจประกอบด้วยสิ่งเหล่านี้
เด็กชายควรจะเลือกต่างออกไปหรือไม่?
เขาได้เห็นมันมาแล้ว
เด็กชายเห็นมันจนเบื่อที่นี่
เขาเห็นความพยายามอย่างหนักพังทลายลงด้วยความบังเอิญนับครั้งไม่ถ้วน
ผู้คนในโลกต่างพยายามใช้ประโยชน์จากผู้อื่น หลอกลวง และเหยียบย่ำเพื่อเอารัดเอาเปรียบ
‘จำเป็นต้องเข้าใจถึงหัวใจหรือ?’
ถ้าสุดท้ายแล้วมันจะลงเอยแบบนั้น
เป็นการดีกว่าที่จะอยู่โดยปราศจากความรู้สึกเหมือนหัวใจ
“…….”
เด็กชายจงใจทำเช่นนั้น
เขาปล่อยให้ห้องว่างเปล่าโดยเจตนา และรอให้อารอนเห็นเนื้อหาของคำสั่งเรียกตัวด่วนที่เซริสส่งมา
อารอนกำลังทุกข์ทรมานจากเสียงกระซิบของเงา
“……ไม่สามารถทำอะไรได้เลย……”
อารอนที่เริ่มเข้าใจความจริงของโมเบียสก็เริ่มสั่นคลอน
ความพยายามของเขาถูกทรยศอีกครั้ง
เหมือนเช่นเคย
“ผมเรียนรู้พลังแห่งกรรมแล้ว! มันต้องช่วยอาจารย์ได้แน่นอนครับ!”
เด็กชายขวางอารอนไว้
ไม่ได้
ด้วยพลังระดับนั้น ออกไปก็คงทำอะไรไม่ได้
“นายคิดว่าจะชนะไหม? เงาที่อยู่ข้างๆ นายน่ะ”
ดังนั้น เด็กชายจึงแนะนำเขา
อย่ายอมแพ้ต่อเสียงกระซิบของเงาสีแดง
เพื่อที่จะเผชิญหน้ากับความยากลำบาก จงใช้ความกล้าหาญและความพยายามมากขึ้น
“……ผมจะต้องชนะแน่นอนครับ”
อารอนตั้งปณิธานแน่วแน่
เขาสาบานกับอาจารย์ว่าเขาจะไม่ยอมแพ้ต่อความเป็นจริง
เขาเชื่อมั่นในพลังแห่งความพยายามและความตั้งใจอีกครั้ง
ทุกอย่างเป็นไปตามที่เด็กชายวางแผนไว้
‘จะชนะ?’
ไม่มีทางชนะหรอก
ถ้าแค่คิดแล้วจะเป็นจริงได้ ก็คงไม่มีใครตาย
เด็กชายเงียบ
จุดจบของชายหนุ่มคนนี้ถูกกำหนดไว้แล้วตั้งแต่วินาทีที่เขาก้าวเข้ามาที่นี่
เด็กชายออกจากเมืองลัวนานตามคำสั่งเรียกตัว
‘…….’
ตอนนี้อารอนคงกำลังหยุดเวลาและใช้ชีวิตอยู่ในนิรันดร์ที่เมืองลัวนาน
บอกว่าจะเอาชนะเงาสีแดงให้ได้
‘ฮึ’
ยิ่งเขาสะสมกรรมมากเท่าไหร่ก็ยิ่งดี
เพราะตอนที่เขากินมันเข้าไป ความบริสุทธิ์ก็จะยิ่งสูงขึ้น
ชะตากรรมของเนลม์ไฮมฟ์และโมเบียสไม่มีความหมายอะไรสำหรับเด็กชายอีกต่อไปแล้ว
‘น่าสนใจจริงๆ’
น่าตื่นเต้นจริงๆ
ผลไม้สุกงอมแค่ไหนแล้วนะ
“เราต้องช่วยชีวิตนายท่านให้ได้”
“แล้วถามความเห็นของนายท่านหรือยัง?”
