ก้าวข้ามความว่างเปล่า (8)
[แปลโดยแฟนเพจ ยักษาแปร มาติดตามในแฟนเพจเพื่อติดตามข่าวสารได้นะ]
[Thai-novel ลงไวกว่าที่อื่นทุกที่ 5 ตอน แต่จะราคาแพงที่สุด]
[หลังแปลจบจะมีการแก้ไขคำอ่านใหม่ตั้งแต่ต้นอีกครั้ง ถ้าอ่านแบบเถื่อนหรือแชร์กันเป็นคณะ100คน ก็อ่านไปครับ เพราะผมจะแก้แบบแปลใหม่อีกรอบแค่ในThai-novel กับเว็บอื่น ๆ และแหล่งที่ผมแปลครับ ส่วนคนที่อ่านที่อื่นก็จะได้อ่านแบบไม่มีการแก้คำผิด และยิบย่อยมากมาย ไปนั่นแหละ]
<เรื่องราวของอารอน ตอนที่ 48>
6. ก้าวข้ามความว่างเปล่า (8)
*****
เขาคิดว่าตัวเองเคยเห็นคนมามากมาย แต่คนแบบนี้หายาก
โดยปกติแล้ว คนที่พยายามจะเป็นคนที่แข็งแกร่งขึ้นมักจะมีพรสวรรค์อยู่ในระดับปานกลาง แต่อารอนนั้นอยู่ในระดับที่ร้ายแรงกว่านั้น
'เจ้านั้นกำลังทำอะไรอยู่?'
เขากำลังจดบันทึกและท่องจำตำราทฤษฎีศิลปะการต่อสู้ที่ไร้ประโยชน์ราวกับคนโง่
เป็นพวกที่ขยันแต่ผลการเรียนไม่ดีขึ้น
'น่าเหลือเชื่อจริงๆ'
เวลาว่างจากการอ่านหนังงสือ เขาก็จะซ้อใจนเหงื่อออกพลั่กๆ และแทงหอกใส่หุ่นฟางอย่างเอาเป็นเอาตาย
ไม่มีเทคนิคใดๆ แต่เขาไม่เคยเกียจคร้าน แค่แทงและเหวี่ยงหอกอย่างตรงไปตรงมา
"รบกวนช่วยสอนผมได้ไหมครับ?"
ต่อให้ขยันมากขนาดนั้นแต่ก็ยังไม่เกิดผลลัพธ์ใดๆ เขาจึงขอความช่วยเหลือจากเพื่อนร่วมรุ่นที่อยู่ใกล้ๆ
'…….'
เขาไม่ยอมแพ้
ไม่เกียจคร้าน
แค่ทำสิ่งที่ได้รับมอบหมายอย่างตั้งใจและเต็มที่
พูดให้ดีก็คือขยันมาก พูดให้แย่ก็คือไม่มีเทคนิค
เขาไม่มีความสามารถในการประยุกต์ใช้เลย รู้หนึ่งไม่รู้สอง ไม่รู้หนึ่งก็ไม่รู้สอง
'คนแบบนี้...'
เด็กชายหัวเราะออกมา
มูเด็นได้ยินมาว่าอารอนเป็นอดีตพ่อค้า แต่คงจะโชคดีมาก
ถ้าเป็นสภาพนี้ คงจะถูกหลอกจนหมดตัวและต้องออกไปเป็นขอทาน
'เชื่อคนง่าย'
โง่
'แต่ยังคงบ้าทำมันไปเรื่อยๆ'
เขาเคยเห็นคนโง่แบบนี้ที่ไหนมาก่อนหรือเปล่านะ?
'พยายามอย่างเต็มที่ในทุกๆ เรื่อง'
รู้แล้ว รู้แล้ว
คนประเภทนี้อยู่
ความพยายามและความขยันของพวกเขามักไม่ได้รับการยอมรับ
มักจะถูกนักต้มตุ๋นใช้ประโยชน์แล้วก็ทิ้งเหมือนขยะ
พวกเขาเชื่อว่าตัวเองถูกต้องและทำตามมโนธรรมสำนึก แต่ความดีและความพยายามของพวกเขาก็มักจะไม่เป็นที่ยอมรับจากใคร จนกระทั่งตายหรือถูกลืม
บางครั้งเพื่อปกป้องชีวิตของตัวเอง ก็จำเป็นต้องเหยียบย่ำและทำลายผู้อื่น แต่คนๆ นี้ไม่มีความกล้าหาญหรือความตั้งใจที่จะทำเช่นนั้น
ได้แต่โทษตัวเองว่ายังไม่ดีพอและยังขาดพลังอยู่เสมอ
'ดูก็รู้ว่าง่ายที่จะถูกหลอก'
บุคลิกแบบนี้คงถูกใจนายท่านสินะ
เขาเป็นเหมือนสัตว์เลี้ยงในโลกยุคปัจจุบัน
'หรือว่าโลกนี้... มันผิดปกติไปแล้ว?'
เรื่องราวที่แม่เคยพูดผุดขึ้นมาในความคิดเขา
<ถ้าลูกใช้ชีวิตอย่างซื่อสัตย์และเชื่อในความถูกต้องตลอดชีวิต เทพธิดาจะประทานรางวัลให้ลูกแน่นอน>
ตอนที่เขายังเป็นเด็ก
แม่เคยอุ้มเขาไว้บนตักและพูดแบบนี้กับเขา
คนดีจะได้ขึ้นสวรรค์ คนชั่วจะตกนรก
เทพธิดาทรงเฝ้ามองทุกคนและจะทรงรับรู้ถึงคนที่ใช้ชีวิตอย่างชอบธรรม
'ทั้งหมด มันเป็นเรื่องโกหก'
ถ้าเอาแต่ซื่อสัตย์ ก็จะถูกเอาเปรียบ
ถูกขูดรีดและถูกทอดทิ้งโดยไม่เหลืออะไรเลย
ไม่มีใครรับประกันได้ว่าหากเขาใช้ชีวิตอย่างซื่อสัตย์มาตลอดชีวิตจะมีอะไรตอบแทน
โลกนี้มันเป็นแบบนี้แหละ
ไม่จำเป็นต้องสงสารหรือโกรธ
เพราะความจริงมันเป็นแบบนี้
ผู้ชายคนนี้ก็คงจะเป็นแบบนั้น
และในตอนท้ายของชีวิต เขาจะรู้ว่าเขาใช้ชีวิตผิดพลาดมาตลอด
ถึงอย่างนั้น
“ฮู้ว!”
อารอนยังคงแทงและเหวี่ยงหอกอย่างขยันขันแข็ง
ถึงแม้เหงื่อจะไหลเหมือนฝนและขาจะสั่น แต่เขาก็ไม่หยุด
อารอนมองไปข้างหน้าราวกับจะไม่มีวันยอมแพ้
"......."
เด็กชายมองเห็นตอนจบแล้ว
เพราะฮีโร่หลายคนก็เป็นแบบนี้
ตอนจบที่กลายเป็นวิญญาณพเนจรและถูกหอกของเด็กชายแทงทะลุหัวใจ
เมื่อถึงตอนนั้น ชายหนุ่มที่ชื่อารอนจะเสียใจไหม?
เขาจะคร่ำครวญถึงชีวิตและความโง่เขลาของเขาหรือเปล่า?
อยากรู้…
"......?"
เด็กชายอยากรู้
เด็กชายทบทวนคำพูดนั้น
ทบทวนสิ่งที่เขาคิดหลายครั้ง
เขาอยากรู้งั้นเหรอ?
อยากรู้ว่าหมอนั่นจะอยู่หรือจะตายงั้นเหรอ?
"น่าเหลือเชื่อจริงๆ"
นี่ไม่ใช่อารมณ์
ความคิดเมื่อครู่นี้เป็นเพียงความอยากรู้อยากเห็นหรือข้อสงสัยเล็กๆ น้อยๆ
แต่ถึงอย่างนั้น มันก็ชัดเจนว่า...
"เฮ้อ"
เด็กชายถอนหายใจ
จากนั้นก็เดินลงเนินเขาไปอย่างช้าๆ
ที่นั่นมีอารอนที่กำลังเหวี่ยงหอกอย่างต่อเนื่อง
'ต้องบอกให้เจ้านั้นรู้ใจตัวเองก่อน'
ถ้าไม่มีพรสวรรค์ การฝึกหอกทั้งวันก็ไม่มีประโยชน์
แต่อารอนก็ยังทำแบบนั้น
โง่จริงๆ
'ไม่ เขาต้องรู้ใจตัวเองก่อน'
ทำไมถึงอยากแข็งแกร่งขึ้น?
ทำไมถึงต้องแข็งแกร่งขึ้น?
ต้องเข้าใจสิ่งนี้ให้ชัดเจนก่อน ถึงจะเริ่มต้นได้
แต่ทำไมถึงพยายามอย่างไร้ค้าแบบนั้นล่ะ
'ทำไมถึงทำแบบนั้น?'
เหมือนคนโง่
ดูเพื่อนร่วมรุ่นของเจ้าสิ
เขาก็ทำได้ดี
เด็กชายก้าวเดินต่อไปตามแรงกระตุ้น
เขาไม่ได้ตั้งใจจะอยู่กับอารอนไปจนจบ
เขาตั้งใจจะไล่อารอนไปเมื่อถึงเวลาที่เหมาะสม
'หืม'
ปล่อยเขาไปก็ได้
เขาทำตามสัญญาที่ให้ไว้กับนายท่านอย่างครบถ้วนแล้ว
แต่เหตุผลที่เขาเข้าไปยุ่ง...
'เพราะรำคาญ?'
สำหรับเด็กชายที่เคยฝึกฝนลูกศิษย์มามากมาย เขาเห็นตอนจบของอารอนอย่างชัดเจน
เขาจะต้องเผชิญกับกำแพงแห่งความจริงและหายไป
'แต่การที่จะเข้าไปยุ่งตอนนี้...'
เป็นเพราะต้องการขัดขวางตอนจบนั้นหรือไม่
เด็กชายไม่สามารถรับรู้อารมณ์ของตัวเองได้
เขาต้องตีความถึงแรงกระตุ้นที่เกิดขึ้นเพื่อหาข้อสรุป
"อ่า….ฉันไม่เข้าใจเลยจริงๆ"
เด็กชายเกาหัวแรงๆ
"เออ ไม่รู้ด้วยแล้ว"
เจ้านั้นทำแต่เรื่องที่ทำให้หงุดหงิดใจ
ถึงยังไงก็ต้องทิ้ง ถ้างั้นเข้าไปยุ่งหน่อยก็คงไม่เป็นไร
เด็กชายเข้าไปแทรกแซงอารอนที่กำลังทำเรื่องไร้สาระซ้ำๆ
"......"
ถ้าไปถึงที่สุด จุดจบก็ถูกกำหนดไว้แล้ว
ถ้าอย่างนั้นก็ต้องหยุดมันในระดับที่เหมาะสม
เวลาผ่านไปอีกครั้ง
เพื่อนที่มาด้วยกันพัฒนาไปข้างหน้าไปในแต่ละวัน แต่อารอนไม่ก้าวหน้าเลยแม้แต่น้อย
ถึงจะฝึกหอกทั้งวัน แต่ทักษะการใช้อาวุธก็ไม่ดีขึ้น
เขาไม่รู้แม้กระทั่งปมในใจของตัวเอง
'แย่จริงๆ'
60 ปีผ่านไป
ในขณะที่เพื่อนร่วมรุ่นที่เคยมีนิสัยรุนแรงกลับกลายเป็นคนอ่อนโยน และเข้าใจแก่นแท้ของวิทยายุทธจนก้าวไปสู่ขั้นต่อไป แต่อารอนกลับไม่ประสบความสำเร็จอะไรเลย
'เขาน่าจะรู้ตัวได้แล้ว'
ว่าต่อให้ฝึกฝนไปมากกว่านี้ก็ไม่พัฒนาขึ้น
แต่ถึงอย่างนั้น อารอนก็ยังคงฝึกฝนอย่างไม่หยุดยั้ง
เขาไม่เคยปล่อยหอกออกจากมือแม้แต่วันเดียว
เขาปฏิเสธข้อเสนอที่จะออกไปข้างนอกด้วยกันกับเพื่อนร่วมรุ่มของเขา และถึงแม้เขาจะรู้สึกเสียใจและท้อแท้ทุกครั้ง แต่ก็ไม่เคยยอมแพ้
ความพยายามของอารอนนั้นเกินกว่าความมุ่งมั่นและกลายเป็นความบ้าคลั่ง
เด็กชายเคยเห็นสภาพแบบนี้มาหลายครั้งแล้ว
'มันเป็นอาการป่วยทางจิต'
อยากจะหยุดแต่ก็หยุดไม่ได้
คนแบบนั้นสุดท้ายก็จะพบกับความตาย
ถึงจะบังคับไล่เขาไปก็คงไม่ต่างกัน
เขาจะต้องเร่ร่อนอยู่ข้างนอกและเผชิญกับความตายจากภายใน
'......'
มีเพียงสิ่งเดียวที่เด็กชายสามารถทำให้คนแบบนั้นได้
นั่นคือการยุติชีวิตของพวกเขาเพื่อไม่ให้ต้องทนทุกข์ทรมานอีกต่อไป
<ขอโทษด้วยครับ>
เมื่อหลับตาลงก็จะได้ยินเสียงนั้นซ่ำไปซ้ำมา
คำพูดสุดท้ายที่พวกเขาเปล่งออกมา ก่อนที่จะตาย
'นี่เขารู้สึกสงสารเข้าพวกนั้นเหรอ?'
เด็กชายคิดในใจ
'รู้สึกแย่ที่ไม่สามารถหยุดยั้งจุดจบของพวกเขาได้'
พวกเขาตายไปโดยติดอยู่ในห้วงแห่งความทุกข์ทรมานโดยที่ไม่สามารถบรรลุความฝันหรือยอมแพ้ได้
'ไม่มีใครเลยสักคน'
ไม่มีแม้แต่คนเดียวที่หลุดพ้นจากการลงทัณฑ์นั้นได้
มันเป็นโรคที่นำไปสู่ความตาย
คำกระซิบของปีศาจที่ล่อลวงด้วยคำพูดหวานๆ ว่า 'ถ้าพยายามก็ทำได้' และปิดท้ายด้วย 'ความพยายามไม่สามารถเอาชนะพรสวรรค์ได้'
มีกี่คนที่เสียชีวิตหลังจากถูกปีศาจเข้าสิง?
มีคนถูกปีศาจตนนี้หลอกล่อและตายไปกี่คนแล้ว
"นายก็เป็นแบบนั้นเหมือนกันเหรอ?"
อารอนที่กำลังเหงื่อออกเต็มตัวอยู่ไกลๆ ไม่ตอบ
เขากำลังแทงหอกใส่หุ่นไม้ด้วยความลืมตัว
มองเห็นแล้ว
สามารถมองเห็นได้อย่างชัดเจน
ความฝันและความหวังของชายหนุ่มคนนั้นจะพังทลายลงอย่างไร
"น่าสงสาร... งั้นเหรอ?"
เด็กชายพึมพำเบาๆ
น้ำเสียงที่ไร้ความรู้สึกและไม่มีอารมณ์ใดๆ เล็ดลอดออกมา
"ฉัน... สงสารจุดจบของพวกเขาหรือ?"
ภาพของคนตายจำนวนนับไม่ถ้วนที่เคยตายไปทับซ้อนกับชายหนุ่มคนนั้น
พวกเขาพยายามอย่างหนัก แต่ก็ไม่มีใครได้รับผลตอบแทน
จะเป็นอย่างไรถ้าโลกนี้ให้รางวัลกับพวกเขาแต่เพียงสักคนเดียว
เด็กหนุ่มยิ้ม
นั่นไม่ใช่รอยยิ้มที่เสแสร้ง แต่เป็นรอยยิ้มที่ออกมาจากใจจริงเป็นครั้งแรก
เด็กหนุ่มไม่รู้ตัวถึงการเปลี่ยนแปลงของตัวเอง
"อย่างนี้นี่เอง"
เด็กหนุ่มเยาะเย้ยตัวเอง
"ฉันยังมีสิ่งที่ต้องทำอยู่อีกนี่นา"