ตอนที่แล้วบทที่ 12 เข้าเฝ้าท่านตา
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 14 หยกของข้า...ข้ามอบให้นาง

บทที่ 13 ตรวจค้นในจวน


เช้าวันรุ่งขึ้น ซูเล่ออวิ๋นไปเรียนที่สำนักครอบครัวตามปกติ ทันที่นางนั่งลงและยังไม่ทันได้วางอุปกรณ์การเรียน หลี่รุ่ยก็เดินตรงมาด้วยท่าทางที่โมโห

ซูเล่อหยุนอวิ๋นสนใจเพียงบนโต๊ะ และเริ่มฝนหมึกอย่างตั้งใจ โดยไม่ชายตามองหลี่รุ่ยแม้แต่น้อย

ซูหว่านเอ๋อร์ยืนมองเหตุการณ์ด้วยความสนใจ นางยกริมฝีปากแล้วยิ้มบางเบา เหล่าญาติพี่น้องที่เรียนร่วมกันต่างกระซิบกระซาบและมองไปมาระหว่างทั้งสองคน

เมื่อบุตรสาวที่แท้จริงกลับมา สาวงามที่หลี่รุ่ยหมั่นหมาย ก็กลับกลายเป็นเพียงสาวชนบท

ไม่รู้ว่าวันนี้จะมีเรื่องวุ่นวายอะไรเกิดขึ้นบ้าง

หลี่รุ่ยนิ่งเงียบไปครู่หนึ่ง จนรู้สึกทนไม่ไหวจึงพูดออกมาอย่างเต็มไปด้วยความดูหมิ่น

“ซูเล่ออวิ๋น วันนี้ข้าจะบอกให้เจ้ารู้ ข้าไม่มีทางแต่งงานกับเจ้า!”

นิ้วมือขาวเนียนของซูเล่ออวิ๋นบดหมึกต่อไป นางยังคงตั้งใจทำหน้าที่ของตนเองโดยไม่แม้แต่จะเงยหน้าขึ้น น้ำเสียงของนางเรียบเฉยและไม่สนใจคำพูดของเขา

“เชิญตามสบาย”

หลี่รุ่ยโมโหจนหน้าขึ้นสีแดงจัด รู้สึกเหมือนต่อยไปในอากาศ มันไม่ถูกเลยที่เธอจะยังคงสงบนิ่งเช่นนี้

“เจ้าใช้แผนทำเป็นไม่สนใจข้า มันไม่ได้ผลหรอกซูเล่ออวิ๋น! ต่อให้เจ้าเป็นบุตรสาวที่แท้จริงของตระกูล แต่หากพูดถึงความสามารถและความงาม เจ้าไม่มีทางเทียบได้กับซูหว่านเอ๋อร์! ข้าหลี่รุ่ยจะมีเพียงซูหว่านเอ๋อร์เป็นภรรยาเพียงคนเดียวในชาตินี้!”

“หลี่กงจื่อต้องการแต่งงานกับใครก็เป็นเรื่องของท่าน ไม่เกี่ยวกับข้า”

ซูเล่ออวิ๋นวางแท่งหมึกลง เงยหน้ามองหลี่รุ่ยด้วยสายตาเย็นชาและปราศจากความโกรธ นางอดสงสัยไม่ได้ว่าชาติก่อนนางไปชอบคนที่หยิ่งยโสและโง่เขลาเช่นนี้ได้อย่างไร

หลี่รุ่ยเคยพูดประโยคเดียวกันนี้กับนางในชาติก่อน ตอนนั้นนางรู้สึกเหมือนโลกถล่ม ทิ้งตัวลงไปในผ้าห่มร้องไห้ไม่กินไม่ดื่มอยู่สามวันเต็ม

แต่ตอนนี้เมื่อได้ยินอีกครั้ง หัวใจของนางกลับไม่รู้สึกอะไรเลย

เมื่อเห็นนางไม่สนใจ หลี่รุ่ยก็ยิ่งโกรธ เสียงของเขาเพิ่มความดังขึ้นอีก

“หากเจ้ายังต้องการรักษาหน้าตาของตระกูล เจ้าเลิกคิดแผนร้ายๆ แล้วหยุดตามติดข้าเสียที!”

ซูเล่ออวิ๋นถอนหายใจ นางเอนตัวพิงฝ่ามือของนางแล้วมองไปทางหลี่รุ่ยอย่างเงียบๆ ริมฝีปากของนางเผยคำพูดเบาๆ

“หลี่กงจื่อ ตอนนี้ถ้าว่ากันจริงๆแล้ว ใครกันแน่ที่กำลังตามตื๊อไม่เลิก?”

เสียงหัวเราะเบาๆ ดังขึ้นจากรอบข้าง เสียงกระซิบของผู้คน แทรกซึมเข้าหูของหลี่รุ่ย ทำให้เขายิ่งโกรธและอับอาย

“คนอื่นเขานั่งอยู่ดีๆ แต่ท่านกลับเดินเข้ามาพูดเอง”

“นางบอกว่าไม่สนใจแล้ว ท่านก็ยังไม่ยอม ถ้าท่านหวังว่านางจะสนใจ ท่านคงฝันไป”

ใบหน้าของหลี่รุ่ยแดงก่ำ เขามองซูเล่ออวิ๋นด้วยความโกรธ แล้วพูดด้วยน้ำเสียงเต็มไปด้วยความโกรธว่า

“เจ้าจำคำพูดของเจ้าวันนี้ไว้ให้ดี!” แล้วเดินกลับไปยังที่นั่งของตน

เมื่อซูหว่านเอ๋อร์ได้ยินหลี่รุ่ยพูดถึงชื่อของนาง นางก็เปลี่ยนสีหน้า นางกำผ้าเช็ดหน้าแน่นด้วยความโกรธ หากเรื่องนี้แพร่สะพัดออกไป นางจะทำเช่นไร

สายตาเยือกเย็น แฝงความสงสัยของนางจ้องมองไปที่ซูเล่ออวิ๋น ทำไมเด็กสาวจากชนบทนี้ไม่สนใจหลี่รุ่ยเลยจริงๆ หรือว่านางมีแผนอะไรบางอย่าง?

หลังจากเลิกเรียน หลี่รุ่ยก็เดินตามซูหว่านเอ๋อร์อย่างอายๆ ซูเล่ออวิ๋นไม่สนใจพวกเขาและกลับไปยังจวนของตัวเอง

นางยังไม่ได้ทันเข้าไป ก็เกิดเสียงโต้เถียงก็ดังขึ้น

“ที่นี่เป็นสวนของบุตรสาวคนโตของตระกูล จะค้นโดยไม่มีหลักฐานไม่ได้!”

“แม่นางหลิ่วเป็นคนสั่ง เจ้าเป็นแค่ข้ารับใช้กล้ามาขวางทำไม!”

จางมาม่ายืนขวางประตูของเรือน พยายามหยุดแม่นางหลิ่วและสาวใช้จากการเข้าไปข้างใน

ซูเล่ออวิ๋นเยาะเย้ยและปรากฏสายตาเย็นชา นางรู้อยู่แล้วว่าครอบครัวนี้ไม่ยอมให้นางมีความสุข

“แม่นางหลิ่ว เจ้าพาคนมาทำอะไรกันที่นี่?”

ซูเล่ออวิ๋นเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงแข็งกร้าว และเดินมาที่จางมาม่า สายตาของนางเย็นชาไม่แพ้หญิงสาวสูงศักดิ์ในเมืองหลวง

แม่นางหลิ่วเงยหน้ามองเธอ ก่อนจะลดระดับเสียงลงสามส่วน แต่ยังคงพยายามทำเสียงเข้ม

“กำไลหยกของท่านหญิงซูหายไป ท่านหญิงสั่งให้ข้ามาหา”

“อ้อ? มองทั่วไปหรือเจาะจงจะมาหาที่นี่โดยเฉพาะ?”

ซูเล่ออวิ๋นพูดด้วยน้ำเสียงที่แฝงความเยาะเย้ย เปิดเผยเจตนาของแม่นางหลิ่วอย่างตรงไปตรงมา

แม่นางหลิ่วหน้าแดงกร่ำ “ขอคุณหนูอย่าทำให้ข้าลำบาก ท่านหญิงรักกำไลนั้นมาก ถ้าหายไปจริงๆ ท่าหญิงจะเศร้าเสียใจเป็นอย่างมาก”

ซูเล่ออวิ๋นเย้ยหยัน ใช้ท่านย่ามากดดันเธอ

“ถ้าสิ่งนั้นสำคัญนัก เจ้าก็ไปหามันเถอะ เจ้าว่าจะหาเมื่อไหร่”

นางหันไปบอกชุนสิงให้ไปหาผู้ดูแลจวนและหาคนมาช่วยค้นหา

ชุนสิงได้รับคำสั่ง สายตาของนางเต็มไปด้วยความดีใจและวิ่งออกไปอย่างรวดเร็ว

“คุณหนูอวิ๋นไม่ต้องลำบาก เราหาเสร็จแล้วก็จะไป”

ทันใดนั้นจางมาม่าก็ก้าวเข้ามา “หยุดนะ! ใครอนุญาตให้พวกเจ้าค้นสวนของบุตรสาวคนโต”

เสียงของซุนเจียหรูดังขึ้นพร้อมด้วยความโกรธ ขณะที่เธอเดินเข้ามาและยืนปกป้องซูเล่ออวิ๋น

“แม่นางหลิ่ว เจ้าเป็นคนเก่าในบ้านนี้ทำไมถึงไม่รู้จักหนักเบา ข้าวของหายไปแล้วเจ้าก็จะค้นจวนของคุณหนู ถ้าพรุ่งนี้มีเรื่องเสียชื่อเสียง

เกี่ยวกับคุณหนู เจ้าเตรียมรับผิดชอบได้เลย!” น้ำเสียงของซุนเจียหรูสั่นระริกด้วยความโกรธที่สะท้อนให้เห็นถึงความไม่พอใจจริงจัง

“เจ้าว่าข้าผิดด้วยหรือ?” ซูเหลาไท่ฟูเหรินเดินออกมาจากระเบียงพร้อมกับซูหว่านเอ๋อร์ สีหน้าของเธอเคร่งขรึม

ซูหว่านเอ๋อร์ยืนด้วยท่าทางนอบน้อม แต่ในมุมที่คนอื่นมองไม่เห็น ริมฝีปากของเธอยิ้มแย้ม

“ลูกสะใภ้ไม่กล้า”

ซุนเจียหรูก้มลงทำความเคารพ ก่อนจะจับมือของซูเล่ออวิ๋นไว้เพื่อปลอบโยน

“แม่อยู่ตรงนี้ จะไม่ให้ใครมาทำลายชื่อเสียงของเจ้าได้”

ซูเล่ออวิ๋นยิ้มเบาๆ เพื่อแสดงให้แม่เห็นว่าเธอไม่เป็นไร

ซุนเจียหรูสูดหายใจลึก ก่อนจะพูดขึ้นอย่างช้าๆ

“ลูกสะใภ้ไม่กล้าขัดท่าน แต่ถ้าจะค้นหาของที่หายเฉพาะในจวนของบุตรสาวข้า เกรงว่าจะกระทบชื่อเสียงของเธอ”

ชื่อเสียงของหญิงสาวเป็นสิ่งสำคัญที่สุด ถ้าวันนี้พวกเขาอนุญาตให้ค้น ไม่ว่าจะเจออะไรหรือไม่ ชื่อเสียงของซูเล่ออวิ๋นก็จะเสียหายอยู่ดี

ซูเหลาไท่ฟูเหรินขมวดคิ้ว คิดอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนที่ซูหว่านเอ๋อร์จะพูดแทรกขึ้นมาอย่างระมัดระวัง

“ท่านแม่ ท่านย่าเพียงแค่ห่วงใยพี่สาว กลัวว่าเด็กรับใช้ในจวนจะไม่ซื่อสัตย์ จะไม่ทำลายชื่อเสียงของพี่สาวหรอกค่ะ”

ในบ้านนี้ทุกอย่างราบรื่น ไม่เคยมีของหาย เด็กในจวนของซูเล่ออวิ๋นเป็นคนของบ้านนี้ นี่มันเป็นการกล่าวหาว่าคนที่มาจากตระกูลท่านแม่ว่าเป็นพวกไม่ซื่อสัตย์

“แม่เด็กสองคนนั้น...”

ซูเล่ออวิ๋นจับเสื้อของซุนเจียหรูให้หยุดพูด การพูดถึงตระกูลท่านแม่ในตอนนี้จะไม่ช่วยอะไร และอาจทำให้ความขัดแย้งระหว่างสองตระกูลเพิ่มขึ้น

“จวนของหลาน ท่านย่าสามารถค้นได้ แต่ถ้าไม่เจอกำไลล่ะ?”

5 1 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด