บทที่ 20 เย่เหรินระเบิดพลัง!
บทที่ 20 เย่เหรินระเบิดพลัง!
"ฟ้าดินดำเหลือง จักรวาลกว้างใหญ่
หยินหยางสมดุล เทพสายฟ้าจงรับฟังคำขอจากข้า
ความเจริญรุ่งเรืองแห่งสวรรค์ จงแสดงพลังแห่งสายฟ้า
มือข้าถือยันต์ ขอเรียกทัณฑ์อสนีบาตจากสวรรค์!"
หวังผิงอันสะบัดพู่กัน ในมือขวาปรากฏลูกบอลสายฟ้าสว่างไสว สายฟ้าแตกแขนงออกไปรอบด้านราวกับกิ่งก้านของต้นไม้
วินาทีที่สายฟ้าฟาดผู้อำนวยการ เหมือนอากาศจะสั่นสะเทือน เกล็ดและกระดองบนร่างของผู้อำนวยการแตกออกเป็นเสี่ยงๆ น้ำสีดำขุ่นเหม็นเน่ากระเซ็นออกมา
ผู้อำนวยการกรีดร้องด้วยความเจ็บปวด มันพยายามดิ้นรน แต่ยันต์ตรึงวิญญาณของหวังผิงอันได้ตรึงมันไว้แน่นแล้ว
"จ้าวแห่งสวรรค์ทั้งเก้า แสงแห่งอัสนีบาต
เทพอัสนีจงลงมา ฟังคำสั่งข้า
ทำลายความมืด สร้างแสงสว่าง
เสียงกัมปนาทดังกึกก้อง เหล่าปีศาจจงไสหัวไป"
หวังผิงอันร่ายคาถาต่อไป มือข้างเดียวร่ายมนตร์อีกครั้ง คราวนี้สายฟ้าที่รวมตัวกันนั้นใหญ่กว่าเมื่อกี้หลายเท่า เกือบจะเท่าคนๆหนึ่ง!
"ตู้ม!"
ฝ่ามือสายฟ้านี้ทำให้ผู้อำนวยการชาไปทั้งตัว ในหลายความหมาย
ร่างของมันกระตุกภายใต้ประกายไฟฟ้า กลิ่นไหม้รุนแรงฟุ้งกระจายอยู่ในอากาศ
"เทพสายฟ้าถือขวาน เทพีสายฟ้าถือแส้
เมฆรวมตัว ลมพัด ฝนหลั่งชโลมทุกสิ่ง
อำนาจแห่งสวรรค์ยิ่งใหญ่ เสียงฟ้าร้องกึกก้อง
ใจข้าปรารถนา เทพสายฟ้าจงมา"
"อาญาสวรรค์! ข้าขอเรียกสายฟ้าแห่งสวรรค์!"
หวังผิงอันร่ายคาถาเป็นครั้งที่สาม และคราวนี้ไม่มีสายฟ้าในฝ่ามือของเขา แต่ท้องฟ้าอันไกลโพ้นกลับดังก้องด้วยเสียงฟ้าร้อง
นี่คือโลกภายในนะ!
ที่นี่แทบจะไม่มีอะไรเหมือนโลกภายนอกเลย!
แต่ด้วยพลังพิเศษของหวังผิงอัน เขากลับเรียกสายฟ้าสีม่วงลงมาได้จริงๆ เป็นลำแสงโค้งสว่างไสวฟาดลงมาจากฟ้า!
"โอ้โห..." เหล่าผู้ถือโคมจากหน่วยสนับสนุนต่างตกตะลึง
ร่างใหญ่โตของผู้อำนวยการถูกสายฟ้าสีม่วงซัดจนแหลกเป็นชิ้นๆ ชิ้นเนื้อกระจัดกระจายไปทั่ว
หวังผิงอันคลายสีหน้าลงเล็กน้อย เขาคิดว่าการแสดงจบลงแล้ว แต่จู่ๆรูม่านตาของเขาก็เบิกกว้าง
เพราะแม้จะโดนโจมตีอย่างรุนแรงขนาดนี้ ผู้อำนวยการก็ยังไม่ตายสนิท
ชิ้นเนื้อเหล่านั้นบิดเบี้ยวไปมาในโคลนราวกับมีสติ พวกมันเริ่มรวมตัวกันอย่างช้าๆ พยายามประกอบร่างขึ้นใหม่
ทุกคนที่เห็นภาพนี้ต่างหน้าถอดสี
"แหลกละเอียดขนาดนี้ยังไม่ตายอีกเหรอ?!" ผู้ถือโคมคนหนึ่งพูดเสียงสั่น อาวุธในมือสั่นเล็กน้อย
"นี่มันบ้าอะไรกันเนี่ย? แบบนี้จะสู้ยังไง?"
เสียงของสมาชิกอีกคนเต็มไปด้วยความหวาดกลัว สายตาของเขาจ้องมองไปที่ชิ้นเนื้อที่กำลังประกอบร่างใหม่ รู้สึกขนลุกไปทั้งตัว
เจียงสุ่ยก็ขมวดคิ้วเช่นกัน แววตาเต็มไปด้วยความกังวล เธอจับชายเสื้อของเย่เหรินเบาๆ
"หรือว่าเรากลับกันเถอะ? ดูเหมือนเจ้าหมอนี่จะฆ่าไม่ตาย"
เย่เหรินไม่พูด สายตาจ้องมองไปที่กลางหัวของผู้อำนวยการ
ฆ่าไม่ตายงั้นเหรอ?
ไม่หรอก ไม่มีอะไรในโลกนี้ที่ฆ่าไม่ตาย
"ฟ้าดินเริ่มต้น มีเต๋าแห่งแสงสว่าง
ในสามภพ มีเพียงไฟที่เหนือกว่า
นกวิหคเพลิงกระพือปีก เปลวเพลิงเผาผลาญทั่วหล้า
เผาสิ่งสกปรก ขจัดปีศาจ ไฟแท้ปรากฏกาย"
"อาญาสวรรค์! ข้าขอเรียกไฟแท้แห่งเต๋า!"
เห็นว่าสายฟ้าไม่ได้ผล หวังผิงอันจึงร่ายคาถาไฟ ทันใดนั้นเปลวเพลิงก็ลุกโชนขึ้นบนร่างที่แหลกสลายของท่านผู้อำนวยการ
เปลวไฟเผาไหม้ชิ้นเนื้อ เสียงดังเปรี๊ยะๆ ควันและกลิ่นเหม็นไหม้ฟุ้งกระจายไปในอากาศ
ชิ้นเนื้อเหล่านั้นบิดตัวดิ้นรนในเปลวไฟ แต่กลับรวมตัวกันเร็วขึ้น
"เฮ้อ... ไม่ไหวแน่..."
สีหน้าของหวังผิงอันเปลี่ยนไปเล็กน้อย บุคลิกสงบนิ่งของเขาก็ดูจะเปลี่ยนไปบ้างในทันที
อีกห้าผู้ยิ่งใหญ่ที่ซ่อนตัวอยู่ในเงามืดเริ่มเตรียมพาเย่เหรินหนีไปแล้ว
เพราะไม่จำเป็นต้องต่อสู้กับสัตว์ประหลาดที่ไม่มีวันตาย พวกเขามีหน้าที่เพียงหนึ่งเดียวคือปกป้องเย่เหรินให้ปลอดภัย
ความปลอดภัยต้องมาก่อน
อย่างอื่นไว้ทีหลัง
สติสัมปชัญญะของผู้อำนวยการหายไปในวินาทีที่ถูกห้วงลึกกัดกร่อน ประสาทสัมผัสของเขาบิดเบี้ยว ถูกพลังของห้วงลึกกัดกิน
ตอนนี้ร่างกายของเขาแหลกสลายไปแล้ว แต่ด้วยการหล่อเลี้ยงของโคลนตม จิตสำนึกที่บิดเบี้ยวของเขากลับฟื้นคืนอย่างน่าอัศจรรย์!
"ฉัน...ฉันทำสำเร็จแล้ว! ทฤษฎีของฉันถูกต้อง! ตราบใดที่อยู่ในห้วงลึก ฉันจะได้ชีวิตอมตะ!"
เสียงหัวเราะบ้าคลั่งและแหบแห้งของมันดังก้องอยู่ในห้วงลึก
อย่างไรก็ตาม ตรงกันข้ามกับความปีติยินดีของผู้อำนวยการคือความหวาดกลัวและความกังวลบนใบหน้าของทุกคน
เมื่อเผชิญหน้ากับพลังชีวิตที่แทบเป็นอมตะของผู้อำนวยการ เหล่าผู้ถือโคมในกองกำลังเสริมรู้สึกสับสนอลหม่านอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน
"ถอยดีไหม? สู้ไม่ได้หรอก"
"หัวหน้า พูดอะไรหน่อยสิ หัวหน้า!"
"เห็นได้ชัดว่าเราไม่สามารถรับมือกับสัตว์ประหลาดตัวนี้ได้!"
ทุกคนเริ่มมีความคิดที่จะถอย แม้ว่าจะไม่อยากยอมรับ แต่ทุกคนก็หวาดกลัวผู้อำนวยการเป็ฯอย่างมาก
หลายคนเริ่มเห็นภาพหลอนและได้ยินเสียงกระซิบแปลกๆ ในหู
พวกเขาที่ถูกปนเปื้อนทางจิตใจอยู่แล้ว ภายใต้ความหวาดกลัว ผู้ถือโคมบางคนก็เริ่มสูญเสียสติ
บางคนเริ่มโบกอาวุธโจมตีเพื่อนของตน
สถานการณ์วุ่นวายไปชั่วขณะ โศกนาฏกรรมของการฆ่ากันเองเกือบจะเกิดขึ้น
"อย่าเข้ามา!" ผู้ถือโคมคนหนึ่งตะโกน ในสายตาของเขา เพื่อนตรงหน้าบิดเบี้ยวกลายเป็นสัตว์ประหลาดที่ไม่อาจบรรยายได้
แม้ว่าเขาจะยังมีสติอยู่บ้างและเดาได้ว่านี่เป็นภาพหลอน
แต่เมื่อเห็นเพื่อนที่กลายเป็นสัตว์ประหลาดยกเคียวขนาดใหญ่ขึ้นมาหมายจะตัดหัวเขา เขาก็ตอบโต้โดยสัญชาตญาณ
เจียงซุ่ยเห็นทั้งหมดนี้และรู้สึกกังวลใจอย่างมาก
ถ้าเป็นแบบนี้ต่อไป ไม่ต้องให้ผู้อำนวยการลงมือ ทีมผู้ถือโคมก็คงฆ่ากันเองจนหมด
หวังผิงอันหน้าดำคร่ำเครียด
เขาเตรียมที่จะร่ายมนต์ชำระจิตใจเพื่อช่วยผู้ถือโคมในกองกำลังเสริมต่อสู้กับมลทิน แต่ในเวลานี้...
ทีมที่วุ่นวายก็กลับมาเป็นระเบียบเรียบร้อย
ไม่สิ
แม้จะยังเรียกไม่ได้ว่าสถานการณ์กลับคืนสู่ความสงบ แต่ในวินาทีนั้นเอง ทุกคนที่ถูกภาพหลอนครอบงำก็หยุดชะงักราวกับถูกสาป
เย่เหรินเอื้อมมือไปข้างหลัง กำด้ามดาบโลหิตแน่น
"ได้สติกันหน่อย! ถอยออกไป!"
อย่างที่เคยบอกไป เย่เหรินเองก็เป็นต้นตอของมลทินที่มีพลังสูง หากเขาคิดจะปลดปล่อยมลทินออกมา
มลทินทางจิตของผู้อำนวยการก็ถูกกลบหายไปในทันที
ภายใต้ความหวาดกลัวสุดขีดที่คมดาบโลหิตนำมา ผู้ถือโคมจากหน่วยสนับสนุนก็ตัวสั่นและทำตามคำสั่ง ถอยกลับไปยังระยะปลอดภัย
ตอนนั้นเอง ผู้อำนวยการที่คลุ้มคลั่งก็เริ่มพร่ำบอก "ความจริง" ของเขาให้ทุกคนฟัง
"ดูฉันสิ แล้วก็ดูตัวพวกแกด้วย! มีแต่การโอบกอดห้วงลึกเท่านั้น ถึงจะมีชีวิตเป็นนิรันดร์! นี่คือคำตอบเดียวของมนุษยชาติ ทางออกเดียวเท่านั้น!"
แต่เย่เหรินกลับทำหน้ารังเกียจ แล้วเปิดฉากโจมตีใส่หน้าผู้อำนวยการทันที
"ดูแกเหรอ? ดูสภาพแกสิ เหมือนก้อนอะไรที่เกิดจากปลาดุกผสมกับขี้นั่นแหละ ยังจะมาบอกว่าเป็นคำตอบเดียว ทางออกเดียวที่ไหนวะ?"
"ถ้าฉันตาย แม้ว่าฉันจะตายอย่างหมาข้างถนน ยังไงฉันก็ไม่ขอเป็นแบบแกเด็ดขาด!"
คำเยาะเย้ยของเย่เหรินเหมือนตบหน้าผู้อำนวยการจนเขาถึงกับอึ้ง
เย่เหรินยังคงเยาะเย้ยต่อไป
"ถ้าแม่แกรู้ว่าแกกลายเป็นแบบนี้ จะเสียใจไหมนะที่คลอดแกออกมา? โอ้ ขอโทษที ฉันลืมไปว่าแกไม่มีแม่"
ผู้อำนวยการเงียบไป
เขาจมอยู่ในโคลนตมแห่งห้วงลึก ไม่พูดอะไรสักคำ
ความเงียบในตอนนี้ราวกับก่อนพายุจะโหมกระหน่ำ เต็มไปด้วยแรงกดดัน