“นายท่านคงจะบอกว่าจะอยู่ต่อ”
“ถ้าอย่างนั้น……”
เขาไม่สนใจที่อดีตเพื่อนร่วมทีมกำลังพูดถึงการช่วยชีวิตนายท่าน
เซริสมองไปที่เด็กชาย
“ขอโทษนะ…มูเด็นสภาพของนายตอนนี้ไม่ค่อยดีเท่าไหร่เลย”
“อ่า ทำตามใจชอบเลย ฉันไม่สนใจหรอก”
ผู้หญิงคนนั้นยังคงหมกมุ่นอยู่กับเรื่องไร้สาระ
แต่
‘สุดท้ายเธอก็จะทำสำเร็จ’
เพราะเธอคือเซริส
‘ตอนนี้ไม่เกี่ยวกับฉันแล้วสินะ’
ไม่ว่าเพื่อนร่วมทีมของเขาจะทำอะไร
ตั้งแต่แรก เด็กชายก็ไม่มีหัวใจ ดังนั้นความสัมพันธ์ระหว่างเขากับพวกเขาจึงไม่มีอยู่จริง
“แต่ว่า นายสบายดีไหมมูเด็น? นายไม่จำเป็นต้องฝืนตัวเอง……”
“ไม่เป็นไร”
ไม่เป็นไร
ทุกอย่างจะไม่เป็นไร
“ได้โปรดดูแลรักษาร่างกายของนายด้วย พวกเรารู้สถานการณ์ของนาย”
พวกเขากำลังเป็นห่วงเขางั้นหรือ
เด็กชายไม่รู้สึกอะไร
ในทางกลับกัน เขากำลังพิจารณาอย่างจริงจังว่าถ้าเขาฆ่าพวกเขาทั้งหมด เขาจะรู้สึกเสียใจไหม
“…….”
ใช่ เขาคิดอย่างจริงจัง
ทำไมเขาถึงต้องฝืนตัวเองเพื่อพวกเขา
อะไรทำให้เขาต้องตกอยู่ในสภาพใกล้ตายเช่นนี้
‘เพราะไม่อยากรู้สึกเสียใจ?’
ไม่ใช่
ถ้าเขาไม่สามารถรู้สึกเสียใจได้ เขาก็ไม่จำเป็นต้องทำเช่นนั้น
เขาไม่รู้ ไม่เข้าใจ
“เซริส”
อัศวินสาวผมทองหันกลับมามอง
ดวงตาที่เต็มไปด้วยความกังวลสะท้อนภาพของเด็กหนุ่ม
เด็กชายตัดสินใจที่จะเยาะเย้ยเธอ
เพื่อที่จะบอกเธอว่าสิ่งที่เธอกำลังทำนั้นไร้ความหมายเพียงใด
มันโง่และงี่เง่าแค่ไหน
“อย่าหยุด”
“อะไรนะ?”
“ที่นั่นยังไม่ใช่จุดจบ”
ดวงตาของเซริสเบิกกว้าง
‘น่าเหลือเชื่อจริงๆ’
เด็กหนุ่มรู้สึกทึ่ง
นี่ไม่ใช่สิ่งที่เขาตั้งใจจะพูด
เขาตั้งใจจะเยาะเย้ยเธอ ว่ายังไงพวกเธอก็ต้องตาย
แต่ปากของเขากลับขยับไปเอง
“ถ้าเป็นเธอ เธอจะหาวิธีได้”
“หมายความว่าไง? มีทางเลือกอื่นหรือ?”
“ไม่รู้สิ”
เด็กหนุ่มผิวปากและทำเป็นไม่สนใจ
‘เธอจะทำมันแน่นอน’
เธอจะเปลี่ยนทางเลือกที่ผิดพลาดในปัจจุบันให้เป็นเส้นทางที่ถูกต้องสู่อนาคต
เพื่อนร่วมทีมของเธอจะอยู่เคียงข้างเธอ
‘แล้วมูเด็นล่ะ?’
เขาจะไม่อยู่ตรงนั้นแน่นอน
เพราะเขาจะกินอารอนเข้าไป
และเขาก็ตัดสินใจที่จะเป็นอิสระ
แต่มนุษย์นี่ช่างเป็นสิ่งมีชีวิตที่เข้าใจยากจริงๆ
เขาตั้งใจจะเยาะเย้ย แต่กลับพูดคำให้กำลังใจ เขาต้องการให้พวกเขาพินาศ แต่กลับหวังให้พวกเขาประสบความสำเร็จ
ทำไมใจถึงขัดแย้งกันเช่นนี้
ทำไมมันถึงเคลื่อนไหวในทางตรงกันข้ามกับความตั้งใจของเด็กหนุ่ม
เขาไม่รู้ เขาไม่เข้าใจ