บทที่ 9 : นี้มันจะกลั่นแกล้งกันเกินไปแล้ว
สนามฝึกฝนศิลปะการต่อสู้ของหมู่บ้านซงซาน
กลุ่มวัยรุ่นอายุประมาณ 13-14 ปี กำลังล้อมรอบเด็กคนหนึ่งอยู่ และดูเหมือนว่าเด็กเหล่านั้นกำลังกำลังพูดอะไรบ้างอย่างอยู่
ไม่ไกลจากที่นั้นมากนัก มีกลุ่มวัยรุ่นอายุราวๆ 17-18 ปี ที่กำลังฝึกฝนอยู่
เด็กชายที่ถูกกลุ่มเด็กล้อมรอบ แววตาของเขาเต็มไปด้วยประกายแห่งความเกลียดชัง
เด็กคนนั้นมีชื้อว่าจางหยวน เขาเคยถูกจางฟู่กุ้ยขังเอาไว้ที่บ้าน ไม่ได้รับอนุญาตให้ออกไปข้างนอก และเขาเพิ่งจะได้รับการปล่อยตัวเมื่อไม่นานมานี้เอง
เมื่อเขาออกมาจากบ้านได้ไม่กี่วันเขาก็ได้ยินว่าฉินหยวน และคนอื่นๆ เดินทางกลับมาจากเมืองเทศมณฑล เพื่อทดสอบพรสวรรค์ และดูเหมือนว่าฉินหยวนจะมีพระสวรรค์ระดับกลางขั้นที่ 4 อีกด้วย!
มันทำให้เขารู้สึกอิจฉา และเสียใจมาก
เพราะว่าตัวของจางหยวนมีพรสวรรค์เพียงแค่ระดับที่ 2 เท่านั้น และพี่ชายของเขาได้ไปเป็นทหารที่เทศมณฑลแล้ว และพี่ชายของเขาก็เป็นเพียงแค่คนที่มีพรสวรรค์ระดับที่ 3 เท่านั้น
แต่ทำไม ไอ้หมอนี่มันถึงได้มีพรสวรรค์ระดับที่ 4 ได้กัน?
ทำไมพรสวรรค์ของฉินหยวนถึงดีกว่าตัวของเขา?
สิ่งที่สำคัญที่สุดคือฉินหยวน ได้รับคุณสมบัติในการเข้าร่วมทีมฝึกฝนเยาวชนของเมืองเทศมณฑล!
ไม่ใช่ทุกคนที่สามารถเข้าร่วมทีมฝึกฝนเยาวชนได้ เดิมทีแล้วตำแหน่งนี้ต้องเป็นของเขา แต่กลับถูกอีกฝ่ายแย่งชิงไป!
ไอ้ฉินยี่!
ไอ้ฉินหยวน!
จางไห่ก้มหัวลง ดวงตาของเขาแดงเล็กน้อย เขาขบฟันแน่น และสาปแช่งฉินยี่กับฉินหยวน แม้แต่ปู่คนสามของเขา เขาก็ยังสาปแช่ง
“ฉินหยวน เล่าให้ข้าฟังหน่อยสิว่าคนที่มีพรสวรรค์ระดับ 5 แข็งแกร่งมากแค่ไหน!”
“ใช่ๆ ครั้งนี้พวกเราไม่ได้เดินทางไปที่เมืองเทศมณฑล!”
“พี่ฉินหยวนเล่าให้พวกเราเร็วๆ หน่อยได้ไหม”
ฉินหยวนถูกล้อมอยู่ตรงกลาง และเขาไม่รู้สึกอึดอัดเลยที่ได้ยินคำถามจากเพื่อนๆ ของเขา
เพราะว่าพวกเขานั้นเป็นเพื่อนที่เล่นมาด้วยกันตั้งแต่เด็กๆ
ฉินหยวนครุ่นคิดอยู่สักพัก ก่อนที่จะเล่าทุกอย่างออกมา "เขาว่ากันว่าอัจฉริยะคนนั้นเป็นลูกชายคนเล็กของท่านเจ้าเมืองฟูซาน เขามีอายุเพียงแค่ 13 ปี เขาบังเอิญเข้ามาทดสอบพรสวรรค์ ด้วยหินทดสอบพรสวรรค์ ทันทีที่เขาวางมือลงบนหินทดสอบพรสวรรค์ หินทดสอบพรสวรรค์ก็ระเบิดแสงออกมา จากสีขาว เปลี่ยนเป็นสีเขียวทันที และสีก็เข้มมาก ซึ่งทำให้คนที่มาดูการทดสอบ ต่างก็พากันตกตะลึง!"
“ว้าว น่าทึ่งมาก?”
“หินทดสอบพรสวรรค์ สามารถเปลี่ยนสีได้ด้วย?”
“เจ้าไม่รู้อย่างนั้นเหรอ? หินทดสอบพรสวรรค์นั้นสามารถเปลี่ยนสีได้ สีขาวแสดงถึงระดับ 1 สีเหลืองแสดงถึงระดับ 2 ตามด้วยสีส้ม สีน้ำเงิน สีเขียว สีฟ้าอมเขียว สีแดง สีม่วง และสีดำ ยิ่งสีเข้มมาเท่าไหร่ ก็แสดงว่าคนคนนั้นมีพรสวรรค์ที่สูงมาก สำหรับพรสวรรค์ระดับสิบนั้น ไม่ได้ปรากฏตัวออกมาหลายพันปีแล้ว และข้าเองก็ไม่รู้ว่ามันเป็นสีอะไร”
"ข้าไม่รู้ว่าจะมีความสามารถมากแค่ไหนเมื่อ ตอนที่ข้าไปทดสอบพรสวรรค์ในปีหน้า ถ้าเป็นพรสวรรค์ระดับ 5 คงเยี่ยมมาก!"
"เจ้ากำลังฝันกลางวันอยู่หรือไง เพียงแค่พรสวรรค์ระดับ 3 ข้าก็พอใจมากแล้ว!"
"ไปกันเถอะ!"
……………
กลุ่มเด็กๆ หลายคนกำลังคุยโม้เกี่ยวกับเรื่องทดสอบพรสวรรค์
จางไห่ที่นั่งอยู่ไม่ไกลกำลังฟังพวกเขาพูดคุยล้อเล่นกัน แต่แววตาของเขากลับเต็มไปด้วยความโกรธมากขึ้นเรื่อยๆ
เขาเดินเข้าไปหาฉินหยวน
“ฉินหยวน ปู่สามได้ยกตำแหน่งทีมฝึกฝนเยาวชนเทศมณฑลของข้าให้กับเจ้า เจ้ามีคุณสมบัติอะไร? เมื่อเขาไปยังทีมฝึกฝนศิลปะการต่อสู้เยาวชน และถูกทุบตีก็อย่าร้องไห้หาพ่อแม่ก็แล้วกัน มันจะทำให้เสียชื่อหมู้บ้านของเรา!”
“ฮะ?” ฉินหยวนเกาหัวของเขา ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยรอยยิ้มที่เป็นเอกลักษณ์
“เจ้ารังแกลุงของข้าตอนที่ข้าไม่อยู่ ตอนนี้เจ้ากลับเดินมาหาข้าเองเลยอย่างนั้นเหรอ?” ฉินหยวนพึมพำกับตัวเอง ก่อนที่เขาจะตอบคำถามของจางไห่ “ข้ามีคุณสมบัติหรือไม่นั้นก็ไม่เกี่ยวอะไรกับเจ้า?”
ใบหน้าของจางไห่เต็มไปด้วยความโกรธทันที
“ฮะ ใครบอกว่ามันไม่เกี่ยวอะไรกับข้า ข้าเองก็เป็นคนของหมู่บ้านชงซานเหมือนกัน ถ้าเจ้าทำให้พวกเราถูกหัวเราะเยาะเมื่อออกไปข้างนอก”
“เอาล่ะ พวกเรามาประลองกันหน่อย ถ้าเจ้าชนะ ข้าจะยอมยกตำแหน่งนี้ให้ แต่ถ้าเจ้าแพ้ ตำแหน่งนี้ก็ยังคงเป็นของข้าเหมือนเดิม!”
ในที่สุดจางไห่ก็บอกจุดประสงค์ของเขา
ดูเหมือนว่าเขาจะไม่เต็มใจ และไม่อยากยกตำแหน่งของทัมฝึฝนศิลปะการต่อสู้เยาวชนของเมืองเทศมณฑลให้กับฉินซาน
“ทำไมข้าต้องสู้กับเจ้าด้วย มันไม่มีประโยชน์อะไรเลย” ฉินหยวนยกคิ้วขึ้นและพูดออกมาพร้อมกับรอยยิ้ม
“เอาอย่างนี้เป็นไง ถ้าข้าแพ้ ข้าจะมอบเหรียญหยวนคุณภาพต่ำให้กับเจ้า 10 เหรียญ เป็นยังไงข้อเสนอของข้าดีหรือไม่!”
มุมปากของจางไห่ยกขึ้นและยิ้มออกมา
เขาถูกขังอยู่ในบ้านนานกว่าสิบวัน เขาไม่ได้ทำอะไรเลย ในระหว่างที่เขาถูกขัง เขาก็ฝึกฝนเคล็ดวิชาการต่อสู้อยู่ที่บ้าน เคล็ดวิชาต่อสู้นี้ถูกนำกลับมาจากเมืองโดยพี่ชายของเขา เคล็ดวิชานี้นี้เป็นเคล็ดวิชาสำหรับนักรบระดับสอง ที่ทรงพลังเคล็ดวิชาวัวคลั่ง เมือโครจรเคล็ดวิชาอย่างเต็มที พลังของมันก็เทียบเท่ากับนักรบระดับสาม!
นี่คือสิ่งที่ทำให้จางไห่มั่นใจ ว่าเขาสามารถเอาชนะฉินหยวนได้!
จางไห่ดูเหมือนจะได้มองเห็นช่วงเวลาที่เขากำลังเอาชนะฉินหยวนได้ และได้รับตำแหน่งที่เป้นของเขาคืนกลับมา และพ่อของเขาจะต้องพอใจอย่างแน่นอน
“อยากได้ตำแหน่งของทีมฝึกฝนศิลปะการต่อสู้ โดยใช้เหรียญหยวนคุณภาพต่ำ 10 เหรียญมาแลกอย่างนั้นเหรอ ตำแหน่งนี้อย่างน้อยก็มีค่าอย่างน้อย 50 เหรียญหยวนคุณภาพต่ำ” เสียงที่ชัดเจนดังขึ้นมา
ฉินยี่ก้าวไปข้างหน้าอย่างช้าๆ และไปยืนอยู่ข้างๆ ฉินหยวน
“???” ดวงตาของจางไห่แทบถลนออกมา
“ห้าสิบเหรียญหยวนคุณภาพต่ำอย่างนั้นเหรอ? ข้ามีเหรียญหยวนคุณภาพต่ำไม่ถึงหรอก ข้ามีแค่ยี่สิบเหรียญเท่านั้น!” จะเดิมพันหรือไม่
“นี่…” ฉินหยวนดูเขินอาย และลังเลเล็กน้อย
“ดี! ถ้าอย่างนั้นก็เอาเหรียญหยวนออกมาก่อน!” ฉินยี่พูดออกมาด้วยท่าทางที่จริงจัง และยืนมือออกไปทำท่าทางถูมือไปมา
"ทำไมเจ้าถึงไม่รอผลแพ้ชนะก่อน!"
“ถ้าเจ้าไม่เอาเหรียญหยวนออกมาล่วงหน้า ใครจะกล้าพนันกับเจ้า หากเจ้ากลับคำทีหลังทำไง”
จางไห่แทบจะอาเจียนออกมาเป็นเลือด
“เอาล่ะ นี่คือเหรียญหยวนทั้งหมด 20 เหรียญ ถ้าพวกเจ้าแพ้ ก็รักษาคำพูดด้วย!” จางไห่หยิบถุงผ้าออกมาจากกระเป๋า และโยนลงไปบนพื้นพร้อมกลับพูดออกมา
“ตกลง!” ฉินยี่ตอบรับ “หลานรัก เจ้าแสดงให้ทุกคนเห็นหน่อยว่าเจ้าแข็งแกร่งมากแค่ไหน ท่านลุง ท่านป้า และพี่น้องทุกคนเป็นพยานให้พวกเราด้วย ถ้าพวกเราชนะเหรียญหยวน 20 เหรียญ บนพื้นจะเป็นของพวกเรา แต่ถ้าพวกเราแพ้ พวกเราจะยกสิทธิ์เข้าร่วมทีมฝึกฝนเยาวชนให้กับจางไห่!”
“เอาล่ะ เดี่ยวพวกข้าเป็นพยานให้พวกเจ้าเอง!” เหล่ารุ่นเยาว์ที่กำลังฝึกฝนอยู่ ต่างก็หยุดการฝึกฝนของตัวเอง
“ใช่แล้ว มาเถอะ!” ชายหนุ่มคนหนึ่งพูดออกมาด้วยความตื่นเต้น
“ใช่แล้ว มาดูกันว่าใครเก่งกว่ากัน! ทุกคนอดใจรอไม่ไหวแล้ว!” คนบางคนที่กำลังฝึกฝนอยู่ข้างๆ ก็ตะโกนขึ้นมา
“เอาล่ะ งั้นมาเริ่มกันเลยไหม” ฉินหยวนผ่อนคลายกล้ามเนื้อของเขา และกระโดดขึ้นไปยืนบนสนามฝึก และมองไปที่จางไห่
“เดี๋ยวก่อน เจ้าอย่ามาโทษข้าก็แล้วกันหากว่าได้รับบาดเจ็บ!” จางไห่เอ่ยเตือนฉินหยวน จากนั้นเขาก็ถอยไปสองสามก้าวเพื่อตั้งท่า
ทั้งสองสบตากันครู่หนึ่ง จากนั้นก็เริ่มการต่อสู้
ฉินหยวนกระแทกเท้าลงไปบนพื้น ร่างกายของเขาพุ่งออกไปราวกับลูกศรที่ถูกยิง เขาพุ่งเข้าหาจางไห่ด้วยความเร็ว การแสดงออกของจางไห่เปลี่ยนไปอย่างมาก
“ทำไมมันถึงได้เร็วขนาดนี้...”
จางไห่ไม่มีเวลาครุ่นคิดอีกต่อไป หมัดคู่หนึ่งก็มาปรากฏอยู่ตรงหน้าเขา กระแทกเขาที่ใบหน้าของ "ปัง" จางไห่กระเด็นออกไปทันที
“แค่ก แค่ก!” จางไห่มีเลือดไหลออกมาจากมุมปาก ใบหน้าบิดเบี้ยว และบวมขึ้นมาอย่างรวดเร็วจนมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า เขารู้สึกเวียนหัวเล็กน้อย
“จบแล้วอย่างนั้นเหรอ” ผู้ชมที่กำลังชมการแสดงต่างก็พูดออกมาด้วยความตกใจ
ตอนแรกข้าคิดว่าความแข็งแกร่งของพวกเขาจะสูสีกัน ใครจะไปคิดว่าความแข็งแกร่งของพวกเขาจะต่างกันขนาดนี้
“เสี่ยวหยวน เยี่ยมมาก! พวกเราได้เหรียญหยวนมาตั้ง 20 เหรียญ พวกเรากลับบ้านไปกินข้าวเย็นกันเถอะ!”
จากนั้นฉินยี่ ก็ตบไหล่ของฉินหยวน เขาหยิบถุงผ้าที่อยู่บนพื้นขึ้นมา และยัดมันลงในมือของฉินยวน
“ทั้งสองดูมีความสุขมาก…”
ทิ้งจางไห่ให้นอนอยู่คนเดียวบนพื้น มีเลือดไหลออกจากมุมปาก ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยความเศร้าหมองมาก
“ข้า ข้าไม่ยอม!” จางไห่แทบจะร้องไห้ออกมา
นี่ไม่ใช่ตอนจบที่ข้าจินตนาการเอาไว้!
ฉินหยวนเป็นนักรบระดับสอง ทำไมถึงได้แข็งแกร่งขนาดนี้กัน?
วู้ฮู้ว!"
มันจะรังแกกันมากเกินไปแล้ว!