ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 2 : อัพเกรด!

บทที่ 1 : การเดินทาง


"ฟู่ววว!"

ฉินยี่นั่งอยู่บนพื้น ลืมตาขึ้นด้วยความมึนงง และสัมผัสด้านหลังศีรษะของเขา

เขารู้สึกเจ็บนิดหน่อย!

ดูเหมือนว่าหัวของเขาจะบวมเลย!

“หืม... ทำไมข้าถึงได้โชคร้ายเช่นนี้กันนะ!”

ฉินยี่บ่นพึงพำกับตัวเอง

ในช่วงวันหยุดพักผ่อนเสาร์-อาทิตย์ เขานอนอยู่บ้านพักผ่อนและกดสั่งอาหารให้มาส่งที่บ้าน พอเดินออกไปรับอาหารก็ล้มลงหัวฟาดกับพื้นแรง หัวของเขากระแทกไปที่ขอบบันไดจนทำให้เขาหมดสติทันที

“ไม่รู้ว่าเป็นลมไปนานแค่ไหน มันแย่มาก คนตัวใหญ่ล้มลงทำไมถึงไม่มีใครสนใจฉันเลย ไม่รู้ว่ากับข้าของฉันกระจัดกระจายไปหรือเปล่า!”

ฉินยี่พึมพำกับตัวเอง พยายามคว้านหาอาหารของตัวเอง เขามองสำรวจไปรอบๆ

นี่ นี่ข้าอยู่ที่ไหน

ทำไมชุมชนสมัยใหม่ที่ฉันอาศัยอยู่ถึงได้มีสถานที่เก่าแก่เช่นนี้อยู่ได้?

นอกจากนี้ตอนที่เขาหมดสติมันกำลังมืดอยู่เลย แต่ตอนนี้ดูเหมือนว่าท้องฟ้ากำลังจะสว่างแล้ว

เช้าแล้วอย่างนั้นเหรอ?

สมองของฉินยี่ เต็มไปด้วยความสับสนเล็กน้อย เขาวางมือลงบนพื้นโดยไม่รู้ตัว และกำลังจะลุกขึ้นยืน ดูเหมือนว่ามือของเขาจะสัมผัสอะไรบางอย่างจู่ๆ ก็มีข้อความดังขึ้นในหัวของเขา

ชื่อ : ดอกโคลเวอร์ระดับ 1

คำแนะนำ : ปรับสภาพร่างกาย เพิ่มสมรรถภาพของร่างกายได้เล็กน้อย (ได้รับความเสียหาย)

สถานะ : อัพเกรดได้

คะแนนความโกลาหลที่เหลืออยู่ : 0

เมื่อเห็นแผงข้อมูลไม่กี่บรรทัด ฉินยี่ก็มองไปที่สภาพแวดล้อมโดยรอบ และมองเห็นดอกโคลเวอร์ที่เหี่ยวเฉาบนพื้น ดวงตาของเขาก็ปิดลงเล็กน้อย

เป็นไปได้ไหมว่าฉันได้เดินทางข้ามโลกมาแล้ว?

ฉินยี่บีบต้นขาของตัวเอง เขารู้สึกเจ็บปวด และสูดลมหายใจเข้าลึกๆ ดูเหมือนว่าฉันจะเดินทางข้ามโลกมาแล้วจริงๆ!

ฉินยี่เป็นคนที่ประหม่ามาก เขาอยู่ในสังคมมาหลายปีและเห็นอะไรมามากมาย เขาสนุกกับทุกสิ่งที่ควรสนุกและไม่มีอะไรที่เขาปล่อยวางไม่ได้ เนื่องจากพระเจ้าประทานพรให้กับเขาแล้ว เขาก็ควรที่จะออกไปสัมผัสชีวิตที่แตกต่างจากเดิมและสนุกไปกับมัน!

ฉินยี่หัวเราะออกมาเบาๆ เพื่อขจัดอารมณ์แปลกๆ ที่เกิดขึ้นภายในจิตใจของเขา หลังจากนั้นเขาก็มองไปยังหินสี่ก้อนที่กำลังเปล่งแสงระยิบระยับ และสัมผัสมันด้วยความอยากรู้

หลังจากนั้นเขาก็ได้ยินเสียงการแจ้งเตือน

ชื่อ : เหรียญหยวนคุณภาพต่ำ

คำแนะนำ : มีปริมาณพลังปราณบรรจุอยู่ภายในเล็กน้อย ซึ่งสามารถช่วยในการบ่มเพาะได้เล็กน้อย

สถานะ : สามารถดูดซับได้

มอบคะแนนความโกลาหล : 1 คะแนน

คะแนนความโกลาหลที่เหลืออยู่ : 0

ฉินยี่ ? ? ?

เขาหยิบเหรียญหยวนคุณภาพต่ำขึ้นมาอย่างไม่รู้ตัวและต้องการที่จะดูดซับมัน และมองเห็นว่ายังคงมีแสงสีขาวจางๆ บรรจุอยู่ภายใน แสงของมันหรี่ลงทันที และเกิดรอยแตกร้าวขึ้นบนหินวิญญาณ ซึ่งดูเหมือนว่ามันจะแตกสลายได้ทุกเมื่อ

คะแนนความโกลาหลที่เหลืออยู่ : 1 คะแนน

ดวงตาของฉินยี่สว่างขึ้น เขาเอื้อมมือไปที่เหรียญหยวนคุณภาพต่ำที่เหลือ และพูดว่า "ดูดซับ" ภายในใจของเขา ทันใดนั้นเหรียญหยวนคุณภาพต่ำก็เต็มไปด้วยรอยแตกร้าว และในเวลาเดียวกันเขาก็ได้รับคะแนนความโกลาหลอีกครั้ง

มีเหรียญหยวนคุณภาพต่ำทั้งหมดสี่ก้อน ซึ่งถูกจัดเรียงเป็นรูปสี่เหลี่ยมจัตุรัส และดูเหมือนว่าเหรียญหยวนคุณภาพต่ำเหล่านี้จะใช้เพื่อช่วยให้พืชเจริญเติบโต

ฉินยี่กำลังจะยื่นมือของเขาออกไปหยิบเหรียญหยวนคุณภาพต่ำอีกสองก้อนที่เหลือ และก่อนที่เขาจะทันได้เคลื่อนไหว ก็มีเสียงดังขึ้นจากภายนอก

ดูเหมือนว่าฉินยี่ จะได้ยินคนพูดถึงชื่อของเขา

“เจ้าแน่ใจใช่ไหมว่าเซียวอี้มันจะทำสำเร็จ เจ้าเป็นถึงนักสู้ระดับสอง แต่กลับลักพาตัวคนมาไม่ได้?”

“ไอ้สารเลวฉินยี่! มันฉวยโอกาสในตอนที่ข้ากำลังยื่นปัสสาวะ วิ่งเข้ามาก่อเรื่อง และทำลายหญ้าโคลเวอร์!” เสียงแหลมดังขึ้น และดูเหมือนว่าจะมีคนอยู่ข้างหลังของเขาเป็นจำนวนมาก

ฉินยี่รู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย

สถานการณ์เป็นอย่างไรบ้าง?

ดูเหมือนว่าจะมีคนกำลังนินทาข้าอยู่?

ฉินยี่หยุดชะงัก เพราะกลัวว่าจะถูกจับได้ เขาจึงไม่กล้าที่จะดูดซับหินวิญญาณอีกต่อไป และหันหลังเดินไปที่ประตู

และก่อนที่เขาจะเดินไปถึงประตู เขาก็เห็นคนกลุ่มใหญ่กำลังเดินเข้ามาหาเขา ชายหนุ่มที่เดินนำหน้าสวมเสื้อผ้าที่สกปรก ก้าวเดินอย่างรวดเร็ว กัดฟันแน่น และมีสีหน้าของเขาก็เต็มไปด้วยความเกลียดชัง

ข้างๆ ชายหนุ่มมีชายชราเคราสีขาวสวมชุดคลุมสีดำ ซึ่งกำลังขมวดคิ้วแน่น และไม่ได้พูดอะไรออกมาเลย

