บรรลุมรรคาด้วยวิชาบำเพ็ญคู่ ตอนที่ 4 [18+]
บรรลุมรรคาด้วยวิชาบำเพ็ญคู่ ตอนที่ 4 [18+]
[18+]
เสี่ยวฟางวางมือของเขาไว้ข้างหัวของนางเพื่อที่จะได้เข้าใกล้มากขึ้นขณะที่พวกเขาจูบกัน ร่างกายของพวกเขาเกือบจะสัมผัสกันก่อนที่เขาจะยกเอวของนางขึ้นเบาๆ นางรู้สึกหายใจไม่ออก ดังนั้นนางจึงเป็นฝ่ายผละออกก่อน เสี่ยวฟางจุมพิตคอของนางพลางเอื้อมมือไปยังต้นขาของนาง
นางคาดคิดไม่ถึงเลยว่าเรื่องราวจะบานปลายได้รวดเร็วขนาดนี้ ลมหายใจที่หอบกระชั้นของนางเริ่มถี่รัวขึ้นเมื่อแท่งเนื้อสอดใส่เข้าไปในรอยแยก ผิวหนังของนางเริ่มมีเหงื่อหลั่งออกมาขณะที่อุณหภูมิของแท่งเนื้อค่อยๆอุ่นร้อนขึ้น
เมื่อการจูบของเขาหยุดลง ในที่สุดนางก็สังเกตเห็นว่ามือของเขากำลังจับแก้มก้นข้างหนึ่งของนางผ่านเสื้อผ้าอย่างอุกอาจ เขาทำให้นางรู้สึกถึงพลังในมือของเขาโดยที่ไม่ทำให้นางเจ็บ มันทำให้นางรู้สึกเหมือนเป็นเด็กหญิงตัวเล็กๆ
“หันก้นมาให้ข้า” เขากระซิบ นางไม่มีความคิดที่จะหยุดยั้งหรือต่อต้านอีกต่อไป และต้องการทำตามทุกอย่างที่เขาบอกนาง
ร่างกายของนางปรับเปลี่ยนท่าทางโดยไม่ลังเล ตอนนี้นางกลายเป็นนอนตะแคง นางรู้สึกว่าร่างกายของเขาลื่นไถลไปข้างหลังนางอย่างระมัดระวัง ตอนนี้พวกเขาทั้งสองแนบชิดกัน และศีรษะของนางก็วางพาดอยู่บนแขนของเขา
ในตอนนี้เองที่มือของเขาเอื้อมไปที่บริเวณท้องน้อยของนาง เขาลูบไล้บริเวณนั้นเบาๆ ทำให้นางเกิดความรู้สึกเสียวซ่านบริเวณท้อง จนร่างกระตุกเล็กน้อย แม้ว่าทุกอย่างจะเกิดขึ้น แต่ขาของนางก็ยังหุบสนิทไม่ปล่อยให้มือของเขาลอดผ่านได้
เขานวดคลึงภูเขาแฝดของนางเพื่อพยายามทำให้นางผ่อนคลาย ในที่สุดนางก็ลืมตาขึ้นและหันศีรษะไปมองเขา นางมองเขาราวกับพยายามพูดว่า "เจ้าแน่ใจหรือว่าเราควรทำเช่นนี้?" เขามองนางด้วยรอยยิ้มและการแสดงออกที่นางเข้าใจว่าหมายถึง "เชื่อใจข้า"
ในที่สุดนางก็อ้าขาของนางออก รอยแตกค่อยๆเผยให้เห็นกลีบสีชมพู มือขวาของเขายื่นไปยังจุดเสียวของนาง เขาเขี่ยปากถ้ำของนางโดยไม่ได้สอดนิ้วเข้าไป พวกเขาจ้องมองกันอย่างลึกซึ้งก่อนที่นางจะพยักหน้าในที่สุด เขาเริ่มล้วงด้านในถ้ำสวรรค์ของนางอย่างชำนาญโดยไม่ชักช้าอีกต่อไป
“อืม!” นางครางพร้อมกับเอามือกำแท่งเนื้อ
วิธีที่เขาขยับนิ้วทำให้นางรู้สึกว่าเขาเข้าใจร่างกายของนางดีกว่าตัวนางเองเสียอีก มีการหยุดยั้งชั่วคราว ซึ่งไม่สลักสำคัญจนนางไม่ทันจะสังเกตเห็น ท่ามกลางการโหมโจมตีของเขา ในที่สุดเขาก็โจมตีส่วนที่บอบบางที่สุดในร่างกายของนาง ซึ่งก็คือเม็ดไข่มุกสีชมพูของนาง
นางรู้สึกราวกับถูกฟ้าผ่า ร่างกายของนางกระตุก มือของนางคว้าเขาเอาไว้ และต้นขาของนางก็บีบรัดมือของเสี่ยวฟางให้เข้าที่ แม้ว่ามือของเขาจะติดอยู่ในนั้น แต่นิ้วของเขาก็ยังเคลื่อนไหวไม่เคยหยุด
ท้องของนางกระตุกเบาๆ บีบมือของเขาแน่นขึ้นเรื่อยๆ นางรู้สึกราวกับตนเองกำลังจะเสร็จ ทวนมังกรของเสี่ยวฟางขยายขึ้นหลายเท่า โดยไม่รู้ตัว และมันถูกซุกไว้ระหว่างแก้มก้นของนางอย่างสบายๆ ยิ่งร่างกายของนางดิ้นรนก็ยิ่งทำให้มันใหญ่ขึ้นเท่านั้น
เสี่ยวฟางเพิกเฉยต่อทุกสิ่งทุกอย่างและให้ความสนใจกับการถูไถไข่มุกสีชมพูของนางทันทีที่นางถึงจุดสุดยอด ปราณหยินของนางในรูปของเหลวไหลปกคลุมขาหนีบของนาง นางไม่เคยสามารถทำให้ตัวเองถึงจุดสุดยอดได้ขนาดนี้มาก่อน
หลี่เหลียนอยากจะเอื้อมมือกลับไปคว้าทวนมังกรของเสี่ยวฟาง แต่ในขณะที่ความคิดนั้นแล่นเข้ามาในหัวของนาง นางก็รู้สึกว่ามีแท่งเนื้อขนาดใหญ่พุ่งทะลุต้นขาของนาง มันแข็งและยาวเกือบเท่าด้ามกระบี่ นางรับรู้ถึงความรู้สึกคุ้นเคยของเนื้อต่อเนื้อ นางรู้ทันทีว่ามันคืออะไร เพียงแต่ไม่อยากเชื่อว่ามันจะใหญ่ขนาดนี้ นางหลับตาลงอย่างคาดหวัง
เมื่อแท่งเนื้ออันสง่างามของเขาเข้าสู่จุดที่บอบบางของนาง เขาก็หยอกล้อปากถ้ำก่อนจะแทงเข้าไปในจุดเร้นลับของนาง
นางลุ่มหลงในการหยอกล้อจากนั้นจึงกล่าวพลางหอบหายใจ
“ส...เสี่ยวฟาง...อ่อนโยนกับข้าหน่อยได้ไหม?” นางพูดด้วยน้ำเสียงกระเส่า
"แน่นอน"
ทันทีที่คำพูดหลุดจากริมฝีปาก เขาก็ทิ่มผลไม้ศักดิ์สิทธิ์ของนางด้วยกระบี่เนื้อของเขา พวกเขาจูบกันอีกครั้งและมือของเขาก็กลับไปทำงานเพื่อบรรเทาความเจ็บปวดของนาง ผ่านไปไม่กี่นาที กระบี่เนื้อของเขาก็ค่อยๆเสียบลึกเข้าไปในร่างกายของนางมากขึ้นเรื่อยๆ เขาใช้มือคอยดึงความสนใจของนางไว้จนนางเกือบจะถึงจุดสุดยอดอีกครั้ง เมื่อเขาเสียบเข้าไปในตัวนางจนเต็มที่แล้ว เขาก็ปล่อยให้นางพักผ่อน
“หลี่เหลียน เจ้าชอบไหม” เขาถามนางด้วยน้ำเสียงที่มีเสน่ห์
นางหันศีรษะไปด้านข้างแล้วลูบไล้ใบหน้าด้านข้างของเขา “ข้ารักทุกวินาทีของมัน” นางยิ้มอย่างยอมรับ
“ดี ดี จากนั้นเมื่อเจ้าพร้อม ข้าจะให้เจ้าสัมผัสเคล็ดวิชาที่ดีที่สุดของข้า ข้าเรียกมันว่า”เคล็ดกระบี่เนื้อ” เขากล่าวอย่างภาคภูมิใจ
“โอ้ ช่างเป็นชื่อน่าประทับใจจริงๆ เจ้าคิดขึ้นเองงั้นหรือ?” นางหัวเราะกับชื่อเคล็ดวิชานี้
เสี่ยวฟางไม่ว่าอะไร ต้องยอมรับว่าชื่อนี้ดูแปลกไปสักหน่อย แต่ก็เป็นสิ่งที่ดีที่สุดที่เขาคิดขึ้นมาได้แล้ว
“ขึ้นมาบนตัวข้า แล้วถอดเสื้อผ้าของเจ้าออกให้หมด” เขาบอกนาง
นางมองดูสิ่งที่ยังคาอยู่ภายในตัวนางและสงสัยว่ามันเข้าไปลึกขนาดนั้นได้อย่างไรโดยที่นางไม่รู้ตัว นางขบริมฝีปากของนางขณะที่นางเริ่มเปลี่ยนตำแหน่ง สัมผัสกับความรู้สึกที่น่าพึงพอใจของกระบี่เนื้อของเขาที่บิดคว้านอยู่ภายในตัวนาง หลี่เหลียนนอนอยู่บนตัวเสี่ยวฟางโดยให้แผ่นหลังของนางแนบกับหน้าอกของเขา
“แล้วไงต่อล่ะ” นางถามคล้ายกับจะทำอะไรก็ตามที่เขาบอก อย่างไรก็ตาม ขณะที่นางกล่าวคำเหล่านั้นจบ เสี่ยวฟางก็โอบแขนซ้ายของเขาไว้รอบภูเขาแฝดของนาง เขาคว้าเอาไว้แน่นราวกับว่าเขาพยายามรั้งนางไว้กับที่ จากนั้นก็ใช้มือขวาของเขาก็กดที่หน้าท้องน้อยของนาง เขาเริ่มดันสะโพกของเขาช้าๆ
เมื่อเขาเริ่ม มันทำให้นางสูดอากาศเข้าไปเต็มปอด วินาทีถัดมาแม้จะพยายามอดกลั้น แต่นางก็ครางอีกครั้ง
ราวหนึ่งนาทีต่อมาพวกเขาก็ตกอยู่ในสถานการณ์ที่ร้อนแรง แม้จะไม่ได้หมุน แต่นางก็เริ่มรู้สึกเวียนหัว โชคดีที่เสี่ยวฟางจับนางไว้แน่น ไม่เช่นนั้นนางอาจจะกลิ้งลงไป
มือขวาของเสี่ยวฟางค่อยๆเลื่อนลงไปที่ไข่มุกสีชมพูของนาง เมื่อสัมผัสกัน ร่างของนางก็โค้งงออีกครั้งราวกับพยายามจะดิ้นให้หลุด เพียงแต่ครั้งนี้ เขาไม่ได้ควบคุมนางไว้อย่างสมบูรณ์ ร่างกายครึ่งล่างของนางยกขึ้นและกดทับใส่แท่งเนื้อ เสี่ยวฟางคว้าและบีบหน้าอกของนางขณะที่มือซ้ายของเสี่ยวฟางลัดเลาะผ่านช่องว่างระหว่างพวกเขาและคว้าจับคอนาง
แม้ว่าตำแหน่งนั้นของนางจะถึงจุดสุดยอดแล้ว แต่การเคลื่อนไหวและแรงดันของเขาก็ยังคงเพิ่มขึ้น และเข้าไปลึกกว่าที่เคย ซึ่งความจริงนั้น เขากำลังจะแสดงเคล็ดวิชาหนึ่งของเขา กระบี่เนื้อของเขาขยายขึ้นเล็กน้อยและถ่างผนังด้านในของนางออก
[กระบี่เนื้อทิ่มทะลวง]
เขายืดเวลาถึงจุดสุดยอดของนางออกไปสองสามวินาที ทำให้นางครวญครางไม่เป็นภาษาด้วยความปีติ เสียงครวญครางของนางยาวขึ้นและดังกว่าเดิม นางอ้าขาให้กว้างที่สุดเท่าที่จะทำได้ และเท้าของนางก็ห้อยออกไปด้านข้าง เขากระแทกนางราวกับว่าเขาพยายามจะขุดมุกสีชมพูออกจากถ้ำสวรรค์ของนาง
[ กระบี่เนื้อทะลวงตะวัน ]
หัวใจของเสี่ยวฟางเริ่มเต้นเร็ว ทำให้พื้นที่เล็กๆที่พวกเขาอยู่พลันร้อนขึ้น
ร่างกายของพวกเขาชุ่มโชกไปด้วยเหงื่อของกันและกัน และเส้นผมของพวกเขาก็ติดยุ่งอยู่กับหน้าผากของพวกเขา เพดานของกระท่อมมีหยดน้ำเกาะจากไอน้ำที่พวกเขาสร้างขึ้น
“อ๊าห์!” ในที่สุดสมาธิของเสี่ยวฟางก็หมดลง และเขาเริ่มกระแทกเป็นจังหวะ
พวกเขาร่วมกันกระแทกกระทั้นนับคร้งไม่ถ้วน แต่ในที่สุดก็ค่อยๆช้าลง มือของเสี่ยวฟางตอนนี้เปียกโชกไปด้วยน้ำผลไม้ของนาง ท้ายที่สุด ราวกับว่าเขาใช้กำลังทั้งหมดเพื่อโจมตีครั้งสุดท้าย เขารวบเตรียมคว้าเอวนางด้วยมือทั้งสองข้าง จากนั้น ด้วยการกระแทกที่รวดเร็วเพียงครั้งเดียว เขาก็กดนางลงบนปลายกระบี่เนื้อของเขา ขณะที่เอวของเขาดันขึ้นไปด้วยพลังของมังกรนับพันตัว
[ กระบี่เนื้อทะลวงสวรรค์ ]
นางสูดหายใจเฮือกใหญ่ ตอนนี้แท่งเนื้อของเขาเสียบเข้าไปถึงส่วนที่ลึกที่สุดของถ้ำสีชมพู เขาปลดปล่อยปราณหยางขุ่นข้นของเขาออกมาในตัวนาง เมื่อรู้สึกถึงปราณหยางที่เข้าสู่ร่างกายของนาง ในที่สุดนางก็เสร็จไปพร้อมกับเสี่ยวฟาง
แรงกระแทกครั้งสุดท้ายของเขาเกิดขึ้นเร็วกว่าประกายไฟที่ปลิดปลิวจากเศษหินเหล็กไฟ
แม้ร่างกายจะกำลังกระตุก แต่ลิ้นของนางก็โลมเลียคอของเขาขึ้นไปจนเข้าไปในปาก น้ำลายของพวกเขาผสมรวมกันขณะที่ลิ้นของนางตวัดอยู่ข้างใน แม้ว่าริมฝีปากของพวกเขาจะแยกออกจากกันแล้ว แต่น้ำกามของพวกเขายังไม่ได้แยกจากกัน
ทั้งสองสูดหายใจเฮือกใหญ่ราวกับว่าพวกเขาเพิ่งผ่านการวิ่งมาราธอนมา เสี่ยวฟางแสดงเคล็ดวิชาที่แตกต่างกันอย่างน้อย 3 รูปแบบในรอบเดียว เขาคาดคิดไม่ถึงว่าจะไปได้ไกลขนาดนี้กับคนแปลกหน้าที่ไม่มีประสบการณ์ หลังจากที่สงบลง นางก็เอ่ยขึ้นว่า
“เจ้าคิดว่าข้าจะตั้งครรภ์หรือไม่”
“ปราณหยางที่ข้าปล่อยออกมานั้นไม่ใช่แบบเดียวกับที่ผู้ชายปล่อยออกมาเพื่อทำให้ผู้หญิงตั้งท้อง” เขาพยายามอธิบายง่ายๆ
คล้ายกับที่ปราณหยางของเขาไม่ใช่น้ำอสุจิของเขาจริงๆ เมื่อเขาฝึกฝนกับสตรี เขาไม่ได้ฉีดน้ำอสุจิใส่นาง เพียงทำให้นางปลดปล่อยปราณหยินของนางออกมาในรูปของเหลว
ซึ่งความจริงก็คือ ครั้งต่อไปที่นางฝึกฝน นางจะพบว่านางมีปราณหยางมากมายอยู่ในตันเถียนของนาง อันจะช่วยนางในการฝึกฝนไม่มากก็น้อย
นางวางมือลงบนท้องของนางด้วยความผิดหวัง จากนั้นจึงพิงศีรษะบนหน้าอกของเขา “เจ้าคิดว่าในอนาคตเราจะทำด้วยกันอีกได้หรือไม่”
เสี่ยวฟางสางผมของนางเบาๆด้วยมือของเขา เขาเข้าใจอย่างชัดเจนว่านางหมายถึงอะไร แต่เขาก็มีความฝันของตัวเองที่ต้องไล่ตาม “ถ้าได้เจอกันอีกก็ถือเป็นฟ้าลิขิต” เขาตอบอย่างคลุมเครือ
วิธีที่เขานวดศีรษะนางนั้นทำให้กล้ามเนื้อของนางผ่อนคลายอย่างสมบูรณ์ เขานวดนางเบาๆอีกหนึ่งนาที ทำให้ร่างกายที่สั่นเทาก่อนหน้านี้ของนางผ่อนคลายลงในที่สุดราวกับตื่นจากการงีบหลับยามบ่ายอันยาวนาน นางกอดเขาอย่างสุขใจ รู้สึกถึงไออุ่นของเขาผ่านร่างกายที่เปลือยเปล่าของนาง นางหวังว่าช่วงเวลานี้จะคงอยู่ตลอดไป
“หลี่เหลียน...ข้าจะคิดถึงเจ้า” เขาพูดขณะที่นางหลับไป
.........
.........
.........
เวลาไหลผ่านไปอย่างเชื่องช้าสำหรับหนุ่มสาวทั้งสองที่อยู่ในกระท่อม เขาเอามือรองหลังศีรษะจ้องมองเพดานและจมอยู่กับความคิดเงียบๆ ว่าเขาจะปรับปรุงเคล็ดวิชาของเขาได้อย่างไร “ข้าต้องแข็งแกร่งกว่านี้” เขาเอ่ยกับตัวเอง
เขาใช้หลังเล็บที่ตัดสั้นกดผ่านแนวกระดูกสันหลังของนางจากบนลงล่างเพื่อให้กล้ามเนื้อของนางผ่อนคลายมากขึ้น เพียงเท่านี้นางก็หลับลึกในที่สุด
หลังจากผ่านไประยะหนึ่ง เสี่ยวฟางก็สวมเสื้อผ้าคืนให้นางและปล่อยให้นางนอนอยู่ในท่าที่สบาย จากนั้นเขาก็เก็บกวาดหลักฐานใดๆ ที่พวกเขาทำกันที่นั่นออกอย่างเงียบเชียบก่อนจะออกจากกระท่อมและกลับสู่เส้นทางไปยังนิกายสวรรค์ทมิฬ
.........
.........
.........
ในเวลาต่อมา ในที่สุดบุรุษผู้หนึ่งก็ปรากฏตัวขึ้นในบริเวณนั้น ชายผู้นี้เป็นศิษย์พี่ที่ตามหาหลี่เหลียน เขายืนกำหมัดแน่น หลังจากที่พบว่ามีรอยเท้าที่แตกต่างกันสองรอยที่ทอดเข้าไปในกระท่อมไม้ เขาพลันทราบทันทีว่าที่ศิษย์น้องของเขามาที่นี่นั้น หาใช่เป็นเพราะความตั้งใจของนางเอง แต่เป็นเพราะบุคคลอื่นในกระท่อมไม้นั้น
“ใครก็ตามที่อยู่ในนั้นกับน้องสาวของข้า รีบไสหัวออกมาเดี๋ยวนี้!”
ไร้ซึ่งการตอบสนอง
ภายในกระท่อมไม้ หลี่เหลียนตื่นขึ้นมาจากเสียงตะโกนของศิษย์พี่ของนาง นางมองไปรอบๆด้วยความงุนงง นางนึกว่าเรื่องทั้งหมดคือความฝัน ทว่าสิ่งที่นางพบในมือกลับทำให้นางพูดไม่ออก มันเป็นผ้าปิดตาสีดำของเสี่ยวฟาง ศิษย์พี่ของนางตะโกนอีกครั้ง นางซ่อนผ้าปิดตาแล้วหวนนึกถึงเรื่องราวก่อนจะออกจากกระท่อมไม้
.........
.........
.........
นิกายสวรรค์ทมิฬ
ในฐานะผู้บำเพ็ญขั้นกายเสริมแกร่ง ตอนนี้เสี่ยวฟาง มาถึงเร็วกว่าที่คาดการณ์ไว้หนึ่งวัน ดังนั้นตลอดทั้งวันเขาจึงออกสำรวจเมืองรอบๆนิกาย มีคนให้ความสนใจเขาไม่มาก กระนั้นก็ยังมีคนบางส่วนที่ไม่อาจลอบหยุดมองใบหน้าอันหล่อเหลาอย่างไม่น่าเชื่อของเขาได้ สำหรับเสี่ยวฟางนี่ไม่ใช่เรื่องสำคัญอะไร เพราะเขากำลังหมกมุ่นอยู่กับสิ่งที่ตาของเขามองเห็น
ในที่สุดเขาก็พบที่พักชั่วคราว สัมภาระทั้งหมดของเขาล้วนพกพาอยู่กับตัว ดังนั้นจึงไม่มีอะไรให้ต้องแกะดู เขาเริ่มฝึกฝนกระบี่โดยลำพังในห้องของเขา แม้เขาจะรู้สึกว่าตนเกือบจะเชี่ยวชาญทักษะกระบี่แล้ว ทว่าเขายังไม่คุ้นเคยกับการฝึกฝนด้วยดวงตาคู่ใหม่ของเขา ตลอดทั้งคืน เขาได้ฝึกประสานมือและดวงตา โดยที่เขาไม่ทันรู้ตัว พระอาทิตย์ก็ขึ้นแล้ว และนั่นก็ถึงเวลาเข้าร่วมการทดสอบเข้านิกายประจำปี