บทที่ 2 : อัพเกรด!
ชื่อ : ดอกโคลเวอร์ระดับ 1
คำแนะนำ : ปรับสภาพร่างกาย เพิ่มสมรรถภาพของร่างกายได้เล็กน้อย ยังเติบโตไม่เต็มที (ได้รับความเสียหาย)
สถานะ : อัพเกรดได้
คะแนนความโกลาหลที่เหลืออยู่ : 2
"อัพเกรด!"
จิตใจของฉินยี่เคลื่อนไหว เขาต้องการที่จะอัพเกรด ดอกโคลเวอร์ระดับ 1 หลังจากนั้นเขาก็ถูกหักคะแนนความโกลาหลไปเล็กน้อย และข้อมูลของดอกโคลเวอร์ระดับ 1 ก็เปลี่ยนไป
ชื่อ : ดอกโคลเวอร์ระดับ 1
คำแนะนำ : ปรับสภาพร่างกาย เพิ่มสมรรถภาพของร่างกายได้เล็กน้อย เติบโตเต็มที
สถานะ : ไม่สามารถอัปเกรดได้
คะแนนความโกลาหลที่เหลืออยู่ : 1
เนื่องจากมีเพียงแค่ฉินยี่เพียงคนเดี่ยวเท่านั้นที่สามารถมองเห็นข้อมูลของ ดอกโคลเวอร์ระดับ 1 คนอื่นๆ ที่มามุ่งดูก็ไม่มีใครไม่มีใครสนใจ ดอกโคลเวอร์ระดับ 1 ที่อยู่ในมือของฉินยี่เลย ดังนั้นพวกเขาทั้งหมดจึงไม่มีใครสังเกตเห็นความผิดปกติของดอกโคลเวอร์ระดับ 1
ในขณะนี้ดอกโคลเวอร์ระดับ 1 ที่มีความสูงหนึ่งฟุตมีผลสีขาวขนาดเท่าหัวแม่มื้อ และมีลวดลายสีเงินแนวนอนที่ปรากฏอยู่บนพื้นผิวของผล ซึ่งกำลังส่งกลิ่นหอมอ่อนๆออกมา
“อะแฮ่ม!” ฉินยี่แสร้งทำเป็นเพิ่งรู้สึกตัว จากนั้นเขาก็ค่อยๆ ลืมตาขึ้นมา เหลือบมองผู้คนที่ยืนอยู่รอบข้างด้วยสายตาที่ว่างเปล่า จากนั้นจึงหันไปมองฉินชาน ที่กำลังพูดแก้ต่างให้กับเขาอยู่ในขณะนี้
“พี่ชาย มีอะไรเกิดขึ้นอย่างนั้นเหรอ ทำไมข้าถึงได้ปวดหัวเช่นนี้!”
“เสี่ยวยี่ เจ้ารู้สึกโอเคใช่ไหม” ฉินซานรู้สึกดีใจมากเมื่อเห็นว่าฉินยี่ฟื้นขึ้นมาแล้ว และรีบถามออกมาด้วยความเป็นห่วง “ตอนนี้เจ้ารู้สึกเป็นยังไงบ้าง เจ้ารู้สึกไม่สบายตรงไหนหรือป่าว”
“ไม่ ตอนนี้ข้ารู้สึกดีขึ้นมากแล้ว” ฉินยี่ส่ายหัวเล็กน้อย ก่อนที่จะพูดออกมา
“เฮ้อ ไม่เป็นไรก็ดีแล้ว! ทีนี้เจ้าสามารถบอกข้าได้หรือไม่ว่าใครเป็นคนทำลายแปลงสมุนไพรของตระกูล” เสียงที่เปี่ยมด้วยความเมตตาของจางไห่ ดังขึ้นมาในเวลาที่เหมาะสม
เขาเกรงว่ายิ่งปล่อยให้เวลาผ่านไปนานเท่าไรสิ่งต่างๆ ก็จะยิ่งเกิดความเปลี่ยนแปลงมากขึ้นเท่านั้น ดังนั้นเขาจึงต้องการรีบจัดการเรื่องนี้ให้เร็วที่สุด
“อะไรนะ?” ฉินยี่รู้สึกประหลาดใจมาก “ข้า... ข้าไปทำลายแปลงดอกโคลเวอร์ตั่งแต่เมื่อไหร อย่ามาพูดเรื่องไร้สาระนะ!”
ฉินยี่พูดออกมาด้วยน้ำเสียงเศร้าโศกและน้ำตาคลอเบ้า “ตื่นเช้ามาข้าก็ไปเก็บกรงปลาตอนเช้าจู่ๆ ข้าก็หมดสติไปอย่างกะทันหัน และข้าก็กลับมารู้สึกตัวอีกครั้งเมื่อตอนที่ข้าได้ยินเสียงของพวกเจ้าเดินเข้ามา!”
"ข้าไม่ได้เป้นคนทำอย่างแน่นอน!"
ฉินยี่ตะโกนขึ้นมา เพื่อทวงความยุติธรรมให้กับตัวเอง
เมื่อได้ยินสิ่งที่ฉินยี่พูด ผู้คนรอบข้างก็รู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย
ไม่ใช่เขาอย่างนั้นเหรอ?
แล้วเป็นใครกัน?
“ดูจากสีหน้าของเขาแล้ว ดูเหมือนว่าเขาจะพูดเรื่องจริงใช่ไหม?”
“ข้าเองก็บอกเจ้าไม่ได้เช่นกันว่าสิ่งที่เด็กคนนี้พูดออกมาเป็นเรื่องจริงหรือไม่?”
"แล้วเจ้าล่ะ เชื่อไหม?
..................
ชายชราโบกมือเพื่อหยุดเสียงของคนที่กำลังพูดคุยอยู่แถวนั้น ก่อนที่จะถามคำถามออกมา "ฉินยี่ เจ้าบอกว่าเจ้าถูกตีจนสลบไปอย่างนั้นเหรอ แล้วเจ้ารู้หรือไม่ว่าใครเป็นคนตีเจ้า?"
“ข้าไม่รู้เหมือนกันว่าเป็นใคร เพราะว่าไม่มีใครอยู่ที่นั่นเลยในตอนนั้น พอข้าเดินมาถึงแปลงสมุนไพร สติของข้าก็ก็มืดลงทันที แล้วข้าก็ไม่รู้เรื่องอะไรอีกเลย” ฉินยี่ครุ่นคิดอยู่สักพักหนึ่งก่อนที่จะเล่าทุกอย่างออกมา และไม่ได้เอ่ยชื่อของจางไห่ออกมาเลย
เพราะว่าตอนนี้เขาไม่มีหลักฐาน และถึงแม้ว่าเขาจะพูดทุกอย่างออกมา มันก็ไม่มีประโยชน์อะไร แต่กลับให้ผลตรงกันข้าม มันจะทำให้ผู้คนรู้สึกว่าเป็นตัวของเขาเองที่เป็นคนทำลายแปลงสมุนไพร และจงใจใส่ร้ายจางไห่
จางไห่ที่ยืนอยู่ในฝูงชนเหงื่อแตกพลั่กออกมาทันที และรีบถามออกมา "เจ้าบอกว่าไม่ใช่เจ้าอย่างนั้นเหรอ เจ้ามีหลักฐานอะไรมายืนยันหรือไม่ นอกจากนี้เจ้าเองก็ไม่ค่อยมาที่นี่ ทำไมวันนี้เจ้าถึงมาที่นี่ เจ้ามาที่นี่เพื่อทำอะไรกัน?"
“ใช่แล้ว มันเป็นเรื่องบังเอิญอย่างนั้นเหรอ?”
“แปลงสมุนไพรนี้ไม่ได้อยู่ติดแม่น้ำใช่ไหม?”
"ข้าไม่คิดว่ามันจะง่ายขนาดนั้น!"
"เจ้ากำลังบอกว่าไม่มีใครอยู่ที่นั่นในเวลานั้น แล้วใครเป็นคนทำร้ายเจ้า?"
"ในเมื่อมีเพียงแค่เจ้าคนเดียวที่อยู่ที่นั้น?"
"เจ้ากำลังหมายถึง... หืมมม..."
คำพูดของฉินยี่และจางไห่ ทำให้ผู้คนที่ยืนอยู่รอบข้างมีความคิดที่แตกต่างไปจากเดิม แม้แต่แววตาของจางไห่ เองก็เปลี่ยนแปลงไปเช่นกัน
“พอได้แล้ว จางไห่! ให้ฉินยี่พูดต่อไป!” ชายชราจางซานเย่ จ้องมองไปยังจางไห่!
“ถ้าพวกท่านไม่เชื่อข้า พวกท่านก็มาดูที่ด้านหลังศีรษะของข้าสิ มันยังบวมอยู่เลย!” ฉินยี่พูดออกมาด้วยท่าทางที่ดูวิตกกังวลเล็กน้อย หลังจากนั้นเขาก็หันหลัง เผยให้เห็นด้านหลังศีรษะของเขา และไม่นานพวกเขาทุกคนก็มองเห็นรอยบวมเล็กน้อยที่ปรากฏอยู่ด้านหลังหัวของฉินยี่
"จริงหรือ!"
“หรือว่าเด็กคนนี้ไม่ได้โกหก!”
“ดูเหมือนว่าข้าจะเข้าใจผิดไปจริงๆ!”
“แล้วเป็นใครล่ะ!”
เมื่อฉินซานเห็นคนที่อยู่รอบข้าง มีท่าทางที่เปลี่ยนแปลงไป ดวงตาของเขาก็เต็มไปด้วยความโกรธ
จางไห่เริ่มรู้สึกกลัวเล็กน้อย
เขาเช็ดเหงื่อที่ไหลออกมาเต็มหน้าผาก ริมฝีปากของเขาสั่นระริก ดวงตาของเขากลอกไปมา ดูเหมือนว่าเขาจะจับฟางเส้นสุดท้ายเอาไว้ได้ "บางทีเจ้าอาจจะล้มลงไปเอง? นอกจากนี้เจ้าเองก็เป็นคนเดียวที่อยู่ที่นี่ ถ้าไม่ใช่เจ้า แล้วจะเป็นใครไปได้อีก?"
"แต่ว่าข้าคิดว่ามันไม่ได้เป็นอะไร?" เสียงของฉินยี่ดังขึ้น
“อะไรนะ มันไม่ได้เป็นอะไรอย่างนั้นเหรอ?”
จางไห่ตะโกนขึ้นอย่างกะทันหัน
หลังจากนั้นเขาก็มองเห็นดอกโคลเวอร์ระดับ 1 ที่เติบโตเต็มที่อยู่ในมือของฉินยี่โดยไม่ได้ตั้งใจ มันจะเป็นไปได้อย่างไร?
จางไห่รีบเดินเข้าไปหาฉินยี่และฉินซาน จากนั้นก็หยิบดอกโคลเวอร์ระดับ 1 ที่อยู่ในมือของฉินยี่มาดู
สมุนไพรไม่ได้รับความเสียหายเลยแม้แต่น้อย และมีผลน้ำค้างสุกอยู่บนต้น
จางไห่ขยี้ตาราวกับว่าเขาไม่เชื่อในสิ่งที่เขาเห็น
ชาวบ้านที่มายืนดูต่างก็มองเห็น ดอกโคลเวอร์ระดับ 1 ที่โตเต็มที่ถูกจางไห่คว้าไป พวกเขาก็รู้สึกโกรธทันที
“เฮ้ จางไห่ นายกำลังหาเรื่องอยู่อย่างนั้นเหรอ?”
“ปลุกพวกเราตั้งแต่เช้า แล้วแกล้งพวกเราใช่ไหม?”
“จางไห่ เจ้าเห็นว่าพวกเราเป็นคนโง่ ตาบอด ถึงมองไม่ออกว่ามันเสียหายหรือเปล่า”
“ข้า ไม่นี่มันเป็นไปไม่ได้!” จางไห่บ่นพึมพำกับตัวเอง ดวงตาของเขาสั่นไหว
“ข้าทำผิดอย่างนั้นเหรอ?”
“อืม... เมื่อทุกอย่างเป็นปกติแล้ว พวกเราแยกย้ายไปได้แล้ว!” หลังจากที่ผู้อาวุโสจางซานเย่พูดจบ ทุกคนในหมู่บ้านก็ฟังคำพูดของเขา และพากันแยกย้ายกันกลับไปยังบ้านของพวกเขา
แต่ก่อนที่พวกเขาจะกลับไป พวกเขาทั้งหมดต่างก็พากันจ้องมองไปที่จางไห่ด้วยสายตาแปลกๆ
ในตอนเช้าตรู่ เจ้ากลับมารบกวนเวลานอนของพวกเรา ใส่ร้ายเด็กที่ใสซื่อบริสุทธิ์ คนประเภทนี้เป็นอันตรายจริงๆ
“เสี่ยวยี่ จางไห่ทำผิดต่อเจ้าในวันนี้ ตระกูลจะจ่ายค่าชดเชยให้กับเจ้า ในเมื่อไม่มีอะไรเกิดขึ้นแล้ว แยกย้ายกันไปได้แล้ว”
จางซานเย่ กำลังจ้องมองฉินยี่ ซึ่งกำลังรู้สึกมึนงงอยู่ในขณะนี้
“ผู้อาวุโส จะไม่เป็นอะไรใช่ไหม ฉินยี่ถูกทำร้ายจนหมดสติแต่กลับไม่มีใครออกมารับผิดชอบ?” ฉินซานยังคงโกรธอยู่เล็กน้อย ถึงแม้ว่าเรื่องนี้จะได้รับการแก้ไขแล้ว แต่เรื่องของฉินยี่มันยังไม่จบ!
“เจ้าไม่ได้บอกเหรอว่าเจ้าต้องการให้ฉินยี่ เข้าร่วมทีมฝึกอบรมเยาวชน? ข้าเห็นด้วย ตระกูลอื่นๆก็จะสนับสนุนพวกเจ้าทั้งสองคนด้วยเหรียญหยวนคุณภาพต่ำคนละ 10 เหรียญ ส่วนจางไห่ก็จะชดเชยให้กับฉินยี่อีก 10 เหรียญ พวกเจ้าทั้งสองตกลงหรือไม่?” จางซานเย่ครุ่นคิดอยู่สักพักก่อนที่จะพูดออกมา
เขาเห็นว่าคราวนี้เป็นไอ้สารเลวจางไห่ที่เป็นคนก่อเรื่อง ถ้าเขาไม่ได้ชดเชยอย่างเหมาะสม ชาวบ้านก็จะติฉินนินทา
นี้คือเหตุผลที่เขาเสนอเงินชดเชยให้แก่ฉินยี่และฉินซาน
จางไห่และฉินยี่กำลังแข่งขันกันเพื่อเข้าไปยังทีมฝึกฝนเยาวชน เพราะว่าทั้งสองต่างก็อยู่ในวัยที่จะสามารถฝึกฝนศิลปะการต่อสู้ได้แล้ว และการมอบเหรียญหยวนคุณภาพต่ำให้กับพวกเขา 20 เหรียญก็ถือว่าเหมาะสมมากแล้ว
“เรื่องนี้…” ฉินซานลังเล หันไปมองหน้าฉินยี่ และพร้อมที่จะปฏิเสธข้อเสนอนี้
นี่คือการชดเชยให้กับเสี่ยวยี่ มันไม่เกี่ยวอะไรกับเขาเลย และเขาเองก็ไม่ต้องการของที่ไม่ใช่ของเขา!
แต่ก่อนที่เขาจะทันพูดได้พูดออกไปฉินยี่ ก็ดึงแขนเสื้อของเขา พยักหน้า และตกลงรับข้อเสนออของอีกฝ่าย
“ท่านปู่ ข้าไม่เห็นด้วย! ท่านไม่ได้บอกว่าตำแหน่งในทีมฝึกฝนเยาวชนเป็นของข้าอย่างนั้นเหรอ ทำไม...” จางไห่ที่ดูหดหู่ กลับมีชีวิตชีวาขึ้นมาทันใดและพูดขัดค้านขึ้นมาอย่างรวดเร็ว
การมอบเงินให้กับฉินยี่นั้นไม่ใช่ปัญหาแต่อย่างใด แต่ว่าตำแหน่งของทีมฝึกฝนเยาวชนในมณฑลนั้นมีค่ามาก ตอนแรกตำแหน่งนี้ได้ตกเป็นของเขาแล้ว แต่ว่าตอนนี้มันกำลังจะหลุดมือไป
“เงียบปากไปซะ! หลังจากกลับบ้านวันนี้ เจ้ากลับไปนั่งคิดทบทวนให้ดี!” ใบหน้าของจางซานเย่เริ่มมืดมน
ถ้าไม่มีไอ้โง่คนนี้ เขาก็ไม่จำเป็นต้องสูญเสียสิ่งเหล่านี้ไป
ฉินซานรู้สึกสับสนเล็กน้อย แต่เมื่อเขามองเห็นสายตาของฉินยี่ เขาก็ตอบตกลงทันที "ถ้าอย่างนั้น ข้าก็ขอบคุณท่านมากที่ยกตำแหน่งนี้ให้กับฉินยี่!"