ตอนที่ 25 หลิวชิงหลิง
ตอนที่ 25 หลิวชิงหลิง
“พวกเจ้าตระกูลหลิว... จบสิ้นแล้ว!”
คำพูดเยือกเย็นนี้เหมือนสายฟ้าฟาดลงมากลางใจ ทำให้ผู้อาวุโสหลิวเยวี่ยและหลิวเสวียนแทบจะทรุดลงกับพื้น
เป็นไปไม่ได้! ตระกูลหลิวจะพ่ายแพ้ได้อย่างไร?
ด้วยพลังของหลิวเจิ้นเทียนและแมงป่องศิลายักษ์ที่มีพลังในระดับจิตวิญญาณพิสุทธิ์ขั้นปลาย ตระกูลหลิวสามารถกวาดล้างตระกูลเยี่ยได้อย่างง่ายดาย!
หรือว่าตระกูลเยี่ยได้รับความช่วยเหลือจากผู้แข็งแกร่ง?
ใบหน้าของหลิวเยวี่ยและหลิวเสวียนซีดขาวไร้สีเลือด พวกเขาดูเหมือนจะถูกกระทบกระเทือนทางจิตใจอย่างรุนแรง ดวงตาเหม่อลอยและพึมพำกับตัวเอง
แต่...
เสียงกรีดร้องที่ดังลั่นรอบตัว พาพวกเขากลับมาสู่ความเป็นจริงอย่างรวดเร็ว
ทั้งสองรีบเงยหน้าขึ้นด้วยความตกใจ เห็นเปลวเพลิงพวยพุ่งขึ้นทั่วคฤหาสน์ตระกูลหลิว เห็นภาพการสังหารหมู่ที่โหดร้าย ดวงตาของพวกเขาสั่นสะท้านอย่างรุนแรง
ฟึ่บ ฟึ่บ ฟึ่บ!
“อ๊าก!”
เสียงกรีดร้องพร้อมกับแสงดาบและกระบี่สะท้อนอยู่ทุกหนทุกแห่ง เลือดไหลนองจนแทบจะกลายเป็นทะเลเลือดในพริบตา!
“พวกเจ้าตระกูลหลิววางแผนทำลายล้างตระกูลเยี่ยของข้า วันนี้คือวันที่พวกเจ้าจะได้รับผลกรรมที่ก่อไว้ ไม่มีใครอื่นที่ต้องรับผิดชอบนอกจากพวกเจ้าเอง”
เยี่ยหานมองไปที่ผู้อาวุโสทั้งสองของตระกูลหลิวด้วยแววตาเยือกเย็นพร้อมกล่าวอย่างเฉยชา
ในขณะนั้นดวงตาของผู้อาวุโสหลิวเยวี่ยและหลิวเสวียนเต็มไปด้วยความโกรธแค้นและความเคียดแค้น ดวงตาของพวกเขาแดงก่ำด้วยเส้นเลือดที่ปูดโปน
“เจ้าเด็กน้อย! ถึงข้าจะต้องสละชีวิตในวันนี้ ข้าก็จะลากเจ้าตายไปพร้อมกัน!”
ตูม!
ผู้อาวุโสหลิวเยวี่ยคำรามอย่างบ้าคลั่ง เส้นผมของเขาสะบัดไปทั่วราวกับปีศาจ พลังวิญญาณระดับครึ่งขั้นจิตวิญญาณพิสุทธิ์แผ่ซ่านออกมาจากร่างกาย!
ฟึ่บ——
ร่างของเขาพุ่งออกไป รวบรวมพลังวิญญาณไว้ที่ฝ่ามือ เตรียมโจมตีสังหารเยี่ยหานในครั้งเดียว!
“หลิวเยวี่ย เจ้าคิดว่าข้าจะยอมให้เจ้าทำตามใจหรือ?!”
ในขณะนั้นเอง เสียงตวาดอันทรงพลังดังขึ้นจากด้านหลังจนทำให้แม้แต่อากาศสั่นไหว
เยี่ยไป่หลี่แค่นเสียงเย็นเยียบ ก้าวออกมาข้างหน้า ฝ่ามือของเขารวบรวมพลังวิญญาณเข้มข้น ก่อนจะแปรเปลี่ยนเป็นกำปั้นที่ทรงพลัง
โฮก!
เสียงคำรามของพยัคฆ์ดังก้องออกมาจากหมัดของเยี่ยไป่หลี่ ร่างของเสือทองคำปรากฏขึ้นอย่างเลือนราง ในขณะที่ดวงตาของหลิวเยวี่ยเต็มไปด้วยความหวาดกลัว
ตูม!
พลังในฝ่ามือของหลิวเยวี่ยถูกทำลายลงอย่างรวดเร็ว หมัดของเยี่ยไป่หลี่พุ่งเข้าใส่ศีรษะของเขา ราวกับแตงโมที่ถูกฟาดแตกละเอียด ร่างของเขาล้มลงตายทันที
ฟึ่บ ฟึ่บ ฟึ่บ——
ด้านหลัง เหล่าผู้อาวุโสของตระกูลเยี่ยมองหน้ากัน ก่อนจะพุ่งเข้าโจมตีหลิวเสวียนพร้อมกัน เกิดการต่อสู้อย่างดุเดือด
แม้ว่าหลิวเสวียนจะพยายามต้านทาน แต่ด้วยกำลังที่น้อยกว่า ในที่สุดเขาก็ถูกล้อมสังหารอย่างน่าสลดใจ
ฟู่ ฟู่ ฟู่!
ทั่วทั้งคฤหาสน์ตระกูลหลิวเต็มไปด้วยเปลวเพลิงที่พวยพุ่ง วังต่าง ๆ ถูกเผาจนกลายเป็นเถ้าถ่าน
พื้นดินเต็มไปด้วยร่างไร้วิญญาณที่นอนตายจมกองเลือด ดวงตายังเปิดกว้างไม่ปิดสนิท
เยี่ยหานไม่มีความรู้สึกสงสารหรือเมตตาใด ๆ เขารู้ดีว่าหากตระกูลเยี่ยพ่ายแพ้ในวันนี้ ตระกูลหลิวก็คงจะสังหารทุกคนในตระกูลเยี่ยเช่นเดียวกัน
การสังหารหมู่ที่โหดร้ายนี้กินเวลาครึ่งชั่วโมงก่อนจะยุติลงในที่สุด
“ท่านรองประมุข เราจับตัวเด็ก ๆ ของตระกูลหลิวได้บางส่วนจะจัดการอย่างไรดี?”
ผู้อาวุโสรองพาเด็กหนุ่มสาวตระกูลหลิวราวสิบคนที่อายุเพียงเจ็ดหรือแปดขวบออกมา
เด็กเหล่านั้นต่างตัวสั่นเทาด้วยความหวาดกลัว ใบหน้าของพวกเขาถูกย้อมด้วยเลือดที่สาดกระเซ็น
“โปรดไว้ชีวิตพวกเรา! พวกเรายินดีทำงานรับใช้ตระกูลเยี่ย”
เด็กชายคนหนึ่งที่อายุราวสิบสี่หรือสิบห้าปี คุกเข่าลงและร้องขอชีวิตทันที
เหล่าเด็กตระกูลหลิวที่เหลือต่างพากันคุกเข่าลงขอร้อง
แต่ท่ามกลางกลุ่มเด็กนั้น มีเด็กหญิงคนหนึ่งอายุราวเจ็ดหรือแปดขวบ มัดผมหางม้า นางไม่ยอมคุกเข่าเหมือนคนอื่น
นางกำหมัดเล็ก ๆ ของนางแน่น ดวงตากลมโตจ้องมองเยี่ยหานด้วยความโกรธแค้น
นางกัดฟันและไม่มีท่าทีตื่นกลัวต่างจากเด็กคนอื่น ๆ
“เจ้าชื่ออะไร?”
เยี่ยหานถามเด็กหญิงด้วยน้ำเสียงราบเรียบ
“หลิวชิงหลิง”
เด็กหญิงตอบด้วยเสียงเย็นชา
“ความกล้าหาญของเจ้านับว่าน่าชื่นชม ข้าจะไว้ชีวิตเจ้า ถ้าเจ้ามีฝีมือเมื่อโตขึ้น เจ้าสามารถมาหาข้าเพื่อแก้แค้นได้”
เยี่ยหานแสดงสีหน้าชื่นชมเล็กน้อย ก่อนจะหันไปสั่งผู้อาวุโสที่อยู่ด้านหลังว่า
“ส่วนคนอื่น ฆ่าให้หมด!”
เมื่อได้ยินคำนี้ เด็กตระกูลหลิวที่เหลืออยู่ต่างสั่นกลัวจนตัวแข็งทื่อ พวกเขาฉี่ราดด้วยความหวาดกลัว ใบหน้าซีดเผือดราวกับกระดาษ
พวกเขาไม่คาดคิดเลยว่าการขอร้องอย่างอ่อนแอจะทำให้เยี่ยหานยิ่งรังเกียจและเกลียดชังมากขึ้น
ฉึก ฉึก ฉึก!
เลือดพุ่งกระจายไปทุกหนทุกแห่ง ไม่นานนักเด็กตระกูลหลิวทั้งสิบกว่าคนก็ล้มลงในกองเลือด เหลือเพียงหลิวชิงหลิงคนเดียวที่รอดชีวิต
ท่ามกลางกองศพ หลิวชิงหลิงยืนนิ่ง สีหน้าที่อ่อนเยาว์ของนางถูกย้อมด้วยเลือด แต่บนใบหน้านั้นกลับไม่มีความตื่นตระหนกใด ๆ
“เมื่อข้าโตขึ้น ข้าจะฆ่าเจ้าให้ได้!”
พูดจบ หลิวชิงหลิงก็เดินออกจากคฤหาสน์ตระกูลหลิวไป
“ท่านรองประมุข ทำไมท่านถึงปล่อยเด็กหญิงคนนี้ไป ในเมื่อเราควรตัดรากถอนโคนให้สิ้นซาก?”
เหล่าศิษย์ตระกูลเยี่ยมองด้วยความสงสัย ไม่เข้าใจการตัดสินใจของเยี่ยหาน
เยี่ยหานไม่ได้ตอบคำถาม ไม่ใช่เพราะเขาเกิดความสงสาร แต่เพราะเขาชื่นชมในความกล้าหาญและจิตใจอันแข็งแกร่งของหลิวชิงหลิง ซึ่งไม่ง่ายนักที่จะมีในเด็กเพียงอายุเท่านี้
และในขณะนั้นเอง เยี่ยหานก็หวนนึกถึงความสิ้นหวังในอดีตของเขา เมื่อต้องถูกจักรพรรดินักปรุงยาจับโยนลงไปในเตาหลอมยา ความรู้สึกนั้นทำให้เขาตัดสินใจให้โอกาสหลิวชิงหลิงในครั้งนี้
แต่สิ่งที่เขาไม่รู้ก็คือเด็กหญิงที่เขาปล่อยตัวไปในวันนี้ จะกลายเป็นตัวตนที่น่ากลัวของทั้งทวีปเทียนฉงในอีกสิบปีข้างหน้า...
หลังจากทำลายตระกูลหลิวสำเร็จ ตระกูลเยี่ยเริ่มสำรวจค้นหาสมบัติภายในคฤหาสน์หลิว
ในฐานะหนึ่งในสี่ตระกูลใหญ่แห่งเมืองเหยียน ตระกูลหลิวควรจะมีทรัพยากรมากมาย ทั้งวิชายุทธ์ อาวุธ และทรัพยากรการฝึกฝนที่ไม่สิ้นสุด
สำหรับตระกูลเยี่ย สมบัติเหล่านี้ล้วนเป็นความมั่งคั่งที่หายากยิ่ง
อย่างไรก็ตาม หลังจากการค้นหาผ่านไปหลายชั่วโมง พวกเขากลับพบว่าทั้งคฤหาสน์ตระกูลหลิวแทบจะว่างเปล่า!
นอกจากทรัพยากรการฝึกฝนเพียงเล็กน้อย และหินวิญญาณไม่กี่ก้อน ก็ไม่มีสมบัติล้ำค่าอื่น ๆ เลย
“เกิดอะไรขึ้น?”
เยี่ยหานรู้สึกแปลกใจ เขาไม่อาจเข้าใจได้ว่าตระกูลหลิวที่ใหญ่โตเช่นนี้ จะมีทรัพยากรการฝึกฝนเพียงน้อยนิด หรือว่าตระกูลหลิวได้เคลื่อนย้ายสมบัติไปก่อนแล้ว?
แต่นั่นก็ไม่น่าจะเป็นไปได้ เพราะตระกูลหลิวคงไม่คาดคิดว่าตนเองจะพ่ายแพ้เช่นนี้
“ท่านรองประมุข!”
ในขณะนั้น ศิษย์ตระกูลเยี่ยสองสามคนวิ่งมาหาอย่างหอบเหนื่อย พวกเขาสูดลมหายใจลึกก่อนจะพูดขึ้น
“พวกเราพบถ้ำลับที่หลังภูเขาของตระกูลหลิว ในถ้ำนั้นน่าจะเป็นที่เก็บสมบัติของตระกูลหลิว”
“อ้อ?”
เมื่อได้ยินเช่นนั้นเยี่ยหานและผู้อาวุโสใหญ่ต่างมีสีหน้าเปี่ยมด้วยความหวัง
“นำทางไป!”
เมื่อกล่าวจบเยี่ยหานนำกองกำลังติดตามไปยังหลังภูเขาของตระกูลหลิวอย่างรวดเร็ว
ไม่นานนัก พวกเขาก็ปีนขึ้นไปยังภูเขาสีดำที่ไม่ได้สูงมากนัก แต่มีเส้นทางที่ลึกลับและซับซ้อน
ที่กลางภูเขา พวกเขาเจอพื้นที่ที่ถูกปกคลุมด้วยเถาวัลย์โบราณอย่างหนาแน่น มีประตูหินสีแดงเข้มปรากฏให้เห็นอยู่ลางๆ
“ไอ้บ้าหลิวเจิ้นเทียนช่างเจ้าเล่ห์เสียจริง!”
เยี่ยไป่หลี่กล่าวพร้อมกับเดินเข้าไปใกล้ประตูหิน ไม่มีใครคาดคิดว่าตระกูลหลิวจะซ่อนที่เก็บสมบัติไว้ในที่ห่างไกลเช่นนี้
“ท่านรองประมุข นี่คือกุญแจที่เราพบจากร่างของผู้อาวุโสตระกูลหลิว น่าจะเป็นกุญแจเปิดประตูหินนี้”
ศิษย์คนหนึ่งของตระกูลเยี่ยยื่นกุญแจเหล็กขนาดเท่าฝ่ามือออกมาเยี่ยหานพยักหน้าและสั่งว่า
“เปิดประตูถ้ำ”
“รับทราบ!”
เมื่อได้ยินเช่นนั้น เหล่าศิษย์ตระกูลเยี่ยต่างตื่นเต้นและพากันเข้าไปล้อมรอบ ชายชราผู้ถือกุญแจเสียบกุญแจเข้าไปในประตูหิน
ครืน!
ประตูหินสั่นไหว ก่อนจะค่อย ๆ เปิดออกอย่างช้า ๆ มีหมอกสีดำลอยออกมาจากรอยแยกของประตู
ในขณะที่ทุกคนกำลังจะก้าวเข้าไปในถ้ำ ทันใดนั้นเสียงแหลมดังออกมาจากหมอกดำ
ฟิ้ว ฟิ้ว ฟิ้ว!
ลูกธนูพิษพุ่งออกมาจากหมอกดำ!
“ระวัง! มีอาวุธลับ!”