บทที่ 12 ขโมยเหล็ก
บทที่ 12 ขโมยเหล็ก
ในช่วงสองสามวันที่ผ่านมาอันเงียบสงบก่อนเกิดพายุ
หลี่ชิงมุ่งสู่สมาธิทั้งหมดไปกับการฝึกวิชาพยัคฆ์ดุ
ในกองทัพมีอาหารเพียงพอ และอู๋อ้วนยังทำอาหารพิเศษให้ทุกวัน ทำให้เขากินอิ่มได้อย่างเต็มที่
เรื่องนี้อู๋อ้วนเคยบ่นว่ามีอะไรที่อยากจะกินมากกว่าที่เขาทำอยู่ และรู้สึกเหมือนมีคนอื่นมาแย่งกินไปซะทุกอย่าง
หลี่ชิงได้แต่ยิ้มแห้งๆ เขาไม่สามารถอธิบายให้กับอู๋อ้วนฟังได้ว่าเขากำลังฝึกวิชายุทธ์ในโลกแห่งรัตติกาลที่ทำให้เขารู้สึกหิวมากขึ้น
อร่างไรก็ตาม การที่หลี่ชิงกินอาหารมากขึ้น มันทำให้หลี่ชิงมีความแข็งแรงและพละกำลังที่มากขึ้นตามไปด้วย
ในที่สุดหลี่ชิงได้สัมผัสถึงก้าวแรกของวิชาพยัคฆ์ดุแล้ว อีกไม่นานเขาก็จะฝึกขึ้นเริ่มต้นสำเร็จ
พายุกำลังมา ในบ่ายวันที่อากาศร้อนจัด หลังจากที่หลี่ชิงฝึกฝนร่างกายจนเหงื่อออกเต็มตัว เขาได้ยินเสียงเคลื่อนไหวเบาๆนอกกระโจมของเขา คล้ายกับเสียงฝีเท้าเข้ามาใกล้
หลี่ชิงหยุดการฝึกวิชาของเขา และเอาผ้าขี้ริ้วที่ใช้เช็ดเหล็กเป็นประจำมาคลุมไหล่ ทำท่าเหมือนเพิ่งทำงานเสร็จ
เขามีเหงื่อออกเต็มตัว ร่างกายร้อนผ่าวจากความร้อนที่ลอยมาจากเตาไฟ ดูเหมือนจะไม่ใช่เรื่องที่เสแสร้งแกล้งทำ
“เอ้อร์หนิวอยู่ที่นี่เหรอ?” เสียงดังมาจากนอกกระโจม
หลี่ชิงที่มักไม่ค่อยมีปฏิสัมพันธ์กับคนอื่นในค่าย เขาไม่รู้ว่าเสียงนั้นเป็นใคร แต่เขาก็รีบลุกขึ้นไปข้างนอกและเปิดม่านออกไปดู
ข้างนอกมีชายสวมเกราะคนหนึ่ง มีหนวดเล็กๆ เหนือริมฝีปาก บุคลิกดูไม่สมกับชุดเกราะสง่างามที่เขาได้สวมอยู่
"ท่านคือ...นายทหารหลี่กุ่ยหรือ? ไม่ทราบว่าท่านมีธุระอะไรกับข้า?" หลี่ชิงจำหน้าหลี่กุ่ยได้
หลี่กุ่ยเป็นนายทหารที่ดูแลคลังเสบียงของกองทัพ แม้จะแซ่เดียวกัน แต่หลี่ชิงแทบไม่เคยมีปฏิสัมพันธ์กับเขาเลย
"ใช่ ข้าเอง ข้าอยากรู้ว่า หอกยาวของนายกองร้อยเฉินเหมิง เจ้าเป็นคนตีเองใช่หรือไม่?" หลี่กุ่ยถาม
หลี่ชิงทำหน้าใสซื่อ กะพริบตาแล้วตอบ "ใช่ขอรับ ข้าน้อยตีเอง มีปัญหาอะไรหรือเปล่าขอรับ?"
เมื่อเขาเห็นหลี่ชิงยอมรับ หลี่กุ่ยก็หัวเราะ "ฮ่าๆๆ ดี ดูท่าจะได้รับการถ่ายทอดวิชาจากอาจารย์กู่จริงๆสินะ!"
จากนั้นเขาก็เปลี่ยนเรื่องและกระซิบว่า "ที่ข้ามาหาเจ้าครั้งนี้ อยากให้เจ้าตีขวานผ่าภูเขาให้ข้าสักอัน ต้องหนัก อย่างน้อย 200 ชั่งขึ้นไป!"
พอได้ยินแบบนั้น สีหน้าหลี่ชิงก็เปลี่ยนไปเล็กน้อย เขาพูดอย่างลำบากใจว่า "ข้าน้อยจำได้ว่าชุดเกราะของท่าน ก็เป็นฝีมืออาจารย์ข้าน้อยที่สร้างให้ท่านไปเมื่อต้นปี..."
ความจริงแล้วในค่ายทหาร ไม่ว่าจะเป็นนายกองร้อยหรือนายกองพัน ก็ไม่สามารถขอสร้างอาวุธหลายๆ ชิ้นได้ เพราะแร่เหล็กที่ขุดได้แต่ละปีก็มีจำกัด
ท่านหลี่กุ่ย ต้นปีก็ได้ตีชุดเกราะไปแล้ว ถ้าจะขอแร่เหล็กอีก 200 กว่าชั่งมาตีขวานผ่าภูเขา ก็คงไม่ถูกกฏระเบียบ
กองทัพอู่ลี่เป็นกองทัพที่ผู้ใช้วิชายุทธ์รวมตัวกัน ต่างจากกองทัพอื่นที่ใช้อาวุธ
มาตรฐาน แม่ทัพนายกองหลายคนล้วนเป็นนักยุทธ์ฝีมือสูง จึงไม่อาจให้พวกเขาใช้อาวุธธรรมดาได้
ช่างตีเหล็กประจำกองทัพอย่างหลี่ชิง ก็มีไว้เพื่อตอบสนองความต้องการของเหล่านักยุทธ์เหล่านี้
หลี่กุ่ยยิ้มน้อยๆ พยักหน้า แล้วพูดว่า "พูดแบบนั้นก็ถูก แต่เร็วๆนี้ เหมืองก็ขุดแร่เหล็กใหม่ได้อีกมากมาย หลอมเป็นแท่งเหล็กส่งมาแล้วไม่ใช่หรือ?"
"ข้ามีแท่งเหล็กอยู่ร้อยกว่าชั่ง ของเจ้าก็น่าจะมีเกินๆ อยู่บ้าง ช่วยหาทางจัดการให้ข้าหน่อย ถือว่าเบิกล่วงหน้าของปีหน้าก็แล้วกัน"
น้ำเสียงของเขาฟังดูเป็นมิตร ทำให้รู้สึกสนิทสนม
แต่หลี่ชิงไม่ใช่คนโง่จริงๆ เหงื่อเริ่มผุดที่หน้าผากเขาแล้ว
ในอาณาจักรเฟิง การลักลอบใช้เกลือหรือเหล็กโดยพลการ เป็นความผิดร้ายแรง
นายทหารหลี่คนนี้กล้าพูดต่อหน้าเขาว่าเอาแท่งเหล็กมาร้อยกว่าชั่ง แล้วยังจะให้เขาช่วยหาส่วนที่เหลือมาตีขวานผ่าภูเขาหนักกว่า 200 ชั่ง
ถ้าเรื่องนี้รั่วไหลออกไป เป็นโทษประหารชีวิตแน่!
"ท่านขอรับ ไม่ค่อยดีนักนะขอรับ"
หลี่กุ่ยยังคงยิ้ม ตบไหล่หลี่ชิงแล้วพูดว่า "ฮ่าๆๆ เอ้อร์หนิว เจ้าต้องรู้จักปรับตัวบ้างสิ โลกทุกวันนี้ไม่อาจจะเข้มงวดขนาดนั้นได้!"
"แค่แท่งเหล็กไม่ถึงร้อยชั่ง ไม่มีใครรู้หรอก ถ้าจำเป็นจริงๆ ก็โยนความผิดให้อาจารย์ที่ตายไปแล้วของเจ้าก็ได้ไม่ใช่หรือ?"
พูดจบ หลี่กุ่ยก็หยิบเงินก้อนออกมาจากอก ดูคร่าวๆ น่าจะมีห้าหกต้าลึง
"รับไป เจ้าอยู่กองทัพชายแดนมานานคงเหนื่อยแล้ว เอาไปใช้สบายๆ ในเมืองหวังเหยียน"
รับสินบนเป็นความผิดเพิ่มขึ้นอีกข้อ หลี่ชิงรับเงินมาพลางนึกในใจ
เฮ้อ! ช่างเถอะ
เขาถอนหายใจในใจ สุดท้ายก็ไม่ได้ปฏิเสธ
"ฮ่าๆๆ ดีมาก เดี๋ยวข้าจะส่งแท่งเหล็กมาให้" หลี่กุ่ยเห็นหลี่ชิงไม่ปฏิเสธ ก็ยิ้มพอใจมากขึ้น
มองส่งนายทหารจากไป สีหน้าซื่อๆ ของหลี่ชิงก็จางหายไป เปลี่ยนเป็นสีหน้าเรียบเฉย
เขาไม่ค่อยกังวลเรื่องแท่งเหล็กที่ขาดไป ปกติแล้วทหารชายแดนแทบไม่มีใครตรวจสอบเรื่องพวกนี้
แม้จะมีการตรวจสอบกะทันหัน เขาก็รับรองได้ว่าโรงของเขาจะสะอาดแน่นอน ไม่มีข้อผิดพลาด
ในโลกแห่งรัตติกาล การหาแร่เหล็กเป็นเรื่องง่าย หลายปีมานี้แค่ตีเครื่องมือเกษตรให้ตระกูลเหยียน เขาก็เก็บแท่งเหล็กไว้ไม่น้อย
อีกอย่าง กองทัพชายแดนกำลังจะออกรบ เขาคิดว่าไม่ว่าจะชนะหรือแพ้ ก็จะฉวยโอกาสนี้หลบหนี ออกจากกองทัพ
เมื่อถึงเวลามีเงินติดตัว อะไรๆ ก็จะสะดวกขึ้น
อย่างมากก็หาที่สักแห่งไปใช้ชีวิตอย่างสันโดษ อาศัยเวลาในโลกแห่งรัตติกาลที่เร็ว
กว่า 3 เท่า ฝึกวิชายุทธ์จนไร้เทียมทานแล้วค่อยออกมา ตอนนั้นใครจะทำอะไรข้าได้?
แน่นอนว่าทั้งหมดนี้ขึ้นอยู่กับว่าข้าจะมีอาหารเพียงพอสำหรับการอยู่รอดหรือไม่
ตั้งแต่เริ่มฝึกวิชายุทธ์ การที่กินจุขึ้น ทำให้หลี่ชิงเองก็ตกใจ สงสัยว่าหลังออกจากกองทัพแล้ว ตัวเองจะเลี้ยงตัวเองรอดหรือไม่
"พูดถึง ข้าก็ควรตีอาวุธสักชิ้นติดตัวไว้แล้ว" หลี่ชิงพูดกับตัวเอง
อาวุธสำหรับต่อสู้ในคัมภีร์ค้อนโบราณ ไม่อาจใช้ค้อนตีเหล็กได้ ต้องตีอาวุธที่เหมาะกับตัวเองโดยเฉพาะ
"เฮ้อ วันเวลาที่สงบสุขกำลังจะผ่านไปแล้ว" หลี่ชิงส่ายหน้าพูด
นายทหารหลี่ที่ดูแลคลังเสบียงอยู่ดีๆ จะตีอาวุธ ไม่ใช่เรื่องปกติแน่ๆ
ชัดเจนว่าคนฉลาดคนนี้ก็มองออกถึงสัญญาณสงครามที่กำลังจะเกิดขึ้นที่ชายแดน นี่คือการหาทางเอาตัวรอด
แต่หลี่ชิงกลับแปลกใจกับวิชายุทธ์ของอีกฝ่าย ที่สามารถใช้ขวานผ่าภูเขาหนักกว่า 200 ชั่งได้ แม้แต่อาวุธของนายกองร้อยหลายคนก็ยังไม่หนักขนาดนั้น
สมกับคำพูดที่ว่า คนจนเรียนหนังสือ คนรวยฝึกยุทธ์ การจะก้าวหน้าในวิถียุทธ์ได้ ต้องกินอาหารที่ดีๆ
เห็นได้ชัดว่านายทหารหลี่คนนี้ คงกินเศษกินเลยไม่น้อย
ขอรับการสนับสนุน โปรดให้คำแนะนำด้วยครับ!
(จบบทที่ 12)