อีกด้านหนึ่ง เป็นชายวัยกลางคนที่มีใบหน้าเรียบง่าย คิ้วหนา และดวงตากลมโต สวมใส่เสื้อคลุมยาวสีน้ำเงิน ทำให้เขารู้สึกอบอุ่นเล็กน้อย กลุ่มคนเหล่านี้ต่างก็พากันจ้องมองไปยังฉินยี่ ที่จู่ๆ ก็ปรากฏตัวออกมาทำให้ดวงตาของคนกลุ่มนี้เปล่งประกาย และส่ายหัวพร้อมกลับถอนหายใจออก

ด้านหลังมีชายหญิงจำนวนหนึ่งที่สวมใส่ชุดที่ดูแปลกประหลาด

ฉินยี่มองเห็นคนจำนวนมากจ้องมองมาที่เขา ถึงแม้ว่าเขาจะดูประหม่าและยังรู้สึกไม่สบายใจอยู่เล็กน้อยเช่นกัน

"ดูเหมือนว่าข้ากำลังจะเจอเรื่องเดือดร้อนสินะ?"

เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ ฉินยี่ก็รู้สึกปวดหัวอย่างรุนแรงราวกับว่ามันกำลังจะระเบิดออกมา เขาทนความเจ็บปวดนั้นไม่ไหว และกรีดร้องออกมาหลังจากนั้นเขาก็ล้มลงไปนอนกับพื้นทันที

“ฉินยี่ ไอ้สารเลว เจ้าทำลายหญ้าที่ใช้ปรับปรุงร่างกายที่พวกเราปลูกเอาไว้เป็นเวลาห้าปีอย่างนั้นเหรอ เจ้า...”

ชายหนุ่มผู้ดูกำลังจะด่าทอฉินยี่ แต่ก่อนที่เขาจะทันได้ด่าจบ ฉินยี่ก็ล้มลงไปนอนกับพื้น และกรีดร้องออกมา ราวกับว่าเขาได้รับบาดเจ็บสาหัส

จางไห่รู้สึกมึนงงไปชั่วขณะ และถึงขั้นหยุดสิ่งที่เขากำลังจะพูดออกไป

“ข้าแข็งแกร่งขนาดนั้นตั้งแต่เมื่อไร? ข้าสามารถทำร้ายใครด้วยการดุด่าได้อย่างนั้นเหรอ?”

“เสี่ยวยี่ เจ้าเป็นอะไรไป” ชายวัยกลางคนเสื้อคลุมยาวสีน้ำเงินที่ยืนอยู่ข้างๆ เห็นเช่นนี้ สีหน้าของเขาก็เปลี่ยนไปอย่างมาก และรีบวิ่งเข้าไปหาฉินยี่ และช่วยพยุงฉินยี่ให้ลุกขึ้นยืนด้วยความกังวลใจ

ชายวัยกลางคนมองเห็นใบหน้าที่ซีดขาวของฉินยี่ หน้าผากของเขามีเหงื่อออก ฟันของเขาขบแน่น และมีเสียงร้องเจ็บปวดดังอยู่ในลำคอเป็นบางครั้ง มือของเขาเกร็ง เส้นเลือดของเขาเต้นแรง แสดงให้เห็นว่าเขาต้องทนทุกข์ทรมานเพียงใด

“นี่มันเกิดอะไรขึ้น ผู้อาวุโสของตระกูล มาดูทางนี้ซิว่าเกิดอะไรขึ้นกับเสี่ยวยี่ ทำไมจู่ๆ เขาถึงเป็นอย่างนี้ได้กัน”

เมื่อเห็นอาการของฉินยี่แย่ลง ชายวัยกลางคนก็พูดออกมาด้วยน้ำเสียงที่กระอักกระอ่วน และหันหน้ากลับไปมองชายชราเคราสีขาวที่ยืนอยู่ข้างๆ แววตาของเขาเต็มไปด้วยการขอความช่วยเหลือ

“ทำไมจู่ๆ เจ้านั้นถึงล้มลงไปนอนกับพื้นล่ะ”

“เกิดอะไรขึ้น เด็กคนนี้ได้รับบาดเจ็บใช่หรือไม่?”

