ตอนที่ 19 คำท้าจากเฟิ่งเชียนหวี่ รถไฟตะขาบพันคม!
ตอนที่ 19 คำท้าจากเฟิ่งเชียนหวี่ รถไฟตะขาบพันคม!
"คุณปู่ตอบตกลงแล้วเหรอ? เยี่ยมไปเลย!”
ไม่นานคำตอบของไป๋จิ้งฉงก็ส่งตรงมาถึงไป๋จื่ออัน
ไป๋จื่ออันรู้สึกดีใจมาก
ส่วนเรื่องที่ปู่ให้พกเซ็นเซอร์ติดตัวไปด้วย เขาไม่ได้คิดปฏิเสธ
เพราะปู่ทำไปก็เพื่อความปลอดภัยของเขา
หลังจากที่เตรียมทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว ไป๋จื่ออันก็เตรียมออกเดินทาง
แต่ในขณะที่เขาเพิ่งก้าวขาออกจากบ้าน…
หญิงสาวร่างสูง ผมยาวสีแดงเพลิง ออร่ารอบๆ ตัวโดดเด่นราวกับเปลวเพลิง เธอเดินเข้ามาขวางทางซะก่อน
“ในที่สุดก็เจอนายจนได้นะ ไป๋จื่ออัน ฉันนึกว่านายจะไม่กล้ามาเจอหน้าฉันซะอีก?”
“ตอบมาสิ! ทำไมวันนั้นนายถึงหนีกลับไป? การเดิมพันระหว่างเรายังไม่จบนะ!”
เฟิ่งเชียนหวี่พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา เธอกำลังเหลือบมองไป๋จื่ออันด้วยแววตาแห่งการตำหนิ
หญิงสาวที่มายืนอยู่ตรงหน้าก็คือ เฟิ่งเชียนหวี่ คุณหนูใหญ่แห่งตระกูลเฟิ่ง!
เธอคือคู่แข่งในการเดิมพันของเขา เธอคือผู้ที่ปลุกพรสวรรค์ระดับ S [เปลวอัคคี]
เฟิ่งเชียนหวี่ตามหาไป๋จื่ออันมาหลายวันแล้ว
แต่ตลอดช่วงหลายวันที่ผ่านมา ไป๋จื่ออันยุ่งอยู่กับการสร้างมิติสัตว์วิญญาณ ก่อนจะทำสัญญากับปลาเกล็ดขาว เขาไม่ได้สนใจโลกภายนอกเลย
แม้ว่าเฟิ่งเชียนหวี่จะแวะเวียนมาหลายครั้ง แต่เธอก็ไม่มีโอกาสได้เจอเขาสักที
จนกระทั่งวันนี้ วันที่ไป๋จื่ออันกำลังจะออกเดินทาง เขาจึงโดนเฟิ่งเชียนหวี่ดักรออยู่หน้าบ้าน
“ยัยนกย่าง พวกเราต่างก็”ปลุก“พรสวรรค์ระดับ S ได้ทั้งคู่นิ ก็ถือว่าเสมอกันไปแล้วกัน หรือเธออยากจะทำอะไรอีก?”
ไป๋จื่ออันมองเฟิ่งเชียนหวี่อย่างจนใจ
การเดิมพันครั้งนี้ พวกเขาเสมอกัน
เพราะไป๋จื่ออันไม่อยากเปิดเผยพรสวรรค์ เขาจึงเลือกที่จะไม่สนใจเฟิ่งเชียนหวี่
ไม่คิดเลยว่า เฟิ่งเชียนหวี่จะไม่ยอมแพ้…
"ใช่ พวกเราเสมอกันก็จริง แต่นายจะหนีไปแบบนั้นไม่ได้! หรือว่า… ฉันไม่มีค่าพอให้นายเห็นเป็นคู่แข่งงั้นสินะ?”
เฟิ่งเชียนหวี่โวยวาย
สิ่งที่ทำให้เธอโมโห ไม่ใช่เรื่องที่พวกเขาเสมอกัน แต่มันเป็นเพราะไป๋จื่ออันหนีไปต่างหาก!
มันทำให้เธอดูไร้ค่า ไป๋จื่ออันไม่แม้แต่จะมองเธอเป็นคู่แข่ง
เธอมักจะคิดอยู่เสมอว่าไป๋จื่ออันคือศัตรูตัวฉกาจของเธอ
แต่ไป๋จื่ออันกลับไม่เคยเห็นเธออยู่ในสายตาเลย
เรื่องนี้ทำให้เฟิ่งเชียนหวี่ที่เป็นคนหยิ่งทะนงรับไม่ได้!
“ยัยนกย่าง เธอคงว่างมากสินะ?”
เมื่อเข้าใจเหตุผล ไป๋จื่ออันก็รู้สึกปวดหัว
นี่มันเด็กสาวนิสัยเสียชัดๆ
ถ้าไม่ติดว่าพวกเขาทั้งสองตระกูลเป็นพันธมิตรกันล่ะก็ เขาคงจะจับยัยเด็กนี่ตีก้นไปแล้ว
“ไป๋จื่ออัน การเดิมพันครั้งนั้นจบไปแล้ว ฉันอยากจะขอเดิมพันกับนายใหม่อีกครั้ง!”
เฟิ่งเชียนหวี่พูดอย่างจริงจัง
“เดิมพันอีกครั้ง? แล้วจะเดิมพันกันแบบไหนล่ะ?”
ไป๋จื่ออันทำสีหน้าเฉยเมย แต่ก็ไม่ได้ห้ามอะไร
เขาอยากรู้ว่าเฟิ่งเชียนหวี่จะเล่นอะไร
“ง่ายมาก ในเมื่อพวกเราก็ปลุกพลังพรสวรรค์ กำลังจะก้าวเข้าสู่การเป็นผู้ใช้สัตว์วิญญาณเต็มตัว”
“งั้นเรามาตัดสินกันด้วยวิธีของผู้ใช้สัตว์วิญญาณ”
“พอเปิดเทอม ฉันเชื่อว่าพวกเราก็ต้องทำสัญญากับสัตว์วิญญาณ”
“เอาอย่างนี้ละกัน พอเปิดเทอม พวกเรามาต่อสู้กันด้วยสัตว์วิญญาณ!”
“ส่วนของเดิมพัน… ก็เหมือนเดิม คนชนะสามารถสั่งให้คนแพ้ทำอะไรก็ได้”
เฟิ่งเชียนหวี่บอกความต้องการของเธออย่างรวดเร็ว
เธอพูดทุกอย่างรวดเดียวจบ เหมือนกับว่าจะคิดเรื่องนี้มาอย่างดีแล้ว
“เธอแน่ใจนะ? สัตว์วิญญาณธาตุไฟของตระกูลเฟิ่งจะเอาชนะสัตว์วิญญาณธาตุน้ำของตระกูลไป๋ได้งั้นเหรอ?”
ไป๋จื่ออันรู้สึกแปลกใจ
เขาไม่คิดเลยว่าเฟิ่งเชียนหวี่จะกล้าพูดแบบนี้
ตระกูลเฟิ่งคือตระกูลที่เชี่ยวชาญด้านธาตุไฟ
ถ้าหากตระกูลไป๋เป็นถึงตระกูลผู้ใช้ผู้ใช้สัตว์วิญญาณธาตุน้ำ… ตระกูลเฟิ่งก็คือ… ตระกูลผู้ใช้สัตว์วิญญาณธาตุไฟเช่นเดียวกัน!
ยิ่งไปกว่านั้น พรสวรรค์ [เปลวอัคคี] ที่เฟิ่งเชียนหวี่ปลุกขึ้นมาก็ยังเกี่ยวข้องกับธาตุไฟอีก!
แบบนี้ไป๋จื่ออันยิ่งได้เปรียบ!
เขารู้สึกสงสัยจริงๆ เฟิ่งเชียนหวี่เอาความมั่นใจมาจากไหนถึงได้กล้ามาท้าทายเขาแบบนี้
“แล้วไงล่ะ? หรือว่านาย… กลัว?”
เฟิ่งเชียนหวี่ยิ้มเยาะ เธอดูไม่สนใจเรื่องนี้สักเท่าไหร่
ยิ่งไปกว่านั้น เธอยังพยายามยั่วยุไป๋จื่ออันอีกต่างหาก
“น่าสนใจมาก ยัยนกย่าง ฉัน… ตกลง!”
ไป๋จื่ออันยิ้มมุมปาก เขาตอบรับการเดิมพัน
จริงๆ แล้ว ถึงแม้ว่าเฟิ่งเชียนหวี่จะเป็นคนหยิ่งยโส แต่เธอก็ไม่ได้โง่
ในเมื่อเธอกล้าท้าทาย นั่นแสดงว่าเธอย่อมต้องมั่นใจในตัวเองเป็นธรรมดา
แต่ไป๋จื่ออันกลัวซะที่ไหน?
ปลาเกล็ดขาวของเขาเป็นสัตว์วิญญาณที่มีศักยภาพสูงมาก
ไป๋จื่ออันมั่นใจว่าต่อให้เฟิ่งเชียนหวี่จะเก่งแค่ไหน ก็คงสู้ปลาเกล็ดขาวของเขาไม่ได้อยู่ดี
ดังนั้นเขามีอะไรต้องกลัว?
ไป๋จื่ออันจึงตกลงทันที
การเดิมพันครั้งที่สองของไป๋จื่ออันและเฟิ่งเชียนหวี่ จึงเริ่มต้นขึ้น!
“เยี่ยม! ตกลงตามนี้นะ”
“เตรียมตัวแพ้ได้เลย!”
เฟิ่งเชียนหวี่ดีใจจนเนื้อเต้น
ดูเหมือนว่าตอนนี้เธอคงกำลังจินตนาการถึงวันที่เอาชนะไป๋จื่ออันได้สำเร็จ
หลังจากนั้น เฟิ่งเชียนหวี่ก็พาเหล่าองครักษ์เดินจากไปด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม
ไป๋จื่ออันได้แต่ยิ้มจางๆ
ยัยนกย่าง ถึงเธอจะเป็นคนหยิ่งยโส แต่เธอก็ซื่อตรงกับความรู้สึกของตัวเอง
คนแบบนี้ ถึงจะสร้างความวุ่นวายให้ก็เถอะ แต่ก็ไม่ยากที่จะรับมือเหมือนกับคนประเภทอื่น
จากนั้น ไป๋จื่ออันก็ไม่คิดมาก เขากำลังจะออกเดินทาง
ถึงแม้ว่าจะโดนยัยนกย่างขัดจังหวะ แต่เขาก็ไม่ได้ลืมเป้าหมายในการออกเดินทางครั้งนี้
ไป๋จื่ออันเริ่มต้นเดินทางอีกครั้ง เขาตรงดิ่งไปยังเมืองเทียน
ถึงแม้ว่าเมืองเทียนจะเป็นเมืองที่อยู่ภายใต้เมืองไป๋หลิน แต่ระยะทางก็ไม่ได้ใกล้กันเท่าไหร่นัก
ถ้าอยากจะเดินทางจากเมืองไป๋หลินไปยังเมืองเทียน เขาต้องอาศัย “รถไฟตะขาบพันคม” พาหนะพิเศษของมนุษย์
เพราะในโลกแห่งสัตว์วิญญาณ โลกภายนอกนั้นเต็มไปด้วยอันตราย!
โดยปกติ นอกจากกลุ่มผู้ใช้สัตว์วิญญาณที่ออกไปล่าสัตว์แล้ว แทบจะไม่มีใครออกไปนอกเมือง
เพราะดินแดนภายนอกเป็นของสัตว์วิญญาณ
สัตว์วิญญาณมากมายต่างพากันอาละวาด เป็นไปไม่ได้เลยที่มนุษย์จะสร้างอะไรขึ้นมาในป่าได้
ดังนั้น ถ้าหากมนุษย์ต้องการเดินทางข้ามเมือง พวกเขาต้องอาศัย “รถไฟตะขาบพันคม” พาหนะชนิดพิเศษเท่านั้น