(ฟรี) บทที่ 240 การต่อสู้กลางดึก
เฉิงลู่ไม่ได้โกรธที่สวี่ชิวเหวินไม่ตอบข้อความหรือโทรหาเธอ น้ำเสียงของเธอฟังดูค่อนข้างมีความสุข
สวี่ชิวเหวินยิ่งรู้สึกผิดมากขึ้น เขาลังเลอยู่ครู่หนึ่งแล้วริเริ่มกล่าวออกมา “ฉันขอโทษ ลู่ลู่”
เขามักจะเรียกเธอว่าเฉิงลู่ นี่เป็นครั้งแรกที่เขาเรียกเธอว่าลู่ลู่
เฉิงลู่ไม่ได้รู้สึกอึดอัดใดๆ เธอตอบด้วยรอยยิ้ม “ไม่จำเป็นต้องขอโทษหรอก ฉันไม่ได้โกรธ”
สวี่ชิวเหวินตอบรับโดยไม่ได้อธิบายเพิ่มเติมใดๆ
“ฉันคิดถึงเธอ ลู่ลู่” สวี่ชิวเหวินพูดอย่างเสน่หา
เฉิงลู่เม้มริมฝีปากเป็นรอยยิ้ม “ฉันไม่เชื่อคุณหรอก...”
จากนั้นเธอก็หยุดชั่วคราวแล้วพูดต่อ “ทำไมวันนี้ปากหวานจัง คุณทำอะไรผิดต่อฉันหรือเปล่า?”
สวี่ชิวเหวินจงใจพูดด้วยน้ำเสียงหดหู่ “ทำไมเธอถึงมองฉันในแง่ร้ายแบบนั้นล่ะ? นอกจากนี้มหาลัยก็แทบจะร้างแล้ว ฉันจะทำผิดต่อเธอได้ยังไง”
เฉิงลู่คิดอยู่ครู่หนึ่งโดยตระหนักว่าเขามีเหตุผลและหัวเราะออกมาเบาๆ
“ฉันไม่สนใจ คุณเป็นเจ้าหมูโง่ของฉัน คุณต้องคิดถึงฉันทุกวัน เข้าใจไหม?”
สวี่ชิวเหวินตอบรับ “ไม่ต้องห่วง เธอคือคนเดียวในใจฉัน ฉันไม่แม้แต่จะมองผู้หญิงคนอื่นด้วยซ้ำ”
“ปากหวาน” เฉิงลู่หัวเราะอีกครั้งก่อนจะเงียบไป
สวี่ชิวเหวินเกือบจะคิดว่าสายหลุด แต่หลังจากตรวจสอบ เขาก็พบว่ามันยังอยู่ดี
ขณะที่เขากำลังจะถาม เสียงกระซิบเบาๆของเฉิงลู่ก็ดังออกมา “ฉันก็คิดถึงคุณเหมือนกัน”
“อะไรนะ?”
“ไม่ได้ยินก็เรื่องของคุณ!” เฉิงลู่กล่าวด้วยรอยยิ้ม
“ฮี่ฮี่ ฉันได้ยิน เธอบอกว่าคิดถึงฉันสินะ”
เฉิงลู่ไม่ปฏิเสธ “ฉันเพิ่งรู้หลังจากกลับมาบ้านว่าฉันไม่คุ้นเคยกับการไม่เห็นคุณ”
สวี่ชิวเหวินยิ้มอย่างภาคภูมิใจ “แล้วทำไมตอนอยู่มหาลัยเธอไม่อ่อนโยนกับฉันหน่อยล่ะ?”
เฉิงลู่ถามกลับ “คุณไม่ชอบเหรอ?”
สวี่ชิวเหวินหัวเราะเบาๆ “แน่นอนว่าฉันชอบ ฉันชอบทุกอย่างไม่ว่าเธอจะเป็นยังไง โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อไม่มีเสื้อผ้า นั่นเป็นสิ่งที่ฉันชอบที่สุด”
“โรคจิต!” เฉิงลู่ตำหนิและกล่าวเสริม “ฝันไปเถอะ ฉันไม่ให้คุณเห็นหรอก”
“ไม่ช้าก็เร็ว... เมื่อเราแต่งงานกัน เธอยังจะปฏิเสธอีกหรอ?”
เมื่อได้ยินคำว่า “แต่งงาน” เฉิงลู่ก็เงียบไป
จากนั้นเธอก็พูดเบาๆ “เจ้าหมู ฉันแทบรอไม่ไหวให้วันนั้นมาถึงจริงๆ”
หญิงสาวคนหนึ่งบอกว่าเธอตั้งตารอคอยจะแต่งงานกับคุณ สวี่ชิวเหวินไม่รู้ว่าคนอื่นจะตอบสนองอย่างไร แต่เขารู้สึกสะเทือนใจมาก
เขาเงียบไปสองสามวินาทีก่อนจะพูดอย่างจริงจัง “ฉันก็อยากให้วันนั้นมาถึงเร็วๆเหมือนกัน”
......
ทั้งสองคุยกันสักพัก ก่อนที่สวี่ชิวเหวินจะริเริ่มหาเหตุผลวางสาย
สวี่ชิวเหวินปรับอารมณ์ของเขาแล้วเปิดข้อความของถังเว่ยเว่ย
มันเรียบง่ายมาก: “ฉันถึงบ้านแล้ว” เพียงสี่คำสั้นๆโดยไม่มีเนื้อหาเพิ่มเติม
สวี่ชิวเหวินคิดที่จะตอบกลับ แต่สุดท้ายก็เลือกโทรไปแทน
ถังเว่ยเว่ยรับสายเร็วมาก
“สวัสดีค่ะ ถังเว่ยเว่ยรับสาย”
นี่เป็นประโยคแรกที่ถังเว่ยเว่ยพูดทุกครั้งเมื่อรับโทรสัพท์ ราวกับกังวลว่าอีกฝ่ายจะไม่รู้ว่าเธอเป็นใคร
“เว่ยเว่ย เธอถึงบ้านแล้วหรอ?”
“อือ ฉันเพิ่งถึงได้ไม่นาน แล้วคุณล่ะ?”
“ฉันยังอยู่ที่มหาลัย”
“อา... คุณหาซื้อตั๋วไม่ได้หรอ?” ถังเว่ยเว่ยถามด้วยความกังวล
สวี่ชิวเหวินหัวเราะเมื่อรู้สึกถึงความกังวลของเธอและอธิบาย “ไม่ต้องห่วง ต่อให้ฉันจะซื้อตั๋วรถบัสไม่ได้ แต่ฉันก็ยังนั่งแท็กซี่กลับได้ มันไม่แพงมาก”
หลังจากได้ยินสิ่งนี้ถังเว่ยเว่ยก็รู้สึกโล่งใจ
สวี่ชิวเหวินเห็นว่าถังเว่ยเว่ยเงียบไปจึงถามอีกครั้ง “เว่ยเว่ย เธอเจอคุณยายหรือยัง?”
“ใช่ ฉันเจอแล้ว”
“สุขภาพของคุณยายเป็นยังไงบ้าง?”
“คุณยายสุขภาพดีมาก”
ถังเว่ยเว่ยมักจะเป็นแบบนี้เสมอ เธอตอบทุกสิ่งที่สวี่ชิวเหวินถามเหมือนเด็กทารกที่เชื่อฟัง
จู่ๆสวี่ชิวเหวินก็ถามด้วยรอยยิ้มว่า “แล้วเธอได้ถามคุณยายเรื่องการมีแฟนหรือยัง?”
ถังเว่ยเว่ยหน้าแดงอย่างกะทันหันและไม่รู้จะตอบอย่างไร
ทันใดนั้นคุณยายของเธอก็เรียกจากลานบ้าน
เธอถอนหายใจด้วยความโล่งอกแล้วพูดอย่างรวดเร็ว “คุณยายกำลังเรียกฉัน”
ถังเว่ยเว่ยไม่เคยวางสายก่อน นี่เป็นหนึ่งในบุคลิกของเธอ และสวี่ชิวเหวินรู้เรื่องนี้ดี ดังนั้นเขาจึงริเริ่มวางสาย
—
จากนั้นสวี่ชิวเหวินก็ตรวจสอบข้อความของเซียวโหยวหราน
เซียวโหยวหราน: “นายกลับบ้านหรือยัง?”
คราวนี้สวี่ชิวเหวินไม่ได้โทรออก แต่ตอบกลับด้วยข้อความแทน “มีธุระบางอย่างที่มหาลัย ฉันเลยยังกลับไม่ได้”
เซียวโหยวหรานตอบกลับมาทันที “แล้วนายจะกลับเมื่อไหร่? ปีใหม่กำลังใกล้เข้ามาแล้ว ถ้านายไม่กลับมาป้าหนิงคงจะกังวล”
เมื่อเห็นคำว่า “ป้าหนิง” สวี่ชิวเหวินก็นึกถึงแม่ของเขาและถอนหายใจ
“ฉันเข้าใจ ฉันจะรีบทำธุระและกลับบ้านโดยเร็วที่สุด ตอนนี้มีบางอย่างต้องทำ ไว้ค่อยคุยกันทีหลัง”
ถัดจากนั้นคือข้อความของเสิ่นหมินเหยาแจ้งเขาว่าเธอกลับถึงต้าเหลียนแล้ว ข้อความถูกส่งมาในตอนเช้า
สวี่ชิวเหวินตอบกลับอย่างเรียบง่าย “ดีแล้วที่ถึงบ้านอย่างปลอดภัย”
เสิ่นหมินเหยาตอบกลับทันทีเช่นกัน และเนื้อหาก็สั้นมาก เพียงคำว่า “อืม”
จากนั้นสวี่ชิวเหวินก็ตรวจสอบข้อความจากหญิงสาวคนอื่นๆ ซึ่งทั้งหมดล้วนบอกว่าพวกเธอกลับถึงบ้านอย่างปลอดภัยแล้ว สวี่ชิวเหวินจึงตอบกลับทีละคนว่า “ดีแล้วที่ถึงบ้านอย่างปลอดภัย”
หลังจากส่งข้อความหาสาวๆแล้ว สวี่ชิวเหวินก็โทรหาแม่ของเขาเช่นกัน
ผลลัพธ์คือไม่อาจติดต่อได้ สวี่ชิวเหวินจึงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากส่งข้อความบอกเธอว่าเขาจะกลับไปในอีกสองสามวันข้างหน้าและไม่ต้องกัวล
สวี่ชิวเหวินวางโทรศัพท์ลง และตัดสินใจงีบหลับเพื่อเติมพลัง
เขาหลับได้ไม่นานเมื่ออันซือซือกลับมาพร้อมอาหารสองชุด
สวี่ชิวเหวินสวมเสื้อคลุมของเขา จากนั้นลุกจากเตียงแล้วเริ่มทานอาหารเย็นกับอันซือซือ
หลังอาหารเย็น ทั้งสองเพลียนิดหน่อยจึงเพียงกอดกันและหลับไป
สวี่ชิวเหวินนอนหลับจนถึงเที่ยงคืนก่อนจะตื่นขึ้นมากลางดึก
หลังจากได้พักผ่อนเป็นเวลานานสวี่ชิวเหวินก็เต็มไปด้วยพลัง ด้วยบังเอิญมีสาวงามอยู่ในอ้อมแขน เขาจึงไม่สามารถแสร้งทำเป็นสุภาพบุรุษได้
เขาปลุกอันซือซือและเริ่มการต่อสู้ทันที
ทั้งสองพัวพันกันตลอดคืนและไม่ได้หยุดพักจนถึงรุ่งสาง
......
เที่ยงของวันรุ่งขึ้น
แสงแดดอันอบอุ่นของฤดูหนาวส่องผ่านหน้าต่าง ปลุกสวี่ชิวเหวินให้ตื่นพร้อมกับความหิวโหย
หลังจากตื่นนอน เขาเห็นอันซือซือยังคงหลับอยู่ ใบหน้าของเธอมีรอยน้ำตาจางๆ ซึ่งเป็นหลักฐานถึงค่ำคืนอันเร่าร้อนของพวกเขา
สวี่ชิวเหวินปลุกอันซือซือขึ้นมา จากนั้นทั้งสองก็อาบน้ำแต่งตัว แล้วออกไปกินข้าวข้างนอกด้วยกัน
เนื่องจากยังเป็นคุณป้าคนเดิมที่ปฏิบัติหน้าที่ สวี่ชิวเหวินจึงไม่จำเป็นต้องซ่อนหรือหาข้อแก้ตัวใดๆ เขาเดินออกจากหอพักหญิงอย่างเปิดเผย กระทั่งทักทายอีกฝ่ายผ่านหน้าต่างด้วยซ้ำ
ทั้งสองมาถึงถนนตะวันออกและพบร้านอาหารแห่งหนึ่ง
หลังมื้อกลางวัน สวี่ชิวเหวินไม่ได้พาอันซือซือกลับไปที่หอพักเพื่อสานต่อเรื่องราว เขายังมีสิ่งอื่นที่ต้องทำ
/////