ผู้คนที่ยืนเฝ้าดูอยู่ข้างๆ ต่างก็ร้องอุทานออกมาด้วยความประหลาดใจ และกระซิบกระซาบกัน

“ฮะ! ดูเหมือนว่าเจ้าฉินยี่คงจะสังเกตเห็นว่าตัวเองกำลังพบเจอกับปัญหา เลยแกล้งทำเป็นป่วยอย่างนั้นสินะ! ฉินซานเจ้าอย่าปล่อยให้เด็กคนนี้หลอกเจ้าได้นะ!” จางไห่ตกตะลึงและตะโกนออกมาทันที

ดูเหมือนว่าฉินยี่จะยังคงสบายดี นั่นหมายความว่าไม่มีอะไรร้ายแรง เด็กคนนี้คงแกล้งทำเป็นไม่สบาย

“เจ้า!” ฉินซานตะโกนออกมาด้วยความโกรธ จากนั้นเขาก็บังคับตัวเองให้สงบลง ตอนนี้ธุรกิจของเซี่ยวอี้เป็นเรื่องสำคัญที่สุด

“ผู้อาวุโส ท่านเห็นอะไรผิดปกติหรือไม่” ฉินซานรีบพูด ในสถานการณ์เช่นนี้ มีเพียงผู้อาวุโสของตระกูลเท่านั้นที่สามารถตัดสินใจได้

“เงียบ... จางไห่! ฉินซาน พวกเจ้าช่วยพยุงเด็กคนนั้นขึ้นมาหน่อย ขอให้ข้าตรวจดูหน่อย!” ชายชราโบกมือให้จางไห่เงียบเสียง จากนั้นก็ย่อตัวลงและยื่นมือออกไปจับที่แขนของฉินยี่ ราวกับว่าเขากำลังจับชีพจร

หลังจากนั้นไม่นาน มือซ้ายของผู้อาวุโสของตระกูลก็ชี้เหมือนดาบ และเลื่อนลงมาบนกระดูกสันหลังของฉินยี่อย่างช้าๆ และปลายนิ้วของเขาดูเหมือนจะเปล่งประกาย

“แปลก!” ผู้อาวุโสของตระกูลค่อยๆ ดึงมือกลับ ลูบเคราของเขาสักครู่หลังจากนั้นก็ส่ายหัว และพูดกับฉินซานที่กำลังจ้องมองมาที่เขาด้วยความคาดหวัง “ข้าได้ตรวจดูชีพจรของเขาแล้ว ดูเหมือนว่าจะไม่มีอะไรผิดปกติ มันแค่…”

“ห๊ะ?” ฉินซานรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อยเมื่อได้ยินเรื่องนี้

แค่อะไร?

แล้วตอนนี้เกิดอะไรขึ้น? เมื่อเขาเห็นอาการของฉินยี่ ดูเหมือนว่าเขาไม่ได้แกล้งทำเลย! เขาสามารถสัมผัสได้ถึงอาการของฉินยี่ที่นอนอยู่ในอ้อมแขนของเขาได้อย่างชัดเจน ร่างกายที่สั่นเทิ้ม และเหงื่อที่ไหลเปียกโชกไปทั่วทั้งตัว หลังจากผ่านไปสักพัก และมันไม่ใช่การแกล้งทำ!

“เป็นอย่างไรบ้าง” ฉินซาน ถามออกมาด้วยดวงตาที่แดงก่ำ

“ฮ่าๆ ข้าขอพูดตรงๆ เลยก็แล้วกันนะ ว่าเด็กคนนี้ต้องแกล้งทำแน่ๆ ขนาดข้ายังไม่เชื่อเลย!” จางไห่หัวเราะออกมาทันทีที่ได้ยินคำพูดของชายชรา เขาเงยหน้าขึ้นและกำลังจะก้าวไปข้างหน้า

เมื่อกลุ่มคนที่มามุงดูได้ยินคำพูดของชายชรา บรรยากาศบริเวณโดยรอบก็เดือดพล่านขึ้นมาทันที

“อะไรนะ เขาแกล้งทำจริงๆ ใช่ไหม? ข้ามักจะเห็นเด็กคนนี้เป็นคนซื่อสัตย์และใจดีมาก”

"รู้จักหน้าตา ไม่รู้จักนิสัยใจคอ ปกติเป็นคนซื่อสัตย์ แต่ใครจะรู้ว่ามีอะไรที่ซ่อนอยู่ภายใต้ตัวตนนั้น"

“เฮ้อ ท้ายที่สุดแล้ว เด็กคนนี้ต่างหากที่ทำให้เกิดหายนะ ข้าหวังว่าเขาจะได้รับการลงโทษไม่รุนแรงเกินไป”

ชายชราส่ายหัว จ้องมองจางไห่ และพูดออกมา "ดูเหมือนว่าเขาจะมีอะไรผิดปกติเกิดขึ้นที่หัวของเขา!"

“อะไรนะ?” ฉินชานรู้สึกประหลาดใจเมื่อได้ยินเช่นนั้น

หัวมีปัญหาอย่างนั้นเหรอ?

แล้วข้าสามารถทำอะไรได้บ้าง?

ข้าสัญญากับท่านลุงแล้วว่าจะดูแลเสี่ยวยี่เป็นอย่างดี ตอนนี้เสี่ยวยี่เป็นแบบนี้แล้ว...

จางไห่หยุดการกระทำของเขาหลังจากได้ยินเรื่องนี้

เขารู้ดีว่าตอนนี้ ฉินยี่อาการหนักมากแค่ไหน เขาจะทุบตีเด็กคนนี้ต่อไปจริงๆอย่างนั้นเหรอ

แต่ว่าแบบนี้มันไม่ถูกต้องใช่ไหม?

แววตาของจางไห่เปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา และรอยยิ้มจางๆ ก็ปรากฏขึ้นที่มุมปากของเขา

งี่เง่า!

“ไม่ว่าเขาจะเป็นคนโง่หรือไม่ก็ตาม สรุปแล้ว เขาได้ลงมือทำลายแปลงสมุนไพร่ที่ตระกูลปลูกเอาไว้แล้ว ถึงอย่างไรก็ต้องลงโทษเขาตามกฎของตระกูล แล้วข้าจะต้องลงโทษเขาอย่างไรดี”

จางไห่ไม่สามารถทำอะไรได้มากนัก ในเวลาเช่นนี้!

ฉินยี่ อย่าโทษข้าเลย ใครบอกให้เจ้าทำลายแปลงสมุนไพรของตระกูลกัน หากจะโทษก็โทษตัวเองเถอะ!

“เจ้าไม่มีหลักฐาน แล้วเจ้ามาบอกว่าฉินยี่ทำลายแปลงสมุนไพรของตระกูลได้อย่างไร เจ้ามีหลักฐานอะไรล่ะ และข้าจะรู้ได้ยังไงว่ามันไม่ใช้หลักฐานที่เจ้าเตรียมเอาไว้” ฉินซานตะโกนขึ้นมาด้วยท่าทางที่โกรธมาก

ฉินยี่ก็มีอาการเช่นนี้ ทำให้ฉินซานรู้สึกทุกข์ใจเป็นอย่างมากในตอนนี้

แต่ว่าจางไห่กลับยังคงคิดที่จะลงโทษ ฉินยี่

“ไม่มีหลักฐานอะไรเลยอย่างนั้นเหรอ?” จางไห่หัวเราะและพูดออกมาด้วยน้ำเสียงที่ประชดประชัน “แค่เขาอยู่ที่นี่ ก็เป็นหลักฐานชั้นดีแล้ว!”

“ใช่แล้ว เขามาที่นี่ทำไม โดยปกติแล้วเด็กๆ ในหมู่บ้านจะไม่มาที่นี่เมื่อผู้ใหญ่ในครอบครัวออกคำสั่ง!” บางคนก็เชื่อในสิ่งที่จางไห่พูด

"ฉินยี่สมควรถูกลงโทษจริงๆ นั้นและ!"

ฉินซานรู้สึกโกรธเล็กน้อยเมื่อเขาได้ยินคำพูดของคนที่ยืนอยู่รอบข้าง แต่เขากลับทำอะไรไม่ได้เลย

ถึงแม้ว่าเขาจะเชื่อมั่นในตัวของฉินยี่มากแค่ไหน แต่เขาก็ไม่สามารถทำอะไรได้เลยในตอนนี้ และโดยปกติแล้วเขามักจะเป็นคนเงียบขรึม จึงทำให้เขาไม่สามารถพูดอะไรเพื่อหักล้างคำพูดของจางไห่ได้เลย

และฉินยี่ที่นอนอยู่ในอ้อมแขนของฉินซาน ก็มีอาการดีขึ้นมามากแล้ว เมื่อเขาได้ยินคำพูดของคนที่อยู่รอบข้าง เขาก็ปวดหัวขึ้นมาอีกครั้ง เมื่อรวบรวมความทรงจำในที่อยู่หัวของเขา เขาก็เกือบจะเข้าใจเรื่องราวทั้งหมดที่เกิดขึ้นแล้ว

ปรากฏว่าตอนนี้เขากำลังหลอมรวมความทรงจำของเจ้าของร่างเดิมตลอดระยะเวลาสิบสองปีที่ผ่านมา ทำให้เขารู้สึกตกตะลึง และรู้สึกปวดหัวขึ้นมาอย่างกะทันหัน ซึ่งทำให้เขาทนความเจ็บปวดไม่ไหวอีกต่อไป แต่ว่าตอนนี้เขารู้สึกดีขึ้นมาบ้างแล้ว

ใช่แล้ว ดูเหมือนว่าเขาจะกลายเป็นนักเดินทางข้ามโลก และยังเป็นการเดินทางข้ามาเพียงแค่จิตวิญญาณ ซึ่งได้มาอยู่ในร่างของคนที่มีชื่อฉินยี่เช่นเดียวกันกับเขา

ที่นี่เป็นโลกที่เต็มไปด้วยอันตราย และหมู่บ้านแห่งนี้เรียกว่าหมู่บ้านชงซาน หมู่บ้านนี้มีตระกูลที่ปกครองอยู่สองตระกูลนั้นก็คือตระกูลจางและตระกูลฉิน

ชายวัยกลางคนที่กำลังพยุงเขาอยู่ก็คือลูกพี่ลูกน้องของเขา ชื่อ ฉินซาน

ส่วนเสียงแหลมๆ ที่น่ารำคาญนั้นคือจางไห่ ลูกชายของผู้ใหญ่บ้าน ซึ่งเป็นหนึ่งในผู้ที่รับผิดชอบดูแลแปลงสมุนไพร

ส่วนคนที่ตรวจวัดชีพจรของเขาก็คือผู้อาวุโสที่น่าเคารพนับถือของหมู่บ้าน ชื่อจางซานเย่

ตามการคาดเดาของฉินยี่ น่าจะเป็นจางไห่ที่บังเอิญทำลายแปลงสมุนไพร แต่ว่าเจ้าของร่างเดิมตื่นขึ้นมาแต่เช้า และไปเก็บกรงปลาที่ริมแม่น้ำ เมื่อจางไห่มองเห็นฉินยี่ก็ว่างแผนทำให้ฉินยี่กลายเป็นแพะรับบาป

แต่ดูเหมือนว่าเขาจะรีบร้อนลงมือ จนทำให้เขาลงมือพลาดสังหารเจ้าของร่างคนเก่าจนทำให้จิตวิญญาณของเขาเข้ามายึดร่างนี้

เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ ฉินยี่ก็ถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งใจ ในขณะที่จ้องมองแปลงสมุนไพรที่อยู่ข้างหลังของเขา

ฉินยี่รู้สึกว่าตัวเองไร้ค่า และรู้สึกโกรธจางไห่มาก

ถ้าหากว่าเขาไม่มีนิ้วทองติดตัวมาด้วย เขาคงนี้ไม่พ้นการลงโทษอย่างแน่นอน!

อย่างไรก็ตาม เมื่อคิดถึงความทรงจำที่อยู่ในหัวของเขาตอนนี้ ปากของฉินยี่ก็บิดเบี้ยวขึ้นมาเล็กน้อย